คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 46
เพราะมนุษย์เราทำทุกอย่างด้วยตนเองไม่ได้
เอาง่าย ๆ มนุษย์เราคนนึงจะสามารถเป็นทั้งเกษตรกร ช่างเย็บเสื้อ ช่างทำรองเท้า ช่างตีเหล็ก ช่างสร้างบ้าน ฯลฯ อะไรทุกอย่างที่มีความจำเป็นต่อชีวิตได้หมดทุกอย่างงั้นรึ ?
มนุษย์เราเป็นพร้อมกันได้แค่บางอย่างเท่านั้น แต่สิ่งที่เป็นไม่ได้แต่จำเป็นต่อชีวิตจะให้ทำอย่างไร ?
จะให้เขาทำให้เราฟรีหรือเปล่า ?
สุดท้ายก็ต้อง "แลกเปลี่ยน" สิ่งที่ขาดเหลือระหว่างกันใช่ไหม ?
เพียงแต่ถ้าจะแลกสิ่งของระหว่างสิ่งของ สิ่งของกับแรงงาน แรงงานกับแรงงาน
สิ่งของมันก็มีนับพันนับหมื่น แรงงานก็มีนับร้อยนับพัน
จะจำได้หมดไหม ว่าอะไรใช้แลกอะไรในอัตราส่วนแค่ไหน ?
มันต้องมีสื่อกลางใช่หรือเปล่า
เช่นสิ่งของ A ราคา 1 หน่วย สิ่งของ B ราคา 2 หน่วย ซึ่งก็ใช้หน่วยนี้แหละที่แลกกันโดยตรง แทนที่จะมานั่งไล่จำว่าสิ่งของนี้แรงงานนี้แลกสิ่งอื่นแต่ละอย่างได้เท่าไหร่
ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งของบางอย่างมันก็มีแค่เฉพาะบางฤดูกาล
แรงงานหลายครั้งเราก็สะดวกแค่ช่วงนี้ แต่ไม่สะดวกทำช่วงอื่น
ทว่าในทางกลับกัน เรายังไม่มีความต้องการที่จะอยากได้อะไรเป็นพิเศษในช่วงนั้น
ดังนั้นมันจะดีกว่าไหมถ้าสามารถให้สิ่งของและแรงงานที่เราใช้แลก มันสามารถเก็บไว้ได้นาน ๆ ?
ยังไม่รวมถึงเรื่องสิ่งที่เรามีเขาไม่อยากได้ แต่เขามีสิ่งที่เราอยากได้อยู่ซะอีก
ดังนั้นมันจะสะดวกกว่าไหมถ้าเวลาเราแลกสิ่งของหรือแรงงานอะไรแล้วมันสามารถนำไปใช้แลกกับผู้อื่นได้ทุกคน ?
ดังนั้น "เงิน" ที่เป็นสื่อกลางจึงเกิดขึ้น
----------------------
นอกจากนี้ จริง ๆ ระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน "มันดีอยู่แล้ว" นะ ไม่ใช่มันไม่ดี
และมัน "ดีขึ้นทุกวัน" ด้วย
ไม่ใช่แบบตามวาทกรรมที่หลายคนเชื่อฝังหัว ว่า "ปัจจุบันมันไม่ดี เมื่อก่อนดีกว่า" อะไรทำนองนั้นเลยสักนิด
(ถ้าเห็นนักวิชาการบ่นว่าไม่ดี ไม่ใช่แปลว่าเมื่อก่อนดีกว่าสมัยนี้ แต่เขาบ่นว่า ยังดีไม่พอยังสามารถหาทางทำให้ดีได้มากกว่านี้)
เพราะเราอยู่กับความเคยชินในความสะดวกสบายไง เลยคิดฟุ้งซ่านได้ว่าปัจจุบันไม่ดี
แต่ถ้าเป็นสมัยก่อน เราจะไม่มีโอกาสคิดอย่างนี้เลยด้วยซ้ำ
อันดับแรก แค่ไม่ให้อดตายก็หืดขึ้นคอแล้ว อันดับสอง เราไม่มีความรู้เพียงพอที่จะมาคิดอะไรพวกนี้ด้วย
เอาง่าย ๆ มนุษย์เราคนนึงจะสามารถเป็นทั้งเกษตรกร ช่างเย็บเสื้อ ช่างทำรองเท้า ช่างตีเหล็ก ช่างสร้างบ้าน ฯลฯ อะไรทุกอย่างที่มีความจำเป็นต่อชีวิตได้หมดทุกอย่างงั้นรึ ?
มนุษย์เราเป็นพร้อมกันได้แค่บางอย่างเท่านั้น แต่สิ่งที่เป็นไม่ได้แต่จำเป็นต่อชีวิตจะให้ทำอย่างไร ?
จะให้เขาทำให้เราฟรีหรือเปล่า ?
สุดท้ายก็ต้อง "แลกเปลี่ยน" สิ่งที่ขาดเหลือระหว่างกันใช่ไหม ?
เพียงแต่ถ้าจะแลกสิ่งของระหว่างสิ่งของ สิ่งของกับแรงงาน แรงงานกับแรงงาน
สิ่งของมันก็มีนับพันนับหมื่น แรงงานก็มีนับร้อยนับพัน
จะจำได้หมดไหม ว่าอะไรใช้แลกอะไรในอัตราส่วนแค่ไหน ?
มันต้องมีสื่อกลางใช่หรือเปล่า
เช่นสิ่งของ A ราคา 1 หน่วย สิ่งของ B ราคา 2 หน่วย ซึ่งก็ใช้หน่วยนี้แหละที่แลกกันโดยตรง แทนที่จะมานั่งไล่จำว่าสิ่งของนี้แรงงานนี้แลกสิ่งอื่นแต่ละอย่างได้เท่าไหร่
ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งของบางอย่างมันก็มีแค่เฉพาะบางฤดูกาล
แรงงานหลายครั้งเราก็สะดวกแค่ช่วงนี้ แต่ไม่สะดวกทำช่วงอื่น
ทว่าในทางกลับกัน เรายังไม่มีความต้องการที่จะอยากได้อะไรเป็นพิเศษในช่วงนั้น
ดังนั้นมันจะดีกว่าไหมถ้าสามารถให้สิ่งของและแรงงานที่เราใช้แลก มันสามารถเก็บไว้ได้นาน ๆ ?
ยังไม่รวมถึงเรื่องสิ่งที่เรามีเขาไม่อยากได้ แต่เขามีสิ่งที่เราอยากได้อยู่ซะอีก
ดังนั้นมันจะสะดวกกว่าไหมถ้าเวลาเราแลกสิ่งของหรือแรงงานอะไรแล้วมันสามารถนำไปใช้แลกกับผู้อื่นได้ทุกคน ?
ดังนั้น "เงิน" ที่เป็นสื่อกลางจึงเกิดขึ้น
----------------------
นอกจากนี้ จริง ๆ ระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน "มันดีอยู่แล้ว" นะ ไม่ใช่มันไม่ดี
และมัน "ดีขึ้นทุกวัน" ด้วย
ไม่ใช่แบบตามวาทกรรมที่หลายคนเชื่อฝังหัว ว่า "ปัจจุบันมันไม่ดี เมื่อก่อนดีกว่า" อะไรทำนองนั้นเลยสักนิด
(ถ้าเห็นนักวิชาการบ่นว่าไม่ดี ไม่ใช่แปลว่าเมื่อก่อนดีกว่าสมัยนี้ แต่เขาบ่นว่า ยังดีไม่พอยังสามารถหาทางทำให้ดีได้มากกว่านี้)
เพราะเราอยู่กับความเคยชินในความสะดวกสบายไง เลยคิดฟุ้งซ่านได้ว่าปัจจุบันไม่ดี
แต่ถ้าเป็นสมัยก่อน เราจะไม่มีโอกาสคิดอย่างนี้เลยด้วยซ้ำ
อันดับแรก แค่ไม่ให้อดตายก็หืดขึ้นคอแล้ว อันดับสอง เราไม่มีความรู้เพียงพอที่จะมาคิดอะไรพวกนี้ด้วย
แสดงความคิดเห็น
ในปัจจุบันทำไมเงิน ถึงมีอิทธิพลต่อมนุษย์?
ทำไมคนเราถึงไม่เลือกที่เกิดมา แล้วก็เล่นๆ หิวก็ลงน้ำหาปู หาปลา มากิน ง่วงก็ตัดไม้ ใบ้ไม้ กิ่งไม้มาทำที่นอน ตื่นมาก็ใช้ชีวิตสนุกสนาน ร้อนก็ลงคลอง ลงแม่น้ำ คือ ไม่เห็นต้องมาเครียดเรื่องเงินๆทองๆเลย
แต่อยู่ๆก็ไม่ใครไม่รู้มาบอกว่า นี่ๆนายA นางB ต้องมาทำงานหาเงินให้ฉันนะ ปีนี้ต้องหาให้ได้ 10ล้าน 100ล้าน แล้วฉันจะแบ่งให้เธอ 10,000 , 20,000 บาท
แล้วพอเรายอมทำงานให้เสร็จ สักพักก็จะมีคนมาบอกว่า เอารถสักคันไหม? บ้านสักหลังไหม? กระเป๋า นาฬิกา รองเท้า เอาสิ จะได้เสริมบารมี เสริมเกียรติยศ และหลังจากนั้นก็จะมีคนมาบอกว่าไปดูต้นไม้ ดูเขา ดูหิมะ ดูตึก ที่ประเทศนั้น ประเทศนี้ไหม ผ่านไปสักพักเอาความคุ้มครองไหม? เจ็บ-ป่วย-ตาย แล้วมีคนช่วยดูแล ทำสิดีออก
สรุป คนเราเกิดมาเพื่อใช้กรรม หรือ เกิดมาเพื่อหาเงินให้ตัวเองหรือให้คนอื่น ตายไปสมบัติก็ตกเป็นของคนอื่น