รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 18 ขออ้อนหน่อย

ตอนที่แล้ว  ตอนที่ 17  https://pantip.com/topic/40839208

ตอนที่ 18 

                ภายในร้านอาหารของบ้านไร่ทะเลฝัน เป็นอาคารไม้หลังคายกสูงมุงด้วยจาก ไม่มีประตูหรือผนัง  ตรงด้านข้างกั้นด้วยกระถางต้นไม้ล้วนเป็นผักที่กินได้  มีป้ายติดไว้ด้วยว่าคือผักอะไร มีประโยชน์และสารอาหารอะไรบ้าง  นอกจากนี้ยังประดับด้วยกระถางพืชผักสวนครัวต้นเล็กต้นน้อยแขวนอยู่ตามชายคา ตกแต่งอย่างน่ารัก  ร้านขายอาหารแบ่งเป็นซุ้มต่าง ๆ มีทั้งข้าวแกง  อาหารจานเดียว  ยำทั้งหลาย  มุมสลัดและผลไม้เน้นอาหารสุขภาพ  มุมก๋วยเตี๋ยว มุมของทอด มุมขนมหวาน มุมน้ำปั่นผักเพื่อสุขภาพและเครื่องดื่มสมุนไพร  ด้านในสุดของร้านเป็นเวทียกสูงเตี้ย ๆ ประดับประดาด้วยผักและผลไม้ไร้สารพิษ

                “การ กินไรเพิ่มไหม”  ปรามพาเพื่อนหน้าหวานเดินดูตามซุ้มอาหารต่าง ๆ หลังจากทานอาหารจานเดียวไปแล้ว
                “คุณปรามทานอะไรดีคะ” แม่ค้าทักทายเจ้าของรีสอร์ท
                “นี่ เพื่อนผมนะครับ  ชื่อ ปฏิการ”  เขาแนะนำเพื่อนซี้ให้แม่ครัวเก่าแก่ของร้านรู้จัก 
                “สวัสดีครับ  ผมขอฝากท้องด้วยนะครับ”  หนุ่มผมยาวยกมือไหว้ผู้มีอายุอย่างนอบน้อม
                “อยากทานอะไรบอกได้เลยนะคะ” แม่ค้ามองเพื่อนเจ้าของร้านอย่างเอ็นดู

                “กินอันนี้มั้ย ไส้อั่วสมุนไพรหัวปลี ”  ปรามมองไส้อั่วที่กำลังปิ้งอยู่บนเตาถ่าน  แล้วชี้นิ้วบอกแม่ค้าว่า เอาใส่จานมาหนึ่งชุด

                ปฏิการขมวดคิ้วย่น  คำว่า สมุนไพรดูไม่ค่อยถูกกันกับเขาเท่าไหร่  พลางยิ้มแหย ๆ เล็กน้อย  มองปรามรับจานไส้อั่วหัวปลีมา ซึ่งหั่นเป็นชิ้นพอดีคำเรียบร้อยแล้ว ตกแต่งด้วยผักเคียงคือผักกาดขาวโหรภา ผักชี และสะระเเหน่ 

                “ขอผักชีเพิ่มหน่อยครับ”  เจ้าของบ้านไร่ทะเลฝันบอกแม่ค้า เพราะรู้ว่า เพื่อนซี้ชอบทานผักชีมาก

                ปรามใช้ช้อนตักไส้อั่วหัวปลีเข้าปากโชว์ ทานคู่กับผักสด สีหน้านั้นบ่งบอกว่า อร่อยมาก
                “มาชิมดู”  เขาตักไส้อั่วไปตรงหน้าเพื่อนซี้

                หนุ่มผมยาวทำหน้าเบ้เล็กน้อย และบ่ายหน้าหนีเมื่อเพื่อนรักยื่นไส้อั่วมาจ่อที่ปาก
                “ลองก่อน ไม่อร่อยข้าให้แกตื้บเลย”  

                ปฏิการจึงยอมอ้าปากรับไส้อั่วหัวปลี  สีหน้าและแววตาของเขาเปลี่ยนทันที เมื่อได้สัมผัสรสชาติ ซึ่งเต็มไปด้วยสมุนไพรนา ๆ ชนิดผสมกับเครื่องแกงเข้ากันอย่างลงตัว มีรสเผ็ดเล็กน้อย ออกเค็มนิดหน่อย  เขาหยิบผักชีตามเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างเอร็ดอร่อยก่อนหันมาดึงจานไส้อั่วไปถือเองคนเดียว

                ปริมาเดินมาถึงร้านอาหารของรีสอร์ท  มองเห็นพี่ชายกำลังป้อนเพื่อนหนุ่มหน้าหวานพอดี
                ‘ตาย! แล้ว! นี่ขนาดต้องป้อนกันเลยเหรอ’  เธอยืนนิ่งมองการกระทำของพี่ชายอย่างตกตะลึง จะทำอย่างไรดีเนี่ย! ได้แต่ถอนหายใจ แล้วเดินไปประจำซุ้มเมี่ยงคำที่เธอรับผิดชอบอยู่

                บนโต๊ะยาวถูกคลุมด้วยผ้าปูสีขาว  ชามกระเบื้องลายดอกไม้ใส่สมุนไพรของเครื่องเมี่ยงคำวางอยู่  ได้แก่  ขิงและหอมแดง ที่หั่นแล้วเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดเล็กจิ๋ว ถัดไปเป็น  มะนาวที่ถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ขนาดเล็ก  ถั่วลิสงคั่วครึ่งซีก  มะพร้าวคั่ว พริกซอย และที่ขาดไม่ได้คือน้ำเมี่ยงคำสูตรเด็ด ใบชะพลูวางเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่ในถาดกลมเป็นรูปก้นหอย  ลูกค้าสามารถตักทานเองได้ตามใจชอบ

                “ทานยังไงครับ”   ปฏิการมองเห็นปริมาเดินมาได้ครู่หนึ่งจึงรีบเดินมาหาเธอ  รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวละมุนนั้น

                ปริมาเงยหน้าขึ้นมองลูกค้าหนุ่มคนแรก ซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าซุ้ม กำลังส่งยิ้มหวานให้เธอ
                “ไม่เคยกินหรือไง?”  เธอหยิบช้อนวางใส่ชามเครื่องเมี่ยงคำแต่ละอย่าง

                “ถ้าเคย  แล้วจะถามเหรอ?”  อีกฝ่ายตอบกวนไม่แพ้กัน
                “แล้วมันคืออะไรล่ะ?”  เขาจ้องหน้าแม่ค้า มีรอยยิ้มซ่อนอยู่ในสีหน้าและแววตานั้น

                “อ่านสิคะ ป้ายมี”  เธอบอกให้พ่อหนุ่มจอมกวนอ่านป้ายที่แขวนอยู่ตรงหน้าเขา

                หนุ่มหน้าหวานอึ้งเล็กน้อย  มองป้ายที่ห้อยอยู่ตรงหน้าเขาแท้ ๆ แต่กลับมองไม่เห็น  มองเห็นแต่หน้าเธออย่างเดียว
                “กินยังไงล่ะ  ทำให้ดูหน่อย”  เขาเอียงคอลงต่ำมองหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจัดเรียงเครื่องเมี่ยงคำอยู่นั่นแหละไม่สนใจลูกค้าอย่างเขาเลย  หน้าตาดูเฉยชา  ทำไมเธอถึงไม่ยิ้มให้เขาบ้าง
                “มายืนทำอะไรเล่า...ถ้าไม่ดูแลลูกค้า”  ชายหนุ่มบ่นเมื่อเห็นแม่ค้าตัวแสบยังนิ่งเฉย

                คนหน้าบูดจึงหยิบใบชะพลูขึ้นมาจับจีบเป็นกรวยให้เขาดู
                “นายหยิบใบชะพลูขึ้นมาทำตามสิ”
                “ทำให้หน่อยน้า....”  น้ำเสียงนั้นอ้อนเธอเต็มพิกัด

                ปริมาฟังแล้วหมั่นไส้ รำคาญเขาเต็มที
                “ได้สิ!”  เธอหยิบช้อนตักสมุนไพรชามต่าง ๆ ใส่ลงในกรวยใบชะพลู  

                หนุ่มหน้าหวานได้แต่ยืนอมยิ้มที่เธอยอมทำให้  แต่ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นยัยตัวแสบกำลังตักพริกซอยเกือบช้อนใส่ลงในกรวยใบชะพลูด้วย  เขาเบิกตาโต  รีบเอื้อมมือไปจับมือแม่ตัวแสบเอาไว้ 
                “เดี๋ยว ๆ  พริกไม่ต้องนะ ฉันไม่กินพริกเยอะขนาดนี้” สีหน้านั้นตกใจไม่น้อย มือขาว ๆ นั้นยังไม่ยอมปล่อยมือเธอ

                “เอามือของนายออกไป! เดี๋ยวนี้!”  เธอแค่นเสียงบอกเขา  แม่ครัวตัวแสบมองเขาด้วยดวงตาเขียวปั้ด  พยายามดึงมือออกจากการจับกุมของลูกค้าหน้าหวาน เธอไม่มีมือว่างจะหยิกเขาอีกต่างหาก
                “ห้ามใส่พริกนะ ไม่เอาพริก สัญญาก่อน” 

                ปริมาถอนหายใจ  “ได้”

                เขาจึงยอมปล่อยมือเธอ  มองยัยตัวแสบวางช้อนลงในชามพริกซอยอย่างเดิม  ก่อนตักถั่วลิสง มะนาว มะพร้าวคั่ว และราดด้วยน้ำเมี่ยงคำ  แต่แทนที่จะยื่นมาให้เขา กลับเอาเข้าปากตัวเองเฉยเลย  ให้มันได้อย่างนี้สิ!

                “อ้าว! ทำไมไม่ส่งมาให้ฉันล่ะ”  เขาโวยวายเมื่อเธอเอาเข้าปากตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
                หนุ่มจอมกวนกลืนน้ำลายเพราะท่าทางของเธอนั้นบ่งบอกถึงความอร่อยโดนใจมาก

                “ทำเองสิ! ไม่ทำก็ไม่ต้องกิน!” เธอกระแทกเสียงให้เขา

                หนุ่มจอมกวนถอนหายใจ ทำหน้างอ  ก่อนจะหยิบใบชะพลูขึ้นมาจับให้เป็นกรวยแล้วตักแต่ละอย่างใส่ลงในกรวย แล้วเงยหน้าอ้าปากกว้างเอาเข้าปาก รสชาติหวานพอดีเจอกับมะนาวเปรี้ยวตัดกันลงตัวมาก 
                “หืม...อร่อยจัง...”  เขาเคี้ยวเมี่ยงคำอย่างเอร็ดอร่อยจนแก้มขาวละมุนตุงเป็นก้อนกลม ๆ 

                “แล้ว...แต่ละอย่างมีประโยชน์อะไรบ้างเหรอ”  เขาคิดว่า หากต้องการชวนเธอคุยด้วย คงต้องถามถึงสาระประโยชน์  อีกฝ่ายจึงจะยอมตอบ

                “ขิงช่วยขับลม  ย่อยอาหาร  หอมแดง ช่วยเรื่องภูมิแพ้  ชะพลูมีแคลนเซี่ยมสูง”  หญิงสาวอธิบายสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละอย่างอย่างสั้น ๆ

                ปฏิการก้มลงมองเวลา  “ฉันไปเตรียมตัวร้องเพลงก่อนนะ  อยากฟังเพลงอะไรล่ะ”

                “นายจะร้องได้เหรอ  ฉันอยากฟังเพลงสากลเก่า ๆ”  หญิงสาวสบประมาทว่า เขาคงร้องไม่ได้แน่นอน

                “ได้เลย  The sound of silence เป็นไง เก่าพอมั้ย?  รอฟังนะ”  หนุ่มผมยาวยิ้มก่อนเดินไปเตรียมตัวขึ้นเวทีร้องเพลง ปล่อยให้ แม่ค้าตัวแสบมองตามด้วยความอึ้งไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะรู้จักเพลงนี้ด้วย

                ไม่นานนักเธอได้ยินเสียงกีต้าร์ดังมาจากเวทีด้านใน  เสียงนั้นหวานกังวาลใสไพเราะราวกับเสียงน้ำกำลังไหลริน จนต้องหยุดมองไปที่หน้าเวทีราวกับต้องมนต์สะกด  หนุ่มผมยาวนั่งอยู่บนเก้าอี้สูงตรงกลางของเวที เขาสวมเสื้อยีนสีน้ำเงินเข้มแขนยาวที่พับขึ้นแค่ศอกทับเสื้อยืดสีขาว กับกางเกงยีนสีซีดและร้องเท้าผ้าใบ เสื้อสีเข้มส่งให้ใบหน้าขาวละมุนนั้นดูโดดเด่น  กีต้าร์วางอยู่ในอ้อมแขนของเขา  ผู้ชมด้านหน้าเวทีต่างตบมือเกรียวกราวเมื่อได้ยินเสียงกีต้าร์นั้นเริ่มบรรเลง

                Hellow darkness my old friend
                 I've come to talk with you again
                Because a vision softly creeping  
                Left its seeds while I was sleeping
 
                เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาร้องท่อนแรกของเพลง  น้ำเสียงทุ้มนุ่มกังวานใสมีเสน่ห์มาก สะกดให้ผู้ชมต้องนิ่งฟังและจ้องมองเขาแต่เพียงผู้เดียว ไม่อาจละสายตาไปได้เลย

                And the vision that was planted in my brain
                Still remains
                Within the sound of silence
                In restless dreams I walked alone
                Narrow streets of cobblestone
                'Neath the halo of a street lamp
                I turned my collar to the cold and damp
                When my eyes were stabbed by the flash of a neon light
                That split the night
                And touched the sound of silence
                And in the naked light I saw
                Ten thousand people, maybe more
                People talking without speaking
                People hearing without listening
                People writing songs that voices never share
                No one dared
                Disturb the sound of silence
                Source: LyricFind
 
                
                  เมื่อถึงท่อนที่ต้องขึ้นเสียงสูงเขาร้องได้มีอย่างมีพลัง  แต่ละถ้อยคำนั้นทอดน้ำเสียงออกมาได้อย่างไพเราะและนุ่มนวลมาก  จบเพลงนั้น  ผู้ชมต่างปรบมือให้เขาเสียงดังสนั่น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่