ฝันหวาน (Sweet Dream) 93

กระทู้สนทนา

.

           “น้องนภาคะ ไปวัดเขาตะแบกกับพี่อีกไหม” เมธีถาม ขณะกำลังยืนแต่งตัวปัดทรงผมให้เข้าทรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ถามภรรยาสาวเพราะรอบที่แล้วเล่นงานเธอจนอ่วม ปวดขาไปหลายวัน จึงถามด้วยความเกรงใจ ซึ่งลึก ๆ อยากให้ไปด้วยกันมาก เพราะรอบนี้ไม่ได้ไปเที่ยว ทว่าเมธีจะกลับไปแก้บนในสิ่งที่ขอไว้

            เขาไม่ได้บนเป็นจริงเป็นจัง แค่ขอไว้เฉย ๆ หากได้สมดังปรารถนา ก็จะนำดอกไม้กลับมาไหว้อีกครั้งเท่านั้น และ มันดันได้สมปรารถนาจริง ๆ ไม่มีปัญหาอะไรเลย สบายใจมาก ๆ วันนี้วันหยุดมาถึงอีกรอบ มีเวลาว่างแล้วจึงคิดจะกลับไปไหว้แก้บน

            พรนภาหันขวับมามองอย่างเร็ว สามียังจะอยากไปอีกหรือ ยังสยองกับความเหนื่อยเมื่อคราวเดินขึ้นบันไดไปบนยอดภูเขาไม่หายเลย ยังจะชวนไปอีกรอบ สงสัยสามีจะชอบ! พอนึกได้เช่นนั้นจึงไม่คิดอะไร ไปอีกรอบก็ไป รอบที่แล้วยังไปไม่ถึงสกายวอร์กเลย สงสัยเมธีอยากไปสกายวอร์กแน่ ๆ แอบนึกในใจ

            “ไปก็ไปค่ะ แต่ว่ารอบนี้พี่เมธีพานภาไปทางถนนนะ ไม่ขึ้นบันได” เธอพูด ทางขึ้นเขามีสองทางให้เลือก จะไปทางถนนที่ทางวัดทำให้สร้างขึ้นใหม่เพื่อทุ่นความเหนื่อยของนักท่องเที่ยว หรือทางแบบเดิมคือทางบันไดก็ได้ พร้อมลุกจากที่นอนไปแต่งตัวทำผมใหม่อีกรอบ

            เนื่องจากคิดว่าหยุดนี้จะไม่ไปไหน จึงไม่ได้แต่งหน้าทำผมอะไร ปีนี้เธอตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่เที่ยวสะเปะสะปะ สามเดือนถึงจะทำคอนเทนต์ไปเที่ยวที และ ได้วางแผนเอาไว้แล้วว่า คอนเทนต์แรกของปีจะไปที่ไหน วันนี้สามีดันมาชวนเที่ยวซะอย่างนั้น แถมเป็นการเอ่ยปากชวนเองด้วย ปกติทุก ๆ ครั้งที่ไปเที่ยวกัน เมธีเอ่ยปากชวนเองที่ไหน

            “พี่ไม่ได้จะไปเที่ยวค่ะ พี่จะไปแก้บน” เขาพูด พรนภาอ้าปากค้าง พร้อมอุทาน ‘หา’ อย่างลืมตัว ไม่รู้มาก่อนเลย ไม่รู้เรื่องเลยว่าสามีแอบบนอะไรไว้ “เอ๋าจะตกใจทำไมคะ พี่ไม่ได้บนอะไรหนักหนาสาหัสหรอก พี่แค่ขอไว้เฉย ๆ” เขาพูด พร้อมนึกตลกกับท่าทางของภรรยาสาวก็มิปาน

            “แล้วตัวเองขอไรล่ะ แล้วได้มั้ย” พรนภาถามแบบตื่นเต้นเช่นกัน

            “ได้สมใจค่ะ! ไม่ได้ขออะไรหรอก แค่ขอให้การกลับบ้านปีใหม่ที่ผ่านมาไม่มีปัญหาแค่นั้นเอง แค่ขอให้กลับบ้านแบบสบายใจ มีความสุข ไม่มีงานด่วน หรือ งานไรมาขัดจังหวะแค่นั้น พี่กลัวไม่ได้พาน้องกลับปีใหม่ค่ะ พี่ก็เลยขอเฉย ๆ จบทริปปีใหม่แบบสบายจาย! ฮา” เขาพูดปนยิ้ม เมื่อนึกถึงคราวกลับบ้านช่วงปีใหม่ เขารอว่าจะมีสายด่วนสายอะไรไหม ไม่มี! จนถึงกลับมาทำงาน

            พรนภายิ้มหัวเราะด้วยความเอ็นดูสามีรุ่นพ่อนัก กลัวไม่ได้พากลับบ้านขนาดนั้น “โถ่พี่เมธี! เค้ารู้งานพี่เมธีหรอกน่า ไม่ได้กลับนภาก็กลับคนเดียวก็ได้” หัวเราะให้กับสิ่งที่สามีทำ เอ็นดูนัก แต่ก็แอบขอบคุณ ที่ทำเพื่อตนเองขนาดนี้ ที่นึกถึงความรู้สึกของตนเอง จนต้องแอบบน เพราะกลัวไม่ได้พากลับบ้าน

            “เหรอ! พอพี่ติดงานด่วนจริง ๆ เดี๋ยวก็มีดราม่า พี่เมธีอ่ะ! ฮ่วย! ไม่เคยพาเค้ากลับเทศกาลเลย ไม่เคย! ฮ่วย! ฮา!” ล้อเลียนพรนภาไปอีก พร้อมหัวเราะชอบใจ “มาค่ะ มาแต่งตัวเลยสายแล้ว”

            “ชิ!” เถียงไม่ออกได้แต่ค้อนขวับสามีคืน ส่วนเจ้าตัวก็หัวเราะใหญ่

            “เดินขึ้นบันไดนะคะ พระองค์แรกที่พี่ขอไว้ค่ะ พระพุทธรูปกลางเขาน่ะแหมะ พี่ขอไว้ เราไหว้เสร็จเราก็กลับเลย หรือน้องจะไปต่อก็ตามใจค่ะ” เขาบอกเอาไว้ก่อน ไปถึงจะได้ไม่งอแง

            “จริงอ่ะ! อีกแล้วเหรอ! เค ๆ ค่ะ แค่นั้นพรนภาไหว!” เธอพูดแบบอิดออด จะให้ทำอย่างไรล่ะ ก็มันจำเป็นต้องใช้ทางบันได จะอย่างไรก็ต้องไหวล่ะ

            พวกเธอแต่งตัวเสร็จแล้วจึงออกเดินทางไปยังวัดเขาตะแบกกันเลย ไปรอบนี้รอบที่สองแล้ว เมธีจำเส้นทางได้จึงไม่ต้องเปิดจีพีเอสเพื่อนำทาง ซึ่งมันก็อยู่ไม่ไกลจากที่พวกเธอพักกันเลย ไม่นานก็ขับรถมาถึง

            ที่ลานจอดรถของวัดอัดแน่นเต็มไปด้วยรถของนักท่องเที่ยวที่มาในวันนี้ “คนก็ยังเยอะเหมือนเดิม” เมธีบ่นเบา ๆ ขณะนำรถเข้าเที่ยบจอดที่ช่องจอดรถ

            “เอ๋า… เขาก็มาเหมือนเรานั่นแหละ เอ้อพี่เมธี ขากลับแวะปั้มให้นภาหน่อยนะ นภาอยากกินกาแฟค่ะ”

            “ครับ! ป่ะน้องเราไปกันเถอะ ไม่ต้องซื้อผ้าผูกหรอกน้อ พี่บอกแค่ว่าจะเอาดอกไม้มาไหว้ เราบูชาแค่ดอกไม้ธูปเทียนคนละชุดพอ” เมธีกล่าวสิ่งที่ต้องทำคร่าว ๆ ส่วนพรนภาพยักหน้าหงึก ๆ เป็นการเข้าใจ ก่อนจะพากันลงจากรถและเดินไปขึ้นเขาตะแบก

            เหมือนเดิม ก่อนจะขึ้นเขาต้องทำตามระเบียบอย่างเคร่งครัด คือ สวมผ้าปิดจมูก เข้าประตูฆ่าเชื้อ กดเจลล้างมือ จากนั้นก็เดินไปบูชาดอกไม้ธูปเทียนคนละชุด พรนภาใส่ไปหนึ่งร้อยบาท ทั้งที่แค่ยี่สิบบาทเอง ไม่เป็นไร ถือว่าทำบุญไปในตัว

            พรนภานำดอกไม้อีกชุดยื่นให้แก่สามี จากนั้นทั้งสองคนจึงเดินมุ่งหน้าไปยังเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า แค่นึกถึงทางเดินขึ้นเขา นึกถึงขั้นบันไดขามันก็อ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้ว จะทำอย่างไรได้ มาถึงที่แล้ว มันก็มีแค่คำว่าสู้เท่านั้นแหละ

            “ขึ้นไปไม่ไกลค่ะ พระพุทธรูปองค์แรกอยู่ใกล้ ๆ เอง งั้นพี่ขึ้นไปคนเดียวก็ได้ น้องรอพี่อยู่ตรงนี้” เมธีนึกห่วงภรรยา ก็เพราะเห็นสภาพครั้งนั้นนั่นเอง มองพรนภาด้วยความเห็นใจ จะเอาอย่างไรดี ตนเองขึ้นไปไหว้คนเดียวก็ได้ เพราะตนเองเป็นคนขอคนเดียว พรนภาไม่เกี่ยวเลย

            “ไม่เอาอ่ะ! ไปด้วยกัน ค่อย ๆ เดินก็ได้ นภาไหว” เธอพูด ได้มาแล้วจะมาอ่อนแอเอาตอนนี้ไม่ได้หรอก

            “งั้นก็ไปกันค่ะ” เขาพูดปนยิ้ม โดยให้พรนภาเดินนำหน้าไปก่อน เขาเดินตามหลังไป มีคู่หนุ่มสาวหลายคนที่เดินขึ้นบันไดตามมา ที่ใช้ทางนี้ในการขึ้นไปไหว้พระบนยอดเขา และ มีหลายคนที่ใช้ทางถนน วันนี้คึกคักกว่ารอบที่แล้ว เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมาเที่ยวด้วย ฟัง ๆ ภาษาพูดแล้ว ไม่เวียดนามก็จีน

            นักท่องเที่ยวพวกนี้ไม่เหนื่อยเอาเสียเลย เดินคุยกันผ่านหน้าพวกเธอไป วิ่งบ้าง เดินบ้าง ส่วนเธอพักไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ไม่ค่อยจะไหวแล้ว ขาก้าวไม่ค่อยจะออก

            “พี่เมธี! พัก ๆ หยุดก่อน เฮ้อ! เหนื่อย!” เดินมาได้นิดหน่อยพรนภาก็ขอพัก ซึ่งเมธีก็ตามใจ ไม่บ่นไม่ชักสีหน้าให้เสียอารมณ์ ด้วยเข้าใจพรนภาที่สุด พรนภาหายใจหอบ เหนื่อยมาก ๆ หายใจแทบจะไม่ทันแล้ว แทบหายใจทางปากกันเลยทีเดียว

            “ออกกำลังกายทุกวันแบบไหนคะหนิ” เมธีพูดปนยิ้ม ทั้งสงสารทั้งเอ็นดูทั้งขำภรรยา “อดทนอีกนิดนึงค่ะ ใกล้ถึงแล้ว น่ะเลยโค้งนี้ไปก็ถึงแล้วค่ะ นั่นเห็นเศียรพระมั้ย” เมธีชี้มือให้ดู ส่วนพรนภานั่งหายใจหอบพร้อมดมยาดมไปด้วย “เค้าบอกให้รออยู่ข้างล่างก็ไม่เชื่อ” พูดพร้อมเอื้อมมือมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากให้พรนภาด้วย ไม่อายผู้คนเดินผ่านเลยสักนิด

            “ไม่เอาอ่ะ! ไม่รอ! มาด้วย! ป่ะไปต่อกันเถอะ นภาหายเมื่อยแล้ว” เธอกล่าว พร้อมลุกขึ้นเดินนำหน้าสามีขึ้นบันไดไป ไม่นานผ่านโค้งที่เมธีบอกก็มาถึงพระพุทธรูปองค์ที่เมธีบนเอาไว้แล้ว เป็นพระพุทธรูปกลางเขา ส่วนองค์ที่อยู่บนยอดเขาเป็นหลวงพ่อโสธรทางวัดบอกอย่างนั้น

            มาถึงหน้าพระพุทธรูปพวกเธอสองคนช่วยกันใช้ไม้กวาดที่ทางวัดนำมาไว้ ปัดกวาดเศษใบไม้ที่ร่วงลงมาออกให้สะอาด จากนั้นก็นั่งพักกันให้หายเหนื่อย ให้จิตใจสงบเสียก่อน ค่อยนำดอกไม้ธูปเทียนเข้าไปไหว้ มีคนอื่น ๆ เข้ามาไหว้กับพวกเธอด้วย

            ภารกิจวันนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เมธีกับเธอมาไหว้แก้บนได้สำเร็จ ขากลับไม่เหนื่อยเท่าไหร่ ทว่าแค่ต้องเดินให้ระวัง ๆ เท่านั้น เพราะขาลงทางชันมาก หากเดินไม่ระวังจะหกล้มหน้าหัวคะมำเอาได้

            “ค่อย ๆ เดินค่ะน้องนภา เดี๋ยวหน้าทิ่ม จับราวไว้” เมธีเตือนด้วยความห่วงใย เพราะทางลาดชันมาก ตนเองเดินตามหลังภรรยาไปเรื่อย ๆ

            “นภาโอเคค่ะ!” เธอหันมาตอบสามี จากนั้นก็ค่อย ๆ ก้าวลงบันไดไปอย่างมีสติและระมัดระวังที่สุด เผลอสะดุดล้มแว่บเดียวมีหวังกลิ้งลงไปถึงชั้นล่างแน่ ๆ

            และแล้วพวกเธอทั้งสองคนก็เดินลงมาถึงระดับพื้นดินได้อย่างปลอดภัย และ สบายใจ เสร็จภารกิจที่จำเป็นต้องทำแล้ว ส่วนจะไปที่ไหนต่อค่อยว่ากัน คิดว่าพรนภาคงไม่ชวนไปไหน เพราะขึ้นเขามาเหงื่อเปียกโชกขนาดนี้

            “ไปไหนมั้ยคะ” เขาถามหยั่งเชิง

            “ไม่ค่ะ! กลับเลย แต่อย่าลืมแวะปั้มให้นภาก่อน เพราะอยากกินลาเต้ปั่น ตอนนี้นภาหิวน้ำเปล่ามากเลยพี่เมธี ซื้อน้ำก่อน” เธอพูดด้วยความระโหยโรยแรง แทบจะไม่มีแรงก้าวขาเดิน พวกเธอแวะซื้อน้ำระหว่างทางเดินไปยังลานจอดรถ พรนภากรอกน้ำเข้าปากแทบไม่ยั้ง เมธีต้องคอยปรามเอาไว้ เกรงว่าจะสำลักเอา

            ก่อนกลับคอนโดเมธีก็ไม่ลืมที่จะแวะเข้าปั้มน้ำมันให้เธอก่อน “เอสเย็นค่ะ พี่รอในรถนะ” เขาสั่ง พรนภาหยักคิ้วให้ ก่อนจะเปิดประตูรถเดินไปยังร้านกาแฟ ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกาแฟสองแก้ว ของตนเองลาเต้ปั่น ของสามีเอสเพรสโซ่เย็นที่ชอบดื่มเป็นประจำ

            “พี่เมธีอยากกินลาบอ่ะ อยากกินต้ม หาร้านลาบยโสแนน้า นภาอยาก นภาหิวข้าว”

            “ตามนั้นค่ะ พี่ก็หิวเหมือนกัน!” เขาตอบตกลงในทันที ก่อนจะขับรถออกจากปั้มน้ำมันไป

            ………………………………………

            คืนนี้พรนภาไม่ขอออกกำลังกายเพราะเพลียมาก แค่เดินขึ้นเขาตะแบกก็เผาผลาญไปหลายแคลอรี่แล้ว กลับมาจากวัดเขาตะแบกก็เอาแต่นอนบนเตียงนอนอย่างเดียวจนมืดค่ำ ก่อนจะพาร่างกายอันอ่อนล้าไปอาบน้ำด้วยความจำใจ

            “เมื่อยอ่ะพี่เมธี! พอแล้วนะกับวัดเขาตะแบกอ่ะ พอแล้วนภาเหนื่อย” เธอกล่าวกับสามี มองหน้าสามีผ่านกระจก นุ่งผ้าเช็ดตัวนั่งทาครีมก่อนนอนที่โต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนเมธีนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์อยู่บนโซฟา

            “ไปอีกก็ได้ แต่พี่จะพาน้องขึ้นเขาทางถนน เพราะว่าเรายังไปไม่ถึงสกายวอร์กเลยนะคะ แน่ใจเหรอว่าจะไม่ไปอีกอ่ะ” เมธีถาม เงยหน้ามองภรรยาตรงกระจกเช่นกัน

            “แน่ใจ! เมื่อย! ไม่ไปแล้ว” เธอตอบ จากนั้นก็ต่างตนต่างอยู่ พรนภาทาครีมก่อนนอนเสร็จ สวมเสื้อผ้าเสร็จ เดินมานอนแอ้งแม้งลงบนเตียงนอนเช่นเดิม นอนพลิกตัวไปพลิกตัวมา อาการปวดเมื่อย ปวดขามันกำเริ่มแล้ว

            “นอนเลยค่ะ! พักผ่อนเลย ไม่ต้องเล่นโทรศัพท์ พรุ่งนี้น้องทำงานมั้ยคะ” เขาถาม “เดี๋ยวเค้าเล่นตานี้ก่อน เค้าตามไปนอนกอดนะ”

            “ทำ! วันหยุดหมดแล้ว” เธอตอบเสียงเอื่อย “พี่เมธี มาเหยียบขาให้นภาแน” เธอพูด มันปวดขามาก ปวดขาแบบบอกอาการไม่ถูก “มาบีบขาให้นภาแน นภาปวดขา” พูดออเซาะ หน้ามุ่ยจะร้องไห้ ไม่ได้แกล้งทำ แต่มันปวดจริง ๆ

            “แป็บ ๆ ค่ะ” เมธีตอบ “เดี๋ยวผมไปทำธุระแป๊บนึงนะครับ ตายก็ปล่อยตายเลย เดี๋ยวมาเล่นใหม่” เมธีพูดกับคนในเกม ก่อนจะขึ้นมานั่งบนเตียงนอนบีบขาให้เธอ ทว่าทำเอาเธอหัวเราะลั่นห้องกันเลยด้วยความจั๊กจี้ “อะไรตัวเอง! เค้าแตะเบา ๆ เอง” เมธีก็ขำไปด้วย

            “พี่เมธีตัวเองอย่าบีบแรงดิ นภาจั๊กจี้! บีบเบา ๆ ตรงนี้!” เธอพูดพร้อมชี้มือไปยังตำแหน่งที่ปวดของขา แต่ว่าเมธีใช้มือบีบรอบไหนพรนภาก็สะดุ้งพร้อมขำรอบนั้น ทำเอาเมธีไม่มีสมาธิบีบไปด้วย เพราะหัวเราะตาม “พี่เมธีพอก่อน! พอ! เฮ้อ… นภาเมื่อยขำแล้ว อย่าแกล้งนภาดิ ฮ่วย! คนปวดจริง ๆ กะแกล้งอยู่ได้ พี่เมธีใช้เท้าเหยียบขาให้นภาหน่อย เหยียบเบา ๆ นะเดี๋ยวขาหัก”

            เมธีทำให้เธออย่างว่าง่าย ลุกขึ้นยืนบนที่นอน ใช้เท้าเหยียบขาตรงตำแหน่งที่ปวดให้เธอ ค่อย ๆ ลงน้ำหนักของเท้า ยิ่งทำให้ปวดหนักกว่าเดิม แต่อาการปวดก็ค่อย ๆ ทุเลาลงตามลำดับ แค่ปวดในช่วงแรกเหยียบเท่านั้น

            “หายปวดยังคะ อือ… เดี๋ยวพี่เอาสเปรย์ยามาพ่นให้น้องด้วยดีกว่าค่ะ” เขากล่าวขณะเหยียบขาให้เธอ

            “ยังไม่หายปวดเลย! พี่เมธีเหยียบไปเรื่อย ๆ ได้มั้ย จนกว่านภาจะบอกให้เลิก”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่