ฝันหวาน (Sweet Dream) 76

กระทู้สนทนา

.

             พวกเธอทั้งสองคนกลับมาจากวัดเขาตะแบกอย่างเหนื่อยล้า พรนภายังสับสนกับตนเองว่า นี่ไปทำบุญหรือไปทำอะไรกันแน่ มันจะได้บุญจริง ๆ หรือสำหรับวันนี้ เนื่องจากเผลองอนสามีไปหลายรอบมาก ๆ ระหว่างที่เดินขึ้นเขา ดีที่ว่าเจ้าตัวยังรู้สึกผิด คอยพูดปลอบใจ คอยขอโทษระหว่างเดินขึ้นบันได ไม่เหวี่ยง ไม่ตะคอกให้โกรธไปมากกว่านั้น

              กลับมาถึงคอนโดต่างคนต่างหมดสภาพ ไม่สิ! เธอคนเดียวต่างหากที่หมดสภาพ มาถึงเมธียังเปิดคอมเล่นเกมได้อย่างสบายอารมณ์ มันน่านัก! เธอมองผู้เป็นสามีด้วยหางตาอยู่บนเตียงนอน

              “เหนื่อยมากเลยเหรอคะ!” เขาหันมาถาม ดูจากสภาพของภรรยาแล้วไม่น่าจะต้องถาม ก็เห็น ๆ กันอยู่ เอ็นดูชะมัด ขนาดนี้ก็ยังน่ารักในสายตาของเขาเป็นที่สุด ทั้งสงสารทั้งรู้สึกผิดไปในตัว

              “บางคนไม่ต้องมาพูดเลยนะ” เธอตอบเอื่อย ๆ บนที่นอน ตอนนี้มันเพลียมากทว่าก็หลับไม่ลง เพราะไม่นอนตอนกลางวัน จากนั้นก็เงียบไป ไม่อยากเสวนาด้วยแล้ว จะว่าไม่งอนมันก็รู้สึกอย่างไรไม่รู้ในตอนนี้ “ถนนดี ๆ ทางขึ้นดี ๆ ก็ไม่ยอมพาเดินขึ้นไป พาขึ้นบันไดเฉย” ในที่สุดก็พูดออกมาจนได้

              “เอ๋า… ไปทำบุญนะคะ ไม่เอาไม่บ่นดิ ผ่านมาแล้วผ่านไป วันหลังพี่พาน้องไปอีกรอบก็ได้ค่ะ ไม่ขึ้นทางบันไดแล้ว เคมั้ย! วันไหนหาวันว่างมาเลยเด้อ เค้าขอแก้ตัวนะ ๆ ตัวเอง” เขาหันมาพูดออดอ้อนกับภรรยาพร้อมหัวเราะในลำคอ ก็ยังไม่หายงอนเขาอีกนะสาวน้อยของเขา รู้นั่นแหละว่าโกรธตั้งแต่อยู่ที่วัดแล้ว แต่เพราะอยู่ในวัดจึงสงบสติอารมณ์ ไม่เหวี่ยงไม่วีนเขา

              “ขอโทษ! ขอโทษค่ะ น้องนภาพี่เมธีคนนี้ขอโทษค่า” ไม่พูดเฉยลุกกระโดดขึ้นมายังเตียงนอนด้วย นอนทับร่างของพรนภาเบา ๆ ใช้มือค้ำที่นอนเอาไว้นิดหน่อย ไม่ทับลงไปเต็มที่เกรงว่าร่างอันบอบบางของภรรยาจะหนักเอาได้ “ขอโทษนะคะ โอมสาธุจงเซาเคียดเดี๋ยวนี้ เพี้ยง!” จากนั้นก็เป่าศีรษะของพรนภาไปหนึ่งรอบอย่างตลก

              ได้ผล! สามารถทำให้เธอยิ้มออกมาได้ พร้อมเสียงหัวเราะด้วย พรนภาน่ะเหรอจะงอนคนอย่างเขาได้ข้ามวันข้ามคืน รู้ทางด้วยว่าจะง้ออย่างไร ไม่อยากให้งอนข้ามวันหรือนานมากไปกว่านี้ ไม่อยากให้เธอโกรธ ไม่อยากให้ไม่มีความสุขถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง

              เธอหัวเราะให้กับมุกเดิม ๆ ของสามีรุ่นพ่อคนนี้ ชอบเล่นอะไรแบบนี้ทุกทีเวลาอยากจะง้อ ขณะนี้เมธีคร่อมร่างของเธออยู่ เมื่อครู่ก็ได้เป่ากระหม่อมของเธอไปหนึ่งที จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงมาจูบที่ริมฝีปากของเธอด้วย นี่แหละมุกง้อของเขาล่ะ และ มันก็ทำให้เธอใจอ่อนทุกที ชอบทำอะไรตลก ๆ ให้หัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตนเองประจำ

              พูดถึงเธอก็ไม่เคยโกรธเขาจริงจังสักครั้ง ไม่เคยทะเลาะกันเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่เคยเลย! พอโดนง้อแบบนี้ ง้อแค่นี้เธอก็หายโกรธเป็นปลิดทิ้ง แค่เขาเข้ามาง้อเมื่อรู้ว่าเธอไม่สบอารมณ์เท่านี้ก็เพียงพอ เท่านี้ก็ยิ้มได้ ไม่ปล่อยให้เธองอนโดดเดี่ยวไม่พอใจอยู่ตามลำพัง เท่านี้ก็ให้อภัยขั้นสุดขีดแล้ว

              “หายงอนเค้ายังคะ! อ่อยังไม่หายใช่มั้ย งั้นเป่าอีกรอบ โอมจงเซาเคียดบัดเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เลย เพี้ยง!” เขาเป่าไปที่หน้าผากของเธออีกรอบ ทำด้วยท่าทางตลกขบขัน เป่าไปด้วยหัวเราะอึกอักไปด้วย คนแก่นี่บทจะเล่นอะไรเป็นเด็กก็เล่นแบบไม่คิดชีวิตเลย ทำเอาเธอหัวเราะตามไปด้วยอีก

              “พี่เมธีตัวเองทำอะไร” เธอพูดกลั้วหัวเราะ ตลกสามีเต็มทน นอนอยู่ภายใต้วงแขนของเขาที่คร่อมเอาไว้ นอนหงายมองใบหน้าขาวสะอาดนั้นไม่ละสายตา แถมยังปนไปด้วยรอยยิ้มที่หน้ามองที่สุด “คิดว่าเป่ากระหม่อมแค่นี้จะหายบ่อ”

              “เอ๋าจะให้ทำยังไงล่ะ” คราวนี้เขาผละร่างของตนเองออก เปลี่ยนเป็นนอนลงข้าง ๆ ภรรยาสาวทันที เลิกสนใจเกมหันมาสนใจภรรยารุ่นลูกที่กำลังงอนอยู่ดีกว่า เอื้อมมือไปรวบรัดกอดร่างเล็กนั้นเอาไว้ “โตน้อยแท้! กอดบ่อถนัดเลยเนี่ย” พูดจบก็ออกแรงรัดตัวของพรนภาเอาไว้ นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาเธอ

              “อย่ากวนนภาดิ นภาเมื่อยอยู่นะ ยังไม่หายเมื่อยเลย” เธอตอบ ยังนอนหงายอยู่ในท่าเดิม นอนภายใต้อ้อมกอดของเขา ถึงจะอึดอัดแต่ก็ชอบ ไม่เคยปฏิเสธอ้อมกอดของเขาเลยสักครั้ง มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

              “เมื่อยก็หลับเลยสิคะ เล่นโทรศัพท์ทำไม มานอนเว๊นนำกันมาเฮา” พูดพลางจัดแจงท่านอนใหม่ ตนเองก็เพลียอยู่เหมือนกัน นอนพักสักหน่อยตื่นมาคงหายเพลีย มือก็ยังกอดภรรยาสาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “หายงอนเค้ายัง”

              “อือหายแล้ว! ตัวเองอ่ะคิดมากนะพี่เมธี”

              “เอ๋า… กะย่านเมียเคียดน้อ” พูดพลางหลับตาไปด้วย วันหยุดได้นอนกอดคนที่รักแบบนี้มีความสุขที่สุดแล้ว ไม่ต้องไปแสวงหาความสุขที่สวยหรู หรือ ที่ไกล ๆ เลย แค่อยู่ในห้องในคอนโดแห่งนี้ และ มีพรนภาอยู่ด้วยก็สุขใจ ชีวิตนี้ของเขาไม่ต้องการอะไรมากมายอีก

              สุดท้ายเมื่อเมธีขึ้นมานอนด้วย แถมยังกอดเธอไม่ยอมปล่อยอีก จำต้องเลิกเล่นโทรศัพท์ไป กำลังจะแต่งรูปลงโซเชียลสักหน่อย มีคนมากวนแบบนี้ก็เลิกทำเอาไว้ทำทีหลังก็ได้ วางโทรศัพท์เอาไว้ข้าง ๆ หลับตานอนไปพร้อมกับสามี แม้เธอจะไม่ชอบนอนกลางวันเลยก็ตาม แม้จะนอนไม่หลับเลยก็ช่าง ก็พยายามข่มตาหลับไปด้วยกัน ภายใต้อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเมธี

              ทว่าพอนอนได้สักพัก ยังไม่ทันได้หลับด้วยซ้ำ โทรศัพท์ของเมธีก็มีสายเข้า เจ้าตัวนั้นหลับไปแล้ว ไหนบอกว่าไม่เหนื่อยไม่เพลียอย่างไรล่ะ ใครกันแน่ที่เพลียมากกว่ากัน กระตุกยิ้มให้กับสามีคราวพ่อที่นอนหลับอยู่ข้าง ๆ เธอปรายตามองเวลาที่เมธีหลับใหลก็น่ารักดีเหมือนกัน เสือที่ถอดเล็บแล้วมันก็เหมือนลูกแมวดี ๆ นี่เอง

              โทรศัพท์ของเมธีก็สั่นอยู่อย่างนั้น เธอหยิบขึ้นมาดูว่าใครโทรเข้า เป็นชื่อของใครบางคน เธอเองก็รู้จักดี จะปลุกสามีดีไหมนะ แน่นอนเธอไม่คิดจะรับสายแทนอยู่แล้วล่ะ ลังเลว่าจะปลุกดีไหม โทรศัพท์ก็สั่นไม่ยอมหยุดเลย และแล้วก็ตัดสินใจปลุกสามี เผื่อคนนั้นเขามีธุระอะไรสำคัญ

              “พี่เมธี! ตัวเองพี่เดียร์โทรมา” พรนภาเขย่าตัวของเมธี ปลุกให้ตื่นมารับโทรศัพท์ สายแรกจบไปพี่เดียร์ก็โทรเข้ามาอีก ยิ่งทำให้เธอต้องรีบปลุกสามีให้ตื่นโดยเร็ว น่าจะมีธุระจริง ๆ นั่นแหละ “พี่เมธีตื่นพี่เดียร์โทรหา” พร้อมออกแรงเขย่าตัวอีกครั้ง เรียกเสียงดังขึ้นอีก สุดท้ายเมธีก็ตื่นจนได้ แต่สายโทรศัพท์ได้หลุดไปแล้วและไม่โทรกลับมาอีกด้วย

              “อะไรคะ! แล้วน้องตื่นขึ้นมาทำไมเนี่ย” เขาถามเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว

              “นภานอนไม่หลับค่ะ เหนื่อยก็จริงนะแต่นภาไม่นอนกลางวันอ่ะ นภานอนไม่หลับ แล้วที่ปลุกพี่เมธีเพราะพี่เดียร์โทรหา” เธอกล่าวกับเขา

              “โทรมาทำไมคะ แล้วน้องได้รับมั้ย” เขาถาม ไม่ถือสาอยู่แล้ว หากภรรยาจะถือวิสาสะรับสายโทรศัพท์ของเขา

              “ไม่รู้! ไม่ได้รับสายให้” เธอตอบ ใครจะไปกล้ารับ ถึงแม้เจ้าตัวจะอนุญาต แต่ คนปลายสายคงไม่ชอบใจ พูดพร้อมยื่นโทรศัพท์มือถือให้สามีไป

              “แล้วทำไมไม่รับเล๊า! ฮึ” พูดปนยิ้มให้กับภรรยา สำหรับเขาไม่มีคำว่าส่วนตัว พร้อมให้พรนภารับรู้ได้ทุกเรื่อง ไม่มีความลับอะไรด้วยกันอยู่แล้ว จากนั้นก็รับโทรศัพท์จากพรนภากดโทรกลับหาสายเมื่อสักครู่ เป็นเพื่อนร่วมงานของเขาเอง โทรมาทำไมกัน

             เขาลุกจากเตียงนอน กดโทรศัพท์โทรกลับไปหาพี่เดียร์เพื่อนร่วมงานของเขา ยืนคุยอยู่ใกล้ ๆ โซฟาภายในห้องนี่แหละ เธอเองก็อยากรู้โทรมาทำไม โทรมาเรื่องอะไร จะชวนกันออกไปที่ไหนอีก

             “น้องพี่เดียร์ชวนออกไปข้างนอกอ่ะ ไปมั้ย” เขาหันมาถามเธอ นั่นไงว่าแล้วเชียว ก็ยังดีที่คิดจะถามกันก่อน

              “ไปไหนคะ” เธอถามกลับ จากนั้นเมธีก็ถามคนในสายอีกทีหนึ่ง ซึ่งยังไม่ทันได้วางสายกันเลย

              “ไปสะพานใหม่ค่ะ เมืองชลบุรี” เขาหันมาตอบ

              “อือ… ไปก็ไป ว่าแต่ไปกี่โมงล่ะ นี่ก็จะสี่โมงเย็นแล้วนะกว่าจะถึงอีก ตอนเย็นรถติดมากเด้อจะบอกให้” เธอพูด จากนั้นก็เดินไปแต่งหน้าทำผมใหม่ เติมแป้งเติมลิปสติกนิดหน่อย “เราออกไปเองเหรอพี่เมธี”

             “ไม่ค่ะ! เดี๋ยวพี่เดียร์กับพี่น้ำขิงมารับ ไปรถพี่เดียร์” เขาตอบ แล้วก็เดินมาแต่งตัวจัดทรงผมเสื้อผ้าอะไรใหม่เช่นกัน ไม่นานพี่เดียร์กับแฟนก็มาถึงคอนโด มารับพวกเธอไปนั่งเล่นรับลมที่สะพานใหม่กัน

              ระหว่างขับรถเธอเองก็จะผล็อยหลับให้ได้เลย มันเพลียแต่หลับไม่ลง “น้องนภาจะไปไหนดี” พี่เดียร์คนขับเอ่ยถามเธอ ขณะที่เธอกำลังเหม่อ ๆ อยู่

              “จะหลับแล้วเดียร์ วัดเขาตะแบกเฮ็ดเส้น ฮา” เมธีแซวภรรยาเสียเลยเมื่อได้โอกาส

              “ไม่ต้องมาพูดเลยพี่เมธี” ค่อนขอดให้กับสามีไปเบา ๆ ตาก็ปรือจะหลับให้ได้เลย แอร์รถก็ยิ่งเย็น ๆ อยู่แล้วด้วย

              “เมื่อเช้าไปไหนกันเหรอคะ ไปวัดเขาตะแบกกันมาเหรอหนิวันนี้” พี่น้ำขิงแฟนพี่เดียร์ถาม หันมาคุยกับพวกเธอที่เบาะหลัง

              “ครับ! น้องนภาอยากไป พี่ก็เลยพาไปเฉย ๆ พอไปแล้วก็หมดสภาพอย่างที่เห็น” เมธีพูดอย่างคนอารมณ์ดี รู้สึกผิดก็รู้สึกอยู่หรอก แต่ก็นึกตลกอยู่ในที ตนเองสาบานได้ว่าไม่ได้จะแกล้งพรนภาอะไรเลย ก็แค่อยากใช้ทางบันไดขึ้นเขาเท่านั้นนี่นา ก็ไม่คิดว่าผลลัพธ์มันจะแย่ขนาดนี้ ไม่คิดว่าพรนภาจะเหนื่อยขนาดนี้

              “ไม่ต้องมาพูดเลยพี่เมธี! ฮ่วย! ตัวเองแกล้งเค้า ๆ รู้หรอก” ค่อนขอดให้อีก

              “เปล่าเลย! ไม่ได้แกล้งเลย” พวกเธอสองคนเถียงกันอีกรอบที่เบาะหลัง ทำเอาเจ้าของรถอย่างพี่เดียร์และพี่น้ำขิงหัวเราะอึกอักกันอยู่ด้านหน้ารถสองคน

            “ตกลงน้องนภาจะไปไหน” พี่เดียร์ถามอีกครั้งเพราะยังไม่ได้คำตอบเลย

             “นภาอยากไปสะพานใหม่ค่ะ บางแสนเคยไปแล้ว สะพานใหม่ที่ว่ายังไม่เคยไปเลย” เธอตอบ “แต่ถ้าอยากไปบางแสนก็ได้นะ นภาไปไหนก็ได้แหละ”

              “งั้นพาน้องไปสะพานใหม่ดีกว่าเดียร์” พี่น้ำขิงออกความคิดเห็น จากนั้นพวกเธอก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังสถานที่ ๆ ว่ากันเลย

             พวกเธอขับรถกันมาสักพักก็ถึงสะพานใหม่ที่ว่า เป็นถนนสะพานเรียบทะเลเข้ากรุงเทพ “น้องจำได้มั้ยพี่เคยพาน้องนภามาแล้วนะตรงนี้อ่ะ” เมธีถาม เธอเองก็รู้สึกคุ้นตาอยู่เหมือนกัน “มาบ่อยด้วย แต่ว่าเรามาตอนกลางวันไงมันแดดไง”

              “คุ้น ๆ อยู่นะคะ” เธอคุ้นจริง ๆ พยายามเรียบเรียงความจำ เหมือนเคยมาจริง ๆ เหมือนเคยขับรถผ่าน “ช่างเถอะนภาอยากเซลฟี่แล้ว ขอเซลฟี่ก่อนนะพี่น้ำขิงพี่เดียร์ หาที่จอดเร็ว ๆ เลยตะวันจะลับขอบฟ้าแล้ว เดี๋ยวมืดก่อน”

              “อ่ะ ๆ รีบหาที่จอดเลย ดาราจะถ่ายรูปแล้ว” พี่น้ำขิงแซวเธอ สักพักพี่เดียร์ก็หาที่เหมาะ ๆ จอดรถได้ จอดริม ๆ สะพาน ตอนนี้ก็มีคนอื่น ๆ มากมายขับรถมาจอดเซลฟี่ถ่ายรูปรับลมบนสะพานกัน บ้างก็พาหมามาวิ่งเล่น บางคนก็มาวิ่งออกกำลังกาย เป็นสวนสาธารณะจำเป็น

             ที่มาสะพานใหม่วันนี้ก็ไม่ได้มาอะไร แค่มารับลมทะเลเฉย ๆ ซื้อเบียร์ดื่มเปิดเพลงในรถสนุกสนานกันไปสำหรับวันหยุดนี้ ส่วนเธอก็รีบเซลฟี่รัว ๆ เลยก่อนตะวันจะลับขอบฟ้า ก่อนแสงของวันนี้จะหมดไป ก็ได้ไปหลายรูปเชียว แล้วค่อยมาคัดเลือกรูปที่ดูดีที่สุดอีกที

              พอถ่ายรูปจนหนำใจกับพี่น้ำขิงแล้ว พวกเธอก็นั่งดื่มเบียร์กัน ขากลับพี่น้ำขิงเป็นคนขับรถ ดังนั้นพี่เดียร์จึงชนแก้วกับพี่เมธีได้เต็มที่ มันก็มีความสุขไปอีกแบบ ยกเว้นเธอที่ไม่ขอดื่ม ไม่รู้สิ! วันนี้มันนึกไม่อยากดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นมาดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น ทั้งที่ก็เหนื่อยก็เพลียนะ ทว่าขอเป็นน้ำอัดลมดีว่า

              พวกเธอนั่งกันถึงสองทุ่มก็ชวนกันกลับ ขอบคุณพี่เดียร์กับพี่น้ำขิงมาก ๆ ที่พาออกมาเปิดหูเปิดตาอีกสถานที่หนึ่ง ไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าสะพานเรียบหาดเข้ากรุงเทพตรงนี้เขาเปิดให้มานั่งได้ มานั่งดื่มแอลกอฮอล์รับลมทะเลเย็น ๆ แบบนี้ได้

              ………………………….
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่