สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเลยขอบอกไว้ก่อนว่าเราตอนนี้ว่างงานได้ประมาณ 1 เดือนกว่าๆค่ะ และกำลังมองหางานใหม่อยู่
เริ่มแรกเลยก็คือเราเจอว่าบริษัทแห่งหนึ่งเปิดรับเซลล์อยู่ และอยู่ใกล้ที่พักเรามากๆ ( ห่างกันแค่ 3 กิโล )
เราเลยสมัครและคิดว่าทำไปเรื่อยๆก่อน ถึงจะฐานเงินเดือนไม่เยอะ แต่ยังมีค่าคอมมิชชั่น แถมประหยัดค่าเดินทาง ( ดีกว่าอยู่ว่างๆ )
เดิมทีงานที่เราเคยทำ จะได้เงินอยู่ที่ประมาณ 25k - 40k ค่ะ ใครขยันมากก็แตะ 50k + ( เราทำงานสายการบิน 3 ปี ออกเพราะผลกระทบจากโควิด )
เริ่มเล่าเลยนะคะ คือเค้านัดให้เราไปสัมภาษณ์ เวลา 09:15 น. ซึ่งเราไปก่อนเวลาประมาณ 15 นาทีตามมารยาท แต่สรุปคือคนสัมภาษณ์เลทค่ะ
มีคนรอสัมภาษณ์อยู่ประมาณ 4-5 คน ซึ่งเราถามแล้วเขานัดคนละเวลาค่ะ มีทั้ง 08:30 , 08:45 , 09:00 และของเรา 09:15 ค่ะ
เราได้สัมภาษณ์ตอนเกือบๆ 09:45 น. ตอนนี้ก็รู้สึกแล้วว่าบริษัทไม่โอเค ไม่ตรงเวลาแบบที่ควรจะเป็น
พอเข้าไปถึงคนที่เราสัมภาษณ์ด้วยคือหัวหน้าทีมฝ่ายขายค่ะ เป็นผู้ชายอายุน่าจะ 30 กลางๆ
เค้าก็ถามเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงาน บุคคลิกลักษณะเราเป็นคนยังไงบลาๆ
ถามไม่ถึง 10 นาที เค้าก็ยื่นเอกสารการสมัครงานให้เรากรอก แล้วบอกว่ากรอกเสร็จให้เข้ามาหาเค้าอีกรอบ
( ในใจคิดว่าทำไมให้เรานั่งรอเกือบ 45 นาที ถึงไม่เอามาให้เรากรอกตั้งแต่แรก )
เรากรอกเอกสารเสร็จตอนประมาณ 10:15 น. ก็คิดว่ายื่นเอกสารให้แล้วจะเสร็จเลย เพราะก็สัมภาษณ์ไปแล้ว
แต่เค้าชวนคุยยืดเยื้อมาก กลายเป็นว่าเค้าถามเรื่อง "ส่วนตัว" ของเราค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว เช่น พักอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร อยู่คนเดียวรึเปล่า
เราตอบไปว่าเราพักอยู่กับแฟน แต่เค้าก็ยังถามต่อว่า แฟนทำงานตำแหน่งอะไร หน้าที่ของตำแหน่งนี้ทำอะไรบ้าง ที่ทำงานแฟนอยู่ที่ไหน เงินพอใช้ไหม
เค้าถามถึงขั้นว่าพ่อ-แฟนเราทำอาชีพอะไร เงินเดือนเท่าไหร่
( บางคนอาจจะมองว่ามันเป็นการคุยเล่นปกติ แต่สำหรับเรา เราถือว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับการสัมภาษณ์งาน และรู้สึกว่าเค้าไม่มีมารยาทค่ะ )
และเขาบอกว่า น้องหน้าตาดี เหมาะกับการทำงานนี้มากๆเลย เพราะงานนี้มันต้องใช้หน้าตาเข้าหาคนนะ
ระหว่างการคุย ก็มีคนเดินเข้าออกห้องตลอดค่ะ และคนสัมภาษณณ์ก็คุยไปทำงานไปด้วย มีการหันมาบอกเราว่าพี่ขอทำงานแปบนึงนะ แล้วก็เปิดคอมทำงาน เราก็นั่งอยู่ตรงโต๊ะเขาเฉยๆ แบบไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงดี
อยู่ๆเขาก็โทรหาใครไม่รู้ (ตอนแรกเข้าใจว่าเรื่องงานของเขา) สรุปคือเค้าโทรหาสำนักงานใหญ่ว่าจะส่งคนไปหาก่อนเที่ยงนะ
พอวางสายก็หันมาหาเรา แล้วก็บอกว่าให้เราไปสำนักงานใหญ่ ไปสัมภาษณ์กับผู้จัดการและฝ่ายบริหาร พร้อมยื่นซองเอกสารให้เรา บอกว่าให้เอาไปยื่นให้ที่บริษัทด้วย ตอนนั้นก้มดูนาฬินาคือ 10:50 น. เราบอกว่าเราไปไม่ทันแน่ๆ เพราะจากทีนี่ไปสำนักงานใหญ่คือ 20 กิโล แถมเป็นจุดที่ไม่มีรถไฟฟ้า
พี่เขาเลยบอกว่าลองไปดูก่อน ถ้าไม่ทันก็สัมภาษณ์บ่ายก็ได้ เราก็เลยต้องนั่งแท็กซี่ไปแบบงงๆ คิดว่าให้มันจบไปเลยวันเดียว
เราไปถึงที่สำนักงานใหญ่เวลา 11:40 น. ก็เข้าไปยื่นซองเอกสารที่พี่เค้าฝากมาให้ คนที่เราไปพบน่าจะเป็นฝ่ายบุคคลค่ะ
พอไปถึงเค้าก็ให้เรากรอกเอกสารการสมัครงาน (เหมือนที่เขียนตอนเช้าเป๊ะๆ) อันนี้ก็งงอีกเปาะ ว่าทำไมให้เขียนแล้วเขียนอีก
เขียนเสร็จก็ไปยื่นให้พี่เขาเหมือนเดิม และพี่บอกว่าน้องไปหาอะไรกินก่อนนะ แล้วกลับมาหาพี่ตอนบ่ายครึ่ง
เราเดินออกมาหาของกิน ก็คือไม่เจอร้านอาหารเลยสักร้านค่ะ ขนาดเซเว่นหรือร้านสะดวกซื้อยังไม่มี เปิดดูในแมพหาร้านอาหารก็ไม่มีขึ้น
เราเดินไปปั๊มน้ำมันที่อยู่ห่างไปประมาณ 500 เมตร คิดว่าอย่างน้อยน่าจะมีมินิมาร์ท แต่ก็ไม่มีค่ะ ก็เลยเดินกลับเข้าไปนั่งรอในบริษัทจนกว่าจะถึงเวลา
( มารู้ทีหลังว่าแถวนั้นมีร้านอาหาร แต่คือต้องเดินเข้าไปตามซอยเล็กๆ ซึ่งถ้าไม่ใช่คนที่อยู่แถวๆนั้นจะไม่รู้ว่ามีร้านค่ะ เป็นพวกร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ )
พอถึงเวลา 13:30 น. พี่ฝ่ายบุคคลบอกให้นั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวเรียกสัมภาษณ์ จนถึงเวลาประมาณ 14:10 น. เค้าก็เรียกเราเข้าไปคุย
สิ่งที่เค้าถามคือเหมือนที่พี่ตอนเช้าถามเลยค่ะ (แต่ไม่ได้ถามเรื่องแฟน) และเขาถามเราว่ามีอะไรอยากถามเพิ่มเติมไหม
เราถามเรื่องเวลาการทำงาน ว่าทำกี่โมง ทำกี่วัน สวัสดิการต่างๆ และเขาตอบเรามาว่า ทำงานจันทร์-ศุกร์ 5 วัน และเข้าเวรวันเสาร์หรืออาทิตย์วันใดวันนึง
เราก็ถามย้ำไปว่า สรุปคือทำ 6 วันถูกต้องไหมคะ เค้าตอบว่าไม่ใช่ ทำแค่ 5 วัน อีกวันคือเข้าเวร เข้าเวรเวลา 08:30 - 17:30 และไม่ได้โอที
ในใจเราก็คือมันก็คือทำงาน 6 วัน หยุด 1 วันไม่ใช่เหรอ ???
หลังจากนั้นเค้าก็ยื่นซองสีน้ำตาลให้เรา และบอกให้ไปสัมภาษณ์กับพี่อีกคน (น่าจะเป็นผู้จัดการ) ซึ่งอยู่อีกตึกนึง ( โชคดีที่ตึกอยู่ไม่ห่างกันมาก ประมาณ 100-200 เมตร ) เราก็เดินไปค่ะ ตอนนั้นเวลาประมาณ 14:30 น. พอไปถึงคือคนสัมภาษ์ไม่อยู่ค่ะ เหมือนเค้าไม่ได้โทรมาแจ้งว่าจะส่งเรามาสัมภาษณ์ คนในนั้นก็บอกให้นั่งรอก่อนเดี๋ยวก็มา ไม่มีใครโทรตามหรืออะไรให้เลย เรารออยู่ประมาณ 15 นาทีค่ะ พอมาถึง เค้าก็ถามคำถามเดิมๆ เหมือนที่ 2 คนแรกคุยกับเรา แล้วก็เล่าเรื่องชีวิตตัวเองให้เราฟัง ออกแนวอวดๆ เช่น พี่มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะเป็นอาชีพนี้นี่แหละ มีเงินซื้อบ้าน ซื้อรถได้สบายๆ เงินเหลือกินเหลือใช้ ( ส่วนตัวไม่ชอบคนพูดจาแนวนี้ค่ะ ฟังแล้วรู้สึกน่ารำคาญ ) เราก็ฟังเค้าคุยจนจบค่ะ ในใจคือจบสักทีวันนี้ หิวข้าวมาก อยากกลับบ้าน
แต่ยังค่ะ เขาให้เราเอาเอกสารไปให้พี่ที่ตึกก่อนหน้า เราก็เอออเดินงงๆเอาไปส่งให้ค่ะ ตอนนั้นเรากลับไปถึงเวลาประมาณ 15:30 น.
พี่บอกว่ารอแปบนึงนะ ประมาณ 10 นาที เขาก็เอกเอกสารมาให้เรา (ในใจตอนนั้นหงุดหงิดมาก หิวข้าว แล้วยังเสียเวลาอีก)
เอกสารตอนนั้นคือเขาแจ้งว่าเรายังขาดเอกสารอะไรอีกบ้าง เช่น ใบรับรองแพทย์ ใบตรวจประวัติอาชญากรรม และบอกเราว่าจะนัดมาสัมภาษณ์รอบสุดท้ายอีกครั้ง ( ความรู้สึกตอนนั้นติดลบมากๆ คือไม่เอาละกับบริษัทแบบนี้ )
สรุปเราได้กลับออกมาเกือบๆ 4 โมงเย็น กว่าจะเดินทางถึงที่พักอีก ข้าวมื้อแรกได้กินตอน 5 โมงเย็น เป็นวันที่รู้สึกหมดแรงสุดๆ
จากนั้นไม่นาน คือมีคนมากดรัวไลค์รูปภาพใน Facebook เราค่ะ ( เป็นหนึ่งในคนที่สัมภาษณ์เรา ) คือกดย้อนหลังเป็นปี แล้วขึ้นแจ้งเตือนมาเป็นแถบเลย
แถม Add friend และ DM มาหาเราอีก ว่าให้รับแอด และก็ add line หน่อย หลังจากนั้นก็ใช้เบอร์ส่วนตัวโทรมาหาเรา
ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยเลย กลัวมากๆ ถึงเค้าไม่ได้คุยเรื่องอะไรที่ส่อแนวชู้สาวหรือล่วงเกิน
แต่สำหรับเรา แบบนี้คือ Sexual harassment ชนิดหนึ่งที่เรารับไม่ได้
หลังจากนั้นคือเราไม่รับโทรศัพท์อีกเลยค่ะ รู้สึกอยากเฟดตัวเองไปให้ไกลมากที่สุด
1 อาทิตย์ผ่านไป เราคิดว่ามันจบแล้ว แต่ไม่เลย เค้ายังโทรหาเราอยู่ และยิ่งไปกว่านั้นคือโทรหาแฟนเรา ให้บอกเราว่ารับโทรศัพท์ด้วย
( เราใส่เบอร์แฟนไปตรงช่องบุคคลที่ให้ติดต่อกรณีฉุกเฉิน แต่เราคิดว่าเรายังไม่ได้เป็นพนักงานของคุณ คุณไม่ควรโทรเบอร์ฉุกเฉิน แค่เพียงว่าเราไม่รับโทรศัพท์นะคะ ) ตัวแฟนเราเองก็คิดว่ามันเป็นการกระทำที่มากเกินความจำเป็นค่ะ แฟนก็บอกว่าอย่าไปทำงานกับคนแบบนี้เลย เราเลยโทรเล่าเรื่องนี้ให้พ่อ-แม่ฟัง ทางบ้านก็บอกว่าไม่ต้องเอานะงานนี้ ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวเรามากเกินไป
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ
ใครอยากเสนอแนะหรือคิดว่าการสัมภาษณ์แบบนี้ืคือเรื่องปกติแสดงความคิดเห็นได้นะคะ
ส่วนใครมีประสบการณ์การสัมภาษณ์งานแย่ๆก็มาแชร์ มาระบายกันได้ค่ะ
จนตอนนี้เราก็ยังคงว่างงานอยู่ ^^
ใครที่กำลังมองหางานอยู่เหมือนเราก็ขอให้ได้งานนะคะ สู้ๆค่ะ
แชร์ประสบการณ์การสัมภาษณ์งานที่แย่ที่สุดในชีวิต ( ใครเคยมีประสบการณ์แย่ๆมาแชร์กันได้นะคะ )
เริ่มแรกเลยก็คือเราเจอว่าบริษัทแห่งหนึ่งเปิดรับเซลล์อยู่ และอยู่ใกล้ที่พักเรามากๆ ( ห่างกันแค่ 3 กิโล )
เราเลยสมัครและคิดว่าทำไปเรื่อยๆก่อน ถึงจะฐานเงินเดือนไม่เยอะ แต่ยังมีค่าคอมมิชชั่น แถมประหยัดค่าเดินทาง ( ดีกว่าอยู่ว่างๆ )
เดิมทีงานที่เราเคยทำ จะได้เงินอยู่ที่ประมาณ 25k - 40k ค่ะ ใครขยันมากก็แตะ 50k + ( เราทำงานสายการบิน 3 ปี ออกเพราะผลกระทบจากโควิด )
เริ่มเล่าเลยนะคะ คือเค้านัดให้เราไปสัมภาษณ์ เวลา 09:15 น. ซึ่งเราไปก่อนเวลาประมาณ 15 นาทีตามมารยาท แต่สรุปคือคนสัมภาษณ์เลทค่ะ
มีคนรอสัมภาษณ์อยู่ประมาณ 4-5 คน ซึ่งเราถามแล้วเขานัดคนละเวลาค่ะ มีทั้ง 08:30 , 08:45 , 09:00 และของเรา 09:15 ค่ะ
เราได้สัมภาษณ์ตอนเกือบๆ 09:45 น. ตอนนี้ก็รู้สึกแล้วว่าบริษัทไม่โอเค ไม่ตรงเวลาแบบที่ควรจะเป็น
พอเข้าไปถึงคนที่เราสัมภาษณ์ด้วยคือหัวหน้าทีมฝ่ายขายค่ะ เป็นผู้ชายอายุน่าจะ 30 กลางๆ
เค้าก็ถามเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงาน บุคคลิกลักษณะเราเป็นคนยังไงบลาๆ
ถามไม่ถึง 10 นาที เค้าก็ยื่นเอกสารการสมัครงานให้เรากรอก แล้วบอกว่ากรอกเสร็จให้เข้ามาหาเค้าอีกรอบ
( ในใจคิดว่าทำไมให้เรานั่งรอเกือบ 45 นาที ถึงไม่เอามาให้เรากรอกตั้งแต่แรก )
เรากรอกเอกสารเสร็จตอนประมาณ 10:15 น. ก็คิดว่ายื่นเอกสารให้แล้วจะเสร็จเลย เพราะก็สัมภาษณ์ไปแล้ว
แต่เค้าชวนคุยยืดเยื้อมาก กลายเป็นว่าเค้าถามเรื่อง "ส่วนตัว" ของเราค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว เช่น พักอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร อยู่คนเดียวรึเปล่า
เราตอบไปว่าเราพักอยู่กับแฟน แต่เค้าก็ยังถามต่อว่า แฟนทำงานตำแหน่งอะไร หน้าที่ของตำแหน่งนี้ทำอะไรบ้าง ที่ทำงานแฟนอยู่ที่ไหน เงินพอใช้ไหม
เค้าถามถึงขั้นว่าพ่อ-แฟนเราทำอาชีพอะไร เงินเดือนเท่าไหร่
( บางคนอาจจะมองว่ามันเป็นการคุยเล่นปกติ แต่สำหรับเรา เราถือว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับการสัมภาษณ์งาน และรู้สึกว่าเค้าไม่มีมารยาทค่ะ )
และเขาบอกว่า น้องหน้าตาดี เหมาะกับการทำงานนี้มากๆเลย เพราะงานนี้มันต้องใช้หน้าตาเข้าหาคนนะ
ระหว่างการคุย ก็มีคนเดินเข้าออกห้องตลอดค่ะ และคนสัมภาษณณ์ก็คุยไปทำงานไปด้วย มีการหันมาบอกเราว่าพี่ขอทำงานแปบนึงนะ แล้วก็เปิดคอมทำงาน เราก็นั่งอยู่ตรงโต๊ะเขาเฉยๆ แบบไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงดี
อยู่ๆเขาก็โทรหาใครไม่รู้ (ตอนแรกเข้าใจว่าเรื่องงานของเขา) สรุปคือเค้าโทรหาสำนักงานใหญ่ว่าจะส่งคนไปหาก่อนเที่ยงนะ
พอวางสายก็หันมาหาเรา แล้วก็บอกว่าให้เราไปสำนักงานใหญ่ ไปสัมภาษณ์กับผู้จัดการและฝ่ายบริหาร พร้อมยื่นซองเอกสารให้เรา บอกว่าให้เอาไปยื่นให้ที่บริษัทด้วย ตอนนั้นก้มดูนาฬินาคือ 10:50 น. เราบอกว่าเราไปไม่ทันแน่ๆ เพราะจากทีนี่ไปสำนักงานใหญ่คือ 20 กิโล แถมเป็นจุดที่ไม่มีรถไฟฟ้า
พี่เขาเลยบอกว่าลองไปดูก่อน ถ้าไม่ทันก็สัมภาษณ์บ่ายก็ได้ เราก็เลยต้องนั่งแท็กซี่ไปแบบงงๆ คิดว่าให้มันจบไปเลยวันเดียว
เราไปถึงที่สำนักงานใหญ่เวลา 11:40 น. ก็เข้าไปยื่นซองเอกสารที่พี่เค้าฝากมาให้ คนที่เราไปพบน่าจะเป็นฝ่ายบุคคลค่ะ
พอไปถึงเค้าก็ให้เรากรอกเอกสารการสมัครงาน (เหมือนที่เขียนตอนเช้าเป๊ะๆ) อันนี้ก็งงอีกเปาะ ว่าทำไมให้เขียนแล้วเขียนอีก
เขียนเสร็จก็ไปยื่นให้พี่เขาเหมือนเดิม และพี่บอกว่าน้องไปหาอะไรกินก่อนนะ แล้วกลับมาหาพี่ตอนบ่ายครึ่ง
เราเดินออกมาหาของกิน ก็คือไม่เจอร้านอาหารเลยสักร้านค่ะ ขนาดเซเว่นหรือร้านสะดวกซื้อยังไม่มี เปิดดูในแมพหาร้านอาหารก็ไม่มีขึ้น
เราเดินไปปั๊มน้ำมันที่อยู่ห่างไปประมาณ 500 เมตร คิดว่าอย่างน้อยน่าจะมีมินิมาร์ท แต่ก็ไม่มีค่ะ ก็เลยเดินกลับเข้าไปนั่งรอในบริษัทจนกว่าจะถึงเวลา
( มารู้ทีหลังว่าแถวนั้นมีร้านอาหาร แต่คือต้องเดินเข้าไปตามซอยเล็กๆ ซึ่งถ้าไม่ใช่คนที่อยู่แถวๆนั้นจะไม่รู้ว่ามีร้านค่ะ เป็นพวกร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ )
พอถึงเวลา 13:30 น. พี่ฝ่ายบุคคลบอกให้นั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวเรียกสัมภาษณ์ จนถึงเวลาประมาณ 14:10 น. เค้าก็เรียกเราเข้าไปคุย
สิ่งที่เค้าถามคือเหมือนที่พี่ตอนเช้าถามเลยค่ะ (แต่ไม่ได้ถามเรื่องแฟน) และเขาถามเราว่ามีอะไรอยากถามเพิ่มเติมไหม
เราถามเรื่องเวลาการทำงาน ว่าทำกี่โมง ทำกี่วัน สวัสดิการต่างๆ และเขาตอบเรามาว่า ทำงานจันทร์-ศุกร์ 5 วัน และเข้าเวรวันเสาร์หรืออาทิตย์วันใดวันนึง
เราก็ถามย้ำไปว่า สรุปคือทำ 6 วันถูกต้องไหมคะ เค้าตอบว่าไม่ใช่ ทำแค่ 5 วัน อีกวันคือเข้าเวร เข้าเวรเวลา 08:30 - 17:30 และไม่ได้โอที
ในใจเราก็คือมันก็คือทำงาน 6 วัน หยุด 1 วันไม่ใช่เหรอ ???
หลังจากนั้นเค้าก็ยื่นซองสีน้ำตาลให้เรา และบอกให้ไปสัมภาษณ์กับพี่อีกคน (น่าจะเป็นผู้จัดการ) ซึ่งอยู่อีกตึกนึง ( โชคดีที่ตึกอยู่ไม่ห่างกันมาก ประมาณ 100-200 เมตร ) เราก็เดินไปค่ะ ตอนนั้นเวลาประมาณ 14:30 น. พอไปถึงคือคนสัมภาษ์ไม่อยู่ค่ะ เหมือนเค้าไม่ได้โทรมาแจ้งว่าจะส่งเรามาสัมภาษณ์ คนในนั้นก็บอกให้นั่งรอก่อนเดี๋ยวก็มา ไม่มีใครโทรตามหรืออะไรให้เลย เรารออยู่ประมาณ 15 นาทีค่ะ พอมาถึง เค้าก็ถามคำถามเดิมๆ เหมือนที่ 2 คนแรกคุยกับเรา แล้วก็เล่าเรื่องชีวิตตัวเองให้เราฟัง ออกแนวอวดๆ เช่น พี่มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะเป็นอาชีพนี้นี่แหละ มีเงินซื้อบ้าน ซื้อรถได้สบายๆ เงินเหลือกินเหลือใช้ ( ส่วนตัวไม่ชอบคนพูดจาแนวนี้ค่ะ ฟังแล้วรู้สึกน่ารำคาญ ) เราก็ฟังเค้าคุยจนจบค่ะ ในใจคือจบสักทีวันนี้ หิวข้าวมาก อยากกลับบ้าน
แต่ยังค่ะ เขาให้เราเอาเอกสารไปให้พี่ที่ตึกก่อนหน้า เราก็เอออเดินงงๆเอาไปส่งให้ค่ะ ตอนนั้นเรากลับไปถึงเวลาประมาณ 15:30 น.
พี่บอกว่ารอแปบนึงนะ ประมาณ 10 นาที เขาก็เอกเอกสารมาให้เรา (ในใจตอนนั้นหงุดหงิดมาก หิวข้าว แล้วยังเสียเวลาอีก)
เอกสารตอนนั้นคือเขาแจ้งว่าเรายังขาดเอกสารอะไรอีกบ้าง เช่น ใบรับรองแพทย์ ใบตรวจประวัติอาชญากรรม และบอกเราว่าจะนัดมาสัมภาษณ์รอบสุดท้ายอีกครั้ง ( ความรู้สึกตอนนั้นติดลบมากๆ คือไม่เอาละกับบริษัทแบบนี้ )
สรุปเราได้กลับออกมาเกือบๆ 4 โมงเย็น กว่าจะเดินทางถึงที่พักอีก ข้าวมื้อแรกได้กินตอน 5 โมงเย็น เป็นวันที่รู้สึกหมดแรงสุดๆ
จากนั้นไม่นาน คือมีคนมากดรัวไลค์รูปภาพใน Facebook เราค่ะ ( เป็นหนึ่งในคนที่สัมภาษณ์เรา ) คือกดย้อนหลังเป็นปี แล้วขึ้นแจ้งเตือนมาเป็นแถบเลย
แถม Add friend และ DM มาหาเราอีก ว่าให้รับแอด และก็ add line หน่อย หลังจากนั้นก็ใช้เบอร์ส่วนตัวโทรมาหาเรา
ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยเลย กลัวมากๆ ถึงเค้าไม่ได้คุยเรื่องอะไรที่ส่อแนวชู้สาวหรือล่วงเกิน
แต่สำหรับเรา แบบนี้คือ Sexual harassment ชนิดหนึ่งที่เรารับไม่ได้
หลังจากนั้นคือเราไม่รับโทรศัพท์อีกเลยค่ะ รู้สึกอยากเฟดตัวเองไปให้ไกลมากที่สุด
1 อาทิตย์ผ่านไป เราคิดว่ามันจบแล้ว แต่ไม่เลย เค้ายังโทรหาเราอยู่ และยิ่งไปกว่านั้นคือโทรหาแฟนเรา ให้บอกเราว่ารับโทรศัพท์ด้วย
( เราใส่เบอร์แฟนไปตรงช่องบุคคลที่ให้ติดต่อกรณีฉุกเฉิน แต่เราคิดว่าเรายังไม่ได้เป็นพนักงานของคุณ คุณไม่ควรโทรเบอร์ฉุกเฉิน แค่เพียงว่าเราไม่รับโทรศัพท์นะคะ ) ตัวแฟนเราเองก็คิดว่ามันเป็นการกระทำที่มากเกินความจำเป็นค่ะ แฟนก็บอกว่าอย่าไปทำงานกับคนแบบนี้เลย เราเลยโทรเล่าเรื่องนี้ให้พ่อ-แม่ฟัง ทางบ้านก็บอกว่าไม่ต้องเอานะงานนี้ ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวเรามากเกินไป
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ
ใครอยากเสนอแนะหรือคิดว่าการสัมภาษณ์แบบนี้ืคือเรื่องปกติแสดงความคิดเห็นได้นะคะ
ส่วนใครมีประสบการณ์การสัมภาษณ์งานแย่ๆก็มาแชร์ มาระบายกันได้ค่ะ
จนตอนนี้เราก็ยังคงว่างงานอยู่ ^^
ใครที่กำลังมองหางานอยู่เหมือนเราก็ขอให้ได้งานนะคะ สู้ๆค่ะ