โอเมก้า 3เป็นสิ่งหนึ่งที่เรามักจะได้ยินเกือบจะตลอดเวลา แต่รู้หรือไม่ว่าโอเมก้า 3นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายของคนท้องและทารกในครรภ์อย่างไร วันนี้เรามาดูกันดีกว่าโอเมก้า 3ดีต่อคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์อย่างไร?
โอเมก้า 3คือ ?
Omega-3 คือ สารอาหารที่ได้รับจากอาหารที่เราทานในชีวิตประจำวัน หรือจากอาหารเสริม ซึ่งร่างกายของมนุษย์เรานั้นไม่สามารถสร้างโอเมก้า 3เองได้ โดยโอเมก้า 3มีส่วนช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรง และยังเป็นกุญแจสำคัญในโครงสร้างของผนังเซลล์ทุกเซลล์ที่เรามี นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งพลังงานชั้นเยี่ยมให้แก่ร่างกายของเราอีกด้วย รวมถึงช่วยรักษาหัวใจ ปอด หลอดเลือด และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายของเราให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกรดไขมันโอเมก้า 3สามารถแยกออกได้เป็น 3 ประเภท ดังต่อไปนี้
- กรดอัลฟาไลโนเลนิก (ALA) พบในพืช
- กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (EPA) พบในสัตว์ทะเล
- กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA) พบในสัตว์ทะเล
สามารถพบโอเมก้า 3ได้จากที่ไหนบ้าง?
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าเราสามารถรับโอเมก้า 3เข้าสู่ร่างกายของเราได้ผ่านการทานอาหาร และอาหารเสริมต่าง ๆ โดยอาหารที่พบว่ามีส่วนผสมของโอเมก้า 3จะเป็นจำพวกปลาที่มีกรด DHA และ EPA รวมถึง ALA ในพืชตระกูลถั่ว ซึ่งมีรายละเอียดต่อไปนี้
- ปลาแมคเคอเรล
- แซลมอน
- ปลากะพงขาว
- หอยนางรม
- ปลาซาร์ดีน
- กุ้ง
- ปลาเทราท์
- สาหร่าย
- เมล็ดเจีย
- เมล็ดกัญชง
- เมล็ดแฟลกซ์
- วอลนัท
- ถั่วแระญี่ปุ่น
- ถั่วแดง
- ถั่วเหลือง
ประโยชน์ของโอเมก้า 3มีอะไรบ้าง?
เนื่องจากโอเมก้า 3นั้นถือว่าเป็นกรดไขมันชนิดหนึ่งที่ร่างกายของเราต้องการ และถือว่าเป็นกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพของเราเป็นอย่างมาก มาดูกันดีกว่าค่ะว่ามีอะไรบ้าง
ลดอัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
ในช่วงปี 2020 มีข้อมูลชุดหนึ่งรายงานว่า หญิงที่รับประทานโปรไบโอติก วิตามินดี และอาหารเสริมน้ำมันปลา หรืออาหารเสริมที่มีส่วนผสมของโอเมก้า 3นั้นมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด 19 ลดน้อยลง แต่อย่างไรก็ตาม การรายงานนี้ยังคงต้องหาข้อสรุปที่แน่ชัดอีกครั้ง โดยผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเตือนว่า อย่าใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส แต่ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่เป็นการป้องกันเชื้อโดยตรง หรือฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันจะดีมากที่สุด
หลอดเลือดตีบ
ผู้ที่เป็นโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis) บางคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคดังกล่าวเริ่มรับประทานโอเมก้า 3เนื่องจากมีส่วนช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคเกี่ยวกับสมองและประสาท แต่อย่างไรก็ตามมีการศึกษาข้อมูล และการวิจัยหลายแห่งรายงานว่า อาหารเสริมโอเมก้า 3ไม่ได้มีส่วนช่วยในเรื่องของโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ดังนั้นคุณควรเลือกที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มทานอาหารเสริมทุกครั้ง
มะเร็งต่อมลูกหมาก
งานวิจัยบางงานได้มีการเขียนแนะนำว่าการรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3สูงนั้นอาจมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้ อย่างไรก็ตาม มีผลงานวิจัยอีกหนึ่งชิ้นชี้ให้เห็นว่าการบริโภคน้ำมันปลาที่มีส่วนผสมของโอเมก้า 3ในปริมาณที่มาก ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ดังนั้นควรทานแต่พอดี และปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดลูก
ผู้ที่มีระดับโอเมก้า 3ต่ำระหว่างตั้งครรภ์ และขณะให้นมลูกอาจก่อให้เกิดความแปรปรวนทางอารมณ์ได้ง่าย และนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้ โดยผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวว่า การทานอาหารที่มีส่วนผสมของโอเมก้า 3ในช่วงก่อนคลอด หรือหลังคลอดนั้นสามารถช่วยลดความเสี่ยงการเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้ อย่างไรก็ตาม คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานปลาที่มีสารปรอทสูง อาทิ ฉลาม และปลาแมคเคอเรลในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ แต่เปลี่ยนเป็นปลาจำพวก ปลาทูน่า แซลมอน และปลาดุกแทนจะส่งผลที่ดีกว่า
สุขภาพจิต
นอกจากภาวะซึมเศร้าหลังคลอดแล้ว มีผลการวิจัยชี้ว่า EPA และ DHA สามารถช่วยรักษาภาวะทางจิตเวชต่าง ๆ ได้ ซึ่งรวมถึง
- โรคสมาธิสั้น
- ภาวะป่วนทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง
- โรคพาร์กินสัน
- โรคซึมเศร้า
- ภาวะสมองเสื่อม
- โรคจิตเภท
- ภาวะความจำเสื่อม
โรคหัวใจและหลอดเลือด
กรดไขมันโอเมก้า 3มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ เพราะมี AHA ที่มีส่วนช่วยในการจัดการกับอาสาเหตุต่าง ๆ ที่นำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือดได้ดังต่อไปนี้
- ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์
- คอเลสเตอรอล
- ความดันโลหิตสูง
การมองเห็น และสุขภาพตา
มีการศึกษาพบว่าการมีระดับโอเมก้า 3อาจช่วยป้องกันโรคที่เกิดกับดวงตาได้ โดยโอเมก้า 3จะช่วยให้การทำงานของเรตินอลให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงของการสูญเสียการมองเห็นในผู้สูงอายุได้อีกด้วย
โอเมก้า 3 มีประโยชน์ต่อคนท้องอย่างไร?
การบริโภคกรดไขมันโอเมก้า 3สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ในปริมาณที่เพียงพอและเหมาะสมนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่ในเรื่องของการรักษาสมดุลการผลิตสารคล้ายฮอร์โมนที่เรียกว่า พรอสตาแกลนดิน (Prostaglandins) ที่ช่วยควบคุมการทำงานของร่างกายของเราหลายอย่าง อาทิ ความดันโลหิต การแข็งตัวของเลือด การไหลเวียนของเลือด การอักเสบ การตอบสนองต่อภูมิแพ้ การทำงานของไต การทำงานของระบบทางเดินอาหาร และการผลิตฮอร์โมนอื่น ๆ ทั้งนี้การผลิตฮอร์โมนพรอสตาแกลนดินหลังได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3เข้าสู่ร่างกายนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับการทานอาหารทุกชนิด ดังนั้นจึงจะต้องเลือกรับประทานอาหารบางจำพวก เพื่อทำให้ร่างกายของเราผลิตพรอสตาแกลนดินออกมาได้ นอกจากนี้โอเมก้า 3ในปริมาณที่มากเพียงพอสำหรับร่างกายจะช่วยรักษา และป้องกันความผิดปกติทางอารมณ์ของคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์ได้อีกด้วย รวมถึงขณะนี้มีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของโอเมก้า 3พบว่ามีคุณสมบัติป้องกันโรคต่าง ๆ ได้มากขึ้น เช่น โรคลำไส้อักเสบ โรคภูมิแพ้ตัวเอง โรคลูปัส และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น
โอเมก้า 3 มีประโยชน์ต่อทารกในครรภ์อย่างไร?
การบริโภคโอเมก้า 3นั้นมีส่วนช่วยในการพัฒนาการของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะสมองและดวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้คุณแม่ทานอาหารที่มีโอเมก้า 3ในช่วงระยะเวลาของการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงในการรับประทานในช่วงนี้คือการทานสิ่งมีชีวิตในทะเลที่มีโอเมก้า 3และปรอทที่มีจำนวนมากเช่นกัน อย่างฉลามและปลาแมคเคอเรลในช่วงตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังพบอีกว่าการที่ทารกในครรภ์ได้รับโอเมก้า 3อย่างเพียงพอในช่วงที่อยู่ในครรภ์จะส่งผลถึงระบบการทำงานของหน่วยความจำของทารกเมื่อเติบโตขึ้นสู่วัยเรียนได้อีกด้วย
ความเสี่ยงของการทานอาหารเสริมโอเมก้า 3ขณะตั้งครรภ์
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์แล้วการได้ทานอาหารที่มีโอเมก้า 3นั้นถือเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์เป็นอย่างมาก แต่สำหรับคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจจะทานอาหารเสริมโอเมก้า 3แล้วหละก็ต้องมาลองอ่านผลข้างเคียงของการทานกันก่อนดีกว่า โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- มีรสคาวในปาก
- ลมหายใจมีกลิ่นคาว
- ปวดท้อง
- ท้องเสีย
- คลื่นไส้
- เลือดออก ในกรณีที่มีการทานในจำนวนที่มากกว่า 3 กรัมต่อวัน
อย่างไรก็ตามคุณแม่ตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจรับประทาน เพราะว่านอกจากเลือดออกแล้ว การทานโอเมก้า 3ในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้นอีกด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะคุณแม่ สำหรับประโยชน์และผลข้างเคียงของโอเมก้า 3น่าทึ่งมากเลยใช่ไหมคะ สำหรับคุณแม่ที่ยังคงเป็นกังวลเรื่องของการรับประทานอาหารเสริมเพื่อให้ทารกน้อยในครรภ์ฉลาดอยู่นั้น ทางออกที่ดีที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดีกว่าค่ะ อย่าได้ลองเอง หรือรับประทานด้วยตัวเอง เพราะอาจเป็นอันตรายต่อทั้งตัวคุณแม่ และทารกเองด้วยนะคะ
https://th.theasianparent.com/omega-3-during-pregnancy
โอเมก้า 3 ดีต่อคุณแม่และทารกในครรภ์อย่างไร? พบในอาหารประเภทไหน?
โอเมก้า 3คือ ?
Omega-3 คือ สารอาหารที่ได้รับจากอาหารที่เราทานในชีวิตประจำวัน หรือจากอาหารเสริม ซึ่งร่างกายของมนุษย์เรานั้นไม่สามารถสร้างโอเมก้า 3เองได้ โดยโอเมก้า 3มีส่วนช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรง และยังเป็นกุญแจสำคัญในโครงสร้างของผนังเซลล์ทุกเซลล์ที่เรามี นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งพลังงานชั้นเยี่ยมให้แก่ร่างกายของเราอีกด้วย รวมถึงช่วยรักษาหัวใจ ปอด หลอดเลือด และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายของเราให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกรดไขมันโอเมก้า 3สามารถแยกออกได้เป็น 3 ประเภท ดังต่อไปนี้
- กรดอัลฟาไลโนเลนิก (ALA) พบในพืช
- กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (EPA) พบในสัตว์ทะเล
- กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA) พบในสัตว์ทะเล
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าเราสามารถรับโอเมก้า 3เข้าสู่ร่างกายของเราได้ผ่านการทานอาหาร และอาหารเสริมต่าง ๆ โดยอาหารที่พบว่ามีส่วนผสมของโอเมก้า 3จะเป็นจำพวกปลาที่มีกรด DHA และ EPA รวมถึง ALA ในพืชตระกูลถั่ว ซึ่งมีรายละเอียดต่อไปนี้
- ปลาแมคเคอเรล
- แซลมอน
- ปลากะพงขาว
- หอยนางรม
- ปลาซาร์ดีน
- กุ้ง
- ปลาเทราท์
- สาหร่าย
- เมล็ดเจีย
- เมล็ดกัญชง
- เมล็ดแฟลกซ์
- วอลนัท
- ถั่วแระญี่ปุ่น
- ถั่วแดง
- ถั่วเหลือง
ประโยชน์ของโอเมก้า 3มีอะไรบ้าง?
เนื่องจากโอเมก้า 3นั้นถือว่าเป็นกรดไขมันชนิดหนึ่งที่ร่างกายของเราต้องการ และถือว่าเป็นกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพของเราเป็นอย่างมาก มาดูกันดีกว่าค่ะว่ามีอะไรบ้าง
ลดอัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
ในช่วงปี 2020 มีข้อมูลชุดหนึ่งรายงานว่า หญิงที่รับประทานโปรไบโอติก วิตามินดี และอาหารเสริมน้ำมันปลา หรืออาหารเสริมที่มีส่วนผสมของโอเมก้า 3นั้นมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด 19 ลดน้อยลง แต่อย่างไรก็ตาม การรายงานนี้ยังคงต้องหาข้อสรุปที่แน่ชัดอีกครั้ง โดยผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเตือนว่า อย่าใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส แต่ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่เป็นการป้องกันเชื้อโดยตรง หรือฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันจะดีมากที่สุด
หลอดเลือดตีบ
ผู้ที่เป็นโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis) บางคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคดังกล่าวเริ่มรับประทานโอเมก้า 3เนื่องจากมีส่วนช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคเกี่ยวกับสมองและประสาท แต่อย่างไรก็ตามมีการศึกษาข้อมูล และการวิจัยหลายแห่งรายงานว่า อาหารเสริมโอเมก้า 3ไม่ได้มีส่วนช่วยในเรื่องของโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ดังนั้นคุณควรเลือกที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มทานอาหารเสริมทุกครั้ง
มะเร็งต่อมลูกหมาก
งานวิจัยบางงานได้มีการเขียนแนะนำว่าการรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3สูงนั้นอาจมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้ อย่างไรก็ตาม มีผลงานวิจัยอีกหนึ่งชิ้นชี้ให้เห็นว่าการบริโภคน้ำมันปลาที่มีส่วนผสมของโอเมก้า 3ในปริมาณที่มาก ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ดังนั้นควรทานแต่พอดี และปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดลูก
ผู้ที่มีระดับโอเมก้า 3ต่ำระหว่างตั้งครรภ์ และขณะให้นมลูกอาจก่อให้เกิดความแปรปรวนทางอารมณ์ได้ง่าย และนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้ โดยผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวว่า การทานอาหารที่มีส่วนผสมของโอเมก้า 3ในช่วงก่อนคลอด หรือหลังคลอดนั้นสามารถช่วยลดความเสี่ยงการเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้ อย่างไรก็ตาม คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานปลาที่มีสารปรอทสูง อาทิ ฉลาม และปลาแมคเคอเรลในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ แต่เปลี่ยนเป็นปลาจำพวก ปลาทูน่า แซลมอน และปลาดุกแทนจะส่งผลที่ดีกว่า
สุขภาพจิต
นอกจากภาวะซึมเศร้าหลังคลอดแล้ว มีผลการวิจัยชี้ว่า EPA และ DHA สามารถช่วยรักษาภาวะทางจิตเวชต่าง ๆ ได้ ซึ่งรวมถึง
- โรคสมาธิสั้น
- ภาวะป่วนทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง
- โรคพาร์กินสัน
- โรคซึมเศร้า
- ภาวะสมองเสื่อม
- โรคจิตเภท
- ภาวะความจำเสื่อม
โรคหัวใจและหลอดเลือด
กรดไขมันโอเมก้า 3มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ เพราะมี AHA ที่มีส่วนช่วยในการจัดการกับอาสาเหตุต่าง ๆ ที่นำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือดได้ดังต่อไปนี้
- ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์
- คอเลสเตอรอล
- ความดันโลหิตสูง
การมองเห็น และสุขภาพตา
มีการศึกษาพบว่าการมีระดับโอเมก้า 3อาจช่วยป้องกันโรคที่เกิดกับดวงตาได้ โดยโอเมก้า 3จะช่วยให้การทำงานของเรตินอลให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงของการสูญเสียการมองเห็นในผู้สูงอายุได้อีกด้วย
การบริโภคกรดไขมันโอเมก้า 3สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ในปริมาณที่เพียงพอและเหมาะสมนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่ในเรื่องของการรักษาสมดุลการผลิตสารคล้ายฮอร์โมนที่เรียกว่า พรอสตาแกลนดิน (Prostaglandins) ที่ช่วยควบคุมการทำงานของร่างกายของเราหลายอย่าง อาทิ ความดันโลหิต การแข็งตัวของเลือด การไหลเวียนของเลือด การอักเสบ การตอบสนองต่อภูมิแพ้ การทำงานของไต การทำงานของระบบทางเดินอาหาร และการผลิตฮอร์โมนอื่น ๆ ทั้งนี้การผลิตฮอร์โมนพรอสตาแกลนดินหลังได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3เข้าสู่ร่างกายนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับการทานอาหารทุกชนิด ดังนั้นจึงจะต้องเลือกรับประทานอาหารบางจำพวก เพื่อทำให้ร่างกายของเราผลิตพรอสตาแกลนดินออกมาได้ นอกจากนี้โอเมก้า 3ในปริมาณที่มากเพียงพอสำหรับร่างกายจะช่วยรักษา และป้องกันความผิดปกติทางอารมณ์ของคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์ได้อีกด้วย รวมถึงขณะนี้มีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของโอเมก้า 3พบว่ามีคุณสมบัติป้องกันโรคต่าง ๆ ได้มากขึ้น เช่น โรคลำไส้อักเสบ โรคภูมิแพ้ตัวเอง โรคลูปัส และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น
โอเมก้า 3 มีประโยชน์ต่อทารกในครรภ์อย่างไร?
การบริโภคโอเมก้า 3นั้นมีส่วนช่วยในการพัฒนาการของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะสมองและดวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้คุณแม่ทานอาหารที่มีโอเมก้า 3ในช่วงระยะเวลาของการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงในการรับประทานในช่วงนี้คือการทานสิ่งมีชีวิตในทะเลที่มีโอเมก้า 3และปรอทที่มีจำนวนมากเช่นกัน อย่างฉลามและปลาแมคเคอเรลในช่วงตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังพบอีกว่าการที่ทารกในครรภ์ได้รับโอเมก้า 3อย่างเพียงพอในช่วงที่อยู่ในครรภ์จะส่งผลถึงระบบการทำงานของหน่วยความจำของทารกเมื่อเติบโตขึ้นสู่วัยเรียนได้อีกด้วย
ความเสี่ยงของการทานอาหารเสริมโอเมก้า 3ขณะตั้งครรภ์
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์แล้วการได้ทานอาหารที่มีโอเมก้า 3นั้นถือเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์เป็นอย่างมาก แต่สำหรับคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจจะทานอาหารเสริมโอเมก้า 3แล้วหละก็ต้องมาลองอ่านผลข้างเคียงของการทานกันก่อนดีกว่า โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- มีรสคาวในปาก
- ลมหายใจมีกลิ่นคาว
- ปวดท้อง
- ท้องเสีย
- คลื่นไส้
- เลือดออก ในกรณีที่มีการทานในจำนวนที่มากกว่า 3 กรัมต่อวัน
อย่างไรก็ตามคุณแม่ตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจรับประทาน เพราะว่านอกจากเลือดออกแล้ว การทานโอเมก้า 3ในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้นอีกด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะคุณแม่ สำหรับประโยชน์และผลข้างเคียงของโอเมก้า 3น่าทึ่งมากเลยใช่ไหมคะ สำหรับคุณแม่ที่ยังคงเป็นกังวลเรื่องของการรับประทานอาหารเสริมเพื่อให้ทารกน้อยในครรภ์ฉลาดอยู่นั้น ทางออกที่ดีที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดีกว่าค่ะ อย่าได้ลองเอง หรือรับประทานด้วยตัวเอง เพราะอาจเป็นอันตรายต่อทั้งตัวคุณแม่ และทารกเองด้วยนะคะ
https://th.theasianparent.com/omega-3-during-pregnancy