หุหุ อ่านแล้วชอบ ก๊อปมาฝาก...
==========================
..✍️"ซีพี ฟาร์มาซูติคอล กรุ๊ป" เป็นหนึ่งในบริษัทลูกของ "เจ้าสัวเจียรวนนท์" มา 20 ปีแล้ว ได้ลงทุนในบริษัท "ซิโนแวคไบโอเทค" บริษัทผู้ผลิตวัคซีนของจีน มูลค่าลงทุนกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ได้หุ้น 15% ร่วมกับอเมริกา และจีน เพื่อขยายการผลิตอีก 2 เท่า เพื่อ 300 ล้านคนต่อปี
..😎 ข่าวแบบนี้! ถือเป็นเรื่องปกติ ของการลงทุนธุรกิจ แต่ที่สังคมให้ความสนใจเป็นพิเศษ! ก็คือการเอามาโยงการเมือง.. กล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ทั้งที่รัฐบาลไทยสั่งได้แค่ 2 ล้านโดส หรือ 0.33% ของกำลังการผลิตเท่านั้น
..✍️วัคซีนไม่เพียงพอ แต่เอามาดราม่าว่า เร่งรีบ กล่าวหาว่า หลังจากที่ บ.ซีพีฯ ของ "เจ้าสัวเจียรวนนท์" เซ็นสัญญาร่วมลงทุนปุ๊บ!! ในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงถัดมา การประชุมคณะรัฐมนตรีของไทย ( ครม.) ก็อนุมัติจัดซื้อเร่งด่วน ปั๊บ!! โดยไม่รู้เลยว่าวัคซีนขาดแคลนทั่วโลก ไทยล่าช้ามาก ไทยไปต่อคิว Astra อยู่ในลำดับที่ 61 กว่าจะได้ยาก็เดือนกรกฏาคม ในขณะที่ฟิลิปปินส์ COVID-19 จำนวน 25 ล้านโดสจาก Sinovac ซึ่งคาดว่าจะได้วัคซีนภายในเดือนมีนาคมปีหน้า ในขณะที่อินโดนีเซียได้สั่งวัคซีนไปแล้ว 125.5 ล้านโดสจาก Sinovac ซึ่งได้รับวัคซีนไปแล้ว 1.2 ล้านโดสในเดือนธันวาคม ไทยได้มาแค่ 2 ล้านโดสเท่านั้น
.. จะสร้างสตอรี่ว่า ปุ๊บๆ ปั๊บๆ ! แต่ไม่ได้รู้เลยว่า ประเทศต่างๆ เค้าสำรองวัคซีนกันไปหมดแล้ว
..✍️ดราม่าว่า 2 ล้านโดส นั้นเอื้อประโยชน์ แต่ไทยแทบจะล่าช้าสุดในการเข้าถึงวัคซีน วัคซีนที่ครม. อนุมัติสั่งซื้อ 2 ล้านโดสนั้น! มีชื่อว่า! "โคโรนาวัค" ซึ่งเป็นชื่อวัคซีนตัวเดียวกันกับ "ชิโนแวคของจีน+ซีพี ของไทย นั้น ย้ำว่า ซีพีที่ร่วมลงทุนไป 15% ในขณะที่กองทุนอเมริกา กองทุนจีน ก็ร่วมลงทุน แต่ไม่เอามาพูด และประเทศเหล่านี้รีบจองไปหลายล้านโดส! ปัญหาคือ คนไทยกลัวซีพีได้เงิน แต่ไม่คิดว่า เค้าลงทุนไปเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต จาก 300 ล้านโดส เป็น 600 ล้านโดส หากไม่พอใจก็ควรรอต่อคิวต่อไป
.. 🖋พยายามชี้นำสังคม ว่า ทำไม่จึงฮั้วเจ้าสัวนายทุนกันขนาดนี้ เห็นชีวิตคนไทยเป็นอย่างไร?
.. ✍️เพราะคณะรัฐมนตรีของไทย ควรมีมติจัดซื้อไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เพิ่งจะอนุมัติเมื่อวานนี้!
อันนี้เป็นความห่วยของรัฐบาล.. การสั่ง 2 ล้านโดสของรัฐบาลไทย ไม่ได้ทำให้ซิโนแวคที่ผลิต 600 ล้านโดสต่อปี รวยขึ้น แต่เค้าแทบไม่มีโควต้าให้ไทย เพราะทุกประเทศทยอยไปจองหลายล้านโดสต่อประเทศ จะกล่าวหารัฐบาลว่าอนุมัติแบบลุกลี้ลุกลน ใช้คำว่า "เร่งด่วน" แต่ไม่ได้ด่วนให้ประชาชน แต่ไปเร่งด่วน! เอื้อให้กับนายทุน
สตอรี่อีกแห่ง.. พยายามบอกว่า ต่างจากประเทศลาว! ที่คณะรัฐมนตรีของเขา อนุมัติจัดซื้อตั้งแต่เดือนเมษาปีที่แล้ว จนปัจจุบันนี้! ลาวเขาเริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับประชาชนแล้ว ส่วนคนไทย! ได้แต่มองตาปริบๆ แต่มันก็ไม่บอกนะว่า ลาวก็สั่งจากบริษัท Sinopharm ของประเทศจีนแล้วจำนวน 2,000 โดส โดยจะทำการฉีดให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 ก่อน เพื่อป้องกันความเสี่ยงให้กับบุคคลเหล่านี้
..😎คนโง่! ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด เป็นเรื่องปกติ! ปล่อยให้ใจคับแคบ ทำให้ประเทศย่ำอยู่กับที่ มองโลกในแต่ตัวเอง มองตลาดไทยใหญ่คับฟ้า โดยไม่มองว่าประเทศไทยเล็กเท่ามณฑลเดียวของจีน
..✍️และยิ่งรัฐบาลกำลังถังแตก กู้เงินชนเพดาน จนไม่สามารถกู้ได้อีกแล้ว ก็ยิ่งเปิดโอกาสให้กับเจ้าสัวนายทุน เข้ากอบโกย และเข้ามามีอิทธิพลต่อรองถึงคณะรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นก้นครัวของบ้าน กลัว 2 ล้านโดส จะไปทำให้ซิโนแว ทุกประเทศคงตลกร้ายวิธีคิดในโลกแคบๆ
..🖋 เอาทุกอย่างไปเชื่อมโยงการเมือง กล่าวหาว่า คณะรัฐมนตรี ซึ่งเสมือนเครื่องจักรกลไกของประเทศ ที่จะต้องขับเคลื่อน พัฒนาให้ไทยเจริญรุ่งเรือง แต่กลับถูกเจ้าสัวนายทุน เข้ามาขับเคลื่อนเอง หาผลประโยชน์เอง! จนร่ำรวยอู้ฟู่เพิ่มขึ้น
..🕶สรุปคือ เปิดใจ มองโลกให้กว้าง สั่ง 2 ล้านโดสจากจีน และ อีก 61 ล้านโดสจากอังกฤษ ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลเอื้อใคร แต่สั่งจาก 2 เจ้านี้ เพราะเก็บได้ในอุณหภูมิ 2-8 องศา ขนส่งสะดวก และที่สั่งเวลานี้ เพราะรอการรับรองทางการแพทย์ หยุดดราม่าซักนิด ในวิกฤตแบบนี้กันนะครับ
"ยุคที่คนดราม่า สร้างสตอรี่เก่ง โยงทุกอย่างเป็นเรื่องการเมือง"
==========================
..✍️"ซีพี ฟาร์มาซูติคอล กรุ๊ป" เป็นหนึ่งในบริษัทลูกของ "เจ้าสัวเจียรวนนท์" มา 20 ปีแล้ว ได้ลงทุนในบริษัท "ซิโนแวคไบโอเทค" บริษัทผู้ผลิตวัคซีนของจีน มูลค่าลงทุนกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ได้หุ้น 15% ร่วมกับอเมริกา และจีน เพื่อขยายการผลิตอีก 2 เท่า เพื่อ 300 ล้านคนต่อปี
..😎 ข่าวแบบนี้! ถือเป็นเรื่องปกติ ของการลงทุนธุรกิจ แต่ที่สังคมให้ความสนใจเป็นพิเศษ! ก็คือการเอามาโยงการเมือง.. กล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ทั้งที่รัฐบาลไทยสั่งได้แค่ 2 ล้านโดส หรือ 0.33% ของกำลังการผลิตเท่านั้น
..✍️วัคซีนไม่เพียงพอ แต่เอามาดราม่าว่า เร่งรีบ กล่าวหาว่า หลังจากที่ บ.ซีพีฯ ของ "เจ้าสัวเจียรวนนท์" เซ็นสัญญาร่วมลงทุนปุ๊บ!! ในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงถัดมา การประชุมคณะรัฐมนตรีของไทย ( ครม.) ก็อนุมัติจัดซื้อเร่งด่วน ปั๊บ!! โดยไม่รู้เลยว่าวัคซีนขาดแคลนทั่วโลก ไทยล่าช้ามาก ไทยไปต่อคิว Astra อยู่ในลำดับที่ 61 กว่าจะได้ยาก็เดือนกรกฏาคม ในขณะที่ฟิลิปปินส์ COVID-19 จำนวน 25 ล้านโดสจาก Sinovac ซึ่งคาดว่าจะได้วัคซีนภายในเดือนมีนาคมปีหน้า ในขณะที่อินโดนีเซียได้สั่งวัคซีนไปแล้ว 125.5 ล้านโดสจาก Sinovac ซึ่งได้รับวัคซีนไปแล้ว 1.2 ล้านโดสในเดือนธันวาคม ไทยได้มาแค่ 2 ล้านโดสเท่านั้น
.. จะสร้างสตอรี่ว่า ปุ๊บๆ ปั๊บๆ ! แต่ไม่ได้รู้เลยว่า ประเทศต่างๆ เค้าสำรองวัคซีนกันไปหมดแล้ว
..✍️ดราม่าว่า 2 ล้านโดส นั้นเอื้อประโยชน์ แต่ไทยแทบจะล่าช้าสุดในการเข้าถึงวัคซีน วัคซีนที่ครม. อนุมัติสั่งซื้อ 2 ล้านโดสนั้น! มีชื่อว่า! "โคโรนาวัค" ซึ่งเป็นชื่อวัคซีนตัวเดียวกันกับ "ชิโนแวคของจีน+ซีพี ของไทย นั้น ย้ำว่า ซีพีที่ร่วมลงทุนไป 15% ในขณะที่กองทุนอเมริกา กองทุนจีน ก็ร่วมลงทุน แต่ไม่เอามาพูด และประเทศเหล่านี้รีบจองไปหลายล้านโดส! ปัญหาคือ คนไทยกลัวซีพีได้เงิน แต่ไม่คิดว่า เค้าลงทุนไปเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต จาก 300 ล้านโดส เป็น 600 ล้านโดส หากไม่พอใจก็ควรรอต่อคิวต่อไป
.. 🖋พยายามชี้นำสังคม ว่า ทำไม่จึงฮั้วเจ้าสัวนายทุนกันขนาดนี้ เห็นชีวิตคนไทยเป็นอย่างไร?
.. ✍️เพราะคณะรัฐมนตรีของไทย ควรมีมติจัดซื้อไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เพิ่งจะอนุมัติเมื่อวานนี้!
อันนี้เป็นความห่วยของรัฐบาล.. การสั่ง 2 ล้านโดสของรัฐบาลไทย ไม่ได้ทำให้ซิโนแวคที่ผลิต 600 ล้านโดสต่อปี รวยขึ้น แต่เค้าแทบไม่มีโควต้าให้ไทย เพราะทุกประเทศทยอยไปจองหลายล้านโดสต่อประเทศ จะกล่าวหารัฐบาลว่าอนุมัติแบบลุกลี้ลุกลน ใช้คำว่า "เร่งด่วน" แต่ไม่ได้ด่วนให้ประชาชน แต่ไปเร่งด่วน! เอื้อให้กับนายทุน
สตอรี่อีกแห่ง.. พยายามบอกว่า ต่างจากประเทศลาว! ที่คณะรัฐมนตรีของเขา อนุมัติจัดซื้อตั้งแต่เดือนเมษาปีที่แล้ว จนปัจจุบันนี้! ลาวเขาเริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับประชาชนแล้ว ส่วนคนไทย! ได้แต่มองตาปริบๆ แต่มันก็ไม่บอกนะว่า ลาวก็สั่งจากบริษัท Sinopharm ของประเทศจีนแล้วจำนวน 2,000 โดส โดยจะทำการฉีดให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 ก่อน เพื่อป้องกันความเสี่ยงให้กับบุคคลเหล่านี้
..😎คนโง่! ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด เป็นเรื่องปกติ! ปล่อยให้ใจคับแคบ ทำให้ประเทศย่ำอยู่กับที่ มองโลกในแต่ตัวเอง มองตลาดไทยใหญ่คับฟ้า โดยไม่มองว่าประเทศไทยเล็กเท่ามณฑลเดียวของจีน
..✍️และยิ่งรัฐบาลกำลังถังแตก กู้เงินชนเพดาน จนไม่สามารถกู้ได้อีกแล้ว ก็ยิ่งเปิดโอกาสให้กับเจ้าสัวนายทุน เข้ากอบโกย และเข้ามามีอิทธิพลต่อรองถึงคณะรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นก้นครัวของบ้าน กลัว 2 ล้านโดส จะไปทำให้ซิโนแว ทุกประเทศคงตลกร้ายวิธีคิดในโลกแคบๆ
..🖋 เอาทุกอย่างไปเชื่อมโยงการเมือง กล่าวหาว่า คณะรัฐมนตรี ซึ่งเสมือนเครื่องจักรกลไกของประเทศ ที่จะต้องขับเคลื่อน พัฒนาให้ไทยเจริญรุ่งเรือง แต่กลับถูกเจ้าสัวนายทุน เข้ามาขับเคลื่อนเอง หาผลประโยชน์เอง! จนร่ำรวยอู้ฟู่เพิ่มขึ้น
..🕶สรุปคือ เปิดใจ มองโลกให้กว้าง สั่ง 2 ล้านโดสจากจีน และ อีก 61 ล้านโดสจากอังกฤษ ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลเอื้อใคร แต่สั่งจาก 2 เจ้านี้ เพราะเก็บได้ในอุณหภูมิ 2-8 องศา ขนส่งสะดวก และที่สั่งเวลานี้ เพราะรอการรับรองทางการแพทย์ หยุดดราม่าซักนิด ในวิกฤตแบบนี้กันนะครับ