เรื่องสั้นเมืองนอกในวันวาน จากประสบการณ์จริง ชุด คำสารภาพของเด็กเร่ร่อน(ภาคอดีตกาล) : ตอนที่ 1 หนีจากขุมนรก
คำเตือน.. เรต 18+ เนื้อหา ภาษา ไม่เหมาะสำหรับผู้มีอายุต่ำกว่า 18ปี
......................................................................................
ชุด คำสารภาพของเด็กซ่อง (ภาคอนาคตกาล)
ตอนที่ 1
https://pantip.com/topic/40324490
ตอนที่ 2
https://pantip.com/topic/40329014
ตอนที่ 3
https://pantip.com/topic/40333434
ตอนที่ 4
https://pantip.com/topic/40339867
ตอนที่ 5 (จบ)
https://pantip.com/topic/40344608
..........................................................................................................
เมือง Auckland ประเทศนิวซีแลนด์
ปี 1993 Charlie อายุ 16 ย่าง 17ปี กำลังเรียนอยู่เกรด11 เวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนส่วนใหญ่จะรีบกลับบ้านหรือไม่ก็มีผู้ปกครองมารับ สำหรับCharlie ไม่อยากกลับบ้าน ซึ่งผิดแปลกจากเด็กคนอื่นๆที่อยากอยู่บ้านมากกว่าไปโรงเรียน
คำว่า"บ้าน"ในนิยามของCharlie สภาพไม่ต่างจากขุมนรกเท่าไหร่ ทางกายภาพอาจดูสุขสบาย มีที่ซุกหัวนอน มีข้าวแดงแกงร้อนราดหัว มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อม แต่ทางจิตใจเปรียบเสมือนคุกที่ใช้คุมขังนักโทษอุกฉกรรจ์
ผู้ให้กำเนิดCharlie แยกทางกัน ต่างฝ่ายได้แต่งงานมีครอบครัวใหม่และลูกๆคนใหม่ ส่วนCharlie นั้น ไม่มีฝ่ายไหนอยากเอาไปอยู่ด้วย โดยอ้างเหตุผลต่างๆนานา เมื่อตกลงกันไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องมีฝ่ายหนึ่งรับเอาไป โดยความไม่เต็มใจนัก
ทุกครั้งที่ทำอะไรขวางหูขวางตา ไม่สบอารมณ์ Charlieมักโดนด่าว่าตลอด โดยด่ากระทบไปถึงอีกฝ่ายหนึ่ง คำด่าทอที่มักได้ยินประจำคือ "เกิดมาทำไม? เกิดมาก็ไม่ได้มีใครเขาต้องการ" "ตัวซวย" "เกิดมาล้างผลาญ" "มีสันดานเลือดชั่วฝ่ายโน้น ไม่มีเลือดดีของฝ่ายนี้บ้าง" ฯลฯ กรอกเข้ารูหูทะลุทะลวงกัดกร่อนไปถึงขั้วหัวใจ
ในทางกลับกัน ลูกๆคนใหม่ เวลาทำอะไรผิด ไม่เคยถูกด่าว่าหรือลงโทษเลย มิหนำซ้ำ Charlieยังเป็นฝ่ายคอยเก็บกวาดตามหลังอีก ลูกๆคนใหม่อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทันทีโดยไม่ต้องรอ ส่วน Charlieนั้น เวลาอยากได้อะไร ฝันไปเถิดว่ามันจะเป็นจริง ความเป็นไปได้แทบเป็นศูนย์ หรือกว่าของชิ้นนั้นจะตกถึงมือ รอแล้วรอเล่า จนบางครั้งรอจนลืม ความอยากได้หายไปเลยก็มี ช่างยากเย็นแสนเข็ญยิ่งด่านอรหันต์มนุษย์ทองคำ
ยกตัวอย่าง เวลาทานอาหาร Charlieมักจะได้ทานของเหลือจากลูกๆคนใหม่เสมอ พวกเขาได้เนื้อเป็ด น่องเป็ด ส่วน Charlieได้ตีนเป็ด คอเป็ด และเศษเนื้อติดกระดูก
หลังเลิกเรียน รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ Charlieต้องช่วยงานบ้านทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ จนไม่ได้ออกไปเที่ยวข้างนอกบ้านเหมือนเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกัน จะได้เจอเพื่อน เล่นกับเพื่อนก็ต่อเมื่อไปโรงเรียนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองทำให้ ไม่ค่อยมีเพื่อนเยอะ การไปโรงเรียนนอกจากจะได้เข้าสังคมกับเด็กๆวัยเดียวกันแล้ว ยังเหมือนเป็นการเปิดประตูสู่อิสระภาพอีกด้วย (แตกต่างกับลูกๆคนใหม่ที่ไม่ต้องช่วยทำงานบ้านเลย สามารถออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านกับเพื่อนๆได้)
Charlieรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างที่สุด คนอื่นทำให้เสียใจเจ็บช้ำน้ำใจ ยังพอทนได้ แต่ด้วยน้ำมือของคนที่รักที่ใกล้ชิดอย่างคนในครอบครัว มันเจ็บทวีคูณหลายเท่าตัวยิ่งนัก
Charlieได้เก็บความทุกข์ระทมขมขื่นเอาไว้ในใจ มันสะสมพอกพูนมาตลอด ในที่สุดก็มาถึงจุดที่หนักจนเกินแบกรับเอาไว้
เย็นวันหนึ่ง Charlieถูกคนในบ้านกล่าวหาว่าขโมยของ ทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ไม่มีใครเชื่อเลย
พอโต้เถียงเพื่อปกป้องตัวเอง ก็โดนทุบตี พร้อมคำด่าทอต่างๆ โดยเฉพาะประโยคนี้ Charlieได้ยินถึงกับเสียใจและน้อยใจชนิดสุดหาคำใดมาบรรยายได้
"ต่อไปนี้ขาดกัน คนอย่างกูไม่มีลูกอย่างเมริง เก่งนักมิใช่เหรอ เก็บข้าวของไสหัวออกบ้านไปซะ เลี้ยงไปก็เสียข้าวสุก เปลืองเงินเปลืองทอง เลี้ยงหมายังมีประโยชน์กว่า จะไปตายที่ไหนก็ไป ไปแล้วไม่ต้องย้อนกลับมาอีก กูจะได้ไม่ต้องมีภาระ"
Charlieเดินกลับเข้าไปตั้งหลักในห้อง ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงเหมือนคนมาทำอะไรอยู่หน้าประตู พอเปิดประตูออกมา ถึงได้รู้ว่าประตูโดนล็อคซะแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนขัง ตั้งแต่เด็กเวลาที่ทำความผิดจนโดนทำโทษขั้นรุนแรง ก็มักจะถูกขังไว้ในห้องคนเดียว เพื่อให้เกิดความกลัว จะได้ไม่ต้องแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์
Charlieนอนร้องให้ตลอดทั้งคืน ภายในหัวกำลังระดมความคิดว่า ถ้าหนีออกจากขุมนรกนี้ไปแล้ว จะไปอยู่ที่ไหน? ทำอะไรดี? งัดกระปุกออมสินนับเงินที่เคยหยอดเอาไว้ ได้ยอดรวมไม่ถึง NZ$200 อาจจะพอยังชีพได้แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น ต่อจากนั้น ชีวิตจะดำเนินอย่างไร?
ขณะกำลังเตรียมเก็บเสื้อผ้าและพาสปอร์ต (ที่เมืองนอกใช้พาสปอร์ตแทนบัตรประชาชน) ใส่กระเป๋าเป้สะพาย มือของCharlie ได้ล้วงไปเจอจดหมายฉบับหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในช่องลับตรงซอกกระเป๋า
จดหมายฉบับนี้ เป็นจดหมายของ penpal (เพื่อนทางจดหมาย) เขียนตอบมาหา Charlieเพิ่งได้รับวันนี้เอง
ที่มาที่ไปนั้น Charlieได้มาจากคอลัมน์ใน Express Magazine ซึ่งเป็นหนังสือแจกฟรีสำหรับชาว LGBT
รสนิยมทางเพศของCharlie เป็นแบบชายรักชาย หรือเกย์ ครั้งแรกที่รู้ว่าตัวเองมีรสนิยมอย่างว่านี้ ตอนเห็นเพื่อนร่วมชั้นผู้ชายแก้ผ้าล่อนจ้อนอาบน้ำ ในชั่วโมงเรียนวิชาว่ายน้ำ พอเห็นสรีระผู้ชายสภาพเปลือยเปล่า ทำให้เลือดในกายสูบฉีดร้อนแรงมากกว่าปรกติ
ระยะทางจากบ้านไปโรงเรียน ทำให้ Charlieต้องเดินผ่านย่าน Ponsonby ซึ่งเป็นย่านเกย์ของเมืองAuckland แน่นอนว่า พอเห็นนิตยสารเกย์แจกฟรีตรงข้างถนน ย่อมไม่พลาดโอกาสแน่นอน
เมื่อเปิดอ่านคอลัมน์penpal Charlieได้สะดุดตรงประกาศของคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า “Matt อยู่เมือง Rotorua อายุ 22ปี หน้าตาดี รูปร่างสมส่วน คุยได้ทุกเรื่อง ชอบดูหนังฟังเพลง เดินป่า หาเพื่อนคุย&เพื่อนเสียว ไม่จำกัดสีผิวเชื้อชาติ จะตอบเฉพาะคนที่ส่งรูปมาเท่านั้น" (แปลภาษาไทย)
ด้วยความเหงา+ว้าวุ่น อยากหาเพื่อนคุยที่มีรสนิยมทางเพศเหมือนกัน Charlieจึงลองเขียนจดหมายไปพร้อมกับแนบรูปถ่ายใส่ซองไปด้วย
บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ข้างบ้าน ไม่มีคนอาศัยอยู่ เจ้าของกลับมาแค่ปีละครั้งสองครั้ง กล่องรับจดหมายของบ้านหลังนี้ก็สามารถเปิดออกได้ง่าย
Charlieสบโอกาสแอบใช้ที่อยู่ของบ้านหลังนี้ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถติดต่อกลับ (ขืนใช้ที่อยู่จริง มีหวังทางบ้านเปิดอ่านจดหมายก่อนถึงมือแน่ ดีไม่ดีอาจได้คำด่าตบท้ายแถมมาอีกด้วย)
Charlieอ่านจดหมายยังไม่ทันจบ ความคิดเกี่ยวกับหนทางหนีออกจากบ้านได้แล่นเข้ามาในหัวสมอง ราวกับเห็นแสงสว่างตรงปลายอุโมงค์ที่มืดมิด
วันรุ่งขึ้น กุญแจล็อคประตูห้องได้ถูกเปิดออก เพราะเป็นเวลาต้องไปโรงเรียน Charlieรู้สึกตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ วันนี้จะได้หลุดจากขุมนรกแห่งนี้ ตื่นจากฝันร้ายอย่างถาวรซักที แต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกกลัว ถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ (จะทำอย่างไรดี? สภาพคงเละยิ่งกว่าโจ๊กแน่)
เมื่อเดินไปถึงสวนสาธารณะ Charlieรีบเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำอย่างไม่รีรอ ชุดนักเรียนถูกโยนทิ้งลงถังขยะ ประตูสู่อิสระภาพได้เปิดต้อนรับแล้ว
หากบ้านมีความรักความอบอุ่นดุจดั่งวิมาน คงไม่มีใครอยากหนีออกไปหรอก แต่นี่มันไม่ใช่เลย คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก
Charlieยังพอทนรับสภาพได้ที่ตนเองไม่ใช่ลูกรักเหมือนคนอื่นๆ สิ่งที่ต้องการมากที่สุดจากครอบครัวคือ ความเข้าใจ ความมีเหตุมีผล
ผู้อ่านท่านใดที่มีลูกกำลังเข้าสู่วัยรุ่นหรือวัยรุ่น ขอความกรุณาพวกท่านได้โปรดเข้าใจความรู้สึกและอารมณ์ของเด็กวัยนี้ด้วย การเลี้ยงดูที่เข้มงวดมากเกินไป การตำหนิติเตียนด้วยภาษารุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเด็ก ทำให้ปัญหาที่ยุ่งยากอยู่แล้ว กลับยุ่งเหยิงมากขึ้นกว่าเดิม
จะดุด่าลูกอย่างไร ก็สามารถดุด่าได้ แต่ขออย่าด่าด้วยประโยคนี้ "ตัดพ่อ ตัดแม่ ตัดลูก หรือไล่ออกจากบ้าน แล้วไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้าอีก" เด็กวัยรุ่นฮอร์โมนพลุ่งพล่าน อารมณ์ปรวนแปร อ่อนไหวต่อสิ่งเร้าอย่างรุนแรง อาจหนีเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่ บางคนประชดชีวิตด้วยวิธีที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว
คำสารภาพของเด็กเร่ร่อน(ภาคอดีตกาล) : ตอนที่ 1 หนีจากขุมนรก
คำเตือน.. เรต 18+ เนื้อหา ภาษา ไม่เหมาะสำหรับผู้มีอายุต่ำกว่า 18ปี
......................................................................................
ชุด คำสารภาพของเด็กซ่อง (ภาคอนาคตกาล)
ตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/40324490
ตอนที่ 2 https://pantip.com/topic/40329014
ตอนที่ 3 https://pantip.com/topic/40333434
ตอนที่ 4 https://pantip.com/topic/40339867
ตอนที่ 5 (จบ) https://pantip.com/topic/40344608
..........................................................................................................
เมือง Auckland ประเทศนิวซีแลนด์
ปี 1993 Charlie อายุ 16 ย่าง 17ปี กำลังเรียนอยู่เกรด11 เวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนส่วนใหญ่จะรีบกลับบ้านหรือไม่ก็มีผู้ปกครองมารับ สำหรับCharlie ไม่อยากกลับบ้าน ซึ่งผิดแปลกจากเด็กคนอื่นๆที่อยากอยู่บ้านมากกว่าไปโรงเรียน
คำว่า"บ้าน"ในนิยามของCharlie สภาพไม่ต่างจากขุมนรกเท่าไหร่ ทางกายภาพอาจดูสุขสบาย มีที่ซุกหัวนอน มีข้าวแดงแกงร้อนราดหัว มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อม แต่ทางจิตใจเปรียบเสมือนคุกที่ใช้คุมขังนักโทษอุกฉกรรจ์
ผู้ให้กำเนิดCharlie แยกทางกัน ต่างฝ่ายได้แต่งงานมีครอบครัวใหม่และลูกๆคนใหม่ ส่วนCharlie นั้น ไม่มีฝ่ายไหนอยากเอาไปอยู่ด้วย โดยอ้างเหตุผลต่างๆนานา เมื่อตกลงกันไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องมีฝ่ายหนึ่งรับเอาไป โดยความไม่เต็มใจนัก
ทุกครั้งที่ทำอะไรขวางหูขวางตา ไม่สบอารมณ์ Charlieมักโดนด่าว่าตลอด โดยด่ากระทบไปถึงอีกฝ่ายหนึ่ง คำด่าทอที่มักได้ยินประจำคือ "เกิดมาทำไม? เกิดมาก็ไม่ได้มีใครเขาต้องการ" "ตัวซวย" "เกิดมาล้างผลาญ" "มีสันดานเลือดชั่วฝ่ายโน้น ไม่มีเลือดดีของฝ่ายนี้บ้าง" ฯลฯ กรอกเข้ารูหูทะลุทะลวงกัดกร่อนไปถึงขั้วหัวใจ
ในทางกลับกัน ลูกๆคนใหม่ เวลาทำอะไรผิด ไม่เคยถูกด่าว่าหรือลงโทษเลย มิหนำซ้ำ Charlieยังเป็นฝ่ายคอยเก็บกวาดตามหลังอีก ลูกๆคนใหม่อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทันทีโดยไม่ต้องรอ ส่วน Charlieนั้น เวลาอยากได้อะไร ฝันไปเถิดว่ามันจะเป็นจริง ความเป็นไปได้แทบเป็นศูนย์ หรือกว่าของชิ้นนั้นจะตกถึงมือ รอแล้วรอเล่า จนบางครั้งรอจนลืม ความอยากได้หายไปเลยก็มี ช่างยากเย็นแสนเข็ญยิ่งด่านอรหันต์มนุษย์ทองคำ
ยกตัวอย่าง เวลาทานอาหาร Charlieมักจะได้ทานของเหลือจากลูกๆคนใหม่เสมอ พวกเขาได้เนื้อเป็ด น่องเป็ด ส่วน Charlieได้ตีนเป็ด คอเป็ด และเศษเนื้อติดกระดูก
หลังเลิกเรียน รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ Charlieต้องช่วยงานบ้านทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ จนไม่ได้ออกไปเที่ยวข้างนอกบ้านเหมือนเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกัน จะได้เจอเพื่อน เล่นกับเพื่อนก็ต่อเมื่อไปโรงเรียนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองทำให้ ไม่ค่อยมีเพื่อนเยอะ การไปโรงเรียนนอกจากจะได้เข้าสังคมกับเด็กๆวัยเดียวกันแล้ว ยังเหมือนเป็นการเปิดประตูสู่อิสระภาพอีกด้วย (แตกต่างกับลูกๆคนใหม่ที่ไม่ต้องช่วยทำงานบ้านเลย สามารถออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านกับเพื่อนๆได้)
Charlieรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างที่สุด คนอื่นทำให้เสียใจเจ็บช้ำน้ำใจ ยังพอทนได้ แต่ด้วยน้ำมือของคนที่รักที่ใกล้ชิดอย่างคนในครอบครัว มันเจ็บทวีคูณหลายเท่าตัวยิ่งนัก
Charlieได้เก็บความทุกข์ระทมขมขื่นเอาไว้ในใจ มันสะสมพอกพูนมาตลอด ในที่สุดก็มาถึงจุดที่หนักจนเกินแบกรับเอาไว้
เย็นวันหนึ่ง Charlieถูกคนในบ้านกล่าวหาว่าขโมยของ ทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ไม่มีใครเชื่อเลย
พอโต้เถียงเพื่อปกป้องตัวเอง ก็โดนทุบตี พร้อมคำด่าทอต่างๆ โดยเฉพาะประโยคนี้ Charlieได้ยินถึงกับเสียใจและน้อยใจชนิดสุดหาคำใดมาบรรยายได้
"ต่อไปนี้ขาดกัน คนอย่างกูไม่มีลูกอย่างเมริง เก่งนักมิใช่เหรอ เก็บข้าวของไสหัวออกบ้านไปซะ เลี้ยงไปก็เสียข้าวสุก เปลืองเงินเปลืองทอง เลี้ยงหมายังมีประโยชน์กว่า จะไปตายที่ไหนก็ไป ไปแล้วไม่ต้องย้อนกลับมาอีก กูจะได้ไม่ต้องมีภาระ"
Charlieเดินกลับเข้าไปตั้งหลักในห้อง ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงเหมือนคนมาทำอะไรอยู่หน้าประตู พอเปิดประตูออกมา ถึงได้รู้ว่าประตูโดนล็อคซะแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนขัง ตั้งแต่เด็กเวลาที่ทำความผิดจนโดนทำโทษขั้นรุนแรง ก็มักจะถูกขังไว้ในห้องคนเดียว เพื่อให้เกิดความกลัว จะได้ไม่ต้องแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์
Charlieนอนร้องให้ตลอดทั้งคืน ภายในหัวกำลังระดมความคิดว่า ถ้าหนีออกจากขุมนรกนี้ไปแล้ว จะไปอยู่ที่ไหน? ทำอะไรดี? งัดกระปุกออมสินนับเงินที่เคยหยอดเอาไว้ ได้ยอดรวมไม่ถึง NZ$200 อาจจะพอยังชีพได้แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น ต่อจากนั้น ชีวิตจะดำเนินอย่างไร?
ขณะกำลังเตรียมเก็บเสื้อผ้าและพาสปอร์ต (ที่เมืองนอกใช้พาสปอร์ตแทนบัตรประชาชน) ใส่กระเป๋าเป้สะพาย มือของCharlie ได้ล้วงไปเจอจดหมายฉบับหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในช่องลับตรงซอกกระเป๋า
จดหมายฉบับนี้ เป็นจดหมายของ penpal (เพื่อนทางจดหมาย) เขียนตอบมาหา Charlieเพิ่งได้รับวันนี้เอง
ที่มาที่ไปนั้น Charlieได้มาจากคอลัมน์ใน Express Magazine ซึ่งเป็นหนังสือแจกฟรีสำหรับชาว LGBT
รสนิยมทางเพศของCharlie เป็นแบบชายรักชาย หรือเกย์ ครั้งแรกที่รู้ว่าตัวเองมีรสนิยมอย่างว่านี้ ตอนเห็นเพื่อนร่วมชั้นผู้ชายแก้ผ้าล่อนจ้อนอาบน้ำ ในชั่วโมงเรียนวิชาว่ายน้ำ พอเห็นสรีระผู้ชายสภาพเปลือยเปล่า ทำให้เลือดในกายสูบฉีดร้อนแรงมากกว่าปรกติ
ระยะทางจากบ้านไปโรงเรียน ทำให้ Charlieต้องเดินผ่านย่าน Ponsonby ซึ่งเป็นย่านเกย์ของเมืองAuckland แน่นอนว่า พอเห็นนิตยสารเกย์แจกฟรีตรงข้างถนน ย่อมไม่พลาดโอกาสแน่นอน
เมื่อเปิดอ่านคอลัมน์penpal Charlieได้สะดุดตรงประกาศของคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า “Matt อยู่เมือง Rotorua อายุ 22ปี หน้าตาดี รูปร่างสมส่วน คุยได้ทุกเรื่อง ชอบดูหนังฟังเพลง เดินป่า หาเพื่อนคุย&เพื่อนเสียว ไม่จำกัดสีผิวเชื้อชาติ จะตอบเฉพาะคนที่ส่งรูปมาเท่านั้น" (แปลภาษาไทย)
ด้วยความเหงา+ว้าวุ่น อยากหาเพื่อนคุยที่มีรสนิยมทางเพศเหมือนกัน Charlieจึงลองเขียนจดหมายไปพร้อมกับแนบรูปถ่ายใส่ซองไปด้วย
บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ข้างบ้าน ไม่มีคนอาศัยอยู่ เจ้าของกลับมาแค่ปีละครั้งสองครั้ง กล่องรับจดหมายของบ้านหลังนี้ก็สามารถเปิดออกได้ง่าย
Charlieสบโอกาสแอบใช้ที่อยู่ของบ้านหลังนี้ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถติดต่อกลับ (ขืนใช้ที่อยู่จริง มีหวังทางบ้านเปิดอ่านจดหมายก่อนถึงมือแน่ ดีไม่ดีอาจได้คำด่าตบท้ายแถมมาอีกด้วย)
Charlieอ่านจดหมายยังไม่ทันจบ ความคิดเกี่ยวกับหนทางหนีออกจากบ้านได้แล่นเข้ามาในหัวสมอง ราวกับเห็นแสงสว่างตรงปลายอุโมงค์ที่มืดมิด
วันรุ่งขึ้น กุญแจล็อคประตูห้องได้ถูกเปิดออก เพราะเป็นเวลาต้องไปโรงเรียน Charlieรู้สึกตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ วันนี้จะได้หลุดจากขุมนรกแห่งนี้ ตื่นจากฝันร้ายอย่างถาวรซักที แต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกกลัว ถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ (จะทำอย่างไรดี? สภาพคงเละยิ่งกว่าโจ๊กแน่)
เมื่อเดินไปถึงสวนสาธารณะ Charlieรีบเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำอย่างไม่รีรอ ชุดนักเรียนถูกโยนทิ้งลงถังขยะ ประตูสู่อิสระภาพได้เปิดต้อนรับแล้ว
หากบ้านมีความรักความอบอุ่นดุจดั่งวิมาน คงไม่มีใครอยากหนีออกไปหรอก แต่นี่มันไม่ใช่เลย คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก
Charlieยังพอทนรับสภาพได้ที่ตนเองไม่ใช่ลูกรักเหมือนคนอื่นๆ สิ่งที่ต้องการมากที่สุดจากครอบครัวคือ ความเข้าใจ ความมีเหตุมีผล
ผู้อ่านท่านใดที่มีลูกกำลังเข้าสู่วัยรุ่นหรือวัยรุ่น ขอความกรุณาพวกท่านได้โปรดเข้าใจความรู้สึกและอารมณ์ของเด็กวัยนี้ด้วย การเลี้ยงดูที่เข้มงวดมากเกินไป การตำหนิติเตียนด้วยภาษารุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเด็ก ทำให้ปัญหาที่ยุ่งยากอยู่แล้ว กลับยุ่งเหยิงมากขึ้นกว่าเดิม
จะดุด่าลูกอย่างไร ก็สามารถดุด่าได้ แต่ขออย่าด่าด้วยประโยคนี้ "ตัดพ่อ ตัดแม่ ตัดลูก หรือไล่ออกจากบ้าน แล้วไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้าอีก" เด็กวัยรุ่นฮอร์โมนพลุ่งพล่าน อารมณ์ปรวนแปร อ่อนไหวต่อสิ่งเร้าอย่างรุนแรง อาจหนีเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่ บางคนประชดชีวิตด้วยวิธีที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว