🇹🇭มาลาริน🔴วันนี้11ก.ค.ป่วย 9,539คน รักษาหาย 4,053คน เสียชีวิต 86คน/จว.ที่ติดเชื้อ และ9 ข้อ คนรอเตียง/ปลดล็อกตรวจโควิด



สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 9,539 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 9,436 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 103 ราย ยอดติดเชื้อรวมระลอกเมษายน 307,508 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 336,371 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 86 ราย เสียชีวิตสะสม 2,711 ราย หายป่วยเพิ่ม 4,053 ราย รวมหายป่วยสะสม 247,971 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 85,689 ราย 

รายละเอียดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 9,539 ราย มีดังนี้...👇👇👇👇👇
1.ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 7,113 ราย
2.ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 2,305 ราย
3.จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 103 ราย
4.เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine 18 ราย


รายละเอียดผู้เสียชีวิต 86 ราย มีดังนี้


https://www.sanook.com/news/8410426

จํานวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่ วันที่ 11 กรกฎาคม 2564 ตรวจสอบ 10 จังหวัดอันดับแรก




ผู้ประสงค์แยกกักตัวที่บ้าน Home Isolation ต้องมีคุณสมบัติ
- ไม่มีอาการ หรือ อาการไม่มาก
- อายุไม่เกิน 60 ปี แข็งแรงพอสมควร
- สามารถอยู่บ้านคนเดียวได้
- ไม่มีโรคเรื้อรัง หรือ 7 กลุ่มโรคเสี่ยง
มีข้อสงสัย สอบถาม โทร.1330



https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/948272

👉ปลดล็อก "Rapid Antigen Test" ซื้อตรวจ "โควิด-19" ได้เอง พร้อมให้ กทม.คลีนิกชุมชน ตรวจได้ฟรี เริ่ม 12 ก.ค.นี้



ในวันที่ 12 ก.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข จะพิจารณาปลดล็อก Rapid Antigen Test ชุดตรวจ โควิด-19 หลังจากที่ กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีมติเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว

Rapid Antigen Test เป็นชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด ด้วยวิธีการเก็บตัวอย่างจากทางจมูก และน้ำลายให้เป็นชุดตรวจเชื้อ ทำได้ง่าย รู้ผลเร็ว เพื่อลดการแออัด และปัจจุบัน ที่หลายโรงพยาบาลปฏิเสธ การตรวจโควิด-19

รายงานข่าว จาก สธ.ระบุว่า สธ.อนุมัติให้โรงพยาบาลทุกแห่งทั้งภาครัฐ และเอกชนรวมทั้งหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิ ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. คลีนิกชุมชนอบอุ่นตรวจโควิดด้วย Rapid Antigen Test ให้ประชาชนที่มีอาการ PUI: Patient Under Investigation หมายถึงผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ซึ่งก็คือคนที่มีอาการและประวัติเสี่ยงต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ช่วยลดปัญหาคอขวดที่ประชาชนจำนวนมากรอรับบริการตรวจRT-PCR ในขณะนี้ และจะเปิดขายRapid Antigen Test Kitให้ประชาชนซื้อไปใช้ตรวจเองที่บ้าน จาก24บริษัทที่ผ่านการรับรองจากอย.โดยมีคู่มือแนะนำการใช้มอบให้ด้วย และจะดำเนินการตั้งแต่วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม เป็นต้นไป

ทั้งนี้ หากนายอนุทิน อนุมัติแล้ว จะส่งผลให้ชุดตรวจ โควิด-19 แบบเร่งด่วน หรือ Rapid Antigen Test ตรวจเอง สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป คลีนิด โดยคาดว่าจะมีราคาอยู่ที่ชุดละ 300-400 บาท 

สำหรับรายชื่อชุดตรวจโควิด ที่ได้รับการอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าจาก อย. ปัจจุบัน จำนวน 24 บริษัท

ขณะที่เวลา 13.30 น.วันนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะแถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์เรื่อง ชุดตรวจเชื้อ test kit และ สายพันธุ์โควิด 19 โดย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาตร์การแพทย์



ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุขได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องดังกล่าวว่า...👇👇👇👇👇

แก้ปัญหาคิวแน่นจากการรอตรวจโควิดของปชช. สธ.อนุมัติให้รพ.พยาบาลทุกแห่งทั้งภาครัฐและเอกชนรวมทั้งหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิ ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. คลีนิกชุมชนอบอุ่น ตรวจโควิดด้วยRapid antigen test ให้ประชาชนที่มีPUI มีประวัติสัมผัสโรค หรือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ช่วยลดปัญหาคอขวดที่ประชาชนจำนวนมากรอรับบริการตรวจRT-PCR ในขณะนี้
 
และจะเปิดขายRapid antigen test kitให้ประชาชนซื้อไปใช้ตรวจเองที่บ้านจาก 24 บริษัทที่ผ่านการรับรองจากอย. โดยมีคู่มือแนะนำการใช้มอบให้ด้วย ถ้ามีผลบวกจากRapid testนี้ ต้องไปตรวจยืนยันด้วยRT-PCRวิธีเดิม ถ้ามีผลลบ อาจเป็นผลลบปลอม แนะนำให้รอดูอาการและตรวจซ้ำในวันต่อๆ ไป ทั้งนี้จะดำเนินการตั้งแต่วันจันทร์ที่12กค.เป็นต้นไป

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/948257

เพี้ยนสู้สู้ให้กำลังใจรัฐบาลลุงตู่ และบุคลากรทางการแพทย์ สู้ๆค่ะ

ขอทุกคนระมัดระวังตัวอย่าเพิ่มจำนวนคนติดเชื้อให้เพิ่มขึ้นนะคะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 10 กรกฎาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 12,375,904 โดส และทั่วโลกแล้ว 3,370 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 110.551 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 71.66%”

(10 กรกฎาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 3,370 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 32.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 333 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 159 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 110.551 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (65.3% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 51.162 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 12,375,904 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 48.9%

ในการฉีดวัคซีน จำนวน 3,370 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1) ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม  12,375,904 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 9,130,526 โดส (13.8% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 3,245,378 โดส (4.9% ของประชากร)

2) จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 10 ก.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 12,375,904 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 257,659 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 192,520 โดส
- เข็มที่ 2 534 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 5,176,095 โดส
- เข็มที่ 2 63,655 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 3,761,911 โดส
- เข็มที่ 2 3,181,189 โดส

3) รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 95.27% ไม่มีผลข้างเคียง
- 4.73% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 1.14%
- ปวดศีรษะ 0.84%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.61%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.55%
- ไข้ 0.37%
- คลื่นไส้ 0.25%
- ท้องเสีย 0.17%
- ผื่น 0.14%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.11%
- อาเจียน 0.07%
- อื่น ๆ 0.49%

4) การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 109.4% เข็มที่2 96.8%
- อสม เข็มที่1 36.1% เข็มที่2 18.7%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 14.8% เข็มที่2 1.0%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 17.8% เข็มที่1 3.8%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 38.0% เข็มที่2 24.1%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 15.7% เข็มที่2 5.6%
รวม เข็มที่1 18.3% เข็มที่2 6.5%

5) จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 29.63% เข็มที่2 9.02% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 40.04% เข็มที่2 11.64%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 23.50% เข็มที่2 12.90%
- นนทบุรี เข็มที่1 22.39% เข็มที่2 8.85%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 21.75% เข็มที่2 4.65%
- ปทุมธานี เข็มที่1 13.81% เข็มที่2 4.11%
- นครปฐม เข็มที่1 8.97% เข็มที่2 2.30%

จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 7.41% เข็มที่2 2.70%
- ภูเก็ต เข็มที่1 71.66% เข็มที่2 57.54%
- ระนอง เข็มที่1 29.92% เข็มที่2 8.02%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 15.40% เข็มที่2 6.87%
    - เกาะสมุย เข็มที่1 62.12% เข็มที่2 42.58%
    - เกาะเต่า เข็มที่1 72.70% เข็มที่2 13.26%
    - เกาะพะงัน เข็มที่1 45.67% เข็มที่2 6.59%

6) ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 12,375,904 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 51,162,406 โดส (13.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 12,489,777 โดส (8.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
3. ไทย จำนวน 12,375,904  โดส (13.8%* ของประชากร)  ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. มาเลเซีย จำนวน 10,750,748 โดส (22.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5. กัมพูชา จำนวน 8,421,951 โดส (28.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 6,083,907 โดส (65.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
7. เวียดนาม จำนวน 4,010,786 โดส (3.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
9. ลาว จำนวน 1,648,060 โดส (13.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 108,457 โดส (20.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ

7) จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 63.69%
2. อเมริกาเหนือ 13.33%
3. ยุโรป 15.08%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.03%
5. แอฟริกา 1.55%
6. โอเชียเนีย 0.32%

8) ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,354.23 ล้านโดส (48.4% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหภาพยุโรป จำนวน 400.75 ล้านโดส (45.1%)
3. อินเดีย จำนวน 372.26 ล้านโดส (13.6%)
4. สหรัฐอเมริกา จำนวน 332.97 ล้านโดส (52.0%)
5. บราซิล จำนวน 111.89 ล้านโดส (26.8%)

9) ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (73.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2. บาห์เรน (70.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
3. มัลดีฟส์ (69.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. ชิลี (61.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. อุรุกวัย (60.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. กาตาร์ (60.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
7. อิสราเอล (60.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. สหราชอาณาจักร (59.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
9. มองโกเลีย (55.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และSputnik V)
10. แคนาดา (55.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)

แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
https://web.facebook.com/nrctofficial/posts/3961193450672864


จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. - 10 ก.ค. 2564)
รวม 12,469,188 โดส ใน 77 จังหวัด

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 9,213,598 ราย
(จำนวนผู้ได้รับวัคซีนทั้งหมด)

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 3,255,590 ราย
(จำนวนผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์)

----------------------------

ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 รวม 8,368,667 โดส
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 6,443,351 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 1,925,316 ราย
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/362428105375520


สรุปภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 10 กรกฎาคม 2564
ยอดฉีดทั่วประเทศ 93,284 โดส

เข็มที่ 1 : 83,072 ราย
เข็มที่ 2 : 10,212 ราย

ติดตามอาการหลังการฉีดอย่างต่อเนื่องผ่าน หมอพร้อม
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/362426688708995


เคอร์ฟิว 10 จังหวัด ห้ามออกนอกเคหสถาน เวลา 21.00 - 04.00 น. เริ่ม 12 ก.ค. 64
ได้แก่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร สงขลา ยะลา นราธิวาส และปัตตานี
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/362537018697962


ไฟล์เอกสารรับรองความจำเป็นสำหรับการออกนอกเคหสถานในระหว่างเวลา 21.00 - 04.00 น. (ไฟล์นี้เป็นตัวอย่างสำหรับหน่วยงานไปประยุกต์ใช้) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดปริมณฑล (นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร) และจังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา)  

“สำหรับหน่วยงาน หรือบริษัท หรือสถานประกอบการต้นสังกัดออกให้บุคคลที่ได้รับการยกเว้นฯ ตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) ลงวันที่ 10 ก.ค. 64 ได้แก่ การสาธารณสุข การขนส่งสินค้าเพื่อประโยชน์ของประชาชน การขนส่งหรือขนย้ายประชาชน การให้บริการหรืออำนวยประโยชน์ หรือความสะดวกแก่ประชาชน และการประกอบอาชีพที่จำเป็น”

(ดาวน์โหลดได้ที่ลิงก์นี้ https://bit.ly/3xyiaNY)

นอกเหนือจากบุคคลที่ได้รับการยกเว้น ให้ขอเอกสารรับรองความจำเป็นฯ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ผู้อำนวยการเขต หัวหน้าสถานีตำรวจ
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/362564325361898


ศบค. เชิญชมแถลงสถานการณ์โควิด-19 ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เวลา 12.30 น. และแถลงจากกระทรวงสาธารณสุข ด้านการแพทย์ ทุกวัน เวลา 13.30 น. ทางเพจกระทรวงสาธารณสุข และเพจกรมควบคุมโรค
เริ่ม 12 ก.ค.64
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/362567698694894
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่