6 วิธีดึงลูกค้าเก่า กลับมาซื้อซ้ำ
.
.
การทำให้ลูกค้าจะกลับมาซื้อสินค้าซ้ำได้นั้น
คือการที่ให้ประสบการณ์กับลูกค้าที่ดีที่สุดอาจจะโดยการติดต่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
หรือการเพิ่มช่องทางให้ลูกค้ากลับมาติดต่อได้ง่ายขึ้น และการพัฒนาแผนกลูกค้าสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ
ลูกค้าที่ได้รับประสบการณ์ที่ดีก็จะกลับมาซื้อซ้ำเรื่อย ๆ และจะมีการบอกต่อให้คนอื่นมาซื้อเพิ่มด้วย
.
แล้วจะทำอย่างไร ? ที่จะสามารถสร้างลูกค้าประจำให้กลับมาซื้อสินค้าซ้ำ ลองมาดูวิธีกันได้เลยครับ
1. เก็บลูกค้าไว้ใกล้ตัว
หลังจากที่ขายครั้งแรกเสร็จแล้ว เราควรจะใช้เวลาเพื่อสร้าง “ความสัมพันธ์” กับลูกค้าต่อไปแทนที่จะรอให้ลูกค้ากลับมาซื้อเอง โอกาสในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ามีตั้งแต่การใช้โซเชียลมิเดีย การสร้างโปรโมชั่นเฉพาะลูกค้าเก่า หรือการส่งอีเมล์ ทักทาย อย่างไรก็ตามมันก็มีข้อแตกต่างระหว่างการติดตามลูกค้ากับการทำตัวน่ารำคาญ ทุกการสื่อสารความจะมี “เป้าหมายและมีความสำคัญเสมอ”
เพราะฉะนั้นเราควรที่จะสร้างฐานข้อมูลลูกค้าให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูลการซื้อข้อมูลการติดต่อ และการสร้างระบบที่สามารถติดต่อลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด
2.สร้างประสบการณ์ที่ใหม่และเกี่ยวข้องกับลูกค้า
สร้าง “เหตุผล” ให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อของกับคุณอีกรอบ คุณควรที่จะปรับและพัฒนาข้อเสนอของคุณ อยู่เรื่อย ๆ และแน่นอนว่าคุณต้องหาวิธีชี้แจงหรือสื่อสารกับลูกค้าเก่าเรื่องข้อเสนอใหม่ ๆ เสนอการสร้างโปรโมชั่นหรือหาสินค้าใหม่ ๆ คือการสร้างเหตุผลให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อของคุณบ่อย ๆ
3.ทำให้ลูกค้าตะลึง
เวลาที่ใครทำอะไรที่นอกเหนือ “ความคาดหมาย” ของเรา เราก็คงรู้สึก “ประทับใจ” และอยากบอกต่อใช่ไหมละครับ สิ่งง่าย ๆ แค่การจำชื่อลูกค้าหรือการให้ส่วนลดวันเกิดก็จะทำให้ลูกค้าชอบเรามากขึ้น ธุรกิจส่วนมากสร้างความประทับใจให้ลูกค้าด้วยการทำบัตรสมาชิกและให้ส่วนลดสมาชิกให้กับลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำครับ ธุรกิจที่สามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “เรารู้จักลูกค้าเป็นการส่วนตัว” หรือทำให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความเป็นกันเองแบบครอบครัว จะสามารถสร้างลูกค้าในระยะยาวได้ง่ายกว่า
4.พนักงานดูแลลูกค้าสำคัญที่สุด
ต่อให้คุณมีสินค้าหรือบริการที่ดีที่สุดในประเทศ แต่ถ้าพนักงานที่ดูแลลูกค้าทำงานได้ไม่ดีลูกค้าก็คงไม่อยากจะซื้อสินค้าของคุณ พนักงานที่ดูแลและติดต่อลูกค้าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานขาย พนักงานฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ หรือแม้แต่พนักงานการตลาดบางคนต้องเป็นคนที่ “เหมาะกับงาน” ที่ทำจริง ๆ มาตรฐานที่พนักงานทุกคนควรมีก็คือมีความ “เป็นมิตร ทำงานเก่ง และ พร้อมที่จะบริการ” ลูกค้า อาจจะวัดผลจาก “ความพึงพอใจ” ของลูกค้า
5.การฟัง
การฟังลูกค้าที่ดีมีอยู่สองขั้นตอนครับ ขั้นแรกคือการตั้งใจฟังเวลาลูกค้า “ให้คำแนะนำ” และขั้นที่สองคือการสอบถาม “ความคิดเห็น” ลูกค้าบ่อย ๆ คุณควรส่งแบบฟอร์มสอบถามความคิดเห็นลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่ส่งให้ลูกค้าแล้วนำข้อแนะนำมาปรับปรุงธุรกิจคุณ
คำแนะนำและแบบสอบถามยังเป็นวิธีที่ดีมากในการช่วยคุณพัฒนาไอเดียธุรกิจหรือไอเดียสินค้าใหม่ที่ลูกค้าเก่าของคุณอาจจะต้องการ หากเรารู้ว่าลูกค้าเราชอบซื้ออะไร ชอบซื้อที่ไหน ชอบซื้อเมื่อไร และชอบซื้อทำไม ทุกอย่างก็จะง่ายลงมากนั่นเอง
6.ตามลูกค้าให้ทัน
การที่จะเป็นธุรกิจ SME ในโลกสมัยใหม่ก็คือการที่เราสามารถ “ปรับตัวตาม” ลูกค้าและตามโลกให้ทัน หลายครั้งที่ลูกค้ามาซื้อของกับเราแล้วไม่กลับมาซื้ออีก อาจจะไม่ใช่เพราะว่าเราทำไม่ดี แต่เป็นเพราะว่า “คู่แข่ง” ที่เพิ่มมากขึ้นและทำได้ถูกใจลูกค้ามากกว่า ซึ่งก็จะกลับมาสู่ส่วนของการขายและการตลาด ควรกลับมาดู “ข้อเสนอ” ของสินค้า ต่อให้สินค้านั้นไม่ใช่ราคาถูกที่สุดในตลาด แต่อย่างน้อยสินค้า (หรือการบริการ) ของคุณก็ควรจะคุ้มค่าที่สุดสำหรับการใช้งานของลูกค้ากลุ่มหลักของคุณ
# การที่ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ สามารถช่วยคุณประหยัดค่าการตลาดและเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจเป็นอย่างมาก
หากธุรกิจของคุณยังไม่มีวิธีทำให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อ ถึงเวลาแล้วที่จะเขียนแผนการตลาด
สำหรับการดึงให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ #
วรัทภพ รชตนามวงษ์
6 วิธีดึงลูกค้าเก่า กลับมาซื้อซ้ำ
1. เก็บลูกค้าไว้ใกล้ตัว
หลังจากที่ขายครั้งแรกเสร็จแล้ว เราควรจะใช้เวลาเพื่อสร้าง “ความสัมพันธ์” กับลูกค้าต่อไปแทนที่จะรอให้ลูกค้ากลับมาซื้อเอง โอกาสในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ามีตั้งแต่การใช้โซเชียลมิเดีย การสร้างโปรโมชั่นเฉพาะลูกค้าเก่า หรือการส่งอีเมล์ ทักทาย อย่างไรก็ตามมันก็มีข้อแตกต่างระหว่างการติดตามลูกค้ากับการทำตัวน่ารำคาญ ทุกการสื่อสารความจะมี “เป้าหมายและมีความสำคัญเสมอ”
เพราะฉะนั้นเราควรที่จะสร้างฐานข้อมูลลูกค้าให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูลการซื้อข้อมูลการติดต่อ และการสร้างระบบที่สามารถติดต่อลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด
2.สร้างประสบการณ์ที่ใหม่และเกี่ยวข้องกับลูกค้า
สร้าง “เหตุผล” ให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อของกับคุณอีกรอบ คุณควรที่จะปรับและพัฒนาข้อเสนอของคุณ อยู่เรื่อย ๆ และแน่นอนว่าคุณต้องหาวิธีชี้แจงหรือสื่อสารกับลูกค้าเก่าเรื่องข้อเสนอใหม่ ๆ เสนอการสร้างโปรโมชั่นหรือหาสินค้าใหม่ ๆ คือการสร้างเหตุผลให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อของคุณบ่อย ๆ
3.ทำให้ลูกค้าตะลึง
เวลาที่ใครทำอะไรที่นอกเหนือ “ความคาดหมาย” ของเรา เราก็คงรู้สึก “ประทับใจ” และอยากบอกต่อใช่ไหมละครับ สิ่งง่าย ๆ แค่การจำชื่อลูกค้าหรือการให้ส่วนลดวันเกิดก็จะทำให้ลูกค้าชอบเรามากขึ้น ธุรกิจส่วนมากสร้างความประทับใจให้ลูกค้าด้วยการทำบัตรสมาชิกและให้ส่วนลดสมาชิกให้กับลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำครับ ธุรกิจที่สามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “เรารู้จักลูกค้าเป็นการส่วนตัว” หรือทำให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความเป็นกันเองแบบครอบครัว จะสามารถสร้างลูกค้าในระยะยาวได้ง่ายกว่า
4.พนักงานดูแลลูกค้าสำคัญที่สุด
ต่อให้คุณมีสินค้าหรือบริการที่ดีที่สุดในประเทศ แต่ถ้าพนักงานที่ดูแลลูกค้าทำงานได้ไม่ดีลูกค้าก็คงไม่อยากจะซื้อสินค้าของคุณ พนักงานที่ดูแลและติดต่อลูกค้าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานขาย พนักงานฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ หรือแม้แต่พนักงานการตลาดบางคนต้องเป็นคนที่ “เหมาะกับงาน” ที่ทำจริง ๆ มาตรฐานที่พนักงานทุกคนควรมีก็คือมีความ “เป็นมิตร ทำงานเก่ง และ พร้อมที่จะบริการ” ลูกค้า อาจจะวัดผลจาก “ความพึงพอใจ” ของลูกค้า
5.การฟัง
การฟังลูกค้าที่ดีมีอยู่สองขั้นตอนครับ ขั้นแรกคือการตั้งใจฟังเวลาลูกค้า “ให้คำแนะนำ” และขั้นที่สองคือการสอบถาม “ความคิดเห็น” ลูกค้าบ่อย ๆ คุณควรส่งแบบฟอร์มสอบถามความคิดเห็นลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่ส่งให้ลูกค้าแล้วนำข้อแนะนำมาปรับปรุงธุรกิจคุณ
คำแนะนำและแบบสอบถามยังเป็นวิธีที่ดีมากในการช่วยคุณพัฒนาไอเดียธุรกิจหรือไอเดียสินค้าใหม่ที่ลูกค้าเก่าของคุณอาจจะต้องการ หากเรารู้ว่าลูกค้าเราชอบซื้ออะไร ชอบซื้อที่ไหน ชอบซื้อเมื่อไร และชอบซื้อทำไม ทุกอย่างก็จะง่ายลงมากนั่นเอง
6.ตามลูกค้าให้ทัน
การที่จะเป็นธุรกิจ SME ในโลกสมัยใหม่ก็คือการที่เราสามารถ “ปรับตัวตาม” ลูกค้าและตามโลกให้ทัน หลายครั้งที่ลูกค้ามาซื้อของกับเราแล้วไม่กลับมาซื้ออีก อาจจะไม่ใช่เพราะว่าเราทำไม่ดี แต่เป็นเพราะว่า “คู่แข่ง” ที่เพิ่มมากขึ้นและทำได้ถูกใจลูกค้ามากกว่า ซึ่งก็จะกลับมาสู่ส่วนของการขายและการตลาด ควรกลับมาดู “ข้อเสนอ” ของสินค้า ต่อให้สินค้านั้นไม่ใช่ราคาถูกที่สุดในตลาด แต่อย่างน้อยสินค้า (หรือการบริการ) ของคุณก็ควรจะคุ้มค่าที่สุดสำหรับการใช้งานของลูกค้ากลุ่มหลักของคุณ