นี่คือ 50 บทเรียนธุรกิจและการบริหารคน จากที่ผมได้ จากการคุยกับ "พี่ยอด ชินสุภัคกุล" CEO ของ LINE MAN Wongnai
เริ่ม!!
1. ถ้าเดินถูกทาง เวลาจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ไม่ใช่ศัตรู พี่ยอดเล่าว่า 2 ปีแรกที่ทำ Wongnai มีคนใช้งานแค่ 20,000 คน แต่ในวันที่คนเริ่มใช้สมาร์ตโฟน ก็เติบโตแบบก้าวกระโดดในปีเดียว
2. รายได้หลักร้อยล้าน ก็ไม่ใช่สัญญาณว่าคุณ "สำเร็จ" เสมอไป เพราะถ้าโมเดลธุรกิจของคุณไปต่อไม่ได้ คุณก็จะชนเพดานแค่เท่านี้
3. การเลือกตลาดผิด คือความผิดพลาดที่แก้ยากที่สุดในธุรกิจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของความพยายาม แต่มันเป็นเรื่องเพดานของมูลค่ารวมของตลาด
4. ธุรกิจที่โตไปได้ไกล คือธุรกิจที่เลือกตลาดที่ใหญ่ เพราะต่อให้คุณได้ส่วนแบ่งในตลาดมากแค่ไหน แต่เป็นตลาดเล็ก คุณก็จะสิ้นสุดแค่ที่เพดาน
5. พี่ยอดเล่าว่า ที่ wongnai เลือกเป็นพาร์ตเนอร์กับ LINE MAN เพราะรู้ว่าถ้าไม่ร่วมมือกัน สุดท้ายเขาก็จะกลายมาเป็นคู่แข่ง ดังนั้นการเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดี คือการคิดถึงอนาคตที่จะเดินไปต่อร่วมกันได้
6. การ M&A ที่ดีจะกลายเป็นเครื่องจักรสร้างการเติบโต แต่ถ้าผิดพลาดจะกลายเป็นภาระทันที
7. ในวันที่ตลาดกำลังโต อย่ากลัวการขาดทุน เพราะในวันที่ตลาดเติบโต ผลที่ตามมาคือกำไรที่ยั่งยืน
8. บริษัทที่เติบโตเร็ว ไม่ใช่บริษัทที่มีคนเยอะที่สุด แต่เป็นบริษัทที่ตัดสินใจได้เร็วที่สุด
9. โดยเฉลี่ย 2-3 ปีหลัง M&A จะมีการเปลี่ยนแปลงคนมากกว่า 50% ซึ่งเป็นธรรมชาติของการจัดระเบียบองค์กร คนที่ไม่เข้ากับค่านิยมหลัก ไม่ต้องไล่ เดี๋ยวเขาก็ไปเอง
10. ธุรกิจที่ไม่โตคือธุรกิจที่เริ่มตาย ถ้าธุรกิจหลักที่เป็นลำต้นเริ่มเติบโตไม่ทันเป้าหมาย ต้องเริ่มสร้าง กิ่ง ก้าน และใบ ให้ช่วยเติบโต
11. ในฐานะ local player อย่าพยายามเล่นแบบ global player แต่ให้ใช้ "ความคล่องตัว" เป็นอาวุธ
12. ในวันที่บริษัทเติบโต จะมีสิ่งรบกวนเพิ่มมากขึ้นเสมอ แต่เจ้าของต้องนิ่งและโฟกัสกับสิ่งที่จะทำให้บริษัทเติบโต
13. จาก 10 ล้านสู่ 100 ล้าน คือการวิ่งหาลูกค้า แต่จาก 100 ล้านสู่ 1,000 ล้านคือการเปลี่ยน Business Model และ จาก 1,000 ล้านสู่ 10,000 ล้าน ต้องดึง "คนเก่งกว่าเรา" เข้ามา
14. ความเร็วในการปรับตัวคืออาวุธลับที่คู่แข่งใหญ่ทำไม่ได้ ดังนั้นธุรกิจที่ชนะ ไม่ใช่ธุรกิจที่ "รู้ทุกอย่าง" แต่เป็นธุรกิจที่ "เรียนรู้เร็วกว่าใคร"
15. ผู้นำที่รู้ว่าตัวเองยังต้องเรียนรู้ จะพาบริษัทไปได้ไกล แต่ผู้นำที่คิดว่าตัวเองเก่งที่สุด มักหยุดอยู่ที่เดิม
16. การตัดสินใจที่ถูกต้อง ไม่ใช่การเลือกสิ่งที่ดีที่สุด แต่คือการเลือกสิ่งที่ "ผิดพลาดน้อยที่สุด"
17. องค์กรที่ตัวใหญ่เกินไปจะวิ่งช้าและตายไปก่อนถึงเส้นชัย ดังนั้น อย่าเพิ่มคนเพื่อแก้ปัญหา ให้แก้ปัญหาเพื่อประหยัดคน
18. ถ้าธุรกิจโตแล้วไม่รู้จะมุ่งไปทางไหน ให้กลับไปถาม "เราช่วยลูกค้าอะไรได้มากกว่านี้บ้าง"
19. ธุรกิจไม่ได้เติบโตด้วยกำลังใจ แต่เติบโตด้วยข้อมูล อย่าตั้งเป้าตามความฝัน ให้ตั้งเป้าตามความจริงของตลาด
20. ความสำเร็จที่น่ากลัวที่สุด คือความสำเร็จที่ไม่ได้วางแผนไว้ เพราะมันทำให้เราคิดว่าทำอะไรก็ชนะ
21. ถ้าอยากได้ทีมที่แข็งแรง ต้องสร้างความไว้ใจให้ได้ก่อน เพราะทีมที่ไม่กล้าพูดความจริง จะพาเราหลงทาง
22. การสร้างวัฒนธรรมองค์กร ไม่ได้เริ่มจากการประชุม แต่มาจากการกระทำของผู้นำ ทุกสิ่งที่เจ้าของทำ คือตัวอย่างที่พนักงานจะเดินตาม
23. ในวันที่โลกเปลี่ยนเร็วเกินกว่าจะรอให้ทุกอย่างชัดเจน ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุด คือการไม่กล้าเสี่ยงอะไรเลย
24. ธุรกิจจริงต้องรันได้แม้ไม่มีคุณ หากคุณยังทำทุกอย่างเองอยู่ นั่นไม่ใช่ธุรกิจ นั่นคืองานฟรีแลนซ์ขนาดใหญ่
25. เรามักคิดว่าคู่แข่งคือบริษัทอื่น แต่คู่แข่งจริง ๆ คือ "ตัวเราเมื่อวาน" ถ้าพัฒนาไม่เร็วพอ คู่แข่งก็ไม่ต้องทำอะไรมากเพื่อแซงเรา
26. คนส่วนใหญ่กลัวความผิดพลาดมากกว่าความพลาดโอกาส แต่ในธุรกิจ โอกาสที่หายไปจะไม่กลับหวนคืนมา
27. เป้าหมายยิ่งใหญ่ ต้องมาพร้อมความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่ แต่ความคาดหวังต้องมีระบบรองรับ ไม่ใช่ทำมาเพื่อสร้างความกดดันลอย ๆ
28. การเติบโตที่ดี ต้องไม่เผาเงินแบบไร้เหตุผล แต่ต้องเผาไปเพื่อเป็นการซื้อ "เวลา" และ "ตลาด"
29. อย่าจ้างคนที่เก่งอย่างเดียว ให้จ้างคนที่ใช่ด้วย เพราะคนเก่งที่ไม่ใช่ จะสร้างความเสียหายมากกว่าความเก่งที่มี
30. เจ้าของธุรกิจที่ดี ต้องเป็นทั้งนักกลยุทธ์ และนักอธิบาย เพราะกลยุทธ์ดีแค่ไหนก็ไร้ค่า ถ้าทีมไม่เข้าใจ
31. การเติบโตที่ยั่งยืน ต้องมาจาก "ผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้ารัก" ไม่ใช่แค่การทำโปรโมชั่น
32. การจัดลำดับงานสำคัญกว่าการทำงานหนัก เพราะเรามักคิดว่าเราเหนื่อยเพราะงานหนัก แต่จริง ๆ เราเหนื่อยเพราะงานมั่ว
33. ทุกโปรเจกต์ใหญ่ต้องมีคนหน้างานร่วมออกแบบตั้งแต่แรก เพราะถ้ากลยุทธ์ดี แต่ทีมไม่เอาด้วย กลยุทธ์นั้นก็ไร้ค่า
34. อย่าแก้ปัญหาทุกอย่างพร้อมกัน ให้แก้ปัญหาที่ "สำคัญที่สุด" ก่อน
35. ความสามัคคีมีค่ามากกว่าความสามารถเฉพาะตัว เพราะความสำเร็จขององค์กร ไม่ได้เกิดจากคนเก่งที่สุด แต่เกิดจาก "ทีมที่เข้ากันที่สุด"
36. อย่าหลงติดกับสิ่งที่ได้ผลในอดีต เพราะอดีตไม่ได้รับประกันอนาคต
37. การเก็บข้อมูลสำคัญ แต่การตีความข้อมูลสำคัญกว่า เพราะต่อให้เก็บข้อมูลมามากแค่ไหน แต่ตีความไม่ได้ ข้อมูลก็ไร้ค่า
38. ความสำเร็จคือผลลัพธ์ ไม่ใช่เหตุผลเริ่มต้น อย่าทำธุรกิจเพราะอยากประสบความสำเร็จ จงทำเพราะอยากแก้ปัญหา
39. ทำธุรกิจต้องโฟกัสประสบการณ์ลูกค้าในระยะยาว ไม่ใช่กำไรไตรมาสเดียว เพราะธุรกิจที่โฟกัสกำไรเกินไป มักโตไม่ยั่งยืน
40. อย่าแข่งขันด้วยราคา ให้แข่งขันด้วยคุณค่า
41. วิธีคิดแบบผู้เริ่มต้น ช่วยให้บริษัทไม่แก่ เพราะคนเริ่มต้น กล้าลอง กล้าถาม กล้าผิด
42. ทุกปัญหาในองค์กรต้องมีเจ้าของชัดเจนเพื่อแก้ทันที เพราะ ความเร็วในการแก้ไขปัญหา คือความได้เปรียบเชิงแข่งขัน
43. โปรเจกต์หลายอย่างมีโอกาสล้ม แต่ทุกการล้มทำให้ทีมรู้ว่าต้องไปทางไหนต่อ ดังนั้น อย่ากลัวการล้ม เพราะการล้มไม่ได้ทำให้แพ้ การไม่ลุกต่างหากที่ทำให้แพ้
44. ถ้าต้องเลือก ให้เลือกสิ่งที่ "ใช่" มากกว่าสิ่งที่ "ปลอดภัย" เพราะการเล่นแบบปลอดภัยอาจทำให้ไม่แพ้ แต่ก็อาจทำให้ไม่ชนะ
45. หลายบริษัทล้มเหลวไม่ใช่เพราะคิดไม่เป็น แต่เพราะทำไม่ต่อเนื่อง ดังนั้น การมีวิสัยทัศน์ไม่พอ แต่ต้องมีวินัยในการลงมือทำด้วย
46. อย่าให้ KPI ทำลายคุณภาพ เพราะ KPI ที่ดีต้องผลักให้ทำงานดีขึ้น ไม่ใช่งานเร็วขึ้นอย่างเดียว
47. ชื่อเสียงขององค์กรคือแม่เหล็กดึงคน เพราะธุรกิจที่ดี ต้องทำให้คนเก่งอยากมาทำงานด้วย
48. ความโปร่งใสคือการป้องกันวิกฤตที่ดีที่สุด และอย่าซ่อนปัญหา เพราะปัญหาที่มองไม่เห็น อันตรายที่สุด
49. อย่าทำเพราะอยากเหมือนคนอื่น ทำเพราะมันใช่สำหรับเรา
50. สุดท้าย ธุรกิจไม่ใช่เกมของความเก่ง แต่เป็นเกมของ "ความอดทน + ความชัดเจน + ความเร็ว" ดังนั้นคนที่ชนะไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุด แต่คือคนที่นิ่งที่สุดเวลาคนอื่นกลัว
☘️ ถ้าคิดว่าบทความนี้เป็นประโยชน์อย่าลืมกดติดตาม และแชร์ไปให้คนที่คุณรักนะครับ
#NopPongsatorn #XClub #ExecutiveClubhouse #LINEMAN #Wongnai
CR
https://www.facebook.com/share/p/1BRJpRpqEe/?mibextid=wwXIfr
นี่คือ 50 บทเรียนธุรกิจและการบริหารคน จากที่ผมได้ จากการคุยกับ ”พี่ยอด ชินสุภัคกุล“ CEO ของ LINE MAN Wongnai
เริ่ม!!
1. ถ้าเดินถูกทาง เวลาจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ไม่ใช่ศัตรู พี่ยอดเล่าว่า 2 ปีแรกที่ทำ Wongnai มีคนใช้งานแค่ 20,000 คน แต่ในวันที่คนเริ่มใช้สมาร์ตโฟน ก็เติบโตแบบก้าวกระโดดในปีเดียว
2. รายได้หลักร้อยล้าน ก็ไม่ใช่สัญญาณว่าคุณ "สำเร็จ" เสมอไป เพราะถ้าโมเดลธุรกิจของคุณไปต่อไม่ได้ คุณก็จะชนเพดานแค่เท่านี้
3. การเลือกตลาดผิด คือความผิดพลาดที่แก้ยากที่สุดในธุรกิจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของความพยายาม แต่มันเป็นเรื่องเพดานของมูลค่ารวมของตลาด
4. ธุรกิจที่โตไปได้ไกล คือธุรกิจที่เลือกตลาดที่ใหญ่ เพราะต่อให้คุณได้ส่วนแบ่งในตลาดมากแค่ไหน แต่เป็นตลาดเล็ก คุณก็จะสิ้นสุดแค่ที่เพดาน
5. พี่ยอดเล่าว่า ที่ wongnai เลือกเป็นพาร์ตเนอร์กับ LINE MAN เพราะรู้ว่าถ้าไม่ร่วมมือกัน สุดท้ายเขาก็จะกลายมาเป็นคู่แข่ง ดังนั้นการเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดี คือการคิดถึงอนาคตที่จะเดินไปต่อร่วมกันได้
6. การ M&A ที่ดีจะกลายเป็นเครื่องจักรสร้างการเติบโต แต่ถ้าผิดพลาดจะกลายเป็นภาระทันที
7. ในวันที่ตลาดกำลังโต อย่ากลัวการขาดทุน เพราะในวันที่ตลาดเติบโต ผลที่ตามมาคือกำไรที่ยั่งยืน
8. บริษัทที่เติบโตเร็ว ไม่ใช่บริษัทที่มีคนเยอะที่สุด แต่เป็นบริษัทที่ตัดสินใจได้เร็วที่สุด
9. โดยเฉลี่ย 2-3 ปีหลัง M&A จะมีการเปลี่ยนแปลงคนมากกว่า 50% ซึ่งเป็นธรรมชาติของการจัดระเบียบองค์กร คนที่ไม่เข้ากับค่านิยมหลัก ไม่ต้องไล่ เดี๋ยวเขาก็ไปเอง
10. ธุรกิจที่ไม่โตคือธุรกิจที่เริ่มตาย ถ้าธุรกิจหลักที่เป็นลำต้นเริ่มเติบโตไม่ทันเป้าหมาย ต้องเริ่มสร้าง กิ่ง ก้าน และใบ ให้ช่วยเติบโต
11. ในฐานะ local player อย่าพยายามเล่นแบบ global player แต่ให้ใช้ "ความคล่องตัว" เป็นอาวุธ
12. ในวันที่บริษัทเติบโต จะมีสิ่งรบกวนเพิ่มมากขึ้นเสมอ แต่เจ้าของต้องนิ่งและโฟกัสกับสิ่งที่จะทำให้บริษัทเติบโต
13. จาก 10 ล้านสู่ 100 ล้าน คือการวิ่งหาลูกค้า แต่จาก 100 ล้านสู่ 1,000 ล้านคือการเปลี่ยน Business Model และ จาก 1,000 ล้านสู่ 10,000 ล้าน ต้องดึง "คนเก่งกว่าเรา" เข้ามา
14. ความเร็วในการปรับตัวคืออาวุธลับที่คู่แข่งใหญ่ทำไม่ได้ ดังนั้นธุรกิจที่ชนะ ไม่ใช่ธุรกิจที่ "รู้ทุกอย่าง" แต่เป็นธุรกิจที่ "เรียนรู้เร็วกว่าใคร"
15. ผู้นำที่รู้ว่าตัวเองยังต้องเรียนรู้ จะพาบริษัทไปได้ไกล แต่ผู้นำที่คิดว่าตัวเองเก่งที่สุด มักหยุดอยู่ที่เดิม
16. การตัดสินใจที่ถูกต้อง ไม่ใช่การเลือกสิ่งที่ดีที่สุด แต่คือการเลือกสิ่งที่ "ผิดพลาดน้อยที่สุด"
17. องค์กรที่ตัวใหญ่เกินไปจะวิ่งช้าและตายไปก่อนถึงเส้นชัย ดังนั้น อย่าเพิ่มคนเพื่อแก้ปัญหา ให้แก้ปัญหาเพื่อประหยัดคน
18. ถ้าธุรกิจโตแล้วไม่รู้จะมุ่งไปทางไหน ให้กลับไปถาม "เราช่วยลูกค้าอะไรได้มากกว่านี้บ้าง"
19. ธุรกิจไม่ได้เติบโตด้วยกำลังใจ แต่เติบโตด้วยข้อมูล อย่าตั้งเป้าตามความฝัน ให้ตั้งเป้าตามความจริงของตลาด
20. ความสำเร็จที่น่ากลัวที่สุด คือความสำเร็จที่ไม่ได้วางแผนไว้ เพราะมันทำให้เราคิดว่าทำอะไรก็ชนะ
21. ถ้าอยากได้ทีมที่แข็งแรง ต้องสร้างความไว้ใจให้ได้ก่อน เพราะทีมที่ไม่กล้าพูดความจริง จะพาเราหลงทาง
22. การสร้างวัฒนธรรมองค์กร ไม่ได้เริ่มจากการประชุม แต่มาจากการกระทำของผู้นำ ทุกสิ่งที่เจ้าของทำ คือตัวอย่างที่พนักงานจะเดินตาม
23. ในวันที่โลกเปลี่ยนเร็วเกินกว่าจะรอให้ทุกอย่างชัดเจน ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุด คือการไม่กล้าเสี่ยงอะไรเลย
24. ธุรกิจจริงต้องรันได้แม้ไม่มีคุณ หากคุณยังทำทุกอย่างเองอยู่ นั่นไม่ใช่ธุรกิจ นั่นคืองานฟรีแลนซ์ขนาดใหญ่
25. เรามักคิดว่าคู่แข่งคือบริษัทอื่น แต่คู่แข่งจริง ๆ คือ "ตัวเราเมื่อวาน" ถ้าพัฒนาไม่เร็วพอ คู่แข่งก็ไม่ต้องทำอะไรมากเพื่อแซงเรา
26. คนส่วนใหญ่กลัวความผิดพลาดมากกว่าความพลาดโอกาส แต่ในธุรกิจ โอกาสที่หายไปจะไม่กลับหวนคืนมา
27. เป้าหมายยิ่งใหญ่ ต้องมาพร้อมความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่ แต่ความคาดหวังต้องมีระบบรองรับ ไม่ใช่ทำมาเพื่อสร้างความกดดันลอย ๆ
28. การเติบโตที่ดี ต้องไม่เผาเงินแบบไร้เหตุผล แต่ต้องเผาไปเพื่อเป็นการซื้อ "เวลา" และ "ตลาด"
29. อย่าจ้างคนที่เก่งอย่างเดียว ให้จ้างคนที่ใช่ด้วย เพราะคนเก่งที่ไม่ใช่ จะสร้างความเสียหายมากกว่าความเก่งที่มี
30. เจ้าของธุรกิจที่ดี ต้องเป็นทั้งนักกลยุทธ์ และนักอธิบาย เพราะกลยุทธ์ดีแค่ไหนก็ไร้ค่า ถ้าทีมไม่เข้าใจ
31. การเติบโตที่ยั่งยืน ต้องมาจาก "ผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้ารัก" ไม่ใช่แค่การทำโปรโมชั่น
32. การจัดลำดับงานสำคัญกว่าการทำงานหนัก เพราะเรามักคิดว่าเราเหนื่อยเพราะงานหนัก แต่จริง ๆ เราเหนื่อยเพราะงานมั่ว
33. ทุกโปรเจกต์ใหญ่ต้องมีคนหน้างานร่วมออกแบบตั้งแต่แรก เพราะถ้ากลยุทธ์ดี แต่ทีมไม่เอาด้วย กลยุทธ์นั้นก็ไร้ค่า
34. อย่าแก้ปัญหาทุกอย่างพร้อมกัน ให้แก้ปัญหาที่ "สำคัญที่สุด" ก่อน
35. ความสามัคคีมีค่ามากกว่าความสามารถเฉพาะตัว เพราะความสำเร็จขององค์กร ไม่ได้เกิดจากคนเก่งที่สุด แต่เกิดจาก "ทีมที่เข้ากันที่สุด"
36. อย่าหลงติดกับสิ่งที่ได้ผลในอดีต เพราะอดีตไม่ได้รับประกันอนาคต
37. การเก็บข้อมูลสำคัญ แต่การตีความข้อมูลสำคัญกว่า เพราะต่อให้เก็บข้อมูลมามากแค่ไหน แต่ตีความไม่ได้ ข้อมูลก็ไร้ค่า
38. ความสำเร็จคือผลลัพธ์ ไม่ใช่เหตุผลเริ่มต้น อย่าทำธุรกิจเพราะอยากประสบความสำเร็จ จงทำเพราะอยากแก้ปัญหา
39. ทำธุรกิจต้องโฟกัสประสบการณ์ลูกค้าในระยะยาว ไม่ใช่กำไรไตรมาสเดียว เพราะธุรกิจที่โฟกัสกำไรเกินไป มักโตไม่ยั่งยืน
40. อย่าแข่งขันด้วยราคา ให้แข่งขันด้วยคุณค่า
41. วิธีคิดแบบผู้เริ่มต้น ช่วยให้บริษัทไม่แก่ เพราะคนเริ่มต้น กล้าลอง กล้าถาม กล้าผิด
42. ทุกปัญหาในองค์กรต้องมีเจ้าของชัดเจนเพื่อแก้ทันที เพราะ ความเร็วในการแก้ไขปัญหา คือความได้เปรียบเชิงแข่งขัน
43. โปรเจกต์หลายอย่างมีโอกาสล้ม แต่ทุกการล้มทำให้ทีมรู้ว่าต้องไปทางไหนต่อ ดังนั้น อย่ากลัวการล้ม เพราะการล้มไม่ได้ทำให้แพ้ การไม่ลุกต่างหากที่ทำให้แพ้
44. ถ้าต้องเลือก ให้เลือกสิ่งที่ "ใช่" มากกว่าสิ่งที่ "ปลอดภัย" เพราะการเล่นแบบปลอดภัยอาจทำให้ไม่แพ้ แต่ก็อาจทำให้ไม่ชนะ
45. หลายบริษัทล้มเหลวไม่ใช่เพราะคิดไม่เป็น แต่เพราะทำไม่ต่อเนื่อง ดังนั้น การมีวิสัยทัศน์ไม่พอ แต่ต้องมีวินัยในการลงมือทำด้วย
46. อย่าให้ KPI ทำลายคุณภาพ เพราะ KPI ที่ดีต้องผลักให้ทำงานดีขึ้น ไม่ใช่งานเร็วขึ้นอย่างเดียว
47. ชื่อเสียงขององค์กรคือแม่เหล็กดึงคน เพราะธุรกิจที่ดี ต้องทำให้คนเก่งอยากมาทำงานด้วย
48. ความโปร่งใสคือการป้องกันวิกฤตที่ดีที่สุด และอย่าซ่อนปัญหา เพราะปัญหาที่มองไม่เห็น อันตรายที่สุด
49. อย่าทำเพราะอยากเหมือนคนอื่น ทำเพราะมันใช่สำหรับเรา
50. สุดท้าย ธุรกิจไม่ใช่เกมของความเก่ง แต่เป็นเกมของ "ความอดทน + ความชัดเจน + ความเร็ว" ดังนั้นคนที่ชนะไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุด แต่คือคนที่นิ่งที่สุดเวลาคนอื่นกลัว
☘️ ถ้าคิดว่าบทความนี้เป็นประโยชน์อย่าลืมกดติดตาม และแชร์ไปให้คนที่คุณรักนะครับ
#NopPongsatorn #XClub #ExecutiveClubhouse #LINEMAN #Wongnai
CR https://www.facebook.com/share/p/1BRJpRpqEe/?mibextid=wwXIfr