กว่าจะเป็นบังกลาเทศ ตอนที่ 2

หลังจากที่มีการแบ่งแยกดินแดนกันระหว่างปากีสถานและอินเดีย โดยฝั่งตะวันตกนั้นได้มีการแบ่งดินแดนที่มีพรมแดนติดกับอัฟกานิสถานและอิหร่าน
ส่วนฝั่งตะวันออกที่มีกลุ่มชาวมุสลิมอยู่กันอย่างหนาแน่น ก็ได้มีการสำรวจพื้นที่ที่จะแบ่งตามศาสนาที่นับถือกันส่วนมากของประชากรในดินแดนนั้นๆ 
ฝั่งตะวันตกของเขตเบงกอล (กัลกัตตา) ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเบงกาลีฮินดู ได้ถูกแบ่งเป็นของอินเดียซึ่งต่อมาก็ได้เป็นรัฐเบงกอลตะวันตก
ส่วนฝั่งตะวันออกของเขตเบงกอล (ธากา) ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเบงกาลีมุสลิม ได้ถูกแบ่งเป็นของปากีสถานในชื่อเบงกอลตะวันออก
หลังการแยกตัว มีกลุ่ม Rohingya และชาวยะไข่มุสลิมใน British Burma ขอเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเบงกอลตะวันออกด้วย แต่ถูกปัดปฏิเสธไป

อย่างไรก็ตาม เขต Sylhet ในจังหวัดอัสสัม ได้ขอโหวตรวมกับเบงกอลตะวันออก รวมไปถึงเขตเนินเขาจิตตะกองซึ่งมีประชากรพุทธได้ถูกผนวกด้วย
เมื่อมีการแบ่งแยกเรียบร้อยแล้ว ดินแดนของปากีสถานจึงมี 2 ส่วน คือฝั่งตะวันตกซึ่งติดกับอัฟกานิสถานและอิหร่าน และฝั่งตะวันออกที่ติดกับพม่า
เป็นเรื่องที่ทั้งน่าแปลกใจและดีที่ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นระหว่างการอพยพของประชากรทั้ง 2 ฝั่ง แตกต่างกับฝั่งตะวันตกที่เกิดความรุนแรงต่อเนื่อง
สาเหตุหนึ่งอาจจะเพราะว่า ประชากรส่วนใหญ่ที่อพยพไปมานั้นก็คือชาวเบงกาลีด้วยกันเอง ในขณะที่ฝั่งตะวันตกมีหลากหลายเชื้อชาติอพยพกันไปมา
ถึงกระนั้น ช่วงที่ฝั่งตะวันออกเกิดความวุ่นวายทั้งก่อนเอกราชและหลังเอกราช ก็ปรากฎว่าประชากรบางส่วนได้อพยพลี้ภัยมายังรัฐเบงกอลตะวันตก

ทว่า จุดเริ่มต้นของการแตกหักเกิดขึ้นเมื่อ Jinnah ได้ประกาศว่า ภาษาราชการของปากีสถานคืออูรดู สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มชาตินิยมเบงกาลี
มีความพยายามจะให้ใช้ภาษาเบงกาลีที่เขียนด้วยอักษรอาหรับ แต่ถูกปัดตกไปก่อนจะเกิดการประท้วงครั้งใหญ่โดยนักศึกษาในมหาวิทยาลัยธากา
การประท้วงดำเนินอยู่ 2 วัน ก่อนที่จะเกิดการปะทะกันกับและได้มีการปราบปรามจนมีผู้เสียชีวิตซึ่งต่อมาได้รับการยกย่องเป็น 'ผู้พลีชีพเพื่อภาษา'
ฝ่ายการเมืองในปากีสถานตะวันตกกล่าวหาว่า 'ฝ่ายฮินดู' อยู่เบื้องหลังการประท้วงครั้งนี้ และเป็นความพยายามในการรื้อฟื้น 'วัฒนธรรมฮินดู' ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม ภายหลังปากีสถานได้ประกาศให้ภาษาเบงกาลีเป็นภาษาราชการคู่กับอูรดู แต่เกือบจะถูกปัดตกไปในสมัยของนายพล Ayub Khan

เมื่อ A. K. Fazlul Huq ได้เป็นมุขมนตรีของปากีสถานตะวันออก เขาได้เริ่มก่อตั้ง Bangla Academy เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมและภาษาของเบงกาลี
เขายังเรียกร้องให้รัฐบาลสหพันธ์ของปากีสถาน มีหน้าที่แค่ทำหน้าที่ทางการต่างประเทศและทางความมั่นคง นอกนั้นให้เป็นหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่น
 A. K. Fazlul Huq เป็นนักการเมืองยอดนิยมถึงขั้นกษัตริย์แห่งซาอุดีอาระเบียเคยทรงส่งเครื่องบินมารับเขาเพื่อไปพบปะสนทนากับพระองค์มาแล้ว
 A. K. Fazlul Huq ยังเคยพบปะกับผู้นำอินเดีย ซึ่งทำให้ผู้นำฝ่ายปากีสถานถึงกับระแวงและทำให้เขาต้องหลุดออกจากเก้าอี้ของมุขมนตรีไปในที่สุด
เมื่อ Mohammad Ali Bogra ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของปากีสถาน เขาได้ประกาศให้ปากีสถาน 2 ฝั่งมีสถานะเป็นมณฑลเพื่อเพิ่มอำนาจปกครองตนเอง

ปี 1956 ปากีสถานประกาศใช้รัฐธรรมนูญ และพ้นสภาพในฐานะประเทศในเครือจักรภพและกลายเป็นรัฐสหพันธ์ในชื่อ สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน 
อย่างไรก็ตาม เพียง 2 ปีให้หลัง ฝั่งตะวันตกเกิดความวุ่นวายทางการเมืองจนมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกและตามมาด้วยการทำรัฐประหารรัฐบาล
ฝั่งตะวันตกประกาศใช้กฎอัยการศึกจนถึงปี 1962 เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้น ซึ่งได้มีการประกาศใช้ระบอบประธานาธิบดีโดยตรง
นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มอำนาจการปกครองตนเองให้กับรัฐบาลท้องถิ่นอีกด้วย ซึ่งทำให้รัฐบาลในปากีสถานตะวันออกมีอำนาจปกครองตนเองมากขึ้น
กรุงธากายังได้รับการประกาศให้เป็นเมืองหลวงที่สองของปากีสถาน และช่วงเวลาดังกล่าว Sheikh Mujibur Rahman ก็ได้เริ่มขึ้นมามีบทบาท ....
----
กว่าจะเป็นบังกลาเทศ

ตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/40630094
ตอนที่ 3 https://pantip.com/topic/40641375
ตอนที่ 4 https://pantip.com/topic/40643022
ตอนที่ 5 (จบ) https://pantip.com/topic/40686594
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่