ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ เราไม่รู้เลยว่าตัวเองมีความเสี่ยงสูงหรือต่ำจนกระทั่งมีแบบประเมินทางโรงเรียนลองให้ทำ เราเช็คตามครส.ของเราที่มีมากกว่า1ปี คือไม่ใช่ครส.นึกคิดที่มาๆหายๆหรือพึ่งเป็นอ่ะค่ะ เช่นครส.อยากตาย ถ้าตายไปคงดีกว่านี้ คงมีความสุขกว่านี้ คือเราคิดมาตั้งนานแล้ว แต่ที่ไม่ฆ่าตัวตายไม่ใช่ใจเสาะหรืออะไรนะคะ มันแค่กลัวจะเจ็บมากเฉยๆ แต่เป็นความเจ็บสุดท้ายก็คงได้ แต่คิดไปคิดมามันก็สงสารแม่ เพราะเราเครียดกับหลายเรื่อง เรื่องพ่อที่ขี้เมา เมาไปวันๆ เรื่องคุณยายที่บ่นด่าเราเหมือนว่าเราเป็นหม้อระบายความเครียดที่สามารถตะโกนใส่ได้โดยไม่รู้สึกอะไร เรื่องเล็กๆที่ไม่จำเป็นต้องโกรธเรื่องที่เราสามารถคุยกันดีๆได้ แต่กลับตะโกนก่นด่าสารพัด เราอธิบายก็หาว่าเถียง ไม่เคยฟังเราเลย เรามีเหตุผลก็ยังจะด่าเรา เราอธิบายจนเขาเถียงไม่ออกก็ยังจะหาคำมาว่าเราอีก มันหมดคำพูด โดยเฉพาะเรื่องเกรดที่ทุกคนมากดดันเรา เราทำดีสุดๆแล้วค่ะ เราได้เกรด3.43 เขาก็ยังมาว่าเรา ทั้งๆที่เราทำดีสุดๆแล้ว เราเคยเกรดแย่ประมาณ2.30 เรารีบพัฒนาตัวเองจนมาได้ขนาดนี้แล้ว ก็ยังจะมากดดันเรา พ่อก็เมา พอเมาก็เอาไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่นที่ได้เกรดเยอะกว่า และพ่อของเด็กคนนั้นดูจะภูมิใจมากๆเลยนะคะ 55555555 เราก็ได้แต่เงียบ ส่วนแม่เราดีมากค่ะ เราถึงสงสารแม่ แม่กับพ่อเลิกกันตั้งแต่เราอายุ3ขวบ แม่แต่งงานใหม่ มีน้องอีก2คน เรารักน้องมาก เราเอ็นดูเขา เราไม่เคยคิดว่าน้องเป็นลูกคนละพ่อเลย น้องเราก็คือน้องเรา เราสงสารน้องสงสารแม่ เราเคยกรีดแขน กินยาเกินขนาด หวังว่าจะหนีความวุ่นวาย ชีวิตเฮงซวยนี้ไป แต่เราก็คิดถึงหน้าน้องกับหน้าแม่ เราก็หยุดตั้งแต่นั้นมา ล่าสุดเรารู้ว่าแม่มีแฟนใหม่อีกคน แต่แม่ยังไม่เลิกกับพ่อของน้องชายเรา เท่ากับตอนนี้แม่มีผู้ชาย2คน เราใจแตกสลายมาก เรารู้ว่ามันคือชีวิตแม่ เรื่องของแม่ แต่ฝ่าายก็มีครอบครัวแล้ว เราก็ยิ่งสงสารครอบครัวเขา ตอนนี้เราคิดถึงแต่น้องชาย เราสงสารน้องที่แม่ทำกับเขาแบบนี้ เราอยากกอดน้องๆของเราแน่นๆ น้องยังไม่รู้เรื่องนี้แต่อยากจะกอดปลอบ ตอนนี้เรารู้สึกว่าเราไม่เหลือใครที่ปรึกษาได้แล้ว นอกจากเพื่อนกับพันทิป เราอยู่โรงเรียนเราเป็นคนร่าเริงค่ะ เราเป็นคนสนุกตบมุกโบ๊ะบ๊ะกับเพื่อตลอด แต่พอทำแบบประเมิน เรากลับอยู่ในภาวะเสี่ยงโรงซึมเศร้าสูง ส่วนเพื่อนอีก2คนอยู่ในภาวะปานกลาง หนูสังเกตว่ามีแต่ตัวโจ๊กของห้องทั้งนั้น ตอนเรา3คนเดินไปหาครูเพื่อนทำแบบสอบถามอีกที เรายังหัวเราะกันอยู่เลยค่ะ แต่ละคนก็เล่าว่าทำไมถึงกาข้อนี้ เขาเล่าพร้อมทั้งหัวเราะออกมากลบเกลื่อน เราเข้าใจเขาเลย แทบอยากจะร้อง แต่เพราะอยู่ต่แหน้าเพื่อน เราเเป็นคนติดตลกอ่ะค่ะ พอกลับบ้านมาก็มานั่งซึม ครูบอกว่าอย่าคิดไปเอง เห็นหัวเราะกันอยู่จะมาเป็นโรคบ้าบอนี้ได้ยังไง เพื่อนอีกคนก็บอกอย่าเช็คตามครส.ที่คิดไปเองได้ปะ หรือไม่ก็อย่าเช็คตามเป็นจริง เดี๋ยวครูเขาจะเรียกไปคุย คือหมดคำพูดกับครูและเพื่อนประเภทนี้ ก็บ้านเขาครอบครัวอบอุ่นไงคะเลยไม่เคยเข้าใจ แล้วแบบพอเราบอกว่าเราอยากตายจริงๆแต่เราไม่ได้จะฆ่าตัวตาย เราไม่ได้มาพึ่งคิดตอนเราทำแบบประเมิน เราคิดมาตั้งแต่เราอยู่ม.ต้นแล้ว เราคิดมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพื่อนก็ตอบกลับมาว่า "หรอวะ" เรายิ่งหมดคำจะพูดเลยค่ะ ครูก็บอกมันเป็นแบบประเมินที่ทำให้เด็กคิดไปเอง เรียกร้องความสนใจ เพื่อนก็บอกว่าทำไมคิดแบบนั้น ไม่จริงมั้ง มีแค่เพื่อนไม่กี่คนที่เข้าใจเรา ปลอบเรา คอยโยนมุกมาให้เราตบตลอด มีแค่คนพวกนี้จริงๆที่พยายามไม่ให้เราอยู่คนเดียว ไม่ให้เราเศร้าหรือคิดมาก ล่าสุดแม่รู้ว่าเรามีอาการเสี่ยง แม่ก็พูดว่า "อยากได้อะไรก็หาให้ อยากซื้ออะไรก็ซื้อให้ ทำไมถึงเป็น คิดไปเองหรือเปล่า อยากเป็นหรอ" ยิ่งบั่นทอนจิตใจเราเข้าใจไปอีก เราเครียดมากทุกวันนี้ตอนจะกลับบ้าน เราไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้อีก เราอยากรีบไปหอมากๆ เราเครียดเราท้อ เราหมดคำจะพูดเลยค่ะ เรารู้เลยว่าเป็นแบบนี้แล้ว ไม่มีใครพาไปหาหมอได้หรอกค่ะ เพราะเขาคิดว่า หนูอ่ะเรียกร้องความสนใจและคิดไปเองมากกว่า.
เราเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าสูงแต่ครูกับเพื่อนพูดว่า "เป็นแค่เทรนของวัยรุ่น"