เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนปีที่แล้ว (2020) แม่เราขับรถไปทำงานตามปกติ มีมอเตอร์ไซส์จากเลนตรงข้ามมาด้วยความเร็ว และล้มหลุดเลนมา พุ่งตรงมาที่รถแม่และกระแทกอย่างแรง ตัวคนขับเสียชีวิตคาใต้ท้องรถ ส่วนมอไซค์กลิ้งกลับไปกระแทกกับรถอีกคันในเลนเดิมที่มอไซค์มา โชคมีที่ทางรถเรามีกล้องหน้ารถซึ่งเห็นภาพเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน วันนั้นแม่อยู่คนเดียว ตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเราอยู่ต่างจังหวัด ได้แต่ติดต่อกับประกันให้เข้าไปช่วยดู (ประกันชั้น3) ประกันได้ทำการถ่ายภาพทุกอย่างเก็บไว้ และลากรถเข้าอู่
จากเหตุการณ์นั้นแม่ได้ไปเคารพศพผู้เสียชีวิตและช่วยเหลือด้วยเงินจำนวนหนึ่งที่พอช่วยไหว แต่ในงานครอบครัวผู้เสียหายได้กล่าวร้ายว่าแม่เราขับรถชนลูกเขา ทั้งๆที่ได้ให้คลิปวิดีโอจากกล้องไปแล้วว่า มอไซค์ล้มจากเลนเข้าแล้วพุ่งมากระแทกที่รถเรา ตอนนั้นยอมรับว่าเราโกรธมาก ครอบครัวเรามีรถยนต์คันเดียว ที่เหมือนมือเหมือนเท้าช่วยในการทำมาหากิน ตอนนี้เสียรถไปทั้งคันทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ยังต้องมาโดนกล่าวร้ายว่าขับรถชนอีก มันเป็นช่วงที่แย่มากๆ
ทางอู่ได้ประเมินค่าซ่อมรถมาให้โดยอยู่ที่ 120,000 เพราะรถเสียหายทั้งคัน
ทางเราไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น และประกันชั้นสามไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ จึงตั้งใจว่าจะไม่ซ่อม อีกอย่างซ่อมมาคงไม่กล้าใช้ ได้แต่บอกกับประกันไปว่าคงไม่ซ่อมนะ โดยตั้งใจว่าจะลากรถออกมาด้วยกลัวเสียค่าจอด แต่ประกันบอกว่า ไม่ต้องกังวล นั่นเป็นอู่ประกัน ไม่อยากให้เสียค่าลากและเอารถมาจอดทิ้งไว้กลางแดด
เราเชื่อประกัน เรื่องผ่านมาจนเดือนมกรา ปี 2021 คดียังไม่คืบหน้าไปไหน แต่ดันมีปัญหาเพิ่ม เพราะอู่ได้โทรแจ้งให้ไปเอารถออก โดยต้องจ่ายค่าจอดและค่าเสียเวลา วันละ 500 ซึ่งเราคงไม่มีปัญญาหาไปจ่าย ยิ่งในสถาการณ์โควิดแบบนี้ ร้านโดนปิดมาเป็นเดือนๆ หากินได้แต่ละวันประคองไปก็แย่แล้ว จึงได้บอกกับอู่ไป จนมาเดือนกุมภาที่ผ่านมา มีจดหมายมาจากทนายของอู่ บอกว่าให้ไปนำรถออกพร้อมจ่ายค่าจอดวันละ 1500 และค่าเสียเวลา รวมแล้ว สี่แสนกว่าบาท ไม่งั้นจะส่งฟ้อง ซึ่งทางเราก็คงปล่อยให้ฟ้องไป
ตอนนี้ไม่รู้จะหาทางออกยังไงดี จากเหตุการณ์วันนั้น กว่าจะผ่านมาได้ในแต่ละวัน ก็ได้แต่พูดให้กำลังใจแม่ ให้คิดในทางบวก อย่างน้อยเราเสียรถไป แต่แม่ปลอดภัยถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
แต่ยิ่งพยายามทำใจได้กับเหมือนยิ่งมีปัญหาเพิ่มเข้ามา คิดไม่ออกจริงๆว่าควรทำยังไงดี
ทำยังไงดี มีมอไซค์ล้มลงมาเสียชีวิตคาใต้ท้องรถ
จากเหตุการณ์นั้นแม่ได้ไปเคารพศพผู้เสียชีวิตและช่วยเหลือด้วยเงินจำนวนหนึ่งที่พอช่วยไหว แต่ในงานครอบครัวผู้เสียหายได้กล่าวร้ายว่าแม่เราขับรถชนลูกเขา ทั้งๆที่ได้ให้คลิปวิดีโอจากกล้องไปแล้วว่า มอไซค์ล้มจากเลนเข้าแล้วพุ่งมากระแทกที่รถเรา ตอนนั้นยอมรับว่าเราโกรธมาก ครอบครัวเรามีรถยนต์คันเดียว ที่เหมือนมือเหมือนเท้าช่วยในการทำมาหากิน ตอนนี้เสียรถไปทั้งคันทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ยังต้องมาโดนกล่าวร้ายว่าขับรถชนอีก มันเป็นช่วงที่แย่มากๆ
ทางอู่ได้ประเมินค่าซ่อมรถมาให้โดยอยู่ที่ 120,000 เพราะรถเสียหายทั้งคัน
ทางเราไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น และประกันชั้นสามไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ จึงตั้งใจว่าจะไม่ซ่อม อีกอย่างซ่อมมาคงไม่กล้าใช้ ได้แต่บอกกับประกันไปว่าคงไม่ซ่อมนะ โดยตั้งใจว่าจะลากรถออกมาด้วยกลัวเสียค่าจอด แต่ประกันบอกว่า ไม่ต้องกังวล นั่นเป็นอู่ประกัน ไม่อยากให้เสียค่าลากและเอารถมาจอดทิ้งไว้กลางแดด
เราเชื่อประกัน เรื่องผ่านมาจนเดือนมกรา ปี 2021 คดียังไม่คืบหน้าไปไหน แต่ดันมีปัญหาเพิ่ม เพราะอู่ได้โทรแจ้งให้ไปเอารถออก โดยต้องจ่ายค่าจอดและค่าเสียเวลา วันละ 500 ซึ่งเราคงไม่มีปัญญาหาไปจ่าย ยิ่งในสถาการณ์โควิดแบบนี้ ร้านโดนปิดมาเป็นเดือนๆ หากินได้แต่ละวันประคองไปก็แย่แล้ว จึงได้บอกกับอู่ไป จนมาเดือนกุมภาที่ผ่านมา มีจดหมายมาจากทนายของอู่ บอกว่าให้ไปนำรถออกพร้อมจ่ายค่าจอดวันละ 1500 และค่าเสียเวลา รวมแล้ว สี่แสนกว่าบาท ไม่งั้นจะส่งฟ้อง ซึ่งทางเราก็คงปล่อยให้ฟ้องไป
ตอนนี้ไม่รู้จะหาทางออกยังไงดี จากเหตุการณ์วันนั้น กว่าจะผ่านมาได้ในแต่ละวัน ก็ได้แต่พูดให้กำลังใจแม่ ให้คิดในทางบวก อย่างน้อยเราเสียรถไป แต่แม่ปลอดภัยถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
แต่ยิ่งพยายามทำใจได้กับเหมือนยิ่งมีปัญหาเพิ่มเข้ามา คิดไม่ออกจริงๆว่าควรทำยังไงดี