Ep.2 ขับมอไซค์เที่ยวคนเดียว 20วัน19คืน ด้วยงบ 4,000 บาท จากกรุงเทพ - เบตง ระยะทางกว่า 3,330 กิโลเมตร

สวัสดีครับนี่และก้เป็น Ep.2 ของทริปนี้แล้ว
ขอเอารูปฆุนูงซีลีปัตขึ้นปกแล้วกันเพราะมันคือพระเอกของ Ep. นี้เลย
ปล.ถ้าใครมาเปิดเจอกระทู้นี้แล้วอาจจะงงๆ แนะนำให้ย้อนกลับไปอ่าน Ep.1 ก่อนนะครับเพื่อข้อมูลที่ครบถ้วนและเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน
นี่ลิงค์ Ep.1 ครับ https://pantip.com/topic/40437162/comment16
          เอาล่ะ!! อย่างที่ทราบกันดีครับว่าที่ต้องมี Ep.2 นี้เพราะพื่นที่ในการเขียนกระทู้เพียงกระทู้เดียวนั้นไม่สามารถใส่เรื่องราวและรุปภาพผมได้หมดทั้งที่พยายามย่อแล้วและในกระทุ้นี้ก็ไม่รู้จะจบไหมถ้าไม่จบ ก็ต่อ Ep.3 ฮ่าๆๆ

        เอาล่ะเวิ่นเวื่อกันพอละมาต่อกันเลยดีกว่า....

     ต่อจาก Ep. ที่แล้วในช่วงเช้าผมได้ขึ้นไปชมทะเลหมอกที่ Sky walk ผมก้ได้กลับลงมาแล้วแวะไปเที่ยวต่อที่น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9 
แต่น่าเสียดายว่าหลายวันมานี้ฝนตกหนักตลอดทำให้ปริมาณน้ำเยอะมากๆละอองน้ำหนักมากทำให้ตั้งกล้องถ่ายรูปสวยๆไมไ่ด้ 
ได้แค่ฝากโทรศัพท์ให้น้องยูกดถ่ายรูปพอได้เท่ห์ๆมานิดหน่อย
"แคร่กกกกก...ๆๆ" หลังจากนั้นสักพักเสียงท้องร้องก็เริ่มทำงานเพราะว่าสายแล้วเริ่มจะหิวครับเราเลยกลับไปที่หมู่บ้านและเมนูวันนี้คือข้าวยำ
ข้าวยำเนี่ยถ้าผมเข้าใจไม่ผิดน่าจะเป็นอาหารเช้าที่คนมุสลิมนิยมกินกันครับผมแนะนำเลยว่าถ้ามา 3 จังหวัดชายแดนใต้ไม่ควรพลาด
หลังจกากินข้าวเช้ากันเสร็จสับก็โฉบไปถ่ายรูปที่สะพานข้ามน้ำปัตตานีและหลังจากนี้เป็นวันแห่งการสโลไลฟ์เลยครับเพราะทั้งวันนั้น
ผมนั่งๆนอนๆแค่รอให้ถึงเย็นอีกวันเพราะมีนัดหมายกับแบจูเพื่อขึ้นฆูนุงซีลีปัตต่อไป
ปล. ขอแทรกเกร็ดความรู้นิดหน่อยครับ ในภาษายาวีนั้น คำว่าแบเนี่ยแปลว่าพี่ครับ เพราะฉะนั้นคำว่าแบจูก็เหมือนคำว่าพี่จู แต่ว่าเพื่อนๆอาจจะคุ้นหูกับการเรียกคนมุลลิมว่าบัง นั้นก็เพราะว่ารากฐานจริงๆเค้าเรียกว่าแบครับ แต่พอเลยจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ไปจะเพี้ยนๆไปเป็นคำว่าบัง เพราะฉะนั้นในที่นี้คือ จะเรียกวา่า บังจู หรือ แบจู ก็ได้ครับ แต่ถ้าผมผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย หรือจะคอมเม้นเพื่อให้ความรู้ผมเพิ่มเติมก็ได้นะครับ
หลังจากนอนเล่นสโลไลฟ์มาทั้งวันในที่สุดคืนนี้ผมก็ต้องไปตามนัดหมายกับแบจูเพื่อจะขึ้นฆูนุงซีลีปัต และๆๆๆแล้ววความมันส์มันก็เริ่มหลังจากนี้แหละครับ ด้วยความที่ว่ารถผมเป็นออโตเมติกแล้วก็ไม่ค่อยเหมาะเอามาขี้ขึ้นทางวิบาก แถมล้อยางนั้นก็บ้านๆ ทำให้ระหว่างทางขึ้นนั้นเกือบจะถึงแคมป์แล้ว แต่คลัชไหม้สะก่อนทำให้ต้องจอดเดินต่อไป แต่ก็ทว่าผ่านพ้นคืนหฤโหดมาได้ด้วยดี เอ้อออเกือบลืมไปในการเดินทางขึ้นฆูนุงคืนนี้มีพี่สาวคนนึงมาจากกรุงเทพด้วย ชื่อพี้เปิ้ลครับ เป็น ผญที่กล้าหาญมากเลยมาคนเดียวด้วย พี่เปิ้ลตั้งใจว่าจะมาเดินทางใน 3 จังหวัดชายแดนใต้สักครั้งเพราะเค้าอยากรู้ว่ามันจะน่ากลัวจริงไหม
พี้เปิ้ลกับแบจู
ถึงแคมป์แล้วแบจูจัดเต็มกับอาหารมากแถมมีเต็นท์ขึ้นมากางให้พักในคืนนี้อีก มาแต่ตัวกับเสื้อผ้าแล้วก็แรงก็พอ
และหลังจากท้องอิ่มคืนนี้ผมก็ได้นอนพักผ่อนแบบฟินๆหลังผ่านค่ำคืนหฤโหดที่ทำเอาอาชาสคู่ใจคลัชไหม้ไป แต่ทว่าเช้ามานั้นสิ่งที่ผมได้รับกับเป็นการตอกย้ำว่ามันคุ้มค่าสุดๆๆๆๆ
ผม พี่เปิ้ล แบจู
แบจู กับ บทบาทพ่อครัวยามเช้า กาแฟร้อนๆ กับ ขนมปังและฮอทดอก
สำหรับภาพข้างบนทั้งหมดนี้คงไม่ได้ต้องบอกว่าที่เพราะทุกคนคงจะรู้แล้วว่าตอนนี้ที่นี่คือ ยอดเขาฆูนุงซีลีปัตแต่ทว่าการจะขึ้นที่นี่ก็มีความยากลำบากประมานนึงและควรมีสตาร์ฟดูแลเพื่อความปลอดภัย ถ้าใครสนใจที่จะขึ้นมาแคมป์หรือขึ้นมาท่องเที่ยวที่นี้ก็ลองติดต่อสอบถามไปยัง
เพจตามลิงค์นี้ได้เลยครับ https://web.facebook.com/GunungSilipatThailand แบจูเป็นหนึ่งในแอดมินเพจ
ผมรับประกันมุกแป่กๆและบริการที่ประทับใจจากแบจูให้เลยครับ ฮ่าๆๆๆ

         และเรื่องราวหลังจากนี้ผมต้องท้าวความก่อนว่า ช่วงก่อนหน้านี้นั้นบอลลี่ได้ทราบว่ามีชุมชนชาวอีสาน อยู่ในตำบลที่ติดกับชายแดนไทยมาเลเซียและที่นี่คือตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ซึ่งที่นี่เป็นหนึ่งในพื้นที่ของนิคมที่ทางรัฐจัดสันที่ดินให้คนอีสานซึ่งส่วนใหญ่มาจากนครราชสิมานั้นอพยบมาตั้งถื่นฐานพร้อมให้ที่ดินทำกินเพราะช่วงนั้นที่โคราชมีการสุ้รบกับคอมมิวนิสเกิดขึ้น ทำให้ชายบ้านส่วนใหญ่นั้นอพบพกันมา ที่เลยกลายเป็นชุมชนคนพุทะท่ามกลางคนมุสลิม
และด้วยเรื่อวงราวทั้งหมดนี่เองอีบอลลี่นั้นแทบไม่รอช้ารีบเก็บของกระโดดขึ้นรถและขับผ่านบันนังสตาเข้าสุ้พื้นที่สีแดงผ่านเข้าทางอำเภอศรีสาครแล้วมาถึงที่สุคิรินแล้วไปสุดทางที่ตำบลภูเขาทองนี้ช่วงหัวค่ำ ไม่รอช้าผมรีบติดต่อขอเข้าพักที่วัดป่าชุมทอง ซึ่งมีหลวงตาอยุ่วัดเพียงแค่รุปเดียว
ปล.อย่างที่บอกที่นี่เป็นชุมชนคนพุทธท่ามกลางคนไทยมุสลิมและห่างไกลสุดๆแบบสุดชายแดน พระที่นี่จึงมีน้อยมากๆ เพิ่มเติมคือที่นี่มีงานบุญบั้งไฟแบบอีสานด้วยนะ
ทว่าระหว่าวเดินทางนั้นผมแวะเที่ยวที่เขื่อนบางลางแถวๆบันนังสตาด้วย
เริ่มเข้าเขตนราธิวาส
ในพื้นที่ๆว่าสีแดงสุดๆ แต่ระหว่างทางสวยมากจริงๆ และนี่แค่ส่วนน้อยที่ถ่ายมานอกนั้นอยู่ในความทรงจำ^^
ถึงแล้วอำเภอสุคิริน
มื้อเย็นของยาจกก็จะประมานนี้ มือนี่ราวๆ 33 บาท
หลวงตาใจดีให้นอนบนศาลาเลยไม่ต้องกางเต็นท์ ขอบคุณมากจริงๆ^^
 
หลังจากค่ำคืนแห่งการเดินทางที่เหนื่อยล้า เช้านี้ผมเลยเป็นเด็กวัดจำเป็นขอติดตามหลวงตาไปไปบิณฑบาตเพราะด้วยความอยากเห็นวิถีชีวิตของคนที่นี่ด้วยตาของตัวเอง
หลังบิณฑบาตเสร็จหลวงตาก็แบ่งซาลาเปากับข้าวเปล่า ทำให้ผมอิ่มไปอีก 2 มื้อเพราะแบ่งข้าวไว้กินตอนบ่ายอีก ต้องโคตรประหยัด ฮ่าๆๆ
หลังจากนั้นหลวงตาก็เขียนแผนที่การจุดท่องเที่ยวในอำเภอนี้ให้ ที่นี้ไกลความเจริญเอามากๆ สัญญาณเน็ตแทบไม่มี ผมเดินทางนี้แทบจะด้วยวิธีอนาล็อกเลยคือใช้วิธีถามทางชาวบ้านเอา ฮ่าๆๆๆ
ที่นี่คืออุโมงค์เลียงทอง ว่ากันว่าแต่ก่อนนั้นเจ้าอนานิคมทางยุโรปอะไรนี่แหละใช้ที่นี่เป็นที่ลำเลียงทองคำออกไปทางมาเลเซีย แต่ปัจจุบันนี้อุโมงนี่ตันไปแล้วเพราะเขาลุกนี้เป็นเขตแดนไทยมาเลเซีย เดินไปไม่เท่าไหร่คือทะลุไปมาเลเซียได้เลย
ชุดชมวิวทะเลหมอกพระธาตุภูเขาทอง แต่ไม่มีหมอกเพราะผมมาสายและจะมาซ่อมโดยการชมหมอกในเช้าของอีกวันนึง
สันเขาข้างหน้านุ่นคือเขตแดนไทย - มาเลเซียแล้ว
          และหลังจากผมกลับจากการขับรถตระเวนเที่ยวจนถึงวัดในช่วงบ่ายๆ มันก็มีถึงไคลแมตของที่นี่คือการร่อนทอง ต้องท้าวความก่อนเลยว่าคนที่นี่นั้นมีอาชีพหลักๆด้วยกันสองอย่าง คือชาวสวนชาวไร่ กับร่อนทองขาย ด้วยเหตุผลที่ว่าที่นี่เป็นพื้นที่ฝนตกชุก มีความชื้น อากาศเย็นทั้งปี ทำให้บางช่วงนั้นไร่สวน ไม่มีผลผลิต เลยต้องร่อนทองขายเป็นอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว และผมอยากบอกว่านี่เป็นอะไรที่ผมอึ้งสุดๆ หลวงตาตัดดินแถวๆวัด ย้ำว่าดินครับดินแดงแถวๆวัดนี่แหละ แล้วเอาลงไปใส่กระทะไม้ร้อนในลำธาร ออกมาเป้นทองคำบริสุทเลย หรืออาจจะตักดินจากในลำธารก็ได้ครับ ร่อนขึ้นมาเป็นเกร็ดทองคำขึ้นมาเลย และนี้แหละคือเหตุผลว่าที่นี่ได้ชื่อว่าตำบลภุเขาทองเพราะ ในดินที่นี่ที่ไหนก็มีทองครับ ยิ่งฟังเรื่องเล่าอีกว่าเมื่อซัก 20 ปีก่อนแถวๆนี้บางทีเดินไปข้างทางนี่ทองคำอยู่ตามพื้นนี่เป็นเม็ดเลยตั้งแต่สมัยทองละ 400 บาท ผมพลันคิดในใจถ้าเป็นทุกวันนี้คนที่นี่รวยเละแน่ฮ่าๆๆๆ
ป้าลันร่อนทองได้ทองคำแท้ๆ
 

เอาล่ะถึงคนถ้าอ่านกันมาจนถึงจุดนี้ผมอยากจะบอกว่า พื้นที่ไม่พออีกละจ้าา ฮ่าๆๆๆๆคือนี้พยายามย่อแล้วน่ะพยายามเอาแต่เนื้อเน้นๆตัดรุปหลายๆรุปที่มีไปด้วยซ้ำเพื่อที่จะได้เหลือพื้นที่ไว้เขียนเยอะๆแต่ทว่าก็ยังไม่พออยู่ดีเอาเป็นว่าถ้าใครใจร้อนก็ไปดูเรื่องราวในเพจผมต่อได้มีทั้งรุปและเรื่องราวที่ผมบันทึกไว้จนครบแล้วตามลิงค์นี่ https://web.facebook.com/khabwintiaw เพจ ขับวินเที่ยว ครับ
หรือถ้าใครใจเย็นรอได้ก็รอ Ep.3เลยครับ เดี๋ยวมาเขียนต่อให้ รอซักแปปเน้อ เพราะช่วงนี้ตังหายยาก วินก็อยางวิ่ง กระทู้ก็อยากเขียน
วันนี้ขอตัวก่อน เรื่องราวดีๆใน Ep หน้ายังเข้มข้นแน่นอน สวัสดีครับ
*** Ep.3 มาแล้วครับ https://pantip.com/topic/40445723 ***
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่