การที่ดีแทคให้ส่วนลดค่าเครื่อง 3500 บาท ชดเชยสิทธิคนละครึ่ง ดีแทคใช้คำว่า "เยียวยา ชดเชย รับผิดชอบ" แต่จริงๆแล้ว เป็นเพียงอีกโปรโมชั่นหนึ่งเท่านั้น
อ้างว่า เครื่องที่ได้ลดราคา เป็นเครื่องเปล่า แต่ในความเป็นจริง เป็นเครื่องที่ดีแทคสามารถรีโมทมาระงับสัญญาณได้ ถ้าเบอร์ที่รับการ"ชดเชย" ค้างค่าโทรเกินสองงวด หรือย้ายไปค่ายอื่น
เรื่องนี้ผมจะไม่ว่ากัน ถ้าดีแทคพูดกับลูกค้าหมดเปลือกแบบนี้ตั้งแต่ต้น แต่เปล่าเลย ดีแทคยืดอกบอกว่าจะแสดงความรับผิดชอบในความผิดพลาด ไม่ว่าจะในการให้ข่าว หรือแม้กระทั่งใน sms ที่ส่งมาขอโทษลูกค้า สุดท้ายในคำว่าชดเชย ดีแทคก็แอบสอดไส้ยัดโปรโมชั่นมาให้ลูกค้าติดสัญญาเนียนๆอีก 6 เดือน
ทำไมผมถึงใช้คำว่า"แอบ" นั่นก็เพราะพฤติกรรมของพนักงานดีแทคชอป นั้น"แอบ" รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริหารที่ทำการตลาดลักษณะนี้ก็นับว่า แอบ
เมื่อลูกค้าซื้อเครื่องด้วยความรับผิดชอบ(รึ)ของดีแทคแล้ว พนักงานจะให้ท่านเซ็นเอกสารสองฉบับ
ฉบับแรก เซ็นด้วยปากกาลงบนกระดาษปกติ ใจความว่า เครื่องที่ท่านซื้อนั้นอยู่ในสภาพเรียบร้อยดี และแจ้งให้ทราบถึงเงื่อนไขการรับประกันต่างๆ
ฉบับที่สอง พนักงานใช้คำว่า "เซ็นปิดการขาย" เขาจะเรียกท่านไปเซ็นในกระดานอิเลคทรอนิค เซ็นเสร็จก็บอกลูกค้าว่า "เสร็จแล้ว" โดยที่ท่านไม่ทราบว่าเซ็นอะไรลงไป
ผมจึงเรียกขอดูเอกสาร ว่าผมเพิ่งเซ็นอะไรไป พนักงานบอกว่า ก็ใบเดิมนั่นแหละพี่(พลางยื่นใบรับเครื่องให้ผมดู) ผมไม่เชื่อ เพราะเห็นเครื่องปริ้นท์มันปริ้นท์เอกสารอื่นเพิ่มเติมมาอีก 1 ใบ จึงยืนยันขอดู ทีแรกพนักงานบอกว่า "ให้ดูไม่ได้ เพราะเป็นเอกสารของบริษัท" ผมยืนยันว่า แม้จะเป็นเอกสารของบริษัท แต่เป็นลายเซ็นผมอยู่ในนั้น ผมมีสิทธิ์ที่จะต้องทราบว่า ผมเซ็นอะไรลงไป พนักงานจึงยอมหยิบเอกสารฉบับนั้นให้ผมดู ใจความโดยสรุปก็คือ เบอร์ที่เลือกรับการชดเชย(ในเอกสารใช้คำว่าร่วมรายการ) จะต้องไม่ค้างค่ารายเดือนเกินสองงวดและต้องไม่ย้ายค่ายภายใน 6 เดือน มิฉะนั้น โทรศัพท์เครื่องที่ท่านเพิ่งได้รับการชดเชยมา(555) จะถูกล็อค
ผมขอให้พนักงานถ่ายสำเนาเอกสารฉบับที่สองให้ผมด้วย พนักงานไม่ยอมถ่าย อ้างว่าเป็นระเบียบของบริษัท ผมจึงแจ้งว่า ผมจะใช้โทรศัพท์มือถือของผม ถ่ายรูปมา พนักงานบอกว่า "ถ่ายรูปไปได้"
เอาล่ะครับ ผมยังติดสัญญาเดิมที่ผมสมัครใจทำไว้กับดีแทคอีก 3 เดือน
เท่ากับว่า ผมต้องมาติดสัญญาที่ผมไม่สมัครใจเพิ่มอีก 3 เดือน เงินก็จ่ายไปแล้ว ของก็เอาของเขามาแล้ว ทำไงได้..
จากความเห็นใจในความผิดพลาด จริงๆผมเถียงแทนดีแทคในใจมาตลอด ว่าจะให้ชดเชยเป็นเงินสดมันก็ไม่ยุติธรรมกับดีแทคนะ ถ้าดีแทคลดค่ารายเดือนให้เดือนละ 350 10 เดือน ลูกค้าก็เอาเงินที่เดิมจะต้องจ่ายให้ดีแทคไปซื้อกับข้าวแทนได้ อาจจะเบี้ยหัวแตกหน่อย แต่ก็นับว่าดีแทคยังมีความรับผิดชอบอยู่บ้าง ลูกค้าก็ยังอยู่กับค่ายต่อ
แต่กลายเป็นว่า ดีแทคสามารถพลิกวิกฤติครั้งนี้ ให้กลายเป็นวิบัติไปแล้ว ในความคิดของผม
6 เดือน ก็ประมาณ 180 วัน ลูกค้าบลูเมมเบอร์ที่ใช้เดือนละ 1499 บาทอย่างผม เริ่มนับวันนี้เป็นวันที่ 1 แล้ว
บ่นในพันทิพย์แล้ว ก็ว่าจะไปบ่นให้ สคบ หรือ กสทช ฟังบ้างครับ
สัญญาที่(พนักงาน)DTAC พยายามปกปิด เกี่ยวกับการชดเชยสิทธิ 3500
อ้างว่า เครื่องที่ได้ลดราคา เป็นเครื่องเปล่า แต่ในความเป็นจริง เป็นเครื่องที่ดีแทคสามารถรีโมทมาระงับสัญญาณได้ ถ้าเบอร์ที่รับการ"ชดเชย" ค้างค่าโทรเกินสองงวด หรือย้ายไปค่ายอื่น
เรื่องนี้ผมจะไม่ว่ากัน ถ้าดีแทคพูดกับลูกค้าหมดเปลือกแบบนี้ตั้งแต่ต้น แต่เปล่าเลย ดีแทคยืดอกบอกว่าจะแสดงความรับผิดชอบในความผิดพลาด ไม่ว่าจะในการให้ข่าว หรือแม้กระทั่งใน sms ที่ส่งมาขอโทษลูกค้า สุดท้ายในคำว่าชดเชย ดีแทคก็แอบสอดไส้ยัดโปรโมชั่นมาให้ลูกค้าติดสัญญาเนียนๆอีก 6 เดือน
ทำไมผมถึงใช้คำว่า"แอบ" นั่นก็เพราะพฤติกรรมของพนักงานดีแทคชอป นั้น"แอบ" รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริหารที่ทำการตลาดลักษณะนี้ก็นับว่า แอบ
เมื่อลูกค้าซื้อเครื่องด้วยความรับผิดชอบ(รึ)ของดีแทคแล้ว พนักงานจะให้ท่านเซ็นเอกสารสองฉบับ
ฉบับแรก เซ็นด้วยปากกาลงบนกระดาษปกติ ใจความว่า เครื่องที่ท่านซื้อนั้นอยู่ในสภาพเรียบร้อยดี และแจ้งให้ทราบถึงเงื่อนไขการรับประกันต่างๆ
ฉบับที่สอง พนักงานใช้คำว่า "เซ็นปิดการขาย" เขาจะเรียกท่านไปเซ็นในกระดานอิเลคทรอนิค เซ็นเสร็จก็บอกลูกค้าว่า "เสร็จแล้ว" โดยที่ท่านไม่ทราบว่าเซ็นอะไรลงไป
ผมจึงเรียกขอดูเอกสาร ว่าผมเพิ่งเซ็นอะไรไป พนักงานบอกว่า ก็ใบเดิมนั่นแหละพี่(พลางยื่นใบรับเครื่องให้ผมดู) ผมไม่เชื่อ เพราะเห็นเครื่องปริ้นท์มันปริ้นท์เอกสารอื่นเพิ่มเติมมาอีก 1 ใบ จึงยืนยันขอดู ทีแรกพนักงานบอกว่า "ให้ดูไม่ได้ เพราะเป็นเอกสารของบริษัท" ผมยืนยันว่า แม้จะเป็นเอกสารของบริษัท แต่เป็นลายเซ็นผมอยู่ในนั้น ผมมีสิทธิ์ที่จะต้องทราบว่า ผมเซ็นอะไรลงไป พนักงานจึงยอมหยิบเอกสารฉบับนั้นให้ผมดู ใจความโดยสรุปก็คือ เบอร์ที่เลือกรับการชดเชย(ในเอกสารใช้คำว่าร่วมรายการ) จะต้องไม่ค้างค่ารายเดือนเกินสองงวดและต้องไม่ย้ายค่ายภายใน 6 เดือน มิฉะนั้น โทรศัพท์เครื่องที่ท่านเพิ่งได้รับการชดเชยมา(555) จะถูกล็อค
ผมขอให้พนักงานถ่ายสำเนาเอกสารฉบับที่สองให้ผมด้วย พนักงานไม่ยอมถ่าย อ้างว่าเป็นระเบียบของบริษัท ผมจึงแจ้งว่า ผมจะใช้โทรศัพท์มือถือของผม ถ่ายรูปมา พนักงานบอกว่า "ถ่ายรูปไปได้"
เอาล่ะครับ ผมยังติดสัญญาเดิมที่ผมสมัครใจทำไว้กับดีแทคอีก 3 เดือน
เท่ากับว่า ผมต้องมาติดสัญญาที่ผมไม่สมัครใจเพิ่มอีก 3 เดือน เงินก็จ่ายไปแล้ว ของก็เอาของเขามาแล้ว ทำไงได้..
จากความเห็นใจในความผิดพลาด จริงๆผมเถียงแทนดีแทคในใจมาตลอด ว่าจะให้ชดเชยเป็นเงินสดมันก็ไม่ยุติธรรมกับดีแทคนะ ถ้าดีแทคลดค่ารายเดือนให้เดือนละ 350 10 เดือน ลูกค้าก็เอาเงินที่เดิมจะต้องจ่ายให้ดีแทคไปซื้อกับข้าวแทนได้ อาจจะเบี้ยหัวแตกหน่อย แต่ก็นับว่าดีแทคยังมีความรับผิดชอบอยู่บ้าง ลูกค้าก็ยังอยู่กับค่ายต่อ
แต่กลายเป็นว่า ดีแทคสามารถพลิกวิกฤติครั้งนี้ ให้กลายเป็นวิบัติไปแล้ว ในความคิดของผม
6 เดือน ก็ประมาณ 180 วัน ลูกค้าบลูเมมเบอร์ที่ใช้เดือนละ 1499 บาทอย่างผม เริ่มนับวันนี้เป็นวันที่ 1 แล้ว
บ่นในพันทิพย์แล้ว ก็ว่าจะไปบ่นให้ สคบ หรือ กสทช ฟังบ้างครับ