وَلَا تَقْفُ مَا لَيْسَ لَكَ بِهِ عِلْمٌ ۚ إِنَّ السَّمْعَ وَالْبَصَرَ وَالْفُؤَادَ كُلُّ أُولَٰئِكَ كَانَ عَنْهُ مَسْئُولًا {36}
[Shakir 17:36] And follow not that of which you have not the knowledge; surely the hearing and the sight and the heart,
all of these, shall be questioned about that.
อัลลอฮ์ทรงเตือนมุสลิมว่าอย่าเชื่อเรื่องราวใดๆที่เราไม่มีความรู้ จะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนจนแน่ใจว่าเป็นเรื่องราวที่มีเหตุผลเพียงพอที่จะเชื่อถือได้
แล้วจึงจะตัดสินใจเชื่อ และ/หรือ ปฏิบัติตาม (17:36)
(เรื่องที่จะอธิบายต่อไปนี้ก็เช่นเดียวกัน อย่าเชื่อจนกว่าท่านจะตรวจสอบกับอัลกุรอานเสียก่อน ว่าการอ้างอิงถูกต้อง)
การแบ่งเป็นนิกายต่างๆในศาสนาอิสลาม มุสลิมไม่อาจจะแบ่งศาสนาออกเป็นนิกายต่างๆได้ เนื่องจากเป็นคำสั่งห้ามของอัลลอฮ์, และ
ท่านศาสดามูฮัมมัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ที่แบ่งแยกอิสลามออกเป็นนิกายต่างๆเหล่านั้น บรรดามุสลิมที่เปิดเผยตัวเองว่าสังกัดนิกายหนึ่งนิกายใด เขาเหล่านั้นฝ่าฝืนคำสั่งของ อัลลอฮ์และไม่ปฏิบัติตามคำสอนของท่านรอซูล และพวกเขาจะฝ่าฝืนบัญญํติของอัลลอฮ์ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพวกเขาไม่ยึดอัลกุรอานเป็นหลักการของอิสลามเพียงอย่างเดียว แต่นำสิ่งอื่นที่ไม่ใช่บัญญัติของอัลลอฮ์มาใช้ควบคู่ไปกับอัลกุรอาน เขาจะกลายเป็นผู้ทำชิริกหรือผู้สร้างภาคี
อัลกุรอานบัญญัติไว้ให้มุสลิมทุกๆคนเชื่อฟังท่านรอซูล และพระองค์ทรงห้ามท่านรอซูลไม่ให้เผยแพร่สิ่งใดนอกจากเนื้อหาของอัลกุรอานเท่านั้น และหากว่ามุสลิมผู้ใดไม่เชื่อฟังอัลลอฮ์และท่านรอซูลแล้ว เขาจะมีที่อยู่ในไฟนรก อัลกุรอานเท่านั้นที่เป็นแหล่งวิชาเพียงแหล่งเดียวในศาสนาอิสลาม ท่านรอซูลไม่เคยสอนอะไรต่อมุสลิมหรือสาวกของท่านนอกจากอัลกุรอานเท่านั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ {72:23} เว้นแต่ฉันจะเผยแผ่ (สิ่งที่รับ) จากอัลลอฮฺ และสาส์นของพระองค์ และผู้ใดฝ่าฝืนอัลลอฮฺ และศาสนทูตของพระองค์แท้จริงสำหรับเขานั้นคือเพลิงนรก เป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นนิรันดร
{6:19} จงกล่าวเถิดว่า "สิ่งใดใหญ่ยิ่งที่สุดในการเป็นพยาน" จงกล่าวเถิดว่า "อัลลอฮฺ พระผู้ทรงเป็นพยานระหว่างฉันกับพวกเธอ และอัลกุรอานนี้ก็ได้ถูกเปิดเผยสำแดงแก่ฉัน เพื่อที่ฉันจะได้ใช้อัลกุรอานนี้ตักเตือนพวกเธอและผู้ที่อัลกุรอานนี้ไปถึง พวกเธอจะยืนยันอย่างจริงจังกระนั้นหรือ ว่ามีพระผู้เป็นเจ้าอื่นร่วมกับอัลลอฮฺ?" จงกล่าวเถิดว่า "ฉันจะไม่ยืนยัน" จงกล่าวเถิดว่า "พระองค์นั้นคือพระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น และแท้จริงฉันขอปลีกตัวออกจากสิ่งที่พวกเธอตั้งภาคี"
"อัลลอฮ์ทรงมีคำสั่งต่อท่านรอซูลว่า: อย่างแน่นอนบรรดาผู้ที่แบ่งแยกศาสนาออกเป็นส่วนและกลายเป็นนิกายต่างๆ ท่านศาสดามูฮัมมัด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา เรื่องที่พวกเขากระทำนั้นเป็นเรื่องของอัลลอฮ์ แล้วพระองค์จะบอกให้พวกเขารู้เอง มุสลิมจะต้องหันหน้าเข้าสู่อัลลอฮ์และจงระมัดระวังหน้าที่ๆมีต่อพระองค์ จงทำละหมาดและอย่าเป็นผู้สร้างภาคี (นับถือพระเจ้าหลายองค์) อย่างเช่นบรรดาผู้ที่แบ่งแยกศาสนาออกเป็นนิกายต่างๆแล้วพวกเขาก็คลั้งไคล้กับนิกายของเขาเหล่านั้น"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้نَّ الَّذِينَ فَرَّقُوا دِينَهُمْ وَكَانُوا شِيَعًا لَسْتَ مِنْهُمْ فِي شَيْءٍ ۚ إِنَّمَا أَمْرُهُمْ إِلَى اللَّهِ ثُمَّ يُنَبِّئُهُمْ بِمَا كَانُوا يَفْعَلُونَ {159}
[Shakir 6:159] Surely they who divided their religion into parts and became sects, you have no concern with them; their affair is only with Allah, then He will inform them of what they did.
مُنِيبِينَ إِلَيْهِ وَاتَّقُوهُ وَأَقِيمُوا الصَّلَاةَ وَلَا تَكُونُوا مِنَ الْمُشْرِكِينَ {31}
[Shakir 30:31] Turning to Him, and be careful of (your duty to) Him and keep up prayer and be not of the polytheists
مِنَ الَّذِينَ فَرَّقُوا دِينَهُمْ وَكَانُوا شِيَعًا ۖ كُلُّ حِزْبٍ بِمَا لَدَيْهِمْ فَرِحُونَ {32}
[Shakir 30:32] Of those who divided their religion and became sects every sect rejoicing in what they had with them
หลักความศรัทธาในศาสนาอิสลาม ที่สำคัญ มี 1.พระองค์อัลลอฮ์ พระเจ้าองค์เดียวผู้มีอำนาจสูงสุด, 2.อัลกุรอานเป็นแนวทางดำเนินชีวิตประจำวันของมุสลิมที่อัลลอฮ์ทรงประทานผ่านท่านศาสดามูฮัมมัด เพื่อประกาศข้อความข่าวสารของพระเจ้าแก่มวลมนุษยชาติ, และ 3. ท่านศาสนทูตมูฮัมมัดผู้รับข่าวสารจาก อัลลอฮแล้วนำมาประกาศแก่มวลชน
เรื่องราวใดๆก็ตามที่ไม่อยู่ในบริบทของ อัลกุรอานแล้วไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามของ อัลลอฮ์และท่านศาสนทูตมูฮัมมัด
หลักความศรัทธาในศาสนาอิสลาม ที่กล่าวมานี้ ผู้อ่านจะต้องใช้อัลกุรอานเป็นมารตฐานในการหาความสัจจริง เนื่องจากเมื่อมุสลิม ฝ่าฝืนคำสั่งของ อัลลอฮ์ และได้แบ่งอยกศาสนาอิสลามเป็นนิกายต่างๆแล้ว นิกายต่างๆก็สร้างหลักการในเรื่องความศรัทธา และการปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป ตามความพอใจของผู้นำนิกายของแต่ละนิกาย
สิ่งที่มุสลิมควรทำคือค้นหาหลักฐานในอัลกุร อาน ถึงหลักการศรัทธาต่อศาสนาอิสลามที่กล่าวมานี้ว่าถูกต้องตามที่อัลลอฮ์บัญญัติไว้หรือไม่
Ibn Maajah (215) and Ahmad (11870) narrated that Anas ibn Maalik (may Allah be pleased with him) said:
The Messenger of Allah (blessings and peace of Allah be upon him) said: “Verily Allah has His own people among mankind.” They said: O Messenger of Allah, who are they? He said:
“They are the people of the Qur’an, Allah’s own people and those who are closest to Him.” Classed as saheeh by al-Albaani in Saheeh Ibn Maajah.
การแบ่งแยกศาสนาอิสลามออกเป็นนิกายต่างๆ เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮ์ และเป็นการทำชิริก (สร้างภาคี)
อัลกุรอานบัญญัติไว้ให้มุสลิมทุกๆคนเชื่อฟังท่านรอซูล และพระองค์ทรงห้ามท่านรอซูลไม่ให้เผยแพร่สิ่งใดนอกจากเนื้อหาของอัลกุรอานเท่านั้น และหากว่ามุสลิมผู้ใดไม่เชื่อฟังอัลลอฮ์และท่านรอซูลแล้ว เขาจะมีที่อยู่ในไฟนรก อัลกุรอานเท่านั้นที่เป็นแหล่งวิชาเพียงแหล่งเดียวในศาสนาอิสลาม ท่านรอซูลไม่เคยสอนอะไรต่อมุสลิมหรือสาวกของท่านนอกจากอัลกุรอานเท่านั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"อัลลอฮ์ทรงมีคำสั่งต่อท่านรอซูลว่า: อย่างแน่นอนบรรดาผู้ที่แบ่งแยกศาสนาออกเป็นส่วนและกลายเป็นนิกายต่างๆ ท่านศาสดามูฮัมมัด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา เรื่องที่พวกเขากระทำนั้นเป็นเรื่องของอัลลอฮ์ แล้วพระองค์จะบอกให้พวกเขารู้เอง มุสลิมจะต้องหันหน้าเข้าสู่อัลลอฮ์และจงระมัดระวังหน้าที่ๆมีต่อพระองค์ จงทำละหมาดและอย่าเป็นผู้สร้างภาคี (นับถือพระเจ้าหลายองค์) อย่างเช่นบรรดาผู้ที่แบ่งแยกศาสนาออกเป็นนิกายต่างๆแล้วพวกเขาก็คลั้งไคล้กับนิกายของเขาเหล่านั้น"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลักความศรัทธาในศาสนาอิสลาม ที่สำคัญ มี 1.พระองค์อัลลอฮ์ พระเจ้าองค์เดียวผู้มีอำนาจสูงสุด, 2.อัลกุรอานเป็นแนวทางดำเนินชีวิตประจำวันของมุสลิมที่อัลลอฮ์ทรงประทานผ่านท่านศาสดามูฮัมมัด เพื่อประกาศข้อความข่าวสารของพระเจ้าแก่มวลมนุษยชาติ, และ 3. ท่านศาสนทูตมูฮัมมัดผู้รับข่าวสารจาก อัลลอฮแล้วนำมาประกาศแก่มวลชน เรื่องราวใดๆก็ตามที่ไม่อยู่ในบริบทของ อัลกุรอานแล้วไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามของ อัลลอฮ์และท่านศาสนทูตมูฮัมมัด
หลักความศรัทธาในศาสนาอิสลาม ที่กล่าวมานี้ ผู้อ่านจะต้องใช้อัลกุรอานเป็นมารตฐานในการหาความสัจจริง เนื่องจากเมื่อมุสลิม ฝ่าฝืนคำสั่งของ อัลลอฮ์ และได้แบ่งอยกศาสนาอิสลามเป็นนิกายต่างๆแล้ว นิกายต่างๆก็สร้างหลักการในเรื่องความศรัทธา และการปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป ตามความพอใจของผู้นำนิกายของแต่ละนิกาย
สิ่งที่มุสลิมควรทำคือค้นหาหลักฐานในอัลกุร อาน ถึงหลักการศรัทธาต่อศาสนาอิสลามที่กล่าวมานี้ว่าถูกต้องตามที่อัลลอฮ์บัญญัติไว้หรือไม่
Ibn Maajah (215) and Ahmad (11870) narrated that Anas ibn Maalik (may Allah be pleased with him) said:
The Messenger of Allah (blessings and peace of Allah be upon him) said: “Verily Allah has His own people among mankind.” They said: O Messenger of Allah, who are they? He said: “They are the people of the Qur’an, Allah’s own people and those who are closest to Him.” Classed as saheeh by al-Albaani in Saheeh Ibn Maajah.