พืชวงศ์ขิง 8 ชนิดใหม่ของโลกและรายงานใหม่อีก 1 ชนิดในประเทศไทย


ดอกขมิ้นน้อยหรือ “Khamin-Noi” / Cr.ภาพถ่าย สวทช.


วันที่ 22 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ (International Day of Biological Diversity) สำหรับปีนี้ นักวิชาการไทยค้นพบ พืชวงศ์ขิง 8 ชนิดใหม่ของโลก เช่น กระเจียวจรัญ กระเจียวรังสิมา ขมิ้นน้อย ขมิ้นพวงเพ็ญ และได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เชี่ยวชาญพืชวงศ์ขิงและนักพฤกษศาสตร์ของไทย นอกจากนี้ ยังพบพืชวงศ์ขิงที่มีการรายงานใหม่ในประเทศไทยอีกหนึ่งชนิด ซึ่งเตรียมทำการศึกษาและอนุรักษ์ในระยะยาว

ทั้งนี้ ความหลากหลายทางชีวภาพ หมายถึง สิ่งมีชีวิตนานาชนิด เช่น พืชและสัตว์รวมทั้งสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่มีความแตกต่างกันตามหน่วยของพันธุกรรมและสภาพถิ่นที่อยู่อาศัย โดยสายพันธุ์ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะมีความหลากหลายทางพันธุกรรม ซึ่งหากถิ่นที่อยู่อาศัยมีความแตกต่างกันมากเพียงใดก็ยิ่งมีสิ่งชีวิตหลากหลายมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

ทีมนักวิจัยนำโดย รศ.ดร.สุรพล แสนสุข นักวิจัยสถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช และ ผศ.ดร.ปิยะพร แสนสุข นักวิจัยภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งได้รับทุนวิจัยจาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อดำเนินโครงการองค์ความรู้พื้นฐานโครโมโซมของพืชวงศ์ขิงในประเทศไทย


กระเจียวรังสิมา หรือ Krachiao Rangsima” / Cr.ภาพถ่าย สวทช.


โดยในช่วง ปี 2563 ที่ผ่านมา ทีมนักวิจัยได้สำรวจและเก็บข้อมูลพืชวงศ์ขิงในประเทศไทย เพื่อนำตัวอย่างพืชมาศึกษาโครโมโซม และได้ตรวจสอบลักษณะพืชเพื่อจำแนกพืชให้ได้ชื่อวิทยาศาสตร์ของพืชแต่ละชนิด โดยแบ่งเป็นสกุลสกุลขมิ้นหรือสกุลกระเจียว (Curcuma) 6 ชนิด และสกุลเปราะ (Kaempferia)2 ชนิด ที่มีลักษณะพืชที่แตกต่างและไม่ตรงกับพืชชนิดอื่นๆ โดยผู้วิจัยตั้งชื่อตามกฎเกณฑ์การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของพืช และได้ตีพิมพ์ลงในวารสาร Biodiversitas เรียบร้อยแล้ว โดยพืชตระกูลขิงชนิดใหม่ของโลกทั้ง 8 ชนิด ประกอบด้วย 

-  ชนิดที่ 1 ขมิ้นน้อยหรือ Khamin-Noi Curcuma chantaranothaii Boonma & Saensouk เป็นพืชป่าจากจังหวัดนครนายก ที่นำมาปลูกเป็นไม้ประดับทั่วประเทศไทย ชื่อวิทยาศาสตร์ของพืชชนิดนี้ตั้งเป็นเกียรติแก่ ศาสตราจารย์ ดร.ประนอม จันทรโณทัย ผู้เป็นนักพฤกษศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในแวดวงพฤกษศาสตร์ของประเทศไทยและของโลก

-  ชนิดที่ 2 กระเจียวรังสิมา หรือ Krachiao Rangsima หรืออีกชื่อคือ บุษราคัม หรือ Bussarakham มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma rangsimae Boonma & Saensouk พบในจังหวัดนครนายก สระบุรี ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และนครราชสีมา ชื่อวิทยาศาสตร์พืชชนิดนี้ตั้งเป็นเกียรติแก่ คุณรังสิมา ตัณฑเลขา ผู้อำนวยการโปรแกรมอาวุโส โปรแกรมการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและการใช้ประโยชน์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังและสนับสนุนงานวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน


ขมิ้นพวงเพ็ญหรือ “Khamin-Puangpen” / Cr.ภาพถ่าย สวทช.


-  ชนิดที่ 3 ขมิ้นพวงเพ็ญหรือ Khamin-Puangpen มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma puangpeniae Boonma & Saensouk พืชชนิดนี้อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับพวกขมิ้นหรือกระเจียว พืชชนิดนี้พบที่จังหวัดราชบุรี ได้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์พืชชนิดนี้เป็นเกียรติแก่ ศาสตราจารย์พวงเพ็ญ ศิริรักษ์ ซึ่งเป็นคนไทยคนแรกที่ศึกษาพืชวงศ์ขิงในประเทศไทย

-  ชนิดที่ 4 กระเจียวจรัญ หรือ Krachiao Charan มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma charanii Boonma & Saensouk อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับพวกขมิ้นหรือกระเจียว พืชชนิดนี้พบที่จังหวัดลพบุรี ได้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์พืชชนิดนี้เป็นเกียรติแก่ ดร.จรัญ มากน้อย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญพืชวงศ์ขิง โดยเฉพาะสกุล Curcuma ในประเทศไทย

-  ชนิดที่ 5 พญาว่าน หรือ Phraya Wan มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma phrayawan Boonma & Saensouk พบที่จังหวัดนครนายก และปลูกเป็นพืชสมุนไพรทั่วไทย ได้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์พืชชนิดนี้ตามชื่อพื้นเมืองที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือ “พญาว่าน”



 กระเจียวจรัญหรือ “Krachiao Charan”  / Cr.ภาพถ่าย สวทช.


-  ชนิดที่ 6 กระเจียวม่วง หรือ Amethyst มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma purpurata Boonma & Saensouk พบที่จังหวัดศรีสะเกษ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ได้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์พืชชนิดนี้ตามสีม่วงของดอกพืช

สำหรับพืชในวงศ์ขิงชนิดใหม่ของโลกที่พบเพิ่มเติม จากการศึกษาของ รศ.ดร.สุรพล แสนสุข นายธวัชพงศ์ บุญมา และ ผศ.ดร.ปิยะพร แสนสุข ซึ่งอยู่ในสกุลเปราะ (Kaempferia) 2 ชนิดนั้นได้แก่
-  ชนิดที่ 7  นิลกาฬ หรือ Nillakan มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Kaempferia nigrifolia Boonma & Saensouk มีลักษณะเด่นคือ ใบมีสีดำ พบทางภาคกลางของประเทศไทย ซึ่งชื่อ นิลกาฬ เป็นชื่อพื้นเมือง ที่ตั้งขึ้นตามลักษณะเด่นของพืชคือ ใบมีสีดำแต่ดอกสีม่วง

-  ชนิดที่ 8  ว่านกระชายดำเทียม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Kaempferia pseudoparviflora Saensouk and P. Saensouk ลักษณะเด่นของพืชคือ มีใบเดียว
ก้านช่อดอกสั้น และช่อดอกอัดแน่น พบทางภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งชื่อเรียกเป็นชื่อพื้นเมืองเช่นกัน



พญาว่าน หรือ “Phraya Wan” / Cr.ภาพถ่าย สวทช.

 
ส่วนพืชวงศ์ขิงที่มีการรายงานใหม่ในประเทศไทย 1 ชนิด คือ " ว่านหัวน้อย " มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Curcuma peramoena Souvann. & Maknoi. พบครั้งแรกที่ สปป. ลาว และมีการพบในประเทศไทยที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ลักษณะเด่นคือ ช่อดอกอัดแน่น ดอกสีขาวปนสีชมพูอ่อน กลีบปากมีแถบสีเหลือง

ทั้งนี้ รศ.ดร.สุรพล กล่าวเสริมว่า “การค้นพบพืชวงศ์ขิงชนิดใหม่ของโลกทั้ง 8 ชนิดนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีของประเทศไทย ที่แสดงให้เห็นว่าประเทศไทย
มีความหลากหลายทางชีวภาพ เพราะพืชวงศ์ขิงเป็นพืชที่มีประโยชน์ทั้งสรรพคุณของสมุนไพรไทย เป็นพืชผักพื้นบ้าน เป็นไม้ดอกไม้ประดับ และยังมีความสวยงามของต้นและดอกสีสันสดใส ควรค่าแก่การอนุรักษ์ รักษา”

ตอนนี้ คณะผู้วิจัยกำลังมีแนวทางในการขยายพันธุ์จากเหง้าและขยายพันธุ์โดยเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ รวมทั้งถ่ายทอดความรู้ที่เกิดจากงานวิจัย ถ่ายทอดลงสู่ชุมชนนักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมทั้งผู้สนใจทั่วไป เพื่อทำการอนุรักษ์สายพันธุ์ต่างๆ ในระยะยาวต่อไป


กระเจียวม่วง หรือ Amethyst 


ว่านกระจายดำเทียม / ภาพถ่าย สวทช.


นิลกาฬ / ภาพถ่าย สวทช.



ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช)

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่