ตอนที่แล้ว ตอนที่ 17
https://pantip.com/topic/40839208
ตอนที่ 18
ภายในร้านอาหารของบ้านไร่ทะเลฝัน เป็นอาคารไม้หลังคายกสูงมุงด้วยจาก ไม่มีประตูหรือผนัง ตรงด้านข้างกั้นด้วยกระถางต้นไม้ล้วนเป็นผักที่กินได้ มีป้ายติดไว้ด้วยว่าคือผักอะไร มีประโยชน์และสารอาหารอะไรบ้าง นอกจากนี้ยังประดับด้วยกระถางพืชผักสวนครัวต้นเล็กต้นน้อยแขวนอยู่ตามชายคา ตกแต่งอย่างน่ารัก ร้านขายอาหารแบ่งเป็นซุ้มต่าง ๆ มีทั้งข้าวแกง อาหารจานเดียว ยำทั้งหลาย มุมสลัดและผลไม้เน้นอาหารสุขภาพ มุมก๋วยเตี๋ยว มุมของทอด มุมขนมหวาน มุมน้ำปั่นผักเพื่อสุขภาพและเครื่องดื่มสมุนไพร ด้านในสุดของร้านเป็นเวทียกสูงเตี้ย ๆ ประดับประดาด้วยผักและผลไม้ไร้สารพิษ
“การ กินไรเพิ่มไหม” ปรามพาเพื่อนหน้าหวานเดินดูตามซุ้มอาหารต่าง ๆ หลังจากทานอาหารจานเดียวไปแล้ว
“คุณปรามทานอะไรดีคะ” แม่ค้าทักทายเจ้าของรีสอร์ท
“นี่ เพื่อนผมนะครับ ชื่อ ปฏิการ” เขาแนะนำเพื่อนซี้ให้แม่ครัวเก่าแก่ของร้านรู้จัก
“สวัสดีครับ ผมขอฝากท้องด้วยนะครับ” หนุ่มผมยาวยกมือไหว้ผู้มีอายุอย่างนอบน้อม
“อยากทานอะไรบอกได้เลยนะคะ” แม่ค้ามองเพื่อนเจ้าของร้านอย่างเอ็นดู
“กินอันนี้มั้ย ไส้อั่วสมุนไพรหัวปลี ” ปรามมองไส้อั่วที่กำลังปิ้งอยู่บนเตาถ่าน แล้วชี้นิ้วบอกแม่ค้าว่า เอาใส่จานมาหนึ่งชุด
ปฏิการขมวดคิ้วย่น คำว่า สมุนไพรดูไม่ค่อยถูกกันกับเขาเท่าไหร่ พลางยิ้มแหย ๆ เล็กน้อย มองปรามรับจานไส้อั่วหัวปลีมา ซึ่งหั่นเป็นชิ้นพอดีคำเรียบร้อยแล้ว ตกแต่งด้วยผักเคียงคือผักกาดขาวโหรภา ผักชี และสะระเเหน่
“ขอผักชีเพิ่มหน่อยครับ” เจ้าของบ้านไร่ทะเลฝันบอกแม่ค้า เพราะรู้ว่า เพื่อนซี้ชอบทานผักชีมาก
ปรามใช้ช้อนตักไส้อั่วหัวปลีเข้าปากโชว์ ทานคู่กับผักสด สีหน้านั้นบ่งบอกว่า อร่อยมาก
“มาชิมดู” เขาตักไส้อั่วไปตรงหน้าเพื่อนซี้
หนุ่มผมยาวทำหน้าเบ้เล็กน้อย และบ่ายหน้าหนีเมื่อเพื่อนรักยื่นไส้อั่วมาจ่อที่ปาก
“ลองก่อน ไม่อร่อยข้าให้แกตื้บเลย”
ปฏิการจึงยอมอ้าปากรับไส้อั่วหัวปลี สีหน้าและแววตาของเขาเปลี่ยนทันที เมื่อได้สัมผัสรสชาติ ซึ่งเต็มไปด้วยสมุนไพรนา ๆ ชนิดผสมกับเครื่องแกงเข้ากันอย่างลงตัว มีรสเผ็ดเล็กน้อย ออกเค็มนิดหน่อย เขาหยิบผักชีตามเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างเอร็ดอร่อยก่อนหันมาดึงจานไส้อั่วไปถือเองคนเดียว
ปริมาเดินมาถึงร้านอาหารของรีสอร์ท มองเห็นพี่ชายกำลังป้อนเพื่อนหนุ่มหน้าหวานพอดี
‘ตาย! แล้ว! นี่ขนาดต้องป้อนกันเลยเหรอ’ เธอยืนนิ่งมองการกระทำของพี่ชายอย่างตกตะลึง จะทำอย่างไรดีเนี่ย! ได้แต่ถอนหายใจ แล้วเดินไปประจำซุ้มเมี่ยงคำที่เธอรับผิดชอบอยู่
บนโต๊ะยาวถูกคลุมด้วยผ้าปูสีขาว ชามกระเบื้องลายดอกไม้ใส่สมุนไพรของเครื่องเมี่ยงคำวางอยู่ ได้แก่ ขิงและหอมแดง ที่หั่นแล้วเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดเล็กจิ๋ว ถัดไปเป็น มะนาวที่ถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ขนาดเล็ก ถั่วลิสงคั่วครึ่งซีก มะพร้าวคั่ว พริกซอย และที่ขาดไม่ได้คือน้ำเมี่ยงคำสูตรเด็ด ใบชะพลูวางเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่ในถาดกลมเป็นรูปก้นหอย ลูกค้าสามารถตักทานเองได้ตามใจชอบ
“ทานยังไงครับ” ปฏิการมองเห็นปริมาเดินมาได้ครู่หนึ่งจึงรีบเดินมาหาเธอ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวละมุนนั้น
ปริมาเงยหน้าขึ้นมองลูกค้าหนุ่มคนแรก ซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าซุ้ม กำลังส่งยิ้มหวานให้เธอ
“ไม่เคยกินหรือไง?” เธอหยิบช้อนวางใส่ชามเครื่องเมี่ยงคำแต่ละอย่าง
“ถ้าเคย แล้วจะถามเหรอ?” อีกฝ่ายตอบกวนไม่แพ้กัน
“แล้วมันคืออะไรล่ะ?” เขาจ้องหน้าแม่ค้า มีรอยยิ้มซ่อนอยู่ในสีหน้าและแววตานั้น
“อ่านสิคะ ป้ายมี” เธอบอกให้พ่อหนุ่มจอมกวนอ่านป้ายที่แขวนอยู่ตรงหน้าเขา
หนุ่มหน้าหวานอึ้งเล็กน้อย มองป้ายที่ห้อยอยู่ตรงหน้าเขาแท้ ๆ แต่กลับมองไม่เห็น มองเห็นแต่หน้าเธออย่างเดียว
“กินยังไงล่ะ ทำให้ดูหน่อย” เขาเอียงคอลงต่ำมองหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจัดเรียงเครื่องเมี่ยงคำอยู่นั่นแหละไม่สนใจลูกค้าอย่างเขาเลย หน้าตาดูเฉยชา ทำไมเธอถึงไม่ยิ้มให้เขาบ้าง
“มายืนทำอะไรเล่า...ถ้าไม่ดูแลลูกค้า” ชายหนุ่มบ่นเมื่อเห็นแม่ค้าตัวแสบยังนิ่งเฉย
คนหน้าบูดจึงหยิบใบชะพลูขึ้นมาจับจีบเป็นกรวยให้เขาดู
“นายหยิบใบชะพลูขึ้นมาทำตามสิ”
“ทำให้หน่อยน้า....” น้ำเสียงนั้นอ้อนเธอเต็มพิกัด
ปริมาฟังแล้วหมั่นไส้ รำคาญเขาเต็มที
“ได้สิ!” เธอหยิบช้อนตักสมุนไพรชามต่าง ๆ ใส่ลงในกรวยใบชะพลู
หนุ่มหน้าหวานได้แต่ยืนอมยิ้มที่เธอยอมทำให้ แต่ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นยัยตัวแสบกำลังตักพริกซอยเกือบช้อนใส่ลงในกรวยใบชะพลูด้วย เขาเบิกตาโต รีบเอื้อมมือไปจับมือแม่ตัวแสบเอาไว้
“เดี๋ยว ๆ พริกไม่ต้องนะ ฉันไม่กินพริกเยอะขนาดนี้” สีหน้านั้นตกใจไม่น้อย มือขาว ๆ นั้นยังไม่ยอมปล่อยมือเธอ
“เอามือของนายออกไป! เดี๋ยวนี้!” เธอแค่นเสียงบอกเขา แม่ครัวตัวแสบมองเขาด้วยดวงตาเขียวปั้ด พยายามดึงมือออกจากการจับกุมของลูกค้าหน้าหวาน เธอไม่มีมือว่างจะหยิกเขาอีกต่างหาก
“ห้ามใส่พริกนะ ไม่เอาพริก สัญญาก่อน”
ปริมาถอนหายใจ “ได้”
เขาจึงยอมปล่อยมือเธอ มองยัยตัวแสบวางช้อนลงในชามพริกซอยอย่างเดิม ก่อนตักถั่วลิสง มะนาว มะพร้าวคั่ว และราดด้วยน้ำเมี่ยงคำ แต่แทนที่จะยื่นมาให้เขา กลับเอาเข้าปากตัวเองเฉยเลย ให้มันได้อย่างนี้สิ!
“อ้าว! ทำไมไม่ส่งมาให้ฉันล่ะ” เขาโวยวายเมื่อเธอเอาเข้าปากตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
หนุ่มจอมกวนกลืนน้ำลายเพราะท่าทางของเธอนั้นบ่งบอกถึงความอร่อยโดนใจมาก
“ทำเองสิ! ไม่ทำก็ไม่ต้องกิน!” เธอกระแทกเสียงให้เขา
หนุ่มจอมกวนถอนหายใจ ทำหน้างอ ก่อนจะหยิบใบชะพลูขึ้นมาจับให้เป็นกรวยแล้วตักแต่ละอย่างใส่ลงในกรวย แล้วเงยหน้าอ้าปากกว้างเอาเข้าปาก รสชาติหวานพอดีเจอกับมะนาวเปรี้ยวตัดกันลงตัวมาก
“หืม...อร่อยจัง...” เขาเคี้ยวเมี่ยงคำอย่างเอร็ดอร่อยจนแก้มขาวละมุนตุงเป็นก้อนกลม ๆ
“แล้ว...แต่ละอย่างมีประโยชน์อะไรบ้างเหรอ” เขาคิดว่า หากต้องการชวนเธอคุยด้วย คงต้องถามถึงสาระประโยชน์ อีกฝ่ายจึงจะยอมตอบ
“ขิงช่วยขับลม ย่อยอาหาร หอมแดง ช่วยเรื่องภูมิแพ้ ชะพลูมีแคลนเซี่ยมสูง” หญิงสาวอธิบายสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละอย่างอย่างสั้น ๆ
ปฏิการก้มลงมองเวลา “ฉันไปเตรียมตัวร้องเพลงก่อนนะ อยากฟังเพลงอะไรล่ะ”
“นายจะร้องได้เหรอ ฉันอยากฟังเพลงสากลเก่า ๆ” หญิงสาวสบประมาทว่า เขาคงร้องไม่ได้แน่นอน
“ได้เลย The sound of silence เป็นไง เก่าพอมั้ย? รอฟังนะ” หนุ่มผมยาวยิ้มก่อนเดินไปเตรียมตัวขึ้นเวทีร้องเพลง ปล่อยให้ แม่ค้าตัวแสบมองตามด้วยความอึ้งไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะรู้จักเพลงนี้ด้วย
ไม่นานนักเธอได้ยินเสียงกีต้าร์ดังมาจากเวทีด้านใน เสียงนั้นหวานกังวาลใสไพเราะราวกับเสียงน้ำกำลังไหลริน จนต้องหยุดมองไปที่หน้าเวทีราวกับต้องมนต์สะกด หนุ่มผมยาวนั่งอยู่บนเก้าอี้สูงตรงกลางของเวที เขาสวมเสื้อยีนสีน้ำเงินเข้มแขนยาวที่พับขึ้นแค่ศอกทับเสื้อยืดสีขาว กับกางเกงยีนสีซีดและร้องเท้าผ้าใบ เสื้อสีเข้มส่งให้ใบหน้าขาวละมุนนั้นดูโดดเด่น กีต้าร์วางอยู่ในอ้อมแขนของเขา ผู้ชมด้านหน้าเวทีต่างตบมือเกรียวกราวเมื่อได้ยินเสียงกีต้าร์นั้นเริ่มบรรเลง
Hellow darkness my old friend
I've come to talk with you again
Because a vision softly creeping
Left its seeds while I was sleeping
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาร้องท่อนแรกของเพลง น้ำเสียงทุ้มนุ่มกังวานใสมีเสน่ห์มาก สะกดให้ผู้ชมต้องนิ่งฟังและจ้องมองเขาแต่เพียงผู้เดียว ไม่อาจละสายตาไปได้เลย
And the vision that was planted in my brain
Still remains
Within the sound of silence
In restless dreams I walked alone
Narrow streets of cobblestone
'Neath the halo of a street lamp
I turned my collar to the cold and damp
When my eyes were stabbed by the flash of a neon light
That split the night
And touched the sound of silence
And in the naked light I saw
Ten thousand people, maybe more
People talking without speaking
People hearing without listening
People writing songs that voices never share
No one dared
Disturb the sound of silence
Source: LyricFind
เมื่อถึงท่อนที่ต้องขึ้นเสียงสูงเขาร้องได้มีอย่างมีพลัง แต่ละถ้อยคำนั้นทอดน้ำเสียงออกมาได้อย่างไพเราะและนุ่มนวลมาก จบเพลงนั้น ผู้ชมต่างปรบมือให้เขาเสียงดังสนั่น
รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 18 ขออ้อนหน่อย
ตอนที่ 18
ภายในร้านอาหารของบ้านไร่ทะเลฝัน เป็นอาคารไม้หลังคายกสูงมุงด้วยจาก ไม่มีประตูหรือผนัง ตรงด้านข้างกั้นด้วยกระถางต้นไม้ล้วนเป็นผักที่กินได้ มีป้ายติดไว้ด้วยว่าคือผักอะไร มีประโยชน์และสารอาหารอะไรบ้าง นอกจากนี้ยังประดับด้วยกระถางพืชผักสวนครัวต้นเล็กต้นน้อยแขวนอยู่ตามชายคา ตกแต่งอย่างน่ารัก ร้านขายอาหารแบ่งเป็นซุ้มต่าง ๆ มีทั้งข้าวแกง อาหารจานเดียว ยำทั้งหลาย มุมสลัดและผลไม้เน้นอาหารสุขภาพ มุมก๋วยเตี๋ยว มุมของทอด มุมขนมหวาน มุมน้ำปั่นผักเพื่อสุขภาพและเครื่องดื่มสมุนไพร ด้านในสุดของร้านเป็นเวทียกสูงเตี้ย ๆ ประดับประดาด้วยผักและผลไม้ไร้สารพิษ
“การ กินไรเพิ่มไหม” ปรามพาเพื่อนหน้าหวานเดินดูตามซุ้มอาหารต่าง ๆ หลังจากทานอาหารจานเดียวไปแล้ว
“คุณปรามทานอะไรดีคะ” แม่ค้าทักทายเจ้าของรีสอร์ท
“นี่ เพื่อนผมนะครับ ชื่อ ปฏิการ” เขาแนะนำเพื่อนซี้ให้แม่ครัวเก่าแก่ของร้านรู้จัก
“สวัสดีครับ ผมขอฝากท้องด้วยนะครับ” หนุ่มผมยาวยกมือไหว้ผู้มีอายุอย่างนอบน้อม
“อยากทานอะไรบอกได้เลยนะคะ” แม่ค้ามองเพื่อนเจ้าของร้านอย่างเอ็นดู
“กินอันนี้มั้ย ไส้อั่วสมุนไพรหัวปลี ” ปรามมองไส้อั่วที่กำลังปิ้งอยู่บนเตาถ่าน แล้วชี้นิ้วบอกแม่ค้าว่า เอาใส่จานมาหนึ่งชุด
ปฏิการขมวดคิ้วย่น คำว่า สมุนไพรดูไม่ค่อยถูกกันกับเขาเท่าไหร่ พลางยิ้มแหย ๆ เล็กน้อย มองปรามรับจานไส้อั่วหัวปลีมา ซึ่งหั่นเป็นชิ้นพอดีคำเรียบร้อยแล้ว ตกแต่งด้วยผักเคียงคือผักกาดขาวโหรภา ผักชี และสะระเเหน่
“ขอผักชีเพิ่มหน่อยครับ” เจ้าของบ้านไร่ทะเลฝันบอกแม่ค้า เพราะรู้ว่า เพื่อนซี้ชอบทานผักชีมาก
ปรามใช้ช้อนตักไส้อั่วหัวปลีเข้าปากโชว์ ทานคู่กับผักสด สีหน้านั้นบ่งบอกว่า อร่อยมาก
“มาชิมดู” เขาตักไส้อั่วไปตรงหน้าเพื่อนซี้
หนุ่มผมยาวทำหน้าเบ้เล็กน้อย และบ่ายหน้าหนีเมื่อเพื่อนรักยื่นไส้อั่วมาจ่อที่ปาก
“ลองก่อน ไม่อร่อยข้าให้แกตื้บเลย”
ปฏิการจึงยอมอ้าปากรับไส้อั่วหัวปลี สีหน้าและแววตาของเขาเปลี่ยนทันที เมื่อได้สัมผัสรสชาติ ซึ่งเต็มไปด้วยสมุนไพรนา ๆ ชนิดผสมกับเครื่องแกงเข้ากันอย่างลงตัว มีรสเผ็ดเล็กน้อย ออกเค็มนิดหน่อย เขาหยิบผักชีตามเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างเอร็ดอร่อยก่อนหันมาดึงจานไส้อั่วไปถือเองคนเดียว
ปริมาเดินมาถึงร้านอาหารของรีสอร์ท มองเห็นพี่ชายกำลังป้อนเพื่อนหนุ่มหน้าหวานพอดี
‘ตาย! แล้ว! นี่ขนาดต้องป้อนกันเลยเหรอ’ เธอยืนนิ่งมองการกระทำของพี่ชายอย่างตกตะลึง จะทำอย่างไรดีเนี่ย! ได้แต่ถอนหายใจ แล้วเดินไปประจำซุ้มเมี่ยงคำที่เธอรับผิดชอบอยู่
บนโต๊ะยาวถูกคลุมด้วยผ้าปูสีขาว ชามกระเบื้องลายดอกไม้ใส่สมุนไพรของเครื่องเมี่ยงคำวางอยู่ ได้แก่ ขิงและหอมแดง ที่หั่นแล้วเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดเล็กจิ๋ว ถัดไปเป็น มะนาวที่ถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ขนาดเล็ก ถั่วลิสงคั่วครึ่งซีก มะพร้าวคั่ว พริกซอย และที่ขาดไม่ได้คือน้ำเมี่ยงคำสูตรเด็ด ใบชะพลูวางเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่ในถาดกลมเป็นรูปก้นหอย ลูกค้าสามารถตักทานเองได้ตามใจชอบ
“ทานยังไงครับ” ปฏิการมองเห็นปริมาเดินมาได้ครู่หนึ่งจึงรีบเดินมาหาเธอ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวละมุนนั้น
ปริมาเงยหน้าขึ้นมองลูกค้าหนุ่มคนแรก ซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าซุ้ม กำลังส่งยิ้มหวานให้เธอ
“ไม่เคยกินหรือไง?” เธอหยิบช้อนวางใส่ชามเครื่องเมี่ยงคำแต่ละอย่าง
“ถ้าเคย แล้วจะถามเหรอ?” อีกฝ่ายตอบกวนไม่แพ้กัน
“แล้วมันคืออะไรล่ะ?” เขาจ้องหน้าแม่ค้า มีรอยยิ้มซ่อนอยู่ในสีหน้าและแววตานั้น
“อ่านสิคะ ป้ายมี” เธอบอกให้พ่อหนุ่มจอมกวนอ่านป้ายที่แขวนอยู่ตรงหน้าเขา
หนุ่มหน้าหวานอึ้งเล็กน้อย มองป้ายที่ห้อยอยู่ตรงหน้าเขาแท้ ๆ แต่กลับมองไม่เห็น มองเห็นแต่หน้าเธออย่างเดียว
“กินยังไงล่ะ ทำให้ดูหน่อย” เขาเอียงคอลงต่ำมองหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจัดเรียงเครื่องเมี่ยงคำอยู่นั่นแหละไม่สนใจลูกค้าอย่างเขาเลย หน้าตาดูเฉยชา ทำไมเธอถึงไม่ยิ้มให้เขาบ้าง
“มายืนทำอะไรเล่า...ถ้าไม่ดูแลลูกค้า” ชายหนุ่มบ่นเมื่อเห็นแม่ค้าตัวแสบยังนิ่งเฉย
คนหน้าบูดจึงหยิบใบชะพลูขึ้นมาจับจีบเป็นกรวยให้เขาดู
“นายหยิบใบชะพลูขึ้นมาทำตามสิ”
“ทำให้หน่อยน้า....” น้ำเสียงนั้นอ้อนเธอเต็มพิกัด
ปริมาฟังแล้วหมั่นไส้ รำคาญเขาเต็มที
“ได้สิ!” เธอหยิบช้อนตักสมุนไพรชามต่าง ๆ ใส่ลงในกรวยใบชะพลู
หนุ่มหน้าหวานได้แต่ยืนอมยิ้มที่เธอยอมทำให้ แต่ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นยัยตัวแสบกำลังตักพริกซอยเกือบช้อนใส่ลงในกรวยใบชะพลูด้วย เขาเบิกตาโต รีบเอื้อมมือไปจับมือแม่ตัวแสบเอาไว้
“เดี๋ยว ๆ พริกไม่ต้องนะ ฉันไม่กินพริกเยอะขนาดนี้” สีหน้านั้นตกใจไม่น้อย มือขาว ๆ นั้นยังไม่ยอมปล่อยมือเธอ
“เอามือของนายออกไป! เดี๋ยวนี้!” เธอแค่นเสียงบอกเขา แม่ครัวตัวแสบมองเขาด้วยดวงตาเขียวปั้ด พยายามดึงมือออกจากการจับกุมของลูกค้าหน้าหวาน เธอไม่มีมือว่างจะหยิกเขาอีกต่างหาก
“ห้ามใส่พริกนะ ไม่เอาพริก สัญญาก่อน”
ปริมาถอนหายใจ “ได้”
เขาจึงยอมปล่อยมือเธอ มองยัยตัวแสบวางช้อนลงในชามพริกซอยอย่างเดิม ก่อนตักถั่วลิสง มะนาว มะพร้าวคั่ว และราดด้วยน้ำเมี่ยงคำ แต่แทนที่จะยื่นมาให้เขา กลับเอาเข้าปากตัวเองเฉยเลย ให้มันได้อย่างนี้สิ!
“อ้าว! ทำไมไม่ส่งมาให้ฉันล่ะ” เขาโวยวายเมื่อเธอเอาเข้าปากตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
หนุ่มจอมกวนกลืนน้ำลายเพราะท่าทางของเธอนั้นบ่งบอกถึงความอร่อยโดนใจมาก
“ทำเองสิ! ไม่ทำก็ไม่ต้องกิน!” เธอกระแทกเสียงให้เขา
หนุ่มจอมกวนถอนหายใจ ทำหน้างอ ก่อนจะหยิบใบชะพลูขึ้นมาจับให้เป็นกรวยแล้วตักแต่ละอย่างใส่ลงในกรวย แล้วเงยหน้าอ้าปากกว้างเอาเข้าปาก รสชาติหวานพอดีเจอกับมะนาวเปรี้ยวตัดกันลงตัวมาก
“หืม...อร่อยจัง...” เขาเคี้ยวเมี่ยงคำอย่างเอร็ดอร่อยจนแก้มขาวละมุนตุงเป็นก้อนกลม ๆ
“แล้ว...แต่ละอย่างมีประโยชน์อะไรบ้างเหรอ” เขาคิดว่า หากต้องการชวนเธอคุยด้วย คงต้องถามถึงสาระประโยชน์ อีกฝ่ายจึงจะยอมตอบ
“ขิงช่วยขับลม ย่อยอาหาร หอมแดง ช่วยเรื่องภูมิแพ้ ชะพลูมีแคลนเซี่ยมสูง” หญิงสาวอธิบายสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละอย่างอย่างสั้น ๆ
ปฏิการก้มลงมองเวลา “ฉันไปเตรียมตัวร้องเพลงก่อนนะ อยากฟังเพลงอะไรล่ะ”
“นายจะร้องได้เหรอ ฉันอยากฟังเพลงสากลเก่า ๆ” หญิงสาวสบประมาทว่า เขาคงร้องไม่ได้แน่นอน
“ได้เลย The sound of silence เป็นไง เก่าพอมั้ย? รอฟังนะ” หนุ่มผมยาวยิ้มก่อนเดินไปเตรียมตัวขึ้นเวทีร้องเพลง ปล่อยให้ แม่ค้าตัวแสบมองตามด้วยความอึ้งไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะรู้จักเพลงนี้ด้วย
ไม่นานนักเธอได้ยินเสียงกีต้าร์ดังมาจากเวทีด้านใน เสียงนั้นหวานกังวาลใสไพเราะราวกับเสียงน้ำกำลังไหลริน จนต้องหยุดมองไปที่หน้าเวทีราวกับต้องมนต์สะกด หนุ่มผมยาวนั่งอยู่บนเก้าอี้สูงตรงกลางของเวที เขาสวมเสื้อยีนสีน้ำเงินเข้มแขนยาวที่พับขึ้นแค่ศอกทับเสื้อยืดสีขาว กับกางเกงยีนสีซีดและร้องเท้าผ้าใบ เสื้อสีเข้มส่งให้ใบหน้าขาวละมุนนั้นดูโดดเด่น กีต้าร์วางอยู่ในอ้อมแขนของเขา ผู้ชมด้านหน้าเวทีต่างตบมือเกรียวกราวเมื่อได้ยินเสียงกีต้าร์นั้นเริ่มบรรเลง
Hellow darkness my old friend
I've come to talk with you again
Because a vision softly creeping
Left its seeds while I was sleeping
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาร้องท่อนแรกของเพลง น้ำเสียงทุ้มนุ่มกังวานใสมีเสน่ห์มาก สะกดให้ผู้ชมต้องนิ่งฟังและจ้องมองเขาแต่เพียงผู้เดียว ไม่อาจละสายตาไปได้เลย
And the vision that was planted in my brain
Still remains
Within the sound of silence
In restless dreams I walked alone
Narrow streets of cobblestone
'Neath the halo of a street lamp
I turned my collar to the cold and damp
When my eyes were stabbed by the flash of a neon light
That split the night
And touched the sound of silence
And in the naked light I saw
Ten thousand people, maybe more
People talking without speaking
People hearing without listening
People writing songs that voices never share
No one dared
Disturb the sound of silence
Source: LyricFind
เมื่อถึงท่อนที่ต้องขึ้นเสียงสูงเขาร้องได้มีอย่างมีพลัง แต่ละถ้อยคำนั้นทอดน้ำเสียงออกมาได้อย่างไพเราะและนุ่มนวลมาก จบเพลงนั้น ผู้ชมต่างปรบมือให้เขาเสียงดังสนั่น