รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่9 กวนใจเธอหน่อย

ตอนที่แล้ว  ตอนที่ 8  https://pantip.com/topic/40811747

ตอนที่ 9  

                  ปฏิการเปิดประตูเข้ามาในห้องของเขาอย่างไม่พอใจ ก่อนจะปิดประตูเสียงดัง เงยศีรษะกระแทกตัวเองพิงกับประตูห้อง  เหมือนน้ำตารื้นขึ้นมาคลออยู่ที่ขอบตา  เขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเองดี  ถ้าทำตามที่พ่อต้องการ  เขาคงไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต  ตั้งแต่เล็ก  สิ่งที่เขาชอบ  ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง  การเล่นดนตรี  การเล่นกีฬา บาสเก็ตบอลเป็นกีฬาที่เขาชอบมากที่สุด  แต่ทุกสิ่งที่เขาชอบพ่อไม่เคยเห็นด้วยแม้แต่อย่างเดียว สิ่งพ่อต้องการคือ ต้องเรียนเก่ง ได้คะแนนดีเท่านั้น พ่อไม่เคยถามเขาซักคำว่า ชอบอะไรไม่ชอบอะไร  มีแต่กำหนดให้ต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้มาตลอด พ่อจะแต่งงานใหม่ จะเอาใครไม่รู้มาอยู่ในบ้าน พ่อยังไม่เคยถามเขาซักคำเลย  แต่ก่อนยังมีแม่ที่คอยสนับสนุนให้ทำสิ่งที่เขาอยากทำ ในสิ่งที่เขารักบ้าง แม่จะคอยปลอบประโลมเป็นที่พักพิงหัวใจให้กับเขาเสมอ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว....เขารู้สึกคิดถึงแม่มาก.... อยากกอดแม่เหลือเกิน...แต่ไม่รู้จะไปหาแม่ได้ที่ไหน...

                หนุ่มผมยาวเดินมานั่งลงที่เตียงนอน พลางถอนหายใจยาว  กวาดสายตามองไปรอบ ๆ  ตามผนังห้องเต็มไปด้วยรูปของคนที่เขารักที่สุด  เขาโกรธและเสียใจมากที่พ่อปลดรูปของแม่ในบ้านทุกรูปออกจนหมด  จึงนำมาติดไว้ในห้องของเขาแทน  ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบรูปของคนที่เขาแสนคิดถึงขึ้นมาดู  ไล่นิ้วมือเบา ๆ ไปตามใบหน้าของแม่ที่กำลังยิ้มหวานอยู่ในรูป  หลายคนบอกว่า เขายิ้มหวานเหมือนแม่มาก

                อดถามตัวเองซ้ำ ๆ ไม่ได้เลย  พ่อกับแม่เลิกกันเพราะอะไร?  ทำไมแม่ถึงไม่มาหาเขาบ้าง  ทำไมไม่เคยโทรมาหาเขาเลย  ทำไมแม่ต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์  ทำไมติดต่อแม่ไม่ได้  เป็นคำถามที่ได้แต่วนถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่มีคำตอบ  ถ้าไปถามพ่อ  พ่อจะโกรธมากและตวาดใส่เขาว่า อย่ามาถามและเอ่ยถึงแม่ให้ได้ยินอีก พ่อกับแม่โกรธกันเรื่องอะไรจนถึงทำให้เลิกกันได้  ทำไมพ่อที่เคยรักแม่ถึงโกรธแม่ได้มากขนาดนี้

                เขาวางรูปแม่ไว้ที่เดิม  แล้วเอื้อมหยิบกีต้าร์โปร่งตัวโปรดที่ตั้งพิงไว้กับโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาวางไว้ในอ้อมแขน  กล้ามเนื้อบริเวณเหนือข้อศอกยังรู้สึกตึง ๆ จนต้องมองดูบาดแผลที่กำลังตกสะเก็ด  ‘ยัยตัวแสบเอ๊ย!’  ใบหน้าของคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ลอยขึ้นมาในห้วงนึก  เขาลองดีดกีต้าร์ดู มันมีผลทำให้การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อแขนไม่คล่องเท่าที่ควร แต่ไม่ถึงกับทำให้เป็นปัญหาอะไรมากนัก

                 กีต้าร์ตัวนี้เขารักมาก  แม่บอกว่าถ้าอยากได้ ให้เก็บเงินซื้อเอง เขาใช้เวลาเป็นปีกว่าจะได้เป็นเจ้าของในราคาสองหมื่นกว่าบาท มันเหมือนเพื่อนที่อยู่กับเขาเสมอในวันที่ยิ้ม หัวเราะ หรือมีความสุข  และในวันที่มีความทุกข์ ท้อ เศร้า เบื่อ ผิดหวังและเสียใจ  เขาวางนิ้วยาวเรียวกรีดลงบนสายกีต้าร์เบา ๆ  เพื่อนและใครต่อใครบอกว่า  เขาเล่นกีต้าร์ได้ดีมากราวกับหลับตาเล่นก็ยังได้  ยกเว้นพ่อคนเดียวที่ไม่เคยชม และดูไม่พอใจทุกครั้งที่เขาเล่นดนตรี ในสายตาของพ่อมันเป็นเรื่องไร้สาระ

                เสียงเพลง I JUST CALL TO SAY I LOVE YOU ดังขึ้น  เขาตั้งเสียงเพลงนี้ไว้เพื่อให้เสียงโทรผ่านไลน์มีความแตกต่างจากเสียงโทรผ่านไลน์ของคนอื่น  ซึ่งตอนนี้มันสามารถตั้งเสียงเรียกเข้าได้แล้ว  เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของแม่  เขาจะร้องเพลงและเล่นเพลงนี้ให้แม่ฟังเป็นประจำ  หนุ่มหน้ามนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย เพื่อนที่นัดกันซ้อมร้องเพลงโทรเข้ามา 

                “วันนี้บ่ายสอง อย่าลืมมาซ้อมร้องเพลงด้วยล่ะ รับงานเขาไว้แล้ว มะรืนต้องไปเล่นแล้วนะ” 
                “ได้เลย  ไม่ลืมหรอก”  ปฏิการย้ำให้เพื่อนสบายใจ  เขาอยากหาเรื่องออกจากบ้านอยู่แล้ว
                “แล้วเจอกัน”  เขากดวางสาย  แล้วเหลือบดูเวลา  ยังพอมีเวลาเหลืออีกไม่เกินชั่วโมงที่ต้องออกจากบ้านได้แล้ว
                บนหน้าจอโทรศัพท์โชว์ไอคอนไลน์อยู่ด้านบนสุด  แสดงว่ามีข้อความเข้า  เพื่อนใหม่ที่ประกวดร้องเพลงด้วยกันส่งข้อความมาถามว่า รอบหน้าเขาจะร้องเพลงอะไร  และจะต้องร้องเพลงคู่กับเธอด้วย

                “ยังไม่ได้คิดเลยครับ”  เขาตอบกลับไป  ใบหน้าเพื่อนใหม่ลอยขึ้นมาในห้วงนึก เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ดูอ่อนหวาน สดใสและขี้อ้อน มีน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร น้ำเสียงของเธอหวานและใสมาก ที่สำคัญเป็นรุ่นน้องที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันเสียด้วย
                “แล้วน้องปลาคิดจะร้องเพลงอะไรครับ”  เขาถามกลับ

                “ไม่บอกค่ะ” เธอส่งตัวการ์ตูนน่ารักกำลังส่ายหน้ามาให้  ข้อความนั้นทำให้คนอ่านต้องอมยิ้มน้อย ๆ
                “ไว้พี่คิดออกแล้วจะบอกนะ ของพี่ไม่เป็นความลับหรอก” 

                อีกฝ่ายส่งตัวการ์ตูนเป็นรูปโอเคค่ะสีสันแสบตามาให้

                หนุ่มหน้าหวานเลื่อนดูข้อความของเพื่อน ๆ แต่เขากดเลือกอ่านข้อความของปรามเป็นอันดับแรก
                “ถึงบ้านหรือยัง” ปรามส่งข้อความมา
                “ถึงแล้ว  ร่างกายอยู่ครบสามสิบสอง”  เขาตอบขำ ๆ
                “คงไม่โดนพ่อแพ่นกบาลใช่ไหม”

                “เกือบแล้ว” 
                “อย่าลืม...พูดกับพ่อดี ๆ ด้วยนะ”  เพื่อนรักมักจะคอยเตือนสติเขาเสมอ
                “จะพยายามกวน”  ใบหน้าหนุ่มหน้าหวานนั้นมีรอยยิ้มแต้มอยู่ขณะกดพิมพ์ข้อความ พลางส่งตัวการ์ตูนกำลังหัวเราะส่งไปให้เพื่อน

                ปรามส่งรูปการ์ตูนเป็นรูปปวดกะบาลมาให้

                ปฏิการหยุดพิมพ์เว้นระยะครู่หนึ่ง ก่อนจะพิมพ์ต่อแล้วกดส่ง

                “ให้น้อยที่สุด” 

                อีกฝ่ายจึงส่งตัวการ์ตูนเป็นคำว่า  สุดยอดกลับมา
                “แล้วหยุดถ่ายหรือยัง”
                “หยุดแล้ว  ขมิ้นชันได้ผลดีเหมือนกันนะ”
                ปรามส่งสติ๊กเกอร์คำว่า โอเค  ก่อนจบการสนทนา

                ปฏิการไล่ดูข้อความของเพื่อน ๆ ที่ส่งถึงเขาจนหมด มีอาจารย์ที่ปรึกษาส่งข้อความมาบอกว่า วิชาที่เขาติดเอฟอยู่จะเปิดสอนเทอมหน้านี้  เขาถามอาจารย์ว่า ถ้าอยากย้ายสาขาไปเรียนสาขาอื่นได้ไหม  อาจารย์ตอบว่า จะไปถามฝ่ายทะเบียนมาให้  เขาดรอปการเรียนไว้หนึ่งปี  ถ้าพ่อรู้คงโดนด่าแน่ ๆ  แล้วเลื่อนลงไปล่างสุด เพื่อหาข้อความที่เขาส่งถึงยัยตัวแสบ  ซึ่งได้ขอไว้ตอนไปส่งของให้เธอ  ข้อความที่เขาส่งไปนั้น นอกจากข้อความแรก ๆ ซึ่งเกี่ยวกับการส่งของให้ลูกค้าของเธอที่ปรากฏคำว่าอ่านแล้ว  นอกนั้นเธอยังไม่อ่านแม้แต่ข้อความเดียว

                “ยัยตัวแสบเอ๊ย” เขายกนิ้วชี้ขึ้นมากัดเล็บเบา ๆ อย่างใช้ความคิด  อยากกวนประสาทเธอ  แต่เล่นไม่ตอบแบบนี้ไม่สนุกเลย  แล้วจะกวนประสาทเธออย่างไรเล่า.... งั้นโทรไปแกล้งดีกว่า  รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก  สมองพยายามคิดหาข้ออ้างที่ต้องโทรไปหาให้ดูสมเหตุสมผล  ชายหนุ่มดีดนิ้วอย่างนึกอะไรออก  ยกมือหยิบผ้าเช็ดหน้ารูปปลาโลมาสีฟ้ากำลังยิ้มออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีขาว  เขาหาเหตุผลที่จะโทรไปหาเธอได้แล้ว   รีบยกกีต้าร์ออกจากอ้อมแขนวางลงไว้ข้างเตียงเหมือนเดิม

                หนุ่มหน้าหวานกดปุ่มเปิดลำโพง  เมื่อกดโทรออก  แล้วนั่งมองโทรศัพท์ในมือ  เสียงสัญญาณโทรศัพท์กำลังต่อสายไปยังเบอร์ปลายทาง  เขานั่งรอเธอรับสายอยู่นานแล้ว แต่เธอยังไม่ยอมรับสาย  จึงวางโทรศัพท์ลงกับพื้นเตียง ก่อนล้มตัวลงนอนคว่ำ เงยหน้าขึ้นมา ยกมือเท้าคางรอเธอรับโทรศัพท์  สายตายังจดจ่ออยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์  รอยยิ้มบนใบหน้าค่อย ๆ เลือนหายไป  กลายเป็นขมวดคิ้วย่น และบูดบึ้งแทน  เพราะอีกฝ่ายยังไม่ยอมรับสายเสียที
                “รับสิ!”

                “ทำไมไม่รับสาย!”

                เขากดวางสายอย่างหงุดหงิด  แล้วกดโทรใหม่อีกครั้ง  ก่อนพลิกตัวนอนหงาย ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู  เสียงสัญญาณโทรออกยังคงดังอยู่  แต่ไม่มีคนรับสายอยู่ดี   เขาพยายามคิดถึงเหตุผลที่เธอยังไม่ยอมรับสาย  เธอคงเรียนอยู่แน่เลย  แล้วรีบกดวางสาย  ไว้ตอนเย็นค่อยโทรไปแกล้งใหม่ก็ได้  รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากอีกครั้ง

                ปฏิการมองเวลา  แล้วลุกขึ้นจากเตียงได้เวลาที่ควรออกจากบ้าน  หยิบกีต้าร์ตัวโปรดใส่กระเป๋าหนังสีดำ  ดึงสายคล้องเข้ากับตัวเองสะพายกีต้าร์ไว้ด้านหลัง  เดินออกจากห้อง  ลงบันไดแล้วเดินผ่านห้องรับแขก  สองเท้าของเขาชะงักเล็กน้อย  ค่อย ๆ ชะโงกหน้ามองดูในห้องรับแขกไม่มีใครอยู่แล้ว  ทางสะดวกเลย  เขารีบเดินตรงไปที่ประตูบ้านอย่างรวดเร็ว ขณะที่นั่งลงสวมรองเท้าผ้าใบ  สายตานั้นมองไม่เห็นกระถางดอกกุหลาบที่เคยตั้งอยู่ข้างชั้นวางรองเท้าหน้าบ้าน  เป็นดอกไม้ที่แม่ของเขาปลูกไว้  เขาชอบมองและยิ้มให้ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เหมือนเป็นตัวแทนของแม่  แต่ตอนนี้มันไม่อยู่แล้ว  มันหายไปไหน?  ทำไมของที่เป็นตัวแทนของแม่จะต้องอันตรธานหายไปทุกอย่าง เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที  โกรธผู้หญิงคนนั้นที่เข้ามาแย่งทุกอย่างไปจากเขา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่