ขอเกริ่นก่อนนะครับ
ผมทำงานร้านอาหารแห่งหนึ่ง แถวบีทีเอส ซึ่งอยูที่นี้มา 2 ปีกว่า ช่วงปลายปีที่แล้วได้มีการเปลี่ยนมือเจ้าของร้าน เนื่องด้วยพิษโควิด หลังจากเจ้าของใหม่เข้ามาดูเเลต่อร้านก็กลับมาขายดีเพราะ เขารู้จักคนเยอะ มันก็ดีสำหรับผมแต่พนักงานเขากลับให้ลดจำนวนลงซึ่งมันผิดกับจำนวนลูกค้าที่เยอะเช่น วันธรรมดา หน้าบ้านมีคนเดียวคือตัวผม ทั้งงานบาร์ รับลูกค้า แคชเชียร์ สั่งของอื่นๆ ส่วนหลังบ้านคือในครัว มีพนักงาน 2 คน คือ พ่อครัว กับผช.ครัวที่ต้องล้างจานด้วย วันนึงขายได้ 4-5 หลัก อย่างไม่ได้ๆก็ 4 หลักปลายๆ ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ก็เพิ่มพนักงานมาแค่อีก 1 คน ซึ่งเราก็เคยบอกแล้วว่ามันไม่พอกับจำนวนลูกค้า แต่เขาก็เชยๆ ก็เลยไม่รู้จะทำยังไง วันอาทิตย์ช่วงบ่ายตัวผมเองก็ต้องเพิ่มหน้าที่คือ สรุปบัญชี อาทิตย์ไหนที่ลูกค้าเยอะก็ต้องเอากลับมาทำที่บ้าน ซึ่งเราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรถือว่าช่วยกัน แต่พอมาถึงปลายเดือนกรกฎาคม เขาก็เรียกเราไปคุยและขอปรับลดเงือนเดือนลง 7000 บาท เหลือ 15000 จากสาเหตุเพราะว่า เราไม่สามารถทำงานตามที่เขาต้องการได้ (แต่เรายังไม่ได้ตอบตกลงหรือเซ็นเอกสารอะไร) ขาดทุน (ซึ่งเราเป็นคนทำบัญชีเรารู้ว่าขาดหรือไม่ขาด) เอาเงินที่ลดไปจ้างพนักงานใหม่ (ซึ่งย้อนแย้งกับคำว่าขาดทุน) และสิ่งที่เขาพูดมันทำให้เจ็บจี๊ดก็คือ ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ออกได้เลยนะ (เสียใจและโมโหมาก) ซึ่งเราจะมาพูดต่อเรื่องสวัสดิการ ที่นี้มีแค่อาหารพนักงาน,SCV,ลากิจ-ป่วย,นักขัตฤกษ์,ลาพักร้อนไม่รู้จะได้ไหม ส่วนประกันไม่มีอะไรให้เลยต้องทำเอง และตอนนี้เขาได้จ้างพนักงานใหม่มา ซึ่งเป็นคนรู้จักเขา และเขาทั้งสองก็หาวิธีแกล้งเราเช่น วันที่เราลางานก็ แกล้งผมโดนการกดสั่งออรเดอร์แกร๊ปเข้าโทรศัพท์ร้าน ซึ่งโทรศัพท์จริงๆแล้วไม่มีอินเตอร์เน็ต เผอิญวันนั้นผมเชื่อมไวไฟกับโทรศัพท์พอดีที่รู้ว่าเขาแกล้งเพราะว่า ชื่อคนสั่งกับเบอร์โทร มันตรงกับคนที่เขาจ้างมาพอดี วิสัยคนปกติที่อยู่ร้านทำไมต้องกดสั่งออเดอร์เข้ามา ซึ่งมันผิดปกติมาก และบางทีโทรมาขอเบอร์ลูกค้าที่คุยใน Line Official ทั้งๆที่คุยในไลน์แต่ให้เราหาเบอร์ให้ และอิกหลายๆเรื่อง เหนื่อยใจ เหนื่อยกายมากแต่ก็ต้องทน เรื่องบางเรื่องผมไม่สามารถพิมพืลงในนี้นะครับ
เลยอยากปรึกษาว่าถ้าผมจะทุบหม้อข้าวตัวเอง คือไปแจ้งประกันสังคม ไปสวัสดิการแรงงาน ฯลฯ มันจะคุ้มไหมครับ
ขอระบาย & ปรึกษานิดนึงนะครับ
ผมทำงานร้านอาหารแห่งหนึ่ง แถวบีทีเอส ซึ่งอยูที่นี้มา 2 ปีกว่า ช่วงปลายปีที่แล้วได้มีการเปลี่ยนมือเจ้าของร้าน เนื่องด้วยพิษโควิด หลังจากเจ้าของใหม่เข้ามาดูเเลต่อร้านก็กลับมาขายดีเพราะ เขารู้จักคนเยอะ มันก็ดีสำหรับผมแต่พนักงานเขากลับให้ลดจำนวนลงซึ่งมันผิดกับจำนวนลูกค้าที่เยอะเช่น วันธรรมดา หน้าบ้านมีคนเดียวคือตัวผม ทั้งงานบาร์ รับลูกค้า แคชเชียร์ สั่งของอื่นๆ ส่วนหลังบ้านคือในครัว มีพนักงาน 2 คน คือ พ่อครัว กับผช.ครัวที่ต้องล้างจานด้วย วันนึงขายได้ 4-5 หลัก อย่างไม่ได้ๆก็ 4 หลักปลายๆ ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ก็เพิ่มพนักงานมาแค่อีก 1 คน ซึ่งเราก็เคยบอกแล้วว่ามันไม่พอกับจำนวนลูกค้า แต่เขาก็เชยๆ ก็เลยไม่รู้จะทำยังไง วันอาทิตย์ช่วงบ่ายตัวผมเองก็ต้องเพิ่มหน้าที่คือ สรุปบัญชี อาทิตย์ไหนที่ลูกค้าเยอะก็ต้องเอากลับมาทำที่บ้าน ซึ่งเราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรถือว่าช่วยกัน แต่พอมาถึงปลายเดือนกรกฎาคม เขาก็เรียกเราไปคุยและขอปรับลดเงือนเดือนลง 7000 บาท เหลือ 15000 จากสาเหตุเพราะว่า เราไม่สามารถทำงานตามที่เขาต้องการได้ (แต่เรายังไม่ได้ตอบตกลงหรือเซ็นเอกสารอะไร) ขาดทุน (ซึ่งเราเป็นคนทำบัญชีเรารู้ว่าขาดหรือไม่ขาด) เอาเงินที่ลดไปจ้างพนักงานใหม่ (ซึ่งย้อนแย้งกับคำว่าขาดทุน) และสิ่งที่เขาพูดมันทำให้เจ็บจี๊ดก็คือ ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ออกได้เลยนะ (เสียใจและโมโหมาก) ซึ่งเราจะมาพูดต่อเรื่องสวัสดิการ ที่นี้มีแค่อาหารพนักงาน,SCV,ลากิจ-ป่วย,นักขัตฤกษ์,ลาพักร้อนไม่รู้จะได้ไหม ส่วนประกันไม่มีอะไรให้เลยต้องทำเอง และตอนนี้เขาได้จ้างพนักงานใหม่มา ซึ่งเป็นคนรู้จักเขา และเขาทั้งสองก็หาวิธีแกล้งเราเช่น วันที่เราลางานก็ แกล้งผมโดนการกดสั่งออรเดอร์แกร๊ปเข้าโทรศัพท์ร้าน ซึ่งโทรศัพท์จริงๆแล้วไม่มีอินเตอร์เน็ต เผอิญวันนั้นผมเชื่อมไวไฟกับโทรศัพท์พอดีที่รู้ว่าเขาแกล้งเพราะว่า ชื่อคนสั่งกับเบอร์โทร มันตรงกับคนที่เขาจ้างมาพอดี วิสัยคนปกติที่อยู่ร้านทำไมต้องกดสั่งออเดอร์เข้ามา ซึ่งมันผิดปกติมาก และบางทีโทรมาขอเบอร์ลูกค้าที่คุยใน Line Official ทั้งๆที่คุยในไลน์แต่ให้เราหาเบอร์ให้ และอิกหลายๆเรื่อง เหนื่อยใจ เหนื่อยกายมากแต่ก็ต้องทน เรื่องบางเรื่องผมไม่สามารถพิมพืลงในนี้นะครับ
เลยอยากปรึกษาว่าถ้าผมจะทุบหม้อข้าวตัวเอง คือไปแจ้งประกันสังคม ไปสวัสดิการแรงงาน ฯลฯ มันจะคุ้มไหมครับ