สวัสดีทุกคน...
นี้เป็นครั้งแรกที่เราเขียนกระทู้แบบเรื่องเล่า ปกติเราจะเขียนแบบถามมากกว่า
งั้นเราขอเริ่มกันเลยละกันเนอะ...
ถ้ามีอะไรผิดพลาดเราขออภัยเอาไว้ก่อนนะ
เราจะเขียนแบบง่ายๆ ภาษาพูดเข้าใจง่ายๆ เพราะอาจเป็นการเขียนครั้งแรก5555555
คือช่วง ล็อกดาวน์ โควิด19 เราได้หยุด work from home อยู่บ้าน นานประมาณ 3-4เดือนเลย
บริษัท จะค่อนข้างชิลหน่อย บวกกับ เนื้องานด้วยที่ไม่จำเป็ฯต้องเข้าออฟฟิศตลอด สามารถประชุม แบบใช้ zoom ได้ทุกเช้า
ช่วง work from home จะมีช่วงว่างที่ไม่ค่อยมีงานเลยก็มี เป็นเดือนได้มั้ง (แต่ยังได้รับเงินเดือนปกติ)
ปกติเราเป็นคน อยู่กับ คนอื่นตลอดเช่น เพื่อนๆ แฟน แม่ ญาติ จะไม่ค่อยมีเวลาอยู่คนเดียว แม้กระทั่งเวลานอน เราก็นอนกับแม่ตั้งแต่เด็กจนโต
จะเคยมีนอนคนเดียวบ้าง ช่วง ไปเรียนเมืองนอก 2 ปี
เราไม่รู้หรอกว่าอาการของโรคซึมเศร้าเป็นยังไง และไม่เคยคิดจะศึกษามัน เราแค่ คิดคร่าวๆ ว่า คงเป็นประมาณ เหงาๆ เศร้าๆ ซึมๆ
แต่ไม่ได้เข้าใจอย่างจริงจังเลย
สำหรับเรา มันเริ่มจากการฝัน ... ใช่ฝัน บางคนคิดว่าแค่ฝันคงเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเรา เราฝันถึงแฟนเก่าที่เลิกไปแล้ว ถึงเกือบ10ปี
ก่อนไปหาหมอ ในความฝันจะ สั้นๆ เทียบเหมือนเป็น ep.สั้นๆไป สะดุ้งตื่นกลางดึก พลิกตัว ก้เปลี่ยนเรื่อง
แต่พอตื่นมา เราจะจำได้ว่าเราฝันถึงแฟนเก่านะ จำเรื่องราวได้ดี สถานที่ คำพูด สถานการณ์ มันดูชัดเจนมาก
และที่สำหคัญ ทุกครั้งที่ฝัน จะออกไปแนวเดียวกัน แบบ story คล้ายๆกันตลอด แค่เปลี่ยนสถานที่ หรือสถาการณ์ แต่ story จะเหมือนเดิม
จนมาถึงช่วง โควิด19 ปกติ เราจะนอนบ้านอีกหลัง ใกล้ที่ทำงานแม่ กลางเมืองไปทำงานง่าย และเราก็นอนกับแม่ และป้า แต่ป้าจะนอนอีกห้องนึง
เรากับป้าจะไม่ค่อยลงลอย กันเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะปมตั้งแต่เด็ก และจำมาจนโต หลายเหตุผล บางครั้งเราก็มีปะทะกับป้าบ้าง
วันนึง ที่ต้อง work from home ยาวๆเลยชวนแม่ไปนอนบ้านอีกหลัง แถวราชพฤกษ์ บ้านเดี่ยว มีห้องของเราเอง เงียบ มีพื้นที่และสะดวกสำหรับเรา
สบายใจกว่าด้วย แต่อาจลำบากในการเดินทางการไปทำงานของแม่กับป้า แม่เราตอบตกลงที่จะไปนอนบ้านที่ราชพฤกษ์ ตอนแรกกะจะไปนอนแค่ช่วง สั้นๆ ไม่กี่อาทิตย์ แต่พอเรามาอยู่ได้ระยะนึงเรารู้สึก ได้ความส่วนตัวมากขึ้น เพราะมีห้องของตัวเอง เราเลยขอแม่ที่จะย้ายมาถาวรที่นี่เลย อาจลำบากการเดินทางหน่อย แต่ได้ความสบายใจ
กลับมาที่ความฝัน เรายังคงฝันถึงแฟนเก่าเราต่อเนื่อง อย่างน้อย ก้1-2คืนต่อเดือน อย่างมาก 3-4คืน ติดต่อกัน ทุกครั้งที่ตื่นนอนมา เราจะรู้สึกแย่ และรู้สึกผิดกับแฟนคนปัจจุบัน เราตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่าทำไมเราถึงฝัน เราเดาคำตอบว่า อาจเพราะ เราเคยทำไม่ดีกับเขา เลิกกันไม่ดี มันเลยอาจเป็นลอยแผลในใจ เพราะ เรามีแฟนผ่านๆมา ก็ไม่เคยฝัน อะไรแบบนี้ จบด้วยดี เป็นเพื่อนกันได้ถึงปัจจุบัน โดยปกติแล้ว เราเป็นคนที่ เวลารู้สึกแย่ จะไปหาเพื่อน อยู่กับเพื่อน แล้วบอกกับตัวเองว่า"ช่างมัน" แค่ฝัน "ไม่เป็นไร" เราก็จะกลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม เพราะเพื่อนจะเล่น คุย ตลกกันตลอด แกล้งกัน มันทำให้เรา ดีขึ้นเร็ว แต่พอช่วงโควิด เราไม่ได้เจอเพื่อนเลย แฟนก้มาหาอาทิตย์ละครั้งเพราะเขาไม่ได้ work from home เหมือนเรา จนมาวันนึง เราฝันถึงเขา 2-3คืนติดๆ เรา เริ่มแย่ลง รู้สึกแย่ลง **เราเลยบอกกับตัวเองตอนกลางวันว่า ถ้าคืนนี้เราฝัน เราต้องมีสตินะ บอกมันว่า

คือฝันตื่นซะ !!** ตกกลางคืน เราฝันอีก เห้ย! เราจำได้ว่าเรา อยู่บนแท๊กซี่กับเขา แต่เราบอกกับตัวเองในฝันว่า ตื่นซะแกฝันอยู่!! เราตื่น แต่เป็นตื่นที่ตื่นในฝันอีกที ใช้ ฝันซ้อนฝัน inception มากๆ
เรากลายป็นคนกลัวการนอนหลับไปเลย นอนให้ดึก ตื่นไว แบบฟ้าสว่างตื่นละ เพราะกลัว จนไม่ไหว เลยคิดจะไปพบจิตแพทย์ เรา โทรนัดเลย ได้คิวปุ๊บเราไปเลยคนเดียว
หมอบอกตอนแรกว่าเราเป็นโรควิตกกังวล กับย้ำคิดย้ำทำ หมอให้ยามา ครั้งที่2 ไปหาใหม่ เพราะหมอนัด ก่อนหน้าจะไปหาหมอ เราทะเลาะกับป้า เราก้เล่าให้หมอฟัง บอกเปลี่ยนยา และความรู้สึกเรา หมอดูไม่ค่อยฟัง ดูรีบ ที่จะไปหาคนไข้รายต่อไป มันทำให้เรารู้สึกแปลกๆ หลังจากรับยามา เราโทรหาพี่ชายเราที่เป็นหมอทางด้านสมอง บอกยาเขาไปเล่าให้เขาฟัง เขาบอก ไม่ให้กินยาตัวใหม่นะ มันคือยาไบโพล่า อาการเราไม่ได้เป็นแบบขนาดนั้น ให้กินแบบเดิมไปก่อน
พี่ชายเรา แนะนำให้เราเปลี่ยน รพ. เราไปอีก รพ.เอกชน อีกที่นึง ระหว่างรอคิววันที่พบหมอ เรารู้สึกว่า เราไม่ดีขึ้น และดูแย่ลงด้วย เราเริ่มดาวน์ลงทุกวัน คิดเยอะขึ้น เบลอบ้าง ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผลบ้าง คิด negative บ้าง จนมีความคิดถึงกับว่า ถ้าเราจะฝันแบบนี้ตลอดชีวิต เราขอตายดีกว่า พอถึงวันเข้าไปคุยกับหมอ เราไปกับแม่ เราบอกแม่ก่อนว่า ขอราเข้าไปคุยกับหมอก่อนนะ ละเดี๋ยวม๊าค่อยเข้ามาคุยทีหลัง สำหรับเรา เราคิดว่า การที่เรามาหาจิตแพทย์เป็นเพราะ เราอยากได้คำปรึกษา จากคนๆนึงที่เราไม่รู้จัก และเราสามารถเราทุกอย่างให้เขาฟังได้ โดยที่เราไม่ต้องกังวลว่าเขาจะคิดยังไง แต่ถ้าแม่มาฟังสิ่งที่เราเล่าให้หมอฟัง แม่กับหมอ ไม่เหมือนกัน แม่คือคนปกติคนนนึง ที่ไม่ได้เรียนจิตวิทยามา และไม่เข้าใจกับโรคใหม่ๆแบบนี้ ถ้าเขาฟังในสิ่งที่เราเล่าให้หมอฟัง เขาอาจคิดไปต่างๆนาๆได้ จาก 1 เขาอาจคิดเป็น2 3 4 5 ในทางกลับกัน แม่กลับคิดว่า ที่ไม่ให้เขาเข้าไป เพราะ เราจะปิดบังอะไรเขา โกหกอะไรเขา เตี๊ยมกับหมอ ซึ่งมันไม่ใช่ เราพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ เขาก็ไม่พอใจ ทะเลาะกันจนหน้าห้องหมอ
สรุป เราเข้าไปก่อนและแม่ก้ตาม แต่หมอคนนี้สำหรับเรา เรารู้สึกแปลกๆ มีประโยคนึงที่หมอพูดกับเราว่า "จะฝันทำไม เลิกไปตั้ง10ปีแล้ว หมอเอง แม่หมอตาย เมียหมอตาย 3-6เดือน ก็หายแล้ว" อ่าาาา... ถ้ากรูทำได้แบบ

กรูจะมาหา

ไหม (คิดในใจ55555555555) สรุป หมอบอกเราเป็นซึงเศร้าระยะเริ่มต้น ให้กินยาตัวเดิม แต่ปรับยา วิธีการกินใหม่ หลังจากนั้นแม่เราเข้าไปคุยกับหมอ แม่ถามหมอว่าคุยกับลูก ช่วงหลังไม่ค่อยเข้าใจกันเลย มีปากเสียงตลอด หมอตอบแม่ว่า "ถ้าเป็นแม่ลูกกันคุยกันไม่เข้าใจ หมอจะช่วยอะไรได้ " แม่ก็เงียบไปพักนึง เราเองก้อึ้งกับคำตอบหมอหน่อยๆ แม่ถามหมออีกว่า เขาดูดบุหรี่บ่อยจัง แม่ไม่ชอบเลย หมอตอบแม่ว่า "ก็เป็นทางออก ของเขา เขาเครียด เขาก็ดูด คนเรามีทางออกแตกต่างกันไป เรื่องปกติ" (เราใส่
mask แอบขำเบาๆกับคำตอบหมอ) แม่ ไม่ค่อยพอใจ เราเองก้รู้สึกไม่ต่อยโอเคกับหมอคนนี้เท่าไหร่นัก การพูดของเขาดูแปลกๆสำหรับเรา
เราไปปรึกษา พี่สาว กับอาจารย์เรา ที่เป็นมีอาการโรคซึมเศร้า ทุกคนบอกหมอคนนี้แปลก เปลี่ยน รพ.ไหม การเป็นโรคพวกนี้ ไม่ใช่หาหมอกับใครก็ได้ ควรหาหมอที่ คุยกับเราแล้วคลิกกับเรา สบายใจที่จะปรึกษา สบายใจที่จะพูดคุย อาจารย์เราเลยแนะนำ รพ.ใหม่ให้ เป็นรพ.เอกชน และจิตเวชโดยเฉพาะ แนะนำหมอให้
เราลองโทรนัด คิวหมอดู ระหว่างรอคิววันที่พบหมอ เราก้ยังแย่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือแม่เอาน้าสาวกับ น้องๆ2คนมาอยู่เป็นเพื่อนเรา เพราะแม่กลัวเราฆ่าตัวตาย น้ำหนักเราลงไป 10โล ใน2-3เดือน เราไม่มีอาการหิวเลย หมกตัวในห้องส่วนใหญ่ ฟังเพลงบ้าง ดูดบุหรี่บ้าง โทรคุยกับเพื่อนบ้าง แฟนเราน่ารักมาก เขาเข้าใจ และคอยประคองเราตลอด รวมถึงเพื่อนๆพี่ๆ ที่ผลัดกันมาหาบ้าง
ถึงวันนัดกับหมอ แม่เราไม่ไป แม่ให้แฟนเราไปแทน เราเข้าไปคุยกับหมอ หมอดูใจเย็น และฟังเราอย่างตั้งใจ จดทุกอย่างที่เราพูด และหมอ ก้เรียกแฟนเข้ามา หมอสรุปอาการว่า เราเป็นซึมเศร้าระยะสูงแล้ว ทำไมเพิ่งมาหาหมอ หมอปรับยาใหม่หมด ปรับยานอนหลับใหม่ หมอสอบถามอาการจากแฟน ว่าเราเป็นยังไง แฟนก้บอกว่า เรามีอาการจริงๆที่เห็นชัดตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เราเศร้า เราเครียด เราดาวน์ เราผลักทุกคนออกหมด ทั้งครอบครัวและ แฟน ทำให้เรากับแฟนเกือบเลิกกัน หมอรับฟังทุกอย่างและให้คำแนะนำอย่างดี เราสบายใจมาก หมอบอกว่าครั้งหน้าพาคุณแม่มาด้วยนะ หมออยากคุยด้วย แต่สำหรับเราหมอคน จาก3คนที่เราเคยไปมา หมอคนนี้เราสบายใจที่สุด ราคาอาจจะสูงกว่า รพ.ที่ผ่านมา แต่ขอเถอะ เราขอแค่หาย เพราะ สำหรับเรา มันไม่ใช่แค่ฝันแล้ว มันทั้งความรู้สึก ความคิด อารมณ์ จิตใจ มันลงไปหมด
เราสามารถตื่นขึ้นมาแล้วร้องไห้ได้เลย โดยไม่มีสาเหตุ เราดาวน์โดยไม่มีเหตุผล ถ้าจะมีใครถามว่า เพราะอะไร คำตอบเดียว คือเราไม่รู้ รู้แค่ มันแย่วะ
หลังจากทานยาหมอตัวใหม่ไป เราหลับดีขึ้น แต่! มีฝันอยู่ ด้วยความที่หลับยาวขึ้น ทีนี้ ความฝันเราไม่ได้มาเป็น ep.สั้นๆแล้ว มันมาเป็นซีรีย์เลย 5555555
คือ ตื่นมากลางดึกหลับต่อ ฝันต่อ เรื่องเดิมได้ เห้ยย! เราโทรหาหมอเลย เล่าให้หมอฟัง หมอ ก็ปรับวิธีกินยาใหม่ให้ ปรับยา ปรับวิธีกินยาจนกว่าจะลงตัว
กับเราที่สุด ระหว่างรอนัดหมอครั้งต่อไป
ก็มีเหตุการณ์หลายๆอย่างเกิดขึ้น เช่น มีปัญหากับป้า เราซื้อขนมมา หน้ากล่องเขียน midnight ...แต่จริงๆมันคือคอนเฟลคแบบ เฮลตี้ ป้าเราก็แปะโน๊คไว้ที่ กล่องขนมคอนเฟลคเราว่า "อย่าลืมลุกมากินตอน midnight นะ ฟุ่มเฟือยซื้อของกิน ไปอยู่เมืองฝรั่งดีไหม"
Hello !!! สติค่ะ 1. เงินกรูไม่ได้ขอเงินเขาไปซื้อ เงินที่เราได้จากรายได้เราที่หามาเอง 2. จะกินตอนไหนก็เรื่องของเราไหม และที่สำคัญ ไม่ว่า จะกับใคร หรือของใครซื้อคุณก็ไม่ควร เขียนโน๊ตแบบนี้เพราะไม่ใช่เงินคุณ เราถ่ายรูปส่งให้แม่ดู และฉีกกระดาษแผ่นนั้นลง แก้วน้ำเขา (แก้วน้ำประจำตัวเขา) เราโมโห จาก 10 ค่อยๆเขยิบเป็น 20/30/40 -100!! ปั้ง!! ปกติเราจะไม่คุยกับป้าโดยตรง จะให้แม่จัดการเอง แต่ครั้งนี้ เราโทรไปหาป้า และพูดกับเขาว่า "ขนมคอนเฟลคกล่องนั้นเป็นของเราเอง และเงินที่ซื้อก็เงินที่เราหามาจากน้ำพักน้ำแรงเรา และไม่ต้องไล่เราไปอยู่ที่ไหนหรอก เพราะ เราอยู่ที่ไหนก้ได้ที่ไม่มีป้า!" แล้วเราก้ตัดสายเลย
ที่ผ่านมา เราเปย์น้องๆคนอื่นได้ ทำไมขนมแค่นี้ขอซื้อให้ตัวเองบ้างจะเป็นอะไร?!? (เพราะตั้งแต่โควิดและล็อกดาวน์เรา ก้ไม่ค่อยได้ใช้เงินอะไร ไม่ได้ช็อปปิ้งอะไรเพราะอยู่แต่บ้าน ส่วนใหญ่ก็ซื้อขนม ของกินให้น้องๆ น้องอยากกินอะไรซื้อให้น้องหมด เปย์น้องมาก) น้องขึ้นมาหาเรา ถามเราว่าโอเคไหม เราบอกไม่ แต่ออกไปก่อน ขอควบคุมอารมณ์ตัวเองก่อน น้องก็ขอว่า วันนี้วันเกิดแม่ (น้าสาว) อย่ามีปัญหาเลยนะ กลัวเสียบรรยากาศ เราก้โอเค และ บอก ให้น้องออกไปก่อน ตกตอนเย็นป้ากลับมา ป้าก้เดินมาหาเราบอก "ของเบลหรอลูกกกกกก ป้าไม่รู้ ก้เขียนไปงั้น" เหอะๆๆ ขนมทุกอย่าง ของกิน ของหวานส่วนใหญ่ ที่ซื้อ เราซื้อเกือบหมด จะบอกไม่รู้ได้ไง... ช่างเถอะ วันเกิดน้า พยายามใจเย็นๆ
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นก็มีอีก พอโควิดเริ่มคลายล็อก ร้านอาหาร ห้างเริ่มเปิด เพื่อนๆ ก้ชวนไปกินข้าวกัน เราเลยชวนน้อง2คนไปด้วย คนนึง 21 อีกคน 17 ปี กะว่าจะพาไปดูอะไรใหม่ๆ เปิดหูเปิดตา และก้ไปจบที่ไอคอนสยาม เพราะเราอยากไปดูของขวัญวันเกิดให้แฟน แต่หาไม่ได้ TT เราเลยไปนั่ง ที่ร้าน fallabella บรรยากาศดี มีวิวแม่น้ำ สวยๆ มีอาหาร เครื่องดื่ม วันนั้นเราตามใจน้องทุกอย่าง อยากกินไรกิน อยากซื้อไรซื้อให้ พอถึง fallabella เราสั่ง ไวน์ขาว แฟนเรากับรุ่นพี่ สั่งเบียร์ และ เราก้สั่งอาหารให้น้อง เครื่อมดืมก้น้ำเปล่า โค้ก (สำหรับเราน้องโตพอแล้วที่จะแยกแยะอะไรดีไม่ดี และน้องก้ไม่คิดอยากจะมาขอลองอะไรที่ไม่สมไม่ควร) zone ดูดบุหรี่ ต้องหลบไปมุมๆ ซึ่งน้องๆไม่เห็นแน่นอน วันนั้น เราพาน้องกลับบ้าน3ทุ่มนิดๆ คืนนั้น น้อง2คน มาขอนอนกับเรา และเราก้หลับไปตอนเที่ยงคืน น้องๆเรา นอนดึก อยู่ดีๆ น้องคนเล็กก้มาปลุก บอก พี่... วันนี้ขอบคุณนะ มีความสุขมากเลย ไม่เคยไปอะไรแบบนี้มาก่อนเลย และน้องก้ร้องไห้แบบซาบซึ้ง เราเองก้งงๆๆ งัวเงียๆ ก้ เออๆอืมๆ มีความสุขกันพี่ก้สบายใจ ดีแล้ว
เดวมาต่อ..
เรื่องเล่า ของคนเป็นโรคซึมเศร้า กับ อารมณ์แปรปรวน
นี้เป็นครั้งแรกที่เราเขียนกระทู้แบบเรื่องเล่า ปกติเราจะเขียนแบบถามมากกว่า
งั้นเราขอเริ่มกันเลยละกันเนอะ...
ถ้ามีอะไรผิดพลาดเราขออภัยเอาไว้ก่อนนะ
เราจะเขียนแบบง่ายๆ ภาษาพูดเข้าใจง่ายๆ เพราะอาจเป็นการเขียนครั้งแรก5555555
คือช่วง ล็อกดาวน์ โควิด19 เราได้หยุด work from home อยู่บ้าน นานประมาณ 3-4เดือนเลย
บริษัท จะค่อนข้างชิลหน่อย บวกกับ เนื้องานด้วยที่ไม่จำเป็ฯต้องเข้าออฟฟิศตลอด สามารถประชุม แบบใช้ zoom ได้ทุกเช้า
ช่วง work from home จะมีช่วงว่างที่ไม่ค่อยมีงานเลยก็มี เป็นเดือนได้มั้ง (แต่ยังได้รับเงินเดือนปกติ)
ปกติเราเป็นคน อยู่กับ คนอื่นตลอดเช่น เพื่อนๆ แฟน แม่ ญาติ จะไม่ค่อยมีเวลาอยู่คนเดียว แม้กระทั่งเวลานอน เราก็นอนกับแม่ตั้งแต่เด็กจนโต
จะเคยมีนอนคนเดียวบ้าง ช่วง ไปเรียนเมืองนอก 2 ปี
เราไม่รู้หรอกว่าอาการของโรคซึมเศร้าเป็นยังไง และไม่เคยคิดจะศึกษามัน เราแค่ คิดคร่าวๆ ว่า คงเป็นประมาณ เหงาๆ เศร้าๆ ซึมๆ
แต่ไม่ได้เข้าใจอย่างจริงจังเลย
สำหรับเรา มันเริ่มจากการฝัน ... ใช่ฝัน บางคนคิดว่าแค่ฝันคงเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเรา เราฝันถึงแฟนเก่าที่เลิกไปแล้ว ถึงเกือบ10ปี
ก่อนไปหาหมอ ในความฝันจะ สั้นๆ เทียบเหมือนเป็น ep.สั้นๆไป สะดุ้งตื่นกลางดึก พลิกตัว ก้เปลี่ยนเรื่อง
แต่พอตื่นมา เราจะจำได้ว่าเราฝันถึงแฟนเก่านะ จำเรื่องราวได้ดี สถานที่ คำพูด สถานการณ์ มันดูชัดเจนมาก
และที่สำหคัญ ทุกครั้งที่ฝัน จะออกไปแนวเดียวกัน แบบ story คล้ายๆกันตลอด แค่เปลี่ยนสถานที่ หรือสถาการณ์ แต่ story จะเหมือนเดิม
จนมาถึงช่วง โควิด19 ปกติ เราจะนอนบ้านอีกหลัง ใกล้ที่ทำงานแม่ กลางเมืองไปทำงานง่าย และเราก็นอนกับแม่ และป้า แต่ป้าจะนอนอีกห้องนึง
เรากับป้าจะไม่ค่อยลงลอย กันเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะปมตั้งแต่เด็ก และจำมาจนโต หลายเหตุผล บางครั้งเราก็มีปะทะกับป้าบ้าง
วันนึง ที่ต้อง work from home ยาวๆเลยชวนแม่ไปนอนบ้านอีกหลัง แถวราชพฤกษ์ บ้านเดี่ยว มีห้องของเราเอง เงียบ มีพื้นที่และสะดวกสำหรับเรา
สบายใจกว่าด้วย แต่อาจลำบากในการเดินทางการไปทำงานของแม่กับป้า แม่เราตอบตกลงที่จะไปนอนบ้านที่ราชพฤกษ์ ตอนแรกกะจะไปนอนแค่ช่วง สั้นๆ ไม่กี่อาทิตย์ แต่พอเรามาอยู่ได้ระยะนึงเรารู้สึก ได้ความส่วนตัวมากขึ้น เพราะมีห้องของตัวเอง เราเลยขอแม่ที่จะย้ายมาถาวรที่นี่เลย อาจลำบากการเดินทางหน่อย แต่ได้ความสบายใจ
กลับมาที่ความฝัน เรายังคงฝันถึงแฟนเก่าเราต่อเนื่อง อย่างน้อย ก้1-2คืนต่อเดือน อย่างมาก 3-4คืน ติดต่อกัน ทุกครั้งที่ตื่นนอนมา เราจะรู้สึกแย่ และรู้สึกผิดกับแฟนคนปัจจุบัน เราตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่าทำไมเราถึงฝัน เราเดาคำตอบว่า อาจเพราะ เราเคยทำไม่ดีกับเขา เลิกกันไม่ดี มันเลยอาจเป็นลอยแผลในใจ เพราะ เรามีแฟนผ่านๆมา ก็ไม่เคยฝัน อะไรแบบนี้ จบด้วยดี เป็นเพื่อนกันได้ถึงปัจจุบัน โดยปกติแล้ว เราเป็นคนที่ เวลารู้สึกแย่ จะไปหาเพื่อน อยู่กับเพื่อน แล้วบอกกับตัวเองว่า"ช่างมัน" แค่ฝัน "ไม่เป็นไร" เราก็จะกลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม เพราะเพื่อนจะเล่น คุย ตลกกันตลอด แกล้งกัน มันทำให้เรา ดีขึ้นเร็ว แต่พอช่วงโควิด เราไม่ได้เจอเพื่อนเลย แฟนก้มาหาอาทิตย์ละครั้งเพราะเขาไม่ได้ work from home เหมือนเรา จนมาวันนึง เราฝันถึงเขา 2-3คืนติดๆ เรา เริ่มแย่ลง รู้สึกแย่ลง **เราเลยบอกกับตัวเองตอนกลางวันว่า ถ้าคืนนี้เราฝัน เราต้องมีสตินะ บอกมันว่า
เรากลายป็นคนกลัวการนอนหลับไปเลย นอนให้ดึก ตื่นไว แบบฟ้าสว่างตื่นละ เพราะกลัว จนไม่ไหว เลยคิดจะไปพบจิตแพทย์ เรา โทรนัดเลย ได้คิวปุ๊บเราไปเลยคนเดียว
หมอบอกตอนแรกว่าเราเป็นโรควิตกกังวล กับย้ำคิดย้ำทำ หมอให้ยามา ครั้งที่2 ไปหาใหม่ เพราะหมอนัด ก่อนหน้าจะไปหาหมอ เราทะเลาะกับป้า เราก้เล่าให้หมอฟัง บอกเปลี่ยนยา และความรู้สึกเรา หมอดูไม่ค่อยฟัง ดูรีบ ที่จะไปหาคนไข้รายต่อไป มันทำให้เรารู้สึกแปลกๆ หลังจากรับยามา เราโทรหาพี่ชายเราที่เป็นหมอทางด้านสมอง บอกยาเขาไปเล่าให้เขาฟัง เขาบอก ไม่ให้กินยาตัวใหม่นะ มันคือยาไบโพล่า อาการเราไม่ได้เป็นแบบขนาดนั้น ให้กินแบบเดิมไปก่อน
พี่ชายเรา แนะนำให้เราเปลี่ยน รพ. เราไปอีก รพ.เอกชน อีกที่นึง ระหว่างรอคิววันที่พบหมอ เรารู้สึกว่า เราไม่ดีขึ้น และดูแย่ลงด้วย เราเริ่มดาวน์ลงทุกวัน คิดเยอะขึ้น เบลอบ้าง ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผลบ้าง คิด negative บ้าง จนมีความคิดถึงกับว่า ถ้าเราจะฝันแบบนี้ตลอดชีวิต เราขอตายดีกว่า พอถึงวันเข้าไปคุยกับหมอ เราไปกับแม่ เราบอกแม่ก่อนว่า ขอราเข้าไปคุยกับหมอก่อนนะ ละเดี๋ยวม๊าค่อยเข้ามาคุยทีหลัง สำหรับเรา เราคิดว่า การที่เรามาหาจิตแพทย์เป็นเพราะ เราอยากได้คำปรึกษา จากคนๆนึงที่เราไม่รู้จัก และเราสามารถเราทุกอย่างให้เขาฟังได้ โดยที่เราไม่ต้องกังวลว่าเขาจะคิดยังไง แต่ถ้าแม่มาฟังสิ่งที่เราเล่าให้หมอฟัง แม่กับหมอ ไม่เหมือนกัน แม่คือคนปกติคนนนึง ที่ไม่ได้เรียนจิตวิทยามา และไม่เข้าใจกับโรคใหม่ๆแบบนี้ ถ้าเขาฟังในสิ่งที่เราเล่าให้หมอฟัง เขาอาจคิดไปต่างๆนาๆได้ จาก 1 เขาอาจคิดเป็น2 3 4 5 ในทางกลับกัน แม่กลับคิดว่า ที่ไม่ให้เขาเข้าไป เพราะ เราจะปิดบังอะไรเขา โกหกอะไรเขา เตี๊ยมกับหมอ ซึ่งมันไม่ใช่ เราพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ เขาก็ไม่พอใจ ทะเลาะกันจนหน้าห้องหมอ
สรุป เราเข้าไปก่อนและแม่ก้ตาม แต่หมอคนนี้สำหรับเรา เรารู้สึกแปลกๆ มีประโยคนึงที่หมอพูดกับเราว่า "จะฝันทำไม เลิกไปตั้ง10ปีแล้ว หมอเอง แม่หมอตาย เมียหมอตาย 3-6เดือน ก็หายแล้ว" อ่าาาา... ถ้ากรูทำได้แบบ
mask แอบขำเบาๆกับคำตอบหมอ) แม่ ไม่ค่อยพอใจ เราเองก้รู้สึกไม่ต่อยโอเคกับหมอคนนี้เท่าไหร่นัก การพูดของเขาดูแปลกๆสำหรับเรา
เราไปปรึกษา พี่สาว กับอาจารย์เรา ที่เป็นมีอาการโรคซึมเศร้า ทุกคนบอกหมอคนนี้แปลก เปลี่ยน รพ.ไหม การเป็นโรคพวกนี้ ไม่ใช่หาหมอกับใครก็ได้ ควรหาหมอที่ คุยกับเราแล้วคลิกกับเรา สบายใจที่จะปรึกษา สบายใจที่จะพูดคุย อาจารย์เราเลยแนะนำ รพ.ใหม่ให้ เป็นรพ.เอกชน และจิตเวชโดยเฉพาะ แนะนำหมอให้
เราลองโทรนัด คิวหมอดู ระหว่างรอคิววันที่พบหมอ เราก้ยังแย่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือแม่เอาน้าสาวกับ น้องๆ2คนมาอยู่เป็นเพื่อนเรา เพราะแม่กลัวเราฆ่าตัวตาย น้ำหนักเราลงไป 10โล ใน2-3เดือน เราไม่มีอาการหิวเลย หมกตัวในห้องส่วนใหญ่ ฟังเพลงบ้าง ดูดบุหรี่บ้าง โทรคุยกับเพื่อนบ้าง แฟนเราน่ารักมาก เขาเข้าใจ และคอยประคองเราตลอด รวมถึงเพื่อนๆพี่ๆ ที่ผลัดกันมาหาบ้าง
ถึงวันนัดกับหมอ แม่เราไม่ไป แม่ให้แฟนเราไปแทน เราเข้าไปคุยกับหมอ หมอดูใจเย็น และฟังเราอย่างตั้งใจ จดทุกอย่างที่เราพูด และหมอ ก้เรียกแฟนเข้ามา หมอสรุปอาการว่า เราเป็นซึมเศร้าระยะสูงแล้ว ทำไมเพิ่งมาหาหมอ หมอปรับยาใหม่หมด ปรับยานอนหลับใหม่ หมอสอบถามอาการจากแฟน ว่าเราเป็นยังไง แฟนก้บอกว่า เรามีอาการจริงๆที่เห็นชัดตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เราเศร้า เราเครียด เราดาวน์ เราผลักทุกคนออกหมด ทั้งครอบครัวและ แฟน ทำให้เรากับแฟนเกือบเลิกกัน หมอรับฟังทุกอย่างและให้คำแนะนำอย่างดี เราสบายใจมาก หมอบอกว่าครั้งหน้าพาคุณแม่มาด้วยนะ หมออยากคุยด้วย แต่สำหรับเราหมอคน จาก3คนที่เราเคยไปมา หมอคนนี้เราสบายใจที่สุด ราคาอาจจะสูงกว่า รพ.ที่ผ่านมา แต่ขอเถอะ เราขอแค่หาย เพราะ สำหรับเรา มันไม่ใช่แค่ฝันแล้ว มันทั้งความรู้สึก ความคิด อารมณ์ จิตใจ มันลงไปหมด เราสามารถตื่นขึ้นมาแล้วร้องไห้ได้เลย โดยไม่มีสาเหตุ เราดาวน์โดยไม่มีเหตุผล ถ้าจะมีใครถามว่า เพราะอะไร คำตอบเดียว คือเราไม่รู้ รู้แค่ มันแย่วะ
หลังจากทานยาหมอตัวใหม่ไป เราหลับดีขึ้น แต่! มีฝันอยู่ ด้วยความที่หลับยาวขึ้น ทีนี้ ความฝันเราไม่ได้มาเป็น ep.สั้นๆแล้ว มันมาเป็นซีรีย์เลย 5555555
คือ ตื่นมากลางดึกหลับต่อ ฝันต่อ เรื่องเดิมได้ เห้ยย! เราโทรหาหมอเลย เล่าให้หมอฟัง หมอ ก็ปรับวิธีกินยาใหม่ให้ ปรับยา ปรับวิธีกินยาจนกว่าจะลงตัว
กับเราที่สุด ระหว่างรอนัดหมอครั้งต่อไป
ก็มีเหตุการณ์หลายๆอย่างเกิดขึ้น เช่น มีปัญหากับป้า เราซื้อขนมมา หน้ากล่องเขียน midnight ...แต่จริงๆมันคือคอนเฟลคแบบ เฮลตี้ ป้าเราก็แปะโน๊คไว้ที่ กล่องขนมคอนเฟลคเราว่า "อย่าลืมลุกมากินตอน midnight นะ ฟุ่มเฟือยซื้อของกิน ไปอยู่เมืองฝรั่งดีไหม"
Hello !!! สติค่ะ 1. เงินกรูไม่ได้ขอเงินเขาไปซื้อ เงินที่เราได้จากรายได้เราที่หามาเอง 2. จะกินตอนไหนก็เรื่องของเราไหม และที่สำคัญ ไม่ว่า จะกับใคร หรือของใครซื้อคุณก็ไม่ควร เขียนโน๊ตแบบนี้เพราะไม่ใช่เงินคุณ เราถ่ายรูปส่งให้แม่ดู และฉีกกระดาษแผ่นนั้นลง แก้วน้ำเขา (แก้วน้ำประจำตัวเขา) เราโมโห จาก 10 ค่อยๆเขยิบเป็น 20/30/40 -100!! ปั้ง!! ปกติเราจะไม่คุยกับป้าโดยตรง จะให้แม่จัดการเอง แต่ครั้งนี้ เราโทรไปหาป้า และพูดกับเขาว่า "ขนมคอนเฟลคกล่องนั้นเป็นของเราเอง และเงินที่ซื้อก็เงินที่เราหามาจากน้ำพักน้ำแรงเรา และไม่ต้องไล่เราไปอยู่ที่ไหนหรอก เพราะ เราอยู่ที่ไหนก้ได้ที่ไม่มีป้า!" แล้วเราก้ตัดสายเลย
ที่ผ่านมา เราเปย์น้องๆคนอื่นได้ ทำไมขนมแค่นี้ขอซื้อให้ตัวเองบ้างจะเป็นอะไร?!? (เพราะตั้งแต่โควิดและล็อกดาวน์เรา ก้ไม่ค่อยได้ใช้เงินอะไร ไม่ได้ช็อปปิ้งอะไรเพราะอยู่แต่บ้าน ส่วนใหญ่ก็ซื้อขนม ของกินให้น้องๆ น้องอยากกินอะไรซื้อให้น้องหมด เปย์น้องมาก) น้องขึ้นมาหาเรา ถามเราว่าโอเคไหม เราบอกไม่ แต่ออกไปก่อน ขอควบคุมอารมณ์ตัวเองก่อน น้องก็ขอว่า วันนี้วันเกิดแม่ (น้าสาว) อย่ามีปัญหาเลยนะ กลัวเสียบรรยากาศ เราก้โอเค และ บอก ให้น้องออกไปก่อน ตกตอนเย็นป้ากลับมา ป้าก้เดินมาหาเราบอก "ของเบลหรอลูกกกกกก ป้าไม่รู้ ก้เขียนไปงั้น" เหอะๆๆ ขนมทุกอย่าง ของกิน ของหวานส่วนใหญ่ ที่ซื้อ เราซื้อเกือบหมด จะบอกไม่รู้ได้ไง... ช่างเถอะ วันเกิดน้า พยายามใจเย็นๆ
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นก็มีอีก พอโควิดเริ่มคลายล็อก ร้านอาหาร ห้างเริ่มเปิด เพื่อนๆ ก้ชวนไปกินข้าวกัน เราเลยชวนน้อง2คนไปด้วย คนนึง 21 อีกคน 17 ปี กะว่าจะพาไปดูอะไรใหม่ๆ เปิดหูเปิดตา และก้ไปจบที่ไอคอนสยาม เพราะเราอยากไปดูของขวัญวันเกิดให้แฟน แต่หาไม่ได้ TT เราเลยไปนั่ง ที่ร้าน fallabella บรรยากาศดี มีวิวแม่น้ำ สวยๆ มีอาหาร เครื่องดื่ม วันนั้นเราตามใจน้องทุกอย่าง อยากกินไรกิน อยากซื้อไรซื้อให้ พอถึง fallabella เราสั่ง ไวน์ขาว แฟนเรากับรุ่นพี่ สั่งเบียร์ และ เราก้สั่งอาหารให้น้อง เครื่อมดืมก้น้ำเปล่า โค้ก (สำหรับเราน้องโตพอแล้วที่จะแยกแยะอะไรดีไม่ดี และน้องก้ไม่คิดอยากจะมาขอลองอะไรที่ไม่สมไม่ควร) zone ดูดบุหรี่ ต้องหลบไปมุมๆ ซึ่งน้องๆไม่เห็นแน่นอน วันนั้น เราพาน้องกลับบ้าน3ทุ่มนิดๆ คืนนั้น น้อง2คน มาขอนอนกับเรา และเราก้หลับไปตอนเที่ยงคืน น้องๆเรา นอนดึก อยู่ดีๆ น้องคนเล็กก้มาปลุก บอก พี่... วันนี้ขอบคุณนะ มีความสุขมากเลย ไม่เคยไปอะไรแบบนี้มาก่อนเลย และน้องก้ร้องไห้แบบซาบซึ้ง เราเองก้งงๆๆ งัวเงียๆ ก้ เออๆอืมๆ มีความสุขกันพี่ก้สบายใจ ดีแล้ว
เดวมาต่อ..