ศาสนาอิสลาม(อัลกุรอาน) สนับสนุนการมีภรรยา 4 คนจริงหรือ?

เรื่องการมีภรรยา 4 คน ในศาสนาอิสลามนั้น มีสอนว่าอย่างไร?​  ก่อนอื่นจะต้องอธิบายเสียก่อนว่า ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามนั้นเรียกว่า"มุสลิม
"ซึ่งเป็นทั้งคำคุณศัพท์ และคำนาม คำว่า "มุสลิม" หมายถึงผู้ที่ยอมสวามิภักดิ์ ต่อพระเจ้า/อัลลอฮ์ ทั้งกาย,วาจา, และจิตใจ  และมีความเชื่อ/
ศรัทธาว่า"อัลกุรอาน"เป็น บัญญัติเล่มสุดท้ายของอัลลอฮ์ อย่างแท้จริง เป็นคัมภีร์ที่ มุสลิมจะต้องใช้เป็นแหล่งความรู้ทางศาสนาอิสลามเพียง
แหล่งเดียวเท่านั้น

อัลกุรอาน บทที่ 4   ซูเราะฮฺอันนิสาอ์ บัญญัติที่ 2 บัญญัติไว้ว่า: 

وَآتُوا الْيَتَامَىٰ أَمْوَالَهُمْ ۖ وَلَا تَتَبَدَّلُوا الْخَبِيثَ بِالطَّيِّبِ ۖ وَلَا تَأْكُلُوا أَمْوَالَهُمْ إِلَىٰ أَمْوَالِكُمْ ۚ إِنَّهُ كَانَ حُوبًا كَبِيرًا {2}

[Shakir 4:2] And give to the orphans their property, and do not substitute worthless (things) for (their) good 
(ones), and do not devour their property (as an addition) to your own property; this is surely a great crime.

และจงคืนทรัพย์สินของเด็ก(หญิง)กำพร้า, และอย่าเปลี่ยนเอาของที่ไม่มีค่าแทนของที่มีค่าของพวกเขา,และจงอย่าโกงกิน
ทรัพย์สินของเด็กกำพร้ามาเป็นของตน การกระทำเช่นนี้เป็นบาปหนัก (อาชญากรรม)

อัลกุรอานบัญญัตินี้มีคำสั่งอย่างเด็ดขาดให้ อรับญาฮิลิยะห์ที่เข้ารับศาสนาอิสลามที่ดูแลเด็กหญิงกำพร้า ไม่ให้โกงกินทรัพย์
สินของเด็กกำพร้า สิ่งใดที่เป็นของเด็กกำพร้าให้คืนกลับในสภาพเดิม เมื่อเขาเหล่านั้นเติบโตช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว 

وَإِنْ خِفْتُمْ أَلَّا تُقْسِطُوا فِي الْيَتَامَىٰ فَانْكِحُوا مَا طَابَ لَكُمْ مِنَ النِّسَاءِ مَثْنَىٰ وَثُلَاثَ وَرُبَاعَ ۖ فَإِنْ خِفْتُمْ أَلَّا تَعْدِلُوا فَوَاحِدَةً أَوْ مَا مَلَكَتْ أَيْمَانُكُمْ ۚ ذَٰلِكَ أَدْنَىٰ أَلَّا تَعُولُوا 
[Shakir 4:3]   And if you fear that you cannot act equitably towards orphans, then marry such women as seem 
good to you, two and three and four; but if you fear that you will not do justice (between them), then (marry) 
only one or what your right hands possess; this is more proper, that you may not deviate from the right course.

ความหมายในภาษาไทย:
   "และถ้าเจ้ากลัวว่าจะไม่ให้ความยุติธรรมต่อเด็กกำพร้า ดังนั้นก็หาหญิงที่เหมาะสมกับเจ้า สองและสามและสี่ แต่ถ้าเจ้าเกรงว่าจะไม่มี
ความยุติธรรม,ดังนั้นก็จงแต่งงานกับหญิงเพียงคนเดียวหรือแต่งงานกับทาสหญิงที่อยู่ภายใต้การปกครองของเจ้า เพื่อที่ว่าเจ้าจะได้
ไม่หันเหออกไปนอกทางที่ถูกต้อง (การกระทำชั่วหรือหนทางที่อัลลอฮ์ไม่ทรงโปรดปราณ)"
...........
  วิทยปัญญาเบื้องหลังอัลกุรอานสองบัญญัตินี้ก็คือ ในสมัยเมื่ออัลกุรอานถูกประทานมายังมนุษยชาตินั้น เพื่อปรับปรุงสภาพทางสังคมของ
อรับสมัยที่ป่าเถื่อนและ "ขาดความรู้" ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า "ignorant" โง่เง่า และป่าเถื่อน ภาษาอรับเรียก  جَاهِلِيَّة ญาฮิลิยะห์ประมาณ
ราวๆปี 610 CE ราวๆ ศตวรรษที่ 7, เหยื่อของสังคมในสมัยได้แก่ เด็กหญิงกำพร้า, หญิงหม่าย หญิงที่ตกเป็นเชลยศึก ทั้งนี้เนื่องจากหญิง
ดังกล่าวไม่มีผู้คุ้มครอง 

   ผู้ที่เลี้ยงดูเด็กกำพร้าก็เอารัดเอาเปรียบเด็กกำพร้าหญิง, มุ่งหวังจะ หลอกมาเป็นภรรยา เนื่องจากความงามหรือความร่ำรวยของเด็กหญิง
กำพร้าที่อยู่ในวัยแต่งงานเหล่านั้น ในสมัยนั้นเป็นสมัยที่มีฮาเร็ม,และนางบำเรอเป็นจำนวนมาก ถ้าร่ำรวยมากก็จะมีภรรยา และหญิงบำเรอ
มาก อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

  การแต่งงานกับเด็กหญิงกำพร้านั้น จะต้องมีความยุติธรรมในการให้สินสอดทองมั่น อย่างยุติธรรม และไม่ใช่มุ่งหวังจะโกงกินสมบัติของเด็ก
กำพร้า หมายความวาจะต้อง มีปัญญาหาเลี้ยงภรรยา ไม่ใช่นั่งกินนอนกินสมบัติของภรรยา ซึ่งเป็นการเอาเปรียบแต่ถ้าไม่อาจจะให้ความยุติ
ธรรมแก่เด็กหญิงกำพร้า ก็ให้หาหญิงอื่น แต่จะต้องไม่เกินสี่คน (เคยมีเรื่องเล่าว่า มีชายผู้หนึ่งที่มีภรรยา9 คน แต่เมื่อมาเข้ารับศาสนาอิสลาม 
ท่านศาสดาบังคับให้เขา หย่าขาดจากภรรยาเสียก่อน ให้เหลือเพียง 4 คน)

   เรื่องการอนุมัติให้มีภรรยาได้ไม่เกิน 4 คน ในสมัย "ญาฮิลิยะห์" นั้น นอกจากจะเป็นการแบ่งปันภาระทางสังคม  เพื่อเพิ่มความคุ้มครองต่อ
หญิงแล้ว ยังเป็นการบังคับชายในสมัยที่ป่าเถื่อนนั้น ลดการเอาเปรียบต่อเด็กกำพร้าในวัยแต่งงานตามประเพณีในสมัยนั้น เราจะต้องไม่ลืมว่า 
สังคมในช่วงเวลาที่อัลกุรอานถูกประทานมานั้น ต่างจากสังคมในปัจจุบัน อัลลอฮ์/พระเจ้า ทรงล่วงรู้ดีว่า ไม่มีทางที่ชายจะให้ ความยุติธรรม
ต่อภรรยาหลายคนได้ พระองค์จึงมีคำสั่งไว้ตอนท้ายบัญญัติ "ดังนั้นก็จงแต่งงานกับหญิงเพียงคนเดียว" หรือทาสหญิง เพื่อที่จะยกฐานะ
ทาสให้มีฐานะเท่าเทียมกับหญิงอิสระ(อัลกุรอานบัญญํติที่ 4:3)

จะเห็นว่าอัลกุรอานบัญญํติที่ 4:2 และ 4:3 นั้น มีความมุ่งหมายคือ:

1. ให้ความคุ้มครอง และความยุติธรรมต่อ เด็กกำพร้า, หญิงม่าย และหญิงเชลยศึก
2. ยกฐานะเชลยศึกหญิงเทียบเท่าหญิงอิสระ
3. จำกัดจำนวนภรรยามีได้ไม่เกิน 4 คน ซึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างลักษณะครอบครัวที่ฐาวร ให้ต่างจาก ฮาเล็ม และนางบำเรอ
4. ให้ความยุติธรรมต่อภรรยาของผู้มีอำนาจ เพื่อสิทธิที่เท่าเทียมกันในสถาบันครอบครัว และให้หญิงพ้นจากอำนาจบีบคั้นของสามี
    ในกรณีนี้หญิงมีสิทธิเรียกร้องความยุติธรรมต่อศาลศาสนาได้ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของสิทธิของสตรีและสิทธิมนุษยชนในสม้ย ญาฮิลิยะห์

อัลลอฮ์ทรงบอกกับชายมุสลิมว่า: 

وَلَنْ تَسْتَطِيعُوا أَنْ تَعْدِلُوا بَيْنَ النِّسَاءِ وَلَوْ حَرَصْتُمْ ۖ فَلَا تَمِيلُوا كُلَّ الْمَيْلِ فَتَذَرُوهَا كَالْمُعَلَّقَةِ ۚ وَإِنْ تُصْلِحُوا وَتَتَّقُوا فَإِنَّ اللَّهَ كَانَ غَفُورًا رَحِيمًا {129 

{4:129} และพวกเธอไม่สามารถที่จะให้ความยุติธรรมในระหว่างบรรดาหญิงได้เลยและแม้ว่าพวกเธอจะมีความปรารถ
นาอันแรงกล้าก็ตาม 
ดังนั้นพวกเธอจงอย่าเอียงไปจนหมด แล้วพวกเธอจะปล่อยให้บรรดานาง(ที่ถูกหย่าร้าง)นั้น ประหนึ่งผู้ที่ถูกแขวนไว้ และหากพวก
เธอประนีประนอมกัน และมีความยำเกรงแล้ว แท้จริงอัลลอฮฺคือพระผู้ทรงอภัยโทษ พระผู้ทรงปรานีเสมอ

ในบัญัติ 4:129 นี้แสดงให้เห็นว่า ในครอบครัวที่ชายมีภรรยาหลายคนนั้น พระเจ้าทรงล่วงรู้ว่า "สามีไม่มีทางที่จะให้ความยุติธรรมในทุกๆสิ่ง
ทุกๆอย่างแก่ภรรยาทั้งหลายของเขาอย่างเท่าเทียมกันได้ " ถึงแม้ว่าเขาได้พยายามแล้วเป็นอย่างยิ่งก็ตาม 

ถ้าเราใช้ความคิดในการศึกษาอัลกุรอานจะเห็นได้ว่าการมีภรรยามากกว่า หนึ่งคนพร้อมๆกันนั้นเป็นสิ่งที่กระทำไม่ได้ในสมัยปัจจุบัน
เพราะหญิงและชายมีสิทธิเท่ากัน และเนื่องจากอัลกุรอาน อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า ผู้เป็นสามีไม่อาจจะให้ความยุติธรรมแก่ภรรยาทั้งหลายได้
ไม่ว่าจะพยายามอย่างมากเท่าใดก็ตาม(4:129) เมื่อชายไม่สามารถให้ความยุติธรรมแก่ภรรยาทั้งหลายของตนได้ ก็ผิดเงื่อนไขที่ระบุ
ไว้ในบัญญัติที่ 4:3 ที่มีคำสั่งเป็นเงื่อนไขว่า;

                       "แต่ถ้าเจ้าเกรงว่าจะไม่มีความยุติธรรม,ดังนั้นก็จงแต่งงานกับหญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น (4:3)"

นั้นก็คือตามอัลกุรอาน "ชายมุสลิมควรจะแต่งงานกับหญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น คือมีภรรยาได้เพียงคนเดียว",จะมีพร้อมๆกัน 2-3-4
พรอ้มๆกันไม่ได้ ตามบัญญัติ 4:3 และ บัญญัติที่ 4:129
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่