คิดถึง 2 บทที่ 9

กระทู้สนทนา


.

              หลังเลิกเรียนกลับมาถึงบ้านบอสรีบทำงานบ้าน ทำหน้าที่ตัวเองให้เสร็จเรียบร้อย ชวนน้องบีมไปเล่นบ้านสองฝาแฝดด้วยกัน และเสมอน้องบีมไม่เคยปฏิเสธเธอเลยสักครั้ง ห้าโมงเย็นพิมพ์กับแพรวมาถึงบ้านพอดี รอให้ทั้งสองคนทำงานบ้านเสร็จกันก่อน พวกเธอจะไปเล่นที่สนามเด็กเล่นที่ประจำของพวกเธอกัน

               สนามเด็กเล่นที่ว่าก็คือ ทุ่งนาใกล้ ๆ บ้านนี่เอง นาของยายเรือง เป็นสนามเด็กเล่นมาตั้งแต่เด็ก ๆ ช่วงนี้หน้าหนาว ข้าวถูกเกี่ยวไปหมดแล้ว เหลือเพียงตอฟางที่แห้งและตาย พวกเธอก็จัดการทำมันเป็นสนามเด็กเล่น พอหน้าฝนทำนาก็พากันไปเล่นที่อื่น

               เมื่อสองฝาแฝดทำงานบ้านเสร็จ พวกเธอทั้งสี่คนก็พากันเดินมายังทุ่งนา เห็นเด็กผู้ชายกำลังเตะฟุตบอลกันอยู่ สนามเดิมที่เคยใช้ทุกฤดูการ ตัดต้นกระถินมาทำเป็นประตูทั้งสองฝั่ง ส่วนมากทีมฟุตบอลแต่ละฝั่งจะไม่ครบ 11 คน มีเท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น

               เห็นตาและคนอื่น ๆ เลี้ยงวัวอยู่ใกล้ ๆ สระนายายเรือง เมื่อถึงเวลาพบค่ำ ตาจะพาวัวมาเลี้ยงที่นาใกล้บ้าน รอเวลาเข้าคอก เห็นพวกเด็ก ๆ ผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันกับน้องบีมเล่นแกว่งรองเท้ากันอย่างสนุก น้องบีมไม่ยอมไปเล่นกับเพื่อน อยากเล่นกับพวกเธอ บอสก็ไม่บังคับน้องไปเช่นกัน

               ทว่าวันนี้พวกเธอมาเล่นที่ทุ่งนา ไม่ได้มากระโดดยาง หรือเล่นแกว่งรองเท้า วิ่งไล่จับกันเหมือนตอนเด็ก ๆ แล้ว แค่มาเดินเล่น นั่งดูเด็ก ๆ น้อง ๆ เขาเล่นกัน บางคนก็นำว่าวมาวิ่งสู้ลมหนาวก็มี บนท้องฟ้ามีว่าวป้องกำลังส่ายหัวไปมาตามแรงลม มีเสียงของธนูว่าวดังดื้อดึงให้ความไพเราะ เสียงหวานหูมาก ตอนกลางคืนเธอชอบนอนฟัง

               บอสนำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพตัวเองกับวิวทิวทัศน์ทุ่งนา สลับกันเปลี่ยนกันถ่ายรูปกับน้องสาว ตะวันโพล้เพล้คล้อยต่ำลงเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศดีมาก ๆ

               ส่วนสองฝาแฝดก็คนละเครื่องของใครของมัน สลับกันถ่ายภาพ อัดวิดีโอตัวเองอย่างเพลิดเพลิน ก็ทำไปอย่างนั้นเอง เอาไว้ดูพอความจำเต็มก็ลบออก

               “บีมไหนนั่งตรงนี้ดิ เนี่ยนั่งตรงต้นงวงช้างนี่ จับด้วย” บอสบอกให้น้องบีมนั่งโพสต์ท่า เธอจะถ่ายรูปให้ “เอาอีก เอาตรงไหนดี”

               “ตรงนี้พี่บอส บีมขอถ่ายรูปคู่กับพี่แพรวบ้าง”

              “ได้ จะเอาแล้วนะ 1 2...” แล้วเธอก็กดชัตเตอร์ถ่ายภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ให้น้องสาว สลับกันไปมากับเธออยู่อย่างนั้นจนพอใจ

               “แฝดพรุ่งนี้มืงเอาเมมเบอร์การ์ดไปล้างรูปได้มั้ย กูจะฝากไปด้วย” บอสคิดว่าจะล้างรูปที่ถ่ายวันนี้เก็บไว้ มันสวยดี วิวก็สวย สวยสำหรับพวกเธอ

               “ไม่ทันมืง เดี๋ยวจะไม่ทันรถรับส่ง วันเสาร์เราเข้าไปล้างก็ได้” แพรวปฏิเสธ จริงอย่างที่แพรวบอกนั่นแหละ เลิกเรียนก็เย็นแล้ว เดี๋ยวไม่ทันรถกลับบ้านกันพอดี

               “วันเสาร์เหรอ กลัวยายไม่ให้ไปอ่ะดิ เออ ๆ พวกมืงว่างเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ”

               “ไม่ต้องเข้าไปในเมืองก็ได้มืง ที่บ้านนาจารย์ก็มีร้านล้างรูปนะ ร้านถ่ายเอกสารอ่ะ เห็นเขาขึ้นป้ายอยู่” พิมพ์เหมือนจะนึกอะไรได้ ตนเคยเห็นผ่านหูผ่านตาร้านล้างรูปในหมู่บ้านใกล้เคียง ขับรถไม่ถึงชั่วโมงก็ถึง ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในเมืองก็ได้

               “งั้นวันเสาร์เราค่อยไปล้างรูปกันน้อ” บอสตกลงตามนั้น

               “พี่บอสล้างให้บีมด้วยนะ รูปน้องบีมอ่ะ”

               “เออก็ล้างมาด้วยกันนี่แหละบีม” เธอตอบน้องสาว มองค้อนให้นิดหน่อย น้องบีมยิ้มหน้าบานเมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ พร้อมใช้ให้ถ่ายรูปตรงนู้นตรงนี้ให้อีก ถึงจะถ่ายรูปไปเยอะ ๆ ใช่ว่าเธอจะนำไปล้างหมด ก็เลือกไปอยู่ดี

               “เราไปเก็บพุทราต้นที่สระยายเรืองปะ น่าจะสุกเต็มต้นแล้วล่ะกูว่า” บอสมองไปทีสระน้ำ เห็นต้นพุทราต้นใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ ต้นนี้น่าจะมีอายุหลายปีตั้งแต่พวกเธอเด็ก ๆ นอกจากนั้นก็ยังมีต้นพุทราต้นอื่นขึ้นมาแจมด้วยบ้าง พอมีผลให้พวกเธอเก็บมากิน

               “ไม่ได้ปรุงพริกมาอ่ะดิ เปรี้ยวก็เปรี้ยว” พิมพ์นึกถึงความเปรี้ยวของมันแล้วแทบไม่อยากจะกิน

               “เปรี้ยวก็อร่อยน่า ไปมั้ย” บอสคะยั้นคะยอพี่สาวทั้งสองคน ลูกสุกของมันสีแดง ๆ ถึงจะเปรี้ยวก็อร่อย เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ไม่มีพริกก็กินได้

               “ไปก็ไป!”

               พอตกลงกันได้พวกเธอก็เดินต่อแถวกันไปตามคันนา มุ่งหน้าไปยังสระน้ำของยายเรือง สระในตำนาน สระเก็บน้ำที่มีมาตั้งแต่พวกเธอเกิดด้วยซ้ำ น้ำในสระแห้งขอด ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่ว่าปีไหน ๆ เมื่ออยากกินพุทราป่าไม่ต้องไปเก็บที่ไหนไกล ที่สระยายเรืองเยอะแยะ

               “จะพาน้องไปไหนบอส” เมื่อเดินผ่านตา ตานั่งดูวัวที่ขอบสระ วัวกำลังกินหญ้ากินใบกระถินแถวนั้น

               “ก็มานี่แหละมาเก็บพุทรา”

              “ระวังเหยียบขวดแตก เหยียบตอไม้ รก ๆ นี่มืงชอบพาน้องมานะ” ตาบ่นเข้าให้ “นี่มาเอา” แล้วตาก็ล้วงลูกพุทราในถุงย่ามเลี้ยงวัวให้พวกเธอ น้องบีมรีบวิ่งไปรับทันที มีแต่ลูกห่าม ๆ น่าเอาไปจิ้มพริกเกลือทั้งนั้น แล้วตาก็เลิกสนใจพวกเธอ นั่งดูวัวต่อ เสียงกระดิ่งวัวช่วยทำให้บรรยากาศไม่เงียบ ฟัง ๆ ไปก็เพลินดี

               พวกเธอทั้งสี่คนพี่น้องเดินวนรอบสระ จากต้นนี้ไปต้นนู้น ใช้ไม้สอยบ้าง เขวี้ยงไม้ขึ้นไปบ้าง ถ้าเขวี้ยงโดนลูกพุทราก็จะล่วงลงมา น้องบีมก็วิ่งไปเก็บใส่เสื้อตัวเอง พวกเธอเน้นแต่ลูกสุกที่เป็นสีแดงเสียส่วนใหญ่ ลูกห่ามเหลือง ๆ เปรี้ยวเกินที่จะกินได้ เนื่องจากไม่ได้ปรุงพริกเกลือมา

               “เราไปนั่งกินที่ฝายปะ” แพรวออกความคิดเห็น หมายถึงฝายน้ำล้นของตาสมเด็จ ที่อยู่ใกล้ ๆ ติดเขตกับนายายเรืองนี่แหละ ตอนนี้น้ำแห้ง ไม่มีน้ำให้กลัว หญ้าก็ขึ้นไม่รก ตอนนี้ผืนนาระแวกนี้ทั้งผืนมีเพียงตอฝางแห้ง ๆ มองไปไกลสุดลูกหูลูกตาเท่านั้น เห็นคนเลี้ยงวัวอยู่ไกล ๆ ด้วยซ้ำ ไม่น่ากลัวเหมือนหน้าฝน

               ฝายน้ำล้นของตาสมเด็จเป็นฝายปูนซีเมนต์ มีสะพานข้ามไปอีกฝั่งเป็นปูนขนาดกว้าง มีน้ำไหลเป็นสายเล็ก ๆ เพราะน้ำในห้วยแห้งไปหมดแล้ว พวกเธอพากันเดินมานั่งกินพุทราที่นี่ ซึ่งเป็นที่ ๆ เหมาะมาก ๆ เงียบสงบดี ข้ามฝั่งไปก็เป็นละแวกนาของเธอ มองไปยังเห็นเถียงนาของป้า

               “บีมขยับมานั่งกลาง ๆ อย่าไปอยู่ริมเดียวล่วงนะ” พิมพ์ดุน้องบีมที่นั่งอยู่ชิดริมสะพาน “ล่วงลงไปไม่จมน้ำตายหรอก แต่จะขาหักหัวแตกตาย ฮา” พิมพ์พูดประชดไปอย่างนั้น ไม่ได้จริงจังอะไร

               พวกเธอนั่งเรียงกัน โดยมีเธอเป็นหัวขบวน ต่อด้วยน้องบีม แพรวและพิมพ์ นั่งขัดสมาธิกินพุทรา แล้วก็โยนเม็ดมันลงไปในน้ำ เวลาคุยกันเสียงดัง ๆ หัวเราะเสียงดัง ๆ เสียงมันก็สะท้อนกลับมา มันยิ่งเพิ่มความสนุกให้กับพวกเธอเข้าไปอีก

               “ลองตะโกนกันมั้ย ระบายอารมณ์อะไรก็ได้” แพรวเสนอความคิดที่วิเศษมาก “พูดอะไรก็ได้ แต่พวกเราต้องสัญญาว่าจะไม่นำไปพูดต่อ เข้าใจมั้ยบีม” แพรวหันมากำชับน้องบีม ทั้งที่น้องบีมยังเด็กมาก เด็กเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่แบบพวกเธอ

               “จ้าพี่แพรว”

              “น้องบีมก็พูดด้วยนะ พูดอะไรก็ได้”

              “ได้!” น้องบีมตอบตกลง

               “มาเรามาเริ่มกัน กูก่อน” พวกเธอทุกคนยืนขึ้น แพรวเป็นคนตะโกนพูดก่อน แล้วเสียงมันก็สะท้อนกลับมา อย่างสนุกสนาน

               “ขี้เกียจไปโรงเรียนโว้ย” แพรวตะโกนเป็นคนแรก

               “กูบ้าง! ขี้เกียจทำโครงงานวิทยาศาสตร์โว้ย” พิมพ์ตะโกนจนสุดเสียง แล้วเสียงก็สะท้อนกลับมา พวกเธอหัวเราะสนุกกันใหญ่

               “ทีกู แม่ซื้อมอเตอร์ไซค์ให้บอสหน่อย ฮา” ทุกคนหัวเราะกับคำพูดเธอที่ตะโกนออกไป

               “อาซื้อรถให้อี่บอสหน่อย ฮา บอสมันจะขับไปหาผู้บ่าว” พิมพ์ตะโกนแซวเธอ

               “พี่พิมพ์! ทีน้องบีม ฮ่วย!” น้องบีมหน้าบึ้งไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถึงทีตนเองแล้วโดนพิมพ์แย่งตะโกน

               “อ่อ ลืม ๆ อ่ะน้องบีมจะพูดอะไร” พิมพ์หัวร่อน้องบีม ลืมไปว่าน้องบีมยังไม่ได้พูดเลย

               “อยากไปเมืองโว้ย อยากได้ชุดใหม่ ฮา”

               “บอสกูว่ามืงต้องบอกยายพาไอ้บีมไปในเมืองแล้วล่ะ ฮา” แพรวแซวน้องสาวของเธอ น้องบีมหัวเราะตัวเอง

               “ยายพาน้องบีมเข้าไปในเมืองหน่อย ฮา” บอสตะโกนพูดตอบ

               “แพรวรักพี่เมาส์มาก ๆ เลย ฮา”

               พวกเธอสลับกันตะโกนร้องพร้อมหัวเราะเสียงดังอยู่อย่างนั้นหลายนาทีจนพอใจ เมื่อเวลาเริ่มเย็นมากแล้วจึงชวนกันกลับบ้าน พวกเธอทั้งสี่คนเดินกลับบ้านโดยให้น้องบีมเดินนำหน้าไป ไม่วิ่งหนีกันเหมือนตอนเด็ก ๆ

               เห็นตาและคนอื่น ๆ กำลังต้อนวัวกลับบ้านเช่นกัน ส่วนเด็กผู้ชายยังเตะฟุตบอลยังไม่เลิก มีบ้างบางคนทยอยกันกลับ เนื่องจากตอนนี้เย็นมากแล้ว

               พอถึงวันเสาร์บอสกับสองฝาแฝดก็ซ้อนมอเตอร์ไซค์กันไปล้างรูป ร้านที่หมู่บ้านที่พิมพ์บอก โดยการแกะเอาเมมเบอร์การ์ดออกมาจากโทรศัพท์มือถือให้ช่าง

               ก่อนจะไปบอสเก็บภาพยายกับตาไปล้างด้วย เธอล้างมาไม่กี่แผ่น มีรูปของเธอกับน้องบีม เดี่ยวบ้างคู่บ้าง และรูปของตากับยาย และรูปที่ถ่ายคู่กับสองฝาแฝด รวม ๆ ก็สิบรูปได้ ใส่อัลบั้มเก็บไว้...

               ที่ทำงานฝนตกฟ้าร้องบอสนั่งนึกถึงตนเองตอนเด็ก ๆ เงียบ ๆ คนเดียว นึกตลกตัวเองที่พากันทำอะไรบ้า ๆ สี่คนพี่น้องพากันไปร้องตะโกนอะไรก็ไม่รู้ โดยลืมไปว่าอาจจะมีคนได้ยินก็ได้ เพราะมีคนเลี้ยงวัวอยู่แถวนั้นก็มี พวกเด็ก ๆ ที่เล่นอยู่แถวนายายเรืองอาจจะได้ยินก็ได้ นึกแล้วก็อายตัวเองขึ้นมาดื้อ ๆ ฮา

               นึกถึงสมัยนั้น มีโทรศัพท์แพง ๆ แต่ไม่มีโซเชี่ยลให้เล่นเหมือนทุกวันนี้ ถ่ายรูปตัวเองสวย ๆ อัดคลิปวีดีโอตัวเองก็ทำไปงั้น ๆ อัดให้เปลืองพื้นที่ความจำโทรศัพท์เฉย ๆ

               โทรคุยกันได้อย่างเดียว ส่งข้อความเสียเงินได้อย่างเดียว เติมโปรโทรฟรีกลางวันกลางคืนก็ว่ากันไป ตอนนั้นเธอใช้โทรศัพท์โนเกีย N70 ก็ไม่มีปัญญาเล่นโซเชี่ยล

               เธอจำได้สมัยนั้น แพรวเคยบอกว่าเด็กในเมืองเขาเล่น msn กับ hi 5 กัน ทว่าเธอไม่ได้เล่น เล่นไม่เป็นรวมทั้งสองฝาแฝดด้วย สมัยนั้นพวกเธอไม่เล่นโซเชี่ยลกันเลย ตัดภาพมาที่สมัยนี้ ฮา

               ไม่รู้แอพอะไรเยอะแยะไปหมด นึกไปก็ขำตัวเองไปด้วย พูดแล้วก็เช็คเฟซบุ๊ก ไลน์ ไอจี พันทิป ติ๊กต๊อกดีกว่า เฮ้อ...

จบบท..
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่