[CR] มหาวิทยาลัยพารูล Parul University

กระทู้รีวิว
สำหรับผู้สนใจเรียนต่อที่ Parul University ประเทศอินเดีย
》》ที่ตั้ง: อยู่ในรัฐคุชราฏ (Gujarat) ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายกเนรูห์ นายกรัฐมนตรีอินเดียคนปัจจุบันและเป็นบ้านเกิดมหาตมะคานธีด้วย พูดถึงรัฐจะใหญ่เกินไป ต้องบอกว่าอยู่ในเมือง Vadodara แต่เดี๊ยวก่อนค่ะ เพราะมหาวิทยาลัยยังอยู่ห่างจากตัวเมืองวาโดดาร่าอีก17 กิโล รอบมอไม่มีสถานบันเทิงใจใดๆ มีโรงงานผลิตยางรถยนต์ที่ช่วงอากาศหนาว กลิ่นยาง(ให้นึกถึงกลิ่นถุงพลาสติกไหม้ไฟ)จะลอยอบอวลภายในมอ อีกด้านจะเป็นทุ่งหญ้า ถ้ามีม้าลายจะนึกว่าอยู่ป่าสะวันนา
》》อาหาร: สำหรับนักศึกษาปีหนึ่งจะต้องอยู่หอพักในมหาวิทยาลัยเท่านั้น ซึ่งค่าใช้จ่ายคือ 150 ดอลล่าร์ต่อเดือน มีอาหารให้สามมื้อ ●มื้อเช้า 7:30-8:00 ไข่เจียวเนยจืดๆประกบด้วยขนมปังแผ่นสองแผ่น เสิร์ฟพร้อมชานมสไตล์อินเดีย (chai) ●มื้อกลางวัน 11:30-14:00 และ●มื้อเย็น 19:30-20:00 โรตี (จาปาตี) กับซุปอีกสองอย่าง มักจะเป็นดาล(dal) บางวันเป็นแกงถั่วแดง ซุปมั่นฝรั่ง มีข้าวธรรมดา กับข้าวผัดมาซาล่า มื้อเย็นมักมีไก่ให้สองชิ้น อาจจะเป็นไก่ทอด ซุปไก่ แกงไก่ ตามตารางอาหาร
ในส่วนร้านอาหารในมอเกือบทั้งหมดเป็นมังสวิรัต ซึ่งคนที่นี่จะเรียกว่า veg ที่ย่อมาจากคำว่าผักนั่นเอง ส่วนดิฉันคือพวก non-veg ทานเนื้อสัตว์ได้ [ภาษาอังกฤษเรียก vegan, vegetarian คนอินเดียจะงงๆไม่เข้าใจ] มีร้านขาย non-veg มีสิริรวม 1 ร้านถ้วนทั้งในมอและรอบมอ และมีแต่ไก่กับไข่ไก่เท่านั้น (ไข่ไก่ที่อินเดียสีขาวนะจ๊ะ คนไทยหลายคนคิดว่าไข่เป็ด) ถ้าจะทานบาร์บีคิวต้องเข้าไปในตัวเมืองวาโดดาร่า ซึ่งจะมีเนื้อสัตว์หลากหลาย แต่ที่แน่ๆไม่มีเนื้อวัวกับเนื้อหมู เพราะคนฮินดูเคารพวัว คนมุสลิมไม่เป็นมิตรกับหมู ด้านความอร่อย 30 ร้านจะเจออร่อยหนึ่งร้าน เรียกว่าร้านในตำนาน ต้องรีบจดจำชื่อร้านและที่ตั้งเอาไว้
》》สภาพอากาศ: มีสามฤดูนะจากประสบการณ์ ●หน้าหน้าวก็ปลายตุลา-ต้นกุมภา 10 กว่าองศา ยิ่งมีลมยิ่งหนาวสั่น ●หน้าร้อน มีนา-ต้นพฤษภา ร้อนขั้น "ยิ้ม" แต่จะร้อนแบบอากาศแห้งๆ อยู่กลางแสงแดดคือไหม้ แต่คนอินเดียก็ยังเล่นคริกเก็ทกีฬาอันดับหนึ่งตลอดกาลยามบ่ายอย่างปกติสุข หน้าฝนก็คือฝนค่ะจบ น้ำมักระบายไม่ทัน ดังนั้นน้ำท่วมจะเป็นเรื่องปกติ ถ้าฝนตกนานน้ำจะท่วมบ้านเรือน ถนนน้ำท่วม มอก็ประกาศหยุดเพราะนักศึกษาเดินทางมาเรียนลำบาก
》》การเดินทาง: รถตุ๊กอินเดียนั่นเอง เรียกว่าออโต้ริกชอ ถ้าจะไปเที่ยวก็มีรถไฟ (ควรจองล่วงหน้านานๆ) กับรถบัสทั้งรถลมธรรมชาติและรถแอร์ ถ้าเอาสบายใจขี้เกีจต่อรองราคาก็ใช้บริการ ola หรือ uber กันไป จะบอกว่าเรื่องโดนโกงมีทั่วโลก ที่นี่พิเศษเพราะบางทีนึกว่าราคาปกติ แต่คือโดนโกงค่ะ ราคาจริงๆมันถูกอย่างน่าประหลาดใจ
หอพัก: ก็มีห้องพักสองคนกับสามคน ไม่มีห้องเดี่ยว 150 ดาลล่าร์ต่อเดือน อย่าถามหาความยุติธรรมด้านราคา ที่นี่ไร้คำตอบค่ะ หอพักนักศึกษาต่างชาติมักจะมีแอร์ให้ ค่าน้ำค่าไฟมีให้ประมาณนึง ถ้าใช้เกินก็จ่ายตามที่ใช้ไป ราคารับได้ไม่รุนแรง แต่เรื่องความสบายอาจจะต้องปรับตัวมากหน่อย คนต่างเชื้อชาติต่างวัฒนธรรม เรื่องเปิดเพลงเสียงดัง เชียร์บอล เสียงดังยามดึก เล่นบาสในห้อง เอาของที่เราซื้อไปกินโดยไม่บอกไม่ถาม ตากชุดชั้นในบนราวผ้าม่าน ใส่รองเท้าเข้าห้อง พนักงานขอเงิน มากมายค่ะ ล้วนเป็นประสบการณ์ มันคือของแถม เพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิตและความอดทน เจอเพื่อนดีคือสิริมงคลของชีวิตค่ะ
》》การเรียน: ที่นี่จะมีเรียนอยู่สองเวลาแล้วแต่คณะ มีเริ่มเรียน 7:30-13:30 กับ 9:30-16:30 เรียนหกวันต่อสัปดาห์ วันอาทิตย์หยุด บางคนอาจมีหยุดเพิ่มตามความโชคดีของตารางเรียน ห้องเรียนพัดลมล้วนๆ ห้องแอร์คือหยุดคิดไปก่อนค่ะ ที่สำคัญช่วงบ่ายเหงื่อออก ดงบังที่แท้ทรูจะปรากฎสมคำล่ำลือ ภาษาที่ใช้สอนคือภาษาอังกฤษ ช่วงแรกต้องใช้พลังงานหน่อย เพื่อปรับหูให้เข้ากับสำเนียงอินเดีย และบุคลากรเพียงจำนวนนึงเท่านั้นที่ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างดี นักศึกษาบางส่วนที่ใช้ภาษาอังกฤษดี บางคนสื่อสารไม่รู้เรื่องเลย (หรือเราอ่อนภาษาเอง อย่าเสียความมั่นใจไป บางคนแย่กว่าคนไทยด้วยซ้ำ) การสอบเป็นการเขียน เขียนและเขียน ลืมกากบาทไปได้เลย ข้อเดียวอาจมีกระดาษให้สี่แผ่น ถ้าคุณโชคร้ายอาจเจองานสัมนาที่ผู้บรรยายใช้ภาษาท้องถิ่นในการสื่อสาร อันนั้นคือโคตรแย่ (บอกความจริง ไม่มีปกปิด) ด้านวิชาการนั้นก็ถือว่าดี ผู้สอนมีความรู้ แต่บางสาขาอาจเจออาจารย์เพิ่งจบที่ประสบการณ์น้อย ก็ต้องเรียนรู้ร่วมกันไป อาจารย์ประสบการณ์สูงก็จะเจอข้อสอบท้าทายสักหน่อย รวมๆคือดี
》》การติดต่องานกับมหาวิทยาลัย: เรื่องนี้ถ้ามีติดลบจะให้ติดลบ เป็นเรื่องหลักที่ทำให้ไม่มีความสุข ทำงานล่าช้า ไม่มีกำหนดเวลา ไม่แจ้งว่าต้องการเอกสารอะไรล้วงหน้า ไม่แจ้งความคืบหน้าแม้ว่าจะเลยกำหนดเวลาก็ไม่แจ้งว่าล่าช้า เราต้องเป็นคนไปตามเรื่องเอาเอง เจ้าหน้าที่เกี่ยงงานโยนงานกันและกัน รู้เฉพาะงานที่ตนทำเท่านั้น เอาแค่นี่แหละ น่าจะเห็นภาพชัดเจน การเจอการทำงานแบบนี้ จะทำให้เราแข็งแกร่งอย่างอัตโนมัติ เพราะถ้าเราจมอยู่กับความคาดหวังว่าจะต้องได้งานตามกำหนด คนที่เดือดร้อนที่สุดคือตัวเราเอง ความคาดหวังจะเผาจิตใจเรา เราต้องเรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย ทิ้งมันไว้เบื้องหลังแล้วเดินไปตามงานให้สำเร็จ
》》สังคม: มีสองกลุ่มใหญ่ๆ คือชาวฮินดูกับชาวมุสลิม ชาวฮินดูมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตมากกว่า เช่นวัว เนื่องจากเป็นประหนึ่งเทพองค์หนึ่งที่เป็นพาหนะของพระเจ้า จึงมีอภิสิทธิ์มากกว่าคนเสียอีก สามารถเดินไปไหนมาไหนตามสบาย มีคนใจบุญซื้ออาหารดีๆให้กิน แต่มันไม่กิน มันไปคุ้ยขยะกินแทน มีวัดฮินดูล้นเมือง ที่ชัดๆเลยคือระบบวรรณะไม่ได้หายไปไหนจากสังคม เพื่อนชาวอินเดียส่วนใหญ่จะเป็นมิตร บางทีเป็นมิตรเกินไป ชวนคุยได้เป็นสองสามชั่วโมง วีดีโอคอลคุยกับทางบ้านให้คุยกับพ่อแม่ปู่ย่าตายายทั้งบ้าน มีบ้างที่ไม่เป็นมิตร เรื่องธรรมดา มีเหยียดชนชาติ เหยียดผิว เหยียดเพศ นานา ถ้าเจอคนใจดี ก็จะชวนไปเที่ยวบ้าน ที่บ้านก็ทำอาหารเลี้ยง (แน่นอนเป็นมังสวิรัติ) แม้ว่าจะอิ่มแค่ไหน ท่านพ่อท่านแม่ก็จะคะยั้นคะยอให้ทานอีกๆ นึกว่ามีรายการแข่งขันแข่งกินจุ คนอินเดียชอบร้องรำทำเพลงมาก และฟังแต่เพลงอินเดียเท่านั้น เพลงสากลก็ฟังแต่เหมือนจะไม่ดีด ไม่ค่อยโดนใจ ถ้าเพลงอินเดียนี่มือไม้ท่าทางต้องมา
เรียนภาษาที่อินเดียดีหรือไม่ :
ชื่อสินค้า:   Parul University, India
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่