การซื้อยาหยอดตาใช้เอง เป็นเรื่องที่จักษุแพทย์ไม่แนะนำ เนื่องจากอาการทางตา เป็นอาการที่ซับซ้อน การจะวินิจฉัยได้แม่นยำที่สุด คือการตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องมือกับจักษุแพทย์ การซื้อยามาใช้เองจึงมีโอกาสสูงที่จะใช้ยาไม่ตรงกับโรคตาจริงๆ
บางคนอาจจะคิดว่า คันตา แสบตา ตาแดง ซื้อยาหยอดตาลดการอักเสบ มาหยอดเอง
ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรเพราะขึ้นชื่อว่ายา ยังไงก็ต้องรักษาโรค
แต่กลุ่มหยอดตาที่ควรระมัดระวังในการใช้เป็นพิเศษ คือ กลุ่มยาหยอดตาแบบ สเตียรอยด์

ยาหยอดตาสเตียรอยด์มีฤทธิ์ลดการอักเสบ ใช้รักษาโรคตาได้หลายชนิด เช่น เยื่อบุตาอักเสบ ภูมิแพ้ขึ้นตา ม่านตาอักเสบ ใช้ลดอาการอักเสบหลังผ่าตัด ซึ่งจะทำให้อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การใช้ยาสเตียรอยด์ ควรจะระมัดระวังในการใช้เป็นอย่างมาก ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์ เพราะจะส่งผลต่อความดันลูกตาให้สูงขึ้น อาจทำให้เกิดโรคต้อหิน โดยไม่รู้ตัวได้ ทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร
แต่ก็มีกลุ่มยาหยอดตาบางประเภทที่เราสามารถซื้อใช้เองได้ เช่น กลุ่มน้ำตาเทียม
ไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำเหลวหรือเจล สามารถซื้อใช้เองได้ น้ำตาเทียมจะช่วยบรรเทาอาการตาแห้ง แต่อย่างไรก็ตาม หากมีอาการตาแห้งเรื้อรัง ควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยจะดีที่สุด
ความรู้เกี่ยวกับยาเพิ่มเติม :
👉ฟังคำแนะนำใน การซื้อยาหยอดตามาใช้เอง จากเภสัชกร คลิก
https://bit.ly/3iKjkkv
วิธีเลือกใช้ยาหยอดตาที่ถูกต้อง
1.สิ่งสำคัญที่ทำให้ยาหยอดตา ต่างจากยาชนิดอื่นๆคือ เมื่อเปิดใช้แล้วจะหมดอายุภายใน 1 เดือน จึงควรเขียนวันที่เริ่มใช้ไว้ข้างขวดเสมอ
2.การจะให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น เราควรหลับตาเพียงเบาๆหลังหยอด ไม่ควรหลับตาแรงๆ เพราะจะทำให้ยาไหลทิ้งไปเปล่าๆ และอาจกดบริเวณหัวตาเบาๆ สัก 5 นาที
3.กรณีใช้ยาหยอดตาหรือป้ายตาร่วมกัน ตั้งแต่ 2ชนิดขึ้นไป ควรใช้ยาตามลำดับ ดังนี้
ลำดับที่ 1 - ยาหยอดตาที่มีลักษณะน้ำใส
ลำดับที่ 2 - ยาหยอดตาที่แขวนตะกอน (มีลักษณะคล้ายน้ำนม)
ลำดับที่ 3 - ยาป้ายตาที่มีเนื้อครีมใส
ลำดับที่ 4 - ยาป้ายตาที่มีเนื้อครีมเหนียว
โดยเว้นระยะเวลาในการหยอดหรือป้ายตาของยาแต่ละชนิดห่างกันประมาณ 5 - 10นาที
4.หากพบว่ายาป้ายตาแห้งหรือแข็ง ให้บีบส่วนนั้นทิ้งไปก่อน
5. ปิดฝาทันทีหลังใช้ยาเสร็จ เพื่อลดการปนเปื้อนเชื้อโรค
6. ถ้ามียาหยอดตา หรือ ยาป้ายตา ที่ต้องใช้ก่อนนอน ควรหยอด/ป้ายก่อนนอนเท่านั้น
7. ควรระวังผลแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้หลังใช้ยา หากเกิดการแพ้ยาจะมีอาการคันที่เปลือกตาและเยื่อบุตาขาวบวมแดงต้องหยุดยาทันทีและมาพบแพทย์พร้อมนำยาที่แพ้มาด้วย
อันตรายของการซื้อ ยาหยอดตา (สเตียรอยด์) มาใช้เอง..
การซื้อยาหยอดตาใช้เอง เป็นเรื่องที่จักษุแพทย์ไม่แนะนำ เนื่องจากอาการทางตา เป็นอาการที่ซับซ้อน การจะวินิจฉัยได้แม่นยำที่สุด คือการตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องมือกับจักษุแพทย์ การซื้อยามาใช้เองจึงมีโอกาสสูงที่จะใช้ยาไม่ตรงกับโรคตาจริงๆ
บางคนอาจจะคิดว่า คันตา แสบตา ตาแดง ซื้อยาหยอดตาลดการอักเสบ มาหยอดเอง
ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรเพราะขึ้นชื่อว่ายา ยังไงก็ต้องรักษาโรค
แต่กลุ่มหยอดตาที่ควรระมัดระวังในการใช้เป็นพิเศษ คือ กลุ่มยาหยอดตาแบบ สเตียรอยด์
ยาหยอดตาสเตียรอยด์มีฤทธิ์ลดการอักเสบ ใช้รักษาโรคตาได้หลายชนิด เช่น เยื่อบุตาอักเสบ ภูมิแพ้ขึ้นตา ม่านตาอักเสบ ใช้ลดอาการอักเสบหลังผ่าตัด ซึ่งจะทำให้อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การใช้ยาสเตียรอยด์ ควรจะระมัดระวังในการใช้เป็นอย่างมาก ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์ เพราะจะส่งผลต่อความดันลูกตาให้สูงขึ้น อาจทำให้เกิดโรคต้อหิน โดยไม่รู้ตัวได้ ทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร
แต่ก็มีกลุ่มยาหยอดตาบางประเภทที่เราสามารถซื้อใช้เองได้ เช่น กลุ่มน้ำตาเทียม
ไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำเหลวหรือเจล สามารถซื้อใช้เองได้ น้ำตาเทียมจะช่วยบรรเทาอาการตาแห้ง แต่อย่างไรก็ตาม หากมีอาการตาแห้งเรื้อรัง ควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยจะดีที่สุด
ความรู้เกี่ยวกับยาเพิ่มเติม :
👉ฟังคำแนะนำใน การซื้อยาหยอดตามาใช้เอง จากเภสัชกร คลิก https://bit.ly/3iKjkkv
วิธีเลือกใช้ยาหยอดตาที่ถูกต้อง
1.สิ่งสำคัญที่ทำให้ยาหยอดตา ต่างจากยาชนิดอื่นๆคือ เมื่อเปิดใช้แล้วจะหมดอายุภายใน 1 เดือน จึงควรเขียนวันที่เริ่มใช้ไว้ข้างขวดเสมอ
2.การจะให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น เราควรหลับตาเพียงเบาๆหลังหยอด ไม่ควรหลับตาแรงๆ เพราะจะทำให้ยาไหลทิ้งไปเปล่าๆ และอาจกดบริเวณหัวตาเบาๆ สัก 5 นาที
3.กรณีใช้ยาหยอดตาหรือป้ายตาร่วมกัน ตั้งแต่ 2ชนิดขึ้นไป ควรใช้ยาตามลำดับ ดังนี้
ลำดับที่ 1 - ยาหยอดตาที่มีลักษณะน้ำใส
ลำดับที่ 2 - ยาหยอดตาที่แขวนตะกอน (มีลักษณะคล้ายน้ำนม)
ลำดับที่ 3 - ยาป้ายตาที่มีเนื้อครีมใส
ลำดับที่ 4 - ยาป้ายตาที่มีเนื้อครีมเหนียว
โดยเว้นระยะเวลาในการหยอดหรือป้ายตาของยาแต่ละชนิดห่างกันประมาณ 5 - 10นาที
4.หากพบว่ายาป้ายตาแห้งหรือแข็ง ให้บีบส่วนนั้นทิ้งไปก่อน
5. ปิดฝาทันทีหลังใช้ยาเสร็จ เพื่อลดการปนเปื้อนเชื้อโรค
6. ถ้ามียาหยอดตา หรือ ยาป้ายตา ที่ต้องใช้ก่อนนอน ควรหยอด/ป้ายก่อนนอนเท่านั้น
7. ควรระวังผลแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้หลังใช้ยา หากเกิดการแพ้ยาจะมีอาการคันที่เปลือกตาและเยื่อบุตาขาวบวมแดงต้องหยุดยาทันทีและมาพบแพทย์พร้อมนำยาที่แพ้มาด้วย