💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 36 🚀💫🕛💫

กระทู้สนทนา


ย้อนกลับไปยังเวลาที่ทางด้านกลุ่มผู้มาจากสหพันธรัฐพร้อมกับสมาชิก THE FUGITIVE บางส่วนได้ต่อสู้กับสองบริวารคนใหม่ของเทพพยากรณ์ออเรเคิล จนกระทั่งนางพลาดท่าเสียทีถูกอาวุธจันทร์เสี้ยวของตัวเองซึ่งถูกออเรร่ารับไว้ได้และขว้างกลับเฉือนเข้าให้ที่แขนซ้ายหลั่งเลือดออกมา จากนั้นผู้มาเยือนหรือผู้บุกรุกทั้งหลายก็กรูกันเข้าไปหานาง จนนักบวชเอลโลฮิมเห็นท่าไม่ดี ต้องเข้าไปช่วยนาง หอบอุ้มนางหนีไปได้

"เจ็บใจนัก! เกือบจะจับตัวนางปีศาจนั่นได้แล้วเทียว!" เซบาสเต็นบ่นกะปอดปะแปดด้วยความเสียดาย "ไม่รู้ว่าจะเป็นการปล่อยเสือเข้าป่าหรือเปล่านี่ ?"

"ไม่เป็นไรน่า ท่านเซบาสเต็น" สถาพรกล่าวเป็นเชิงปลอบใจ "ถึงอย่างไร การมาของพวกเรา ก็ไม่ได้สูญเปล่าแล้วขอรับ"

"ไม่สูญเปล่าได้อย่างไรท่านสถาพร ในเมื่อนางปีศาจนั่นหนีไปได้ ?" สหายสนิทของอิบิคัสถามและมองหน้าผู้พูดอย่างข้องใจ

"นางพญาปีศาจหมาป่านั่น โดนอาวุธของนางเอง จากการที่ออเรร่ารับการขว้างจากนางแล้วขว้างกลับ หลั่งเลือดตกบนพื้นที่นางยืนอยู่ขอรับ"

"ใช่แล้วขอรับ ท่านเซบาสเต็น" มหาเอกกล่าวสนับสนุนคำพูดของสถาพร "ตอนนี้ เราต้องไปเก็บตัวอย่างเลือดของนาง แล้วรีบกลับไปยังศูนย์ปฏิบัติการ เพื่อนำตัวอย่างเลือดของนางไปให้คนของพวกเราศึกษาวิเคราะห์ และสกัดตัวยารักษาผู้ติดเชื้อให้เร็วที่สุด"

"แล้วท่านวันชนะเล่า ?" เซบาสเต็นถามถึงกัปตันพลางเหลียวซ้ายแลขวา "เขายังไม่กลับออกมาจากวังหลวงเลยนะ"

"พวกเราจะติดต่อกับเขาเองขอรับ เดี๋ยวนี้แหละ" หนุ่มแซมกล่าวแล้วจิ้มนิ้วชี้เข้าในหู กดปุ่มเปิดเครื่องสื่อสารซึ่งติดตั้งไว้ข้างในแล้วเรียกหาเจ้านาย

"กัปตันครับ.....นี่ผม แซม นะครับ ได้ยินไหมครับกัปตัน ได้ยินแล้วตอบด้วยครับ"

มีเสียงสัญญาณรบกวนดังซ่าๆ เล็กน้อย ก่อนจะเบาบางและหายเงียบ แล้วเสียงตอบรับก็ดังขึ้นอย่างชัดเจนแจ่มแจ๋ว

"ผมได้ยินแล้วแซม ข้างนอกนั่นเป็นไงบ้าง ?"

เซบาสเต็นและเหล่าทหารชาวสหพันธรัฐต่างมองดูแซมยืนพูดคนเดียวอย่างงงๆ

"ก็วุ่นวายอยู่พักใหญ่ๆ ครับกัปตัน" น้องเขยฟาโรห์คูฟูตอบ "พวกเราเจอบริวารสองคนของออเรเคิล หนึ่งในสองคนนั้นก็คือนางผู้เป็นหัวหน้ามนุษย์หมาป่า อีกคนเป็นนักบวช เราต่อสู้กัน แล้วนางหัวหน้าแวร์วูล์ฟนั่นก็โดนอาวุธของตัวเองเข้าที่แขนหลั่งเลือดออกมา นักบวชที่มาด้วยก็เลยรีบพานางหนีไปได้ อ้อ! มีอีกเรื่องหนึ่ง น้องแจ๊คสามารถสะกดจิตสยบจงอางยักษ์ สัตว์เลี้ยงของนักบวชนั่นได้ ตอนนี้กลายเป็นงูเชื่องๆ ฟังคำสั่งน้องแจ๊คไปแล้วครับ!"

"เหรอ ?" กัปตันตอบปนเสียงหัวเราะ "เหลือเชื่อจริงๆ เด็กคนนี้!"

"ผมว่าก็เหลือเชื่อทั้งพี่ทั้งน้องนั่นแหละครับ" แซมพูดไปยิ้มไป

"อืม....งั้น...ตอนนี้ พวกเราก็คงจะกำลังรอผมอยู่ ใช่ไหมเนี่ย ?" กัปตันนึกอ่านสถานการณ์

"ถูกต้องครับผม ผมก็เลยเรียกหากัปตันตอนนี้นี่แหละครับ ทางกัปตันกับเซฟิย่าเป็นไงบ้าง มีปัญหาอะไรบ้างไหมครับ ?"

"ไม่มีหรอกแซม เราโชคดีด้วยที่ได้เจอเนรอสในสภาวะที่เป็นพระองค์เองจริงๆ ไม่มีเจ้าเร็พไทเลี่ยนแฝงอยู่ในร่าง"

"แน่ใจหรือครับกัปตัน ? เอาให้ชัวร์นะครับ"

"ชัวร์ ร้อยเปอร์เซ็นต์ แซม ไม่ต้องห่วง ทั้งผมและเซฟิย่าเห็นตรงกันว่า คนที่เราได้เจอ คือเนรอสตัวจริง"

"แล้วตกลง เซฟิย่าจะเอาไงกันแน่ครับนี่ ? อ้อ แม่ของนางอีกคน กัปตันพบนางหรือยังครับ ?"

"พบกันแล้ว"

"ตอนนี้ กัปตันอยู่ที่ไหนกับใครบ้างครับ และจะกลับออกมาตอนนี้เลยได้ไหม ?"

"ผมอยู่กับ เนรอส และทั้งสองแม่ลูก ในห้องบรรทมของเนรอสเลย! แต่จะกลับออกไปเลยได้ไหม ผมยังบอกไม่ได้ ดูเหมือนทางนี้ก็ต้องการการคุ้มกันอยู่นะครับ ถ้าผมไปกับพวกเราเลย เนรอสจะต้องถูกเจ้าเร็พไทเลี่ยนเข้าแฝงร่างอีกแน่นอน และจะทำให้เซฟิย่าและแม่ของนางเป็นอันตราย"

"ถ้างั้น ก็แปลว่า กัปตันต้องอยู่กับพวกเขา ??"

"ก็คงต้องเป็นเช่นนั้นแหละครับแซม พวกคุณเก็บตัวอย่างเลือดของนางหัวหน้าแวร์วูล์ฟแล้วหรือยัง ?"

"ยูไลไปเก็บมาแล้วครับผม"

"โอเค! งั้นพวกคุณรีบกลับไปพร้อมกับพวกสหพันธรัฐเลย กลับไปถึงแล้วรีบเอาตัวอย่างเลือดส่งให้คุณจอยกับคุณเล็กวิเคราะห์และหาวิธีทำวัคซีนรักษาคนติดเชื้อที่ถูกขังอยู่ อย่างด่วน! ไม่ต้องห่วงผม!! เข้าใจไหม ?"

"เข้าใจครับผม!"

"งั้นไปกันได้แล้วครับ แล้วค่อยคุยกันใหม่ เลิกกัน!"

"ครับกัปตัน กัปตันก็โปรดระวังตัวให้ดีด้วยนะครับ"

"ระวังอยู่แล้วแซม อย่าห่วง! ไปได้แล้วครับ"

"ครับผม แล้วเจอกันใหม่ครับ"

การติดต่อสนทนาสิ้นสุดลง จากนั้นแซมจึงบอกกับทุกคน

"กัปตันต้องอยู่กับจักรพรรดิเนรอส พร้อมกับเซฟิย่าและแม่ของนาง เพื่อคอยคุ้มกันพวกเขา และกัปตันบอกให้พวกเรารีบกลับไปก่อน" พอบอกกับชาวคณะเป็นภาษาไทยแล้วจึงแปลเป็นภาษาแอตแลนเชี่ยนให้ชาวสหพันธรัฐฟังอีกที

"ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็รีบกลับกันเถิด จะได้รีบหาทางช่วยรักษาคนผู้ติดเชื้อโดยเร็ว" เซบาสเต็นว่า

ทางฝ่ายชาวคณะจึงวิทยุติดต่อยาน THE FUGITIVE ซึ่งมีแอนดี้คอยควบคุมบังคับอยู่ให้บินมารับ ณ บริเวณนั้น พากลับสู่ศูนย์วิทยาศาสตร์และกองบัญชาการที่โลโคเทีย แห่งสหพันธรัฐแอตแลนติสเหนือ....

*************************************************************************

เทพพยากรณ์ออเรเคิล หัวเสียเป็นอย่างมาก หลังจากได้ทราบว่า สองบริวารใหม่ของตนพลาดท่าเสียทีให้แก่ฝ่ายตรงกันข้าม โดยเฉพาะ ลาลูน่า ซึ่งพ่ายแพ้ให้แก่ออเรร่า ผู้ซึ่งไปๆ มาๆ กลายเป็นพี่สาวฝาแฝดของนางไปเสียฉิบ! แต่ใจของนางไม่ยอมรับนับถือแม้แต่น้อย ยิ่งทราบแล้วว่าออเรร่าได้กลายเป็นศิษย์คนล่าสุดของไดโอเซนัส ก็ยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่ และอย่าว่าแต่พี่สาวเลย ต่อให้เป็นโพเซดอนผู้เป็นบิดาเสียด้วยซ้ำ นางยังไม่อาจยอมรับได้ นับประสาอะไรกับออเรร่า!

"ชั้นจะทำอย่างไรกับแกดีนะ นังบ้าเอ๊ย!!" ออเรเคิลนึกก่นด่าอยู่ในห้องของตัวเอง "ทำอะไรก็ไม่ได้ มันเจ็บเราก็เจ็บ มันตายเราก็ตาย บ้าแท้ๆ ชีวิตบัดซบจริง!!"

นางยืนมองดูสภาพของลาลูน่าซึ่งมีผ้าพันแผลรอบแขนข้างซ้าย อยู่ต่อหน้าพร้อมกับนักบวชเอลโลฮิมซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น ทั้งแขนและขาพันผ้าปิดไว้ทั่ว

"เจ้าโคโบร่า สัตว์เลี้ยงบริวารตัวโปรดของท่าน ไปไหนแล้วตอนนี้ ?" ออเรเคิลถามนักบวชโล้น

"มันไม่อยู่กับอาตมาแล้ว...ท่านหัวหน้า" เอลโลฮิมตอบแล้วทำสีหน้าละห้อย

"ไม่อยู่กับท่านแล้วมันไปไหน ? หมายความว่ากระไร ??"

"มันถูกเด็กชายน้อยคนหนึ่ง ใช้พลังจิตบังคับมัน มันกลายเป็นเชื่องและเชื่อฟังคำสั่งของเด็กนั่นทุกอย่าง ตอนนี้มันก็คงจะอยู่กับเด็กคนนั้นนั่นแหละ"

"อ้อ..." ออเรเคิลพยักหน้าช้าๆ สองสามครั้ง "...บุตรของเจ้าวันชนะสินะ! เจ็บใจจริง!! มันมีลูกสาวอีกคน พลังร้ายกาจเหมือนกัน!"

"อาตมา อยากได้เจ้าโกโบร่าคืนมา..." เอลโลฮิมกล่าวอย่างอาลัยอาวรณ์

"มันกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าหนูนั่นไปแล้ว แถมยังทำร้ายท่านปางตายเช่นนี้ จะกลับมาจงรักภักดีต่อท่านอีก คงไม่ได้แล้วหละ!! ทำใจเสียเถิดท่าน!"

นักบวชโล้นถึงกับน้ำตาร่วงเมื่อได้ยินเทพพยากรณ์กล่าวเช่นนั้น

"รักมันมากนักหรือ ??" ออเรเคิลถาม เอลโลฮิมพยักหน้า

"ในบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย อาตมารักมันมากที่สุด" เขาพูดเสียงสั่นเครือ

"ฮึ่ม...งั้นมีทางเดียว ที่จะได้ตัวมันกลับคืนมา"

"ท่านหัวหน้า มีวิธีใดหรือ ?"

"ก็ฆ่าเจ้าเด็กตัวกะเปี๊ยกนั่นเสียก่อนสิ!!" นางพูดพลางคำรามในลำคอ ดวงตาฉายแววอำมหิต

"ข้าจะไปจัดการมัน หลังจากที่แขนของข้าหายดีแล้ว!" ลาลูน่าออกปากอาสา

"จะไปเมื่อไรขอให้บอก ข้าจะไปกับเจ้าด้วย!" ออเรเคิลสั่งล่วงหน้า

"ท่านหัวหน้าไม่ต้องไปก็ได้เจ้าค่ะ งานนี้ ลำพังข้าคนเดียวก็พอแล้ว!" ลาลูน่าค้าน

"เจ้าประมาท และชะล่าใจมากไปแล้ว" ออเรเคิลกล่าวพลางยกมือห้าม "เจ้าเด็กนั่นมีพลังรุนแรงร้ายกาจ ถ้าเจ้าพลั้งเผลอ ก็อาจโดนมันสะกดจิตได้เหมือนกันนะ"

"โอ.....ท่านหัวหน้าเจ้าคะ!" ลาลูน่าส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่มีทางเสียละ! ท่านอย่าลืม...ข้าเป็นมนุษย์หมาป่านะเจ้าคะ มีแต่ข้าเท่านั้นที่จะสะกดจิตมัน!"

"เอาเถิดๆ ถึงอย่างไรก็ตาม หากจะไปตามล่าเจ้าเด็กน้อยนั่น เจ้าต้องบอกข้าก่อน ข้าจะไปด้วย"

"ก็ได้...ตกลงเจ้าค่ะ ท่านหัวหน้า" ลาลูน่าพยักหน้ารับปาก

"เอาละ ตอนนี้ เจ้าพาท่านเอลโลฮิมกลับไปได้แล้ว ข้ายังมีงานต้องทำ"

"เจ้าค่ะ ท่านหัวหน้า งั้นข้ากับท่านเอลโลฮิม ขอตัวลากลับก่อนเจ้าค่ะ" พูดจบลาลูน่าก็เข้าไปขยับรถเข็นที่นักบวชโล้นนั่งงกๆ เงิ่นๆ อยู่

"ไปกันเถิด ท่านเอลโลฮิม"

"อืมม..." นักบวชโล้นพยักหน้าหงึกแล้วเอ่ยลาเทพพยากรณ์ "ท่านหัวหน้าขอจงเจริญสุข อาตมาไปละนะ"

"ไปเถิด รักษาสุขภาพให้ดีด้วย ทั้งสองคนเลย" พูดพลางโบกมือไล่

"เจริญสุข ท่านหัวหน้า"

จากนั้น รถเข็นก็ถูกลาลูน่าเข็นออกไปจากห้อง....

ออเรเคิลยืนนิ่งคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจไปที่ตู้เสื้อผ้า แต่งตัวและแต่งหน้าแบบจัดเต็ม แล้วก้าวเดินไปที่ประตู

"เมี้ยวว......" เจ้านีลา แมวจอมโหด สัตว์เลี้ยงแสนรักร้องขึ้นและจ้องมองเจ้านายของมันตาแป๋ว

"อยู่เฝ้าบ้านนะลูก แม่ไปเข้าเฝ้าก่อน แล้วจะกลับมา" ออเรเคิลบอกกับมัน พอมันส่งเสียง "เมี้ยว" ตอบ นางจึงเปิดประตู ก้าวเดินออกไป

จุดหมายปลายทาง พระตำหนักของเนรอส ในวังหลวง!

***************************************************************

ภายในพระตำหนัก จักรพรรดิเนรอสจัดหาห้องพักใกล้ห้องบรรทมมากที่สุดให้กัปตันวันชนะพัก เพื่อเขาจะได้ถวายการอารักขาได้ทันท่วงทีหากมีเหตุร้ายใดๆ เกิดขึ้น ส่วนมารดาของเซฟิย่าก็ยังคงพักอยู่ที่ห้องเดิม และเนรอสเองกับเซฟิย่าก็อยู่ด้วยกันในห้องบรรทมนั่นเอง

ครั้นราชองครักษ์มาเคาะประตูและกราบทูลแจ้งว่าเทพพยากรณ์มาขอเข้าเฝ้า เนรอสจึงบอกให้ราชองครักษ์ไปบอกให้นางเข้าไปรอพระองค์ในศาลาที่พักกลางพระอุทยานข้างนอก แล้วพระองค์จะตามไป

ความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ถูกจับตามองอยู่แล้วจากสองด้าน! ด้านหนึ่งจากกัปตันวันชนะซึ่งอำพรางตัวอยู่ เขาเดินตามเนรอสเข้าไปพระอุทยาน

"เจ้ามาขอเข้าเฝ้าวันนี้ ดูท่าทางเร่งด่วน มีเรื่องอะไรหรือ ออร่า ?" เนรอสตรัสถามหลังจากที่พระองค์และออเรเคิลเข้าไปนั่งในศาลาที่พักกลางพระอุทยานซึ่งรายล้อมไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์

"เพคะ ฝ่าบาท" ออเรเคิลพยักหน้า จากนั้นจึงทูลเคือน "ฝ่าบาทเพคะ อีกไม่กี่วัน พวกเราจะต้องเตรียมตัวสำหรับการไปศาลทวีป เรื่องการอุทธรณ์"

"อ้อ...ที่แท้เรื่องนี้นี่เอง! เจ้าไม่ต้องห่วงไปดอก!" เนรอสตรัสแล้วยิ้มนิดหนึ่ง

"เหตุไฉน พระองค์จึงตรัสเช่นนี้เล่าเพคะ ? ฝ่าบาท...ไม่ทรงวิตกกังวลหรือไร ?" ออเรเคิลทูลถามและจ้องมองเนรอสด้วยความกังขา

เนรอสยิ้ม ส่ายพระพักตรทีหนึ่ง ก่อนจะเริ่มตรัสอธิบาย

"เจ้าคงไม่ทราบ สองสามวันมานี้ มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น และมันทำให้ข้าเลิกสนใจเรื่องคดีความ"

"เรื่องอันใดเพคะฝ่าบาท ? มันสำคัญมากจนถึงกับทำให้พระองค์เลิกสนใจเรื่องการอุทธรณ์ได้เทียวหรือ ?" ออเรเคิลสงสัยหนักขึ้น

"ใช่...เป็นเช่นนั้น!" เนรอสตรัสด้วยพระสุรเสียงหนักแน่น "ออร่า...เจ้าฟังให้ดีนะ...ขณะนี้ พวกเรา มีศัตรูที่น่ากลัว เข้ามาคุกคาม! คำว่า 'พวกเรา' ที่ข้าพูดนี้มิใช่หมายถึงเพียงชาวจักรวรรดิเท่านั้น แต่หมายรวมถึงชาวแอตแลนติสทั้งเหนือและใต้ และชาวโลกทั้งมวล!!"

ออเรเคิลทำหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความสงสัยมากยิ่งขึ้น  "นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่เพคะ ?"

เนรอสทรงเข้าประชิดตัวนางแล้วเหลียวซ้ายแลขวา ทำให้นางประหลาดใจและสงสัยยิ่งขึ้นทุกที

"พระองค์ ทรงมองหาใครหรือเปล่าเพคะ ฝ่าบาท ? ท่าทางพระองค์เหมือนทรงหวาดระแวงใคร หรืออะไร ??"

เนรอสหันพระพักตรมาเผชิญหน้ากับออเรเคิล แล้วตรัสด้วยการทรงกระซิบ

"ข้าตัดสินใจ สั่งยกเลิกการอุทธรณ์คดีไปแล้ว เรื่องถูกส่งถึงตุลาการศาลทวีปแล้ว!"

"อ้าว ???" ออเรเคิลเบิกตากว้างและทูลถามด้วยเสียงดังขึ้นเล็กน้อย "ไฉนพระองค์จึงทรงทำเช่นนี้เพคะ ? "  

(ต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่