ส่องดวงเมืองผ่านดวงดาว (ตอนที่ 5) โดย พล พยากรณ์

เมื่อช่วงปีใหม่ 2563 ที่ผ่านมาผมได้เขียนพยากรณ์ดวงชะตาเมืองไว้ในบทความชื่อ "ส่องดวงเมืองผ่านดวงดาว" จำนวน 4 ตอน โดยใช้ดวงดาวสำคัญคือ ดาวพฤหัสบดี (5) และดาวเสาร์ (7)  ที่โคจรมาร่วมกันในราศีธนูและราศีมกร รวมทั้งราหู (8) ที่โคจรในราศีมิถุนเป็นเครื่องมือพยากรณ์ และ "ส่องดวงเมืองผ่านเลขศาสตร์ไพ่ทาโรต์" โดยใช้ไพ่ทาโรต์เป็นเครื่องมือพยากรณ์

คำพยากรณ์โดยสรุปจากทั้งสองศาสตร์เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ จะเกิดเหตุร้ายแก่บ้านเมืองและประชาชนจะได้รับความทุกข์ยากอย่างแสนาหัส 
ต้องหนีตาย ดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตรอด เศรษฐกิจพังพินาศ มีการปิดกิจการจำนวนมากทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรมจะได้รับผล
กระทบ ต้องปิดโรงงาน หยุดการผลิต ปลดพนักงาน จะมีคนตกงานเป็นจำนวนมาก การส่งออกมีปัญหา ประชาชนจะได้ลาภจากรัฐบาล ฯลฯ

แต่ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจริงอย่างที่ได้เห็นกันอยู่นั้น รุนแรงและเลวร้ายกว่าที่ผมได้พยากรณ์ไว้หลายเท่านักและเป็นหายนะภัยที่เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์โรคระบาดในประเทศจะเข้าสู่ภาวะคลี่คลายไปในแนวทางที่ดีขึ้น แต่ปัญหาอื่นๆ ก็ยังรอเวลาปะทุขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่ปรากฏให้เห็นในเวลานี้ก็คือการที่ดาวพฤหัสบดี (5) และดาวเสาร์ (7) ที่ร่วมกันอยู่ในราศีมกร กำลังโคจรย้อนวิถีจักร เพื่อมุ่งกลับสู่ราศีธนูในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ แล้วยังจะโคจรย้อนจักรต่อไปเรื่อยๆ จนถึงกลางเดือนกันยายนจึงจะเปลี่ยนวิถีโคจรเป็นเดินหน้าปกติ

การโคจรมาพบกันของดาวใหญ่ทั้งสองนี้ ด้านหนึ่งต้องระวังเรื่องการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง โดยเฉพาะในขณะที่กำลังโคจรพักรองศาอยู่ในขณะนี้ 
ดวงดาวจะมีกำลังแรงมากกว่าปกติ ในขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองก็จะคืบคลานเข้าสู่สภาวะของการเผชิญหน้ากันระหว่างฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐกับฝ่าย
ที่สูญเสียอำนาจหรือฝ่ายต่อต้านรัฐบาล จะมีการต่อสู้กันทั้งในสภาและนอกสภา และมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะได้เห็นการชุมนุมประท้วง การสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนโดยทั่วไป

ในคัมภีร์ "อภิธรรมอรรถสาลินี" ซึ่งเป็นคัมภีร์โหราศาสตร์ชะตาเมืองที่เก่าแก่ ได้บันทึกคำพยากรณ์ชะตาเมือง ไว้ตอนหนึ่ง เมื่อพระเสาร์โคจรวิปริตพักร์องศา (เดินถอยหลัง) เอาไว้ว่า

"พระเสาร์และพระอังคารท่านอภิปราย       พักร์ในราศีร้ายจำเพาะมี
คือ พฤษภ สิงห์ มีน ธนู พักร์                      ว่าร้ายนักทำนายไว้สี่ราศี
จะเกิดความวิบัติเสียหายวายชีวี                 พระธรณีจะดื่มกินซึ่งเลือดคน"

ดาวพฤหัสบดี (5) เป็นดาวแห่งผลประโยชน์ของประเทศชาติ มีคุณสมบัติในการขยายตัว การเจริญเติบโต เมื่อมาร่วมกับดาวเสาร์ (7) ซึ่งเป็นดาวที่มีลักษณะของการหดตัว การจำกัด อีกทั้งยังโคจรวิปริตเช่นนี้ ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน แม้แต่การทำมาค้าขายโดยทั่วๆ ไปก็จะอยู่ในภาวะฝืดเคือง อัตคัดขัดสน ประชาชนยังคงทำมาหากินลำบาก รายได้ไม่พอกับรายจ่าย คนที่มีเงินก็ไม่อยากจะใช้จ่ายให้มาก การลงทุนจากต่างประเทศยังอยู่ในภาวะซบเซา การค้า การส่งออกยังฝืดเคือง 

สถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองและความฝืดเคืองทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนจะยังมีไปจนถึงปีหน้า ซึ่งดาวพฤหัสฯ และพระเสาร์ (7) จะโคจร
เข้าสู่ราศีมกร และทำมุมเล็งพระจันทร์ (๒) ในพื้นดวงเมืองในราศีกรกฎ ซึ่งเป็นจุดตั้งรับสำคัญของชะตาเมือง พระจันทร์ (๒) นั้นหมายถึงประชาชนพลเมือง
ในชาติ ส่วนพระเสาร์ (7) เป็นดาวที่ให้โทษให้ทุกข์ เป็นดาวคู่พลัดพราก เมื่อดาวคู่นี้มาทำมุมสัมพันธ์แนบแน่นกันในดวงเมืองเช่นนี้ ความทุกข์ยากเดือดร้อนก็จะตกอยู่กับประชาชนคนในชาติ ดังเช่นที่ปรากฏมาแล้วในหลายครั้งที่ผ่านมา ที่พระเสาร์โคจรมาสถิตในราศีมกร แต่ละรอบจะทิ้งช่วงเวลาห่างกันประมาณ ๓๐ ปี 

ครั้งล่าสุดคือเมื่อวันที่ ๒ มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งดาวพฤหัสฯ และดาวเสาร์โคจรวิปริตเดินเร็วกว่าปกติข้ามไปราศีมกร ประชาชนคนไทยทั้งชาติต้องพบกับวิกฤติการณ์ที่ยากลำบากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต และจะยังคงอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ต่อไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคมที่พระเสาร์โคจรพ้นระยะการเล็งกับพระจันทร์ เป็นการชั่วคราวและจะโคจรกลับมาเล็งพระจันทร์ในพื้นดวงเมืองอีกครั้งในวันที่ 5 ธันวาคม 2563 เป็นเวลาสองปีครึ่ง อีกทั้งพระราหู (8) ก็จะโคจรเข้าสู่ราศีฤพษภ ภพการเงินการคลังของประเทศในวันที่ 15 กันยายน นี้ ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่เรียกว่า "ราหูค้นทรัพย์" วิกฤติการณ์ด้านการเงินการคลังของประเทศกำลังรออยู่ข้างหน้า ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นความปั่นป่วนวุ่นวายทางการเมืองและปัญหาปากท้อง การทำมาหากินที่ประชาชนคนในชาติต้องประสบกับความยากลำบากอีกครั้งหนึ่ง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่