คำสารภาพของเด็กซ่อง : ตอนที่2 ตะลุยสำนักโคมแดงไทย

เล่าเรื่องเมืองนอกในวันวาน จากประสบการณ์ตรง - ชุด คำสารภาพของเด็กซ่อง : ตอนที่ 2 ตะลุยสำนักโคมแดงไทย

คำเตือน...     เรต 18+ เนื้อหา ภาษา ไม่เหมาะสำหรับผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี 

.....................................................................................................

ความเดินตอนที่แล้ว  https://pantip.com/topic/40324490



 ที่ทำงานประจำได้เปลี่ยนทีมงานชุดใหม่เกือบยกเซ็ต Charlieไม่ค่อยลงรอยกับผู้จัดการคนใหม่และกลุ่มเพื่อนร่วมงานใหม่ คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก อดทนกับงานหนักยังพอว่า ถ้าให้อดทนกับความงี่เง่าไร้เหตุผลของคน ขอยอมแพ้ตั้งแต่ยกแรก ถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า..

Charlieจึงได้ตัดสินใจลาออก  มาทำงานที่บ้านกุหลาบบุรุษอย่างเต็มตัว   ประจวบเหมาะช่วงนั้น Ricardo ซึ่งเป็นพนักงานทำความสะอาด full-time กำลังจะลาออกไปทำธุรกิจส่วนตัว Diana จึงอัพเลเวล Charlie จาก part-time เป็น full-time โดยทำงานวันพฤหัส-วันอาทิตย์ หยุดวันจันทร์-พุธ 
ได้เวลาใส่เกียร์เดินหน้า make money โลด

เรื่องรายได้นั้น งานที่บ้านกุหลาบบุรุษ เงินดีกว่าที่ทำงานเก่ามาก โดยเฉพาะในช่วงกีฬาโอลิมปิค Sydney 2000 ได้ทิปเยอะเป็นกอบเป็นกำ แค่เสิร์ฟน้ำให้ลูกค้า เปิดประตูรถให้ลูกค้า ออกไปเรียกแท็กซี่ให้ลูกค้า ช่วยเก็บเสื้อสูทใส่ไม้แขวน รวมถึงอำนวยความสะดวกต่างๆ จนสามารถเก็บเล็กผสมน้อย ทำภาระกิจที่ 2 สำเร็จลุล่วง คือ การได้เป็นเจ้าของนาฬิกาโกเต๊ก นอกจากนั้น Charlieยังได้อัพเกรดที่พักของตัวเอง จากห้อง studio เล็กๆ มาเป็น 1 ห้องนอน พร้อมระเบียงชมวิว ในอพาร์ทเม้นท์หรูของย่าน

มัวแต่โม้อยู่นั่นแหละ ไหนว่าจะพาไปตะลุยสำนักโคมแดงไทย แล้วทำไมยังไม่พูดถึงซักที หรือว่าจั่วหัวกระทู้เรียกแขกเฉยๆ ทำแบบนี้ไม่ดีเน้อ เสียความรู้สึกผู้อ่านเปล่าๆ

ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งรีบร้อนหนีเตลิดเปิดเปิงสะบัดบ๊อบออกจากกระทู้ไปด้วยความนอยด์ ผู้เขียนกำลังปูพรมแดงนำเข้าสู่ประเด็นอยู่นี่ไงครับ...

ต้นปี2001 วันหนึ่ง Dianaต้องออกไปทำธุระข้างนอก เลยฝากCharlie เฝ้าออฟฟิต และยังบอกอีกว่า ถ้ามีคนมาหาตอนที่หล่อนยังไม่กลับ บอกให้เขานั่งรอไปก่อน
ผ่านไปซักครู่ใหญ่ เสียงกดกริ่งได้ดังขึ้น Charlieเดินไปเปิดประตู 

"สวัสดีครับ ผมมาสัมภาษณ์งาน" (แปลภาษาไทย) หนุ่มฝรั่ง ผิวขาวอมชมพู ผมสีวิสกี้ คิ้วดกหนา ใบหน้าหล่อเหลาเอาการ ดวงตากลมโต นัยตาสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีชมพู รูปกระจับ ส่วนสูง 180+ รูปร่างกำยำล่ำสัน

Charlie มองหน้าหนุ่มฝรั่งคนนั้น หัวใจของเขาเริ่มเต้นตุ้มๆต่อมๆไม่เป็นจังหวะ มันเกิดอาการเขินอายอย่างอัตโนมัติโดยไม่มีที่มาที่ไป จู่ๆนึกจะเกิดก็เกิดขึ้นเฉยๆ (ความจริงก็แอบปิ๊งนั่นแหละ แค่ดัดจริตพูดให้ดูดี)

เมื่อได้ยินหนุ่มฝรั่งพูดภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งๆเพี้ยนๆเหมือนไม่ใช่เจ้าของภาษาตัวจริง สำเนียงของเขาฟังคุ้นๆหูชอบกล Charlieเชื่อสัญชาติญาณตัวเอง จึงลองโยนหินถามทางด้วยการพูดภาษาไทยออกไป "พูดภาษาไทยได้ใช่ไหมครับ?"

"ผมมาจากเมืองไทย" หนุ่มฝรั่งส่งภาษาไทยอย่างคล่องแคล่ว

"เชิญพี่เข้ามานั่งข้างในก่อนครับ ตอนนี้ผู้จัดการออกไปข้างนอก เดี๋ยวคงกลับมา"   Charlieเดินนำหนุ่มฝรั่งพูดไทย เข้าไปข้างใน พร้อมพึมพำคนเดียวอยู่ในใจ "ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้ ว่าแล้วสำเนียงไท๊ย.. ไทย.. "

"ตอนแรกนึกว่าน้องเป็นคนญี่ปุ่น หน้าน้องไม่เหมือนคนไทยเลย" หนุ่มฝรั่งเพ่งมองCharlie

"อีกแล้ว... ทำไมทุกคนทักแบบนี้? ถ้าไม่ญี่ปุ่น ก็ฟิลิปปินส์ ไม่เคยมีใครทักว่าไทย ผมเป็นลูกของลูกเสี้ยว หน้าตาเลยออกทางเอเซียเต็มๆ ถ้าไม่บอกไม่มีใครรู้หรอก ผมชื่อCharlie พี่ชืออะไรครับ?"  Charlieถามเพื่อแก้ความเขินอาย (เล่นจ้องมองกันแบบนี้ ใครไม่เขินก็บ้าแล้ว หัวใจตกไปอยู่ตรงหัวหน่าว)

" John ครับ"

John อายุ 29 ปี เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เกิดและเติบโตที่เมืองไทย นี่เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้เดินทางมาต่างประเทศ

John ทำอาชีพขายบริการทางเพศที่เมืองไทย ด้วยการเป็นเด็กวังฯ จากนั้นย้ายมาเต้นอะโกโก้ในบาร์ที่พัทยา กลุ่มเพื่อนฝูงที่รู้จักกันได้มาดูลู่ทางทำมาหากินที่ออสเตรเลีย หลังจากนั้น เขาเลยบินตามมาและเพิ่งมาถึงซิดนีย์ได้ 2สัปดาห์

"ได้หมดถ้าสดชื่น" คงเป็นคำจำกัดความรสนิยมทางเพศของเขาได้ดี 

Johnพักอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆคนไทยที่สำนักโคมแดงแห่งหนึ่ง ในย่าน Surry Hills ไม่ไกลจาก Central Station เขาจ่ายค่าเช่าอาทิตย์ละ AU$50 นอนห้องรวมกัน 3คน 

สำนักโคมแดงที่ว่านี้ หนึ่งในเจ้าของเป็นคนไทย เน้นขายบริการทางเพศให้ลูกค้าเกย์ & เสือไบ โดยพนักงานเกือบทั้งหมดเป็นคนไทย ที่เหลือเป็น เวียดนาม ลาว ปะปนมาบ้าง 

กลุ่มเพื่อนๆคนไทยขายบริการอยู่ที่นั่น ยกเว้น Johnเพราะด้วยความที่หน้าฝรั่งจ๋า ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลักของลูกค้า ที่อยากมีเพศสัมพันธ์กับหนุ่มเอเซียเท่านั้น เจ้าของสำนักเคยลองให้โอกาสเขาได้แนะนำตัวกับลูกค้า แต่ลูกค้าไม่เอา ดังนั้นเขาเลยต้องออกมาหางานที่สำนักอื่นแทน

หลังจากสัมภาษณ์เรียบร้อย Dianaได้ตกลงรับ John เข้าเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านกุหลาบบุรุษ

การได้เจอกัน ใช้เวลาคลุกคลีกันเป็นประจำในที่ทำงาน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง Charlie กับ John ค่อยๆไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ John ณ เวลานี้ Charlie เป็นเพียงคนเดียวที่สนิทมากที่สุดในที่ทำงาน คุยได้ทุกเรื่อง คุยแล้วรู้สึกสบายใจ ส่วน Charlie ด้วยความที่ไม่เคยมีพี่ชายมาก่อน ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ John ทำให้ซึมซับความอบอุ่นที่ได้รับจากอีกฝ่าย (สร้างภาพสุดฤทธิ์ ที่แท้ก็อ่อยเขาสนั่นหวั่นไหว)

วันนี้ที่รอคอยก็มาถึง ในคืนวันเกิดเหตุ… 

Charlie :     "รักวันอาทิตย์มากที่สุด คืนนี้จะดูหนังจนหลับคาเตียงเลย"
John :         "อิจฉาคนได้หยุด 3วัน ดูหนังเรื่องอะไร?”
Charlie :     “American Pie”
John :         "วางมือไม้ห่างเป้ากางเกงหน่อยนะ เดี๋ยวมันจะเลอะที่นอน"
Charlie :      "ทะลึ่ง… ใครจะเหมือนตัวเอง คงสบายตัวโล่งเลยซินะ วันนี้เห็นรับแขกหลายคน"
John:          "นั่นมันงานโว๊ย.. ความรู้สึกไม่เหมือนกัน เห็นหน้าแขกแต่ละคนแล้ว แทบจะหมดอารมณ์ ไม่เหมือนเห็นหน้าบางคน ชี้โด่ตลอด "
Charlie:       " ทำเป็นพูดดี ฝนตกหนักแบบนี้ พี่กลับยังไง? แท็กซี่?”
John:          "ไม่เอา.. เปลืองเงิน เดินไปดีที่สุด"
Charlie:       "เดี๋ยวเป็นไข้กันพอดี เอายังงี้ พี่ไปเอาเสื้อกันฝนที่บ้านผม ฝนตกหนักขนาดนี้คงกันเปียกได้"
John:          "ชวนไปบ้าน คิดอะไรหรือเปล่านี่? ชักไม่ไว้ใจแล้วซิ"
Charlie:       "ใครจะกล้าคิด กลัวเสียเงิน เห็นว่าค่าตัวแพง ที่ชวนเพราะบ้านผมอยู่ตรงหัวมุมสี่แยก ใกล้แค่นี่เอง ได้ยินบ่นว่าหิว ฝนตกหนัก เดินไปหาอะไรกินคงลำบาก กะจะชวนไปกินมาม่าที่บ้าน ไม่ไปก็ตามใจ ไม่ได้บังคับ"
John:          "แซวเล่นแค่นี้ ทำเป็นงอน น้อยใจไปได้ ถึงไม่ชวน พี่ก็จะไปอยู่แล้ว"

บรรยากาศเป็นใจขนาดนี้ เหตุการณ์ดำเนินต่อไปอย่างไร ลงเอยในรูปแบบไหน ผู้อ่านคงเดากันได้ไม่ยาก ครั้นจะให้ผู้เขียน spoil กลัวจะไม่ผ่านกองเซ็นเซอร์ เพราะรายละเอียดแต่ละฉากติดเรท X ทั้งนั้น

ทั้งสองฝ่ายได้เปิดเผยความในใจต่อกัน John รู้มาก่อนแล้วว่า Charlie แอบชอบเขา  ตัวเขาเองก็รู้สึกพิเศษกับอีกฝ่ายเหมือนกัน 
ส่วน Charlie หลังจากร้องเพลง "รักเธอแต่เธอไม่รู้" มานาน วันนี้ได้มีโอกาสเปิดหัวใจตัวเองซักที เวลาอยู่ใกล้ John  แล้วมีความสุขที่สุด โลกทั้งใบเป็นสีชมพู มีแค่เราสองคนจูงมือถือแขนเดินเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา

ทั้งคู่ได้ตกลงกันว่า จะคงสถานะภาพแบบนี้ไปเรื่อยๆ (นับถือกันเป็นพี่เป็นน้อง  ร่วมเสียวด้วยกัน) เพราะทางฝ่าย John ยังไม่พร้อม อาชีพของเขาไม่เอื้ออำนวย ซึ่ง Charlie ก็เข้าใจและเห็นด้วยอย่างยิ่ง การมีความรักกับคนอาชีพนี้ ถ้ามัวแต่มาคิดเล็กคิดน้อย หึงหวงกันไปมา มันจะหาความสุขไม่ได้เลย ก่อนอื่นต้องหัดทำใจ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ดีที่สุด พูดเหมือนจะง่าย แต่เวลาทำมันกลับตรงกันข้าม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่