นวัตกรรมอาหารในอนาคต

นำ “อากาศ” มาผลิตเป็น “อาหาร”



การนำอากาศมาทำเป็นอาหารดูยังไงก็ไม่น่าเป็นไปได้ แต่สิ่งนี้กำลังจะเป็นจริงในไม่ช้านี้ เริ่มต้นจากแนวคิดขององค์การนาซาที่ต้องการเปลี่ยนอากาศให้เป็นอาหารสำหรับนักบินอวกาศ ได้ถูกบริษัทในประเทศฟินแลนด์นำมาพัฒนาต่อยอด จากไม่น่าเป็นไปได้กลายเป็นเรื่องจริง และพวกเขาจะนำอาหารที่ผลิตจากอากาศออกวางจำหน่ายภายในปี 2021 นี้แล้ว 
 
Solar Foods บริษัทสตาร์ทอัพในฟินแลนด์กำลังอยู่ในกระบวนการนำโปรตีนชนิดใหม่เข้าสู่ตลาด พวกเขาสร้างมันขึ้นมาจากอากาศ ผงโปรตีนที่เรียกว่า “Solein” ทำจาก CO2 , น้ำ และไฟฟ้า 
มันมีลักษณะและรสชาติคล้ายกับแป้งข้าวสาลี ผง Solein ประกอบด้วยโปรตีน (ซึ่งมีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วน) 50%, คาร์โบไฮเดรต 20 – 25% และไขมัน 5 – 10% มันสามารถนำไปเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหารหลากหลายชนิดได้อย่างง่ายดาย 

กระบวนการผลิต Solein เริ่มจากดึงเอา CO2 ออกมาจากอากาศโดยใช้เทคโนโลยีดักจับ CO2 (Carbon Capture Technology) ซึ่งในปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปมากแล้ว จากนั้นมันจะถูกนำไปผสมกับน้ำ, สารอาหาร และวิตามิน แล้วเข้าสู่กระบวนการหมักตามธรรมชาติโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ การผลิต Solein จึงช่วยลด CO2 ในชั้นบรรยากาศลงได้มาก และเนื่องจาก CO2 ส่วนเกินในชั้นบรรยากาศมีอยู่มากมายมหาศาล มันจึงเป็นแหล่งอาหารที่ยั่งยืน
 
ทุกขั้นตอนการผลิต Solein สามารถทำภายในอาคาร ปราศจากข้อจำกัดทางการเกษตรทั้งปวง Solar Foods มองเห็นถึงศักยภาพของการผลิต Solein ในพื้นที่ที่เป็นไปไม่ได้สำหรับการเกษตรในปัจจุบัน พวกเขากำลังทำงานร่วมกับองค์การอวกาศยุโรป (ESA) เพื่อพิจารณาถึงการพัฒนาอาหารสำหรับการผลิตและการบริโภคนอกโลก
 
การผุดขึ้นมาของ Solein ในปี 2018 ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับที่ผู้บริโภคและผู้สนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมหันมาให้ความสนใจกับอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์มากขึ้น มีหลายบริษัทอย่างเช่นบริษัท Impossible Foods and Beyond Meat หันมาผลิตเบอร์เกอร์ที่ใช้โปรตีนซึ่งทำจากถั่วเหลือง รวมทั้งส่วนประกอบในอาหารมังสวิรัติอื่นๆที่มีรูปร่างลักษณะและรสชาติเหมือนกับเนื้อแดง 
อุตสาหกรรมเนื้อเทียมและพัฒนาการใหม่ๆแบบ Solein จะช่วยเพิ่มอาหารที่ยั่งยืนซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง และยังลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากโรคที่เกิดจากการบริโภคอาหาร โรงฆ่าสัตว์มีประวัติการแพร่เชื้อโรคเหล่านี้มาแล้วมากมายและยังเกิดปัญหานี้อยู่ตลอด

Solein ยังมีข้อได้เปรียบหลายอย่างเมื่อเทียบกับเนื้อเทียมชนิดอื่น กระบวนการผลิต Solein ใช้น้ำน้อยกว่า 250 เท่าและใช้พื้นที่น้อยกว่า 10 เท่าเมื่อเทียบกับถั่วเหลือง ต้องใช้น้ำแค่ 10 ลิตรในการผลิต Solein 1 กิโลกรัม ขณะที่ถั่วเหลืองใช้น้ำ 2,500 ลิตร และเนื้อวัวต้องใช้น้ำถึง 15,000 ลิตร

บริษัท Solar Foods กำลังทดลองประยุกต์ใช้ Solein ในอาหารหลายชนิดรวมทั้งเนื้อและไอศกรีม พวกเขามีแผนที่จะเข้าสู่ตลาดกับพันธมิตรผู้ผลิตอาหารและมีกำหนดวางขายทั่วโลกในปี 2021 โดยมีเป้าหมายสร้างรายได้ 800 – 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2023
 
ข้อมูลและภาพจาก   natureworldnews, weforum.org
Cr.https://www.takieng.com/stories/15910



ผลไม้แนวคิดใหม่ผ่านเครื่องพิมพ์สามมิติ



แนวความคิดนี้เกิดจากไอเดียของ Bezalel Meydan Levy เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ ในสถานการณ์ที่อาจเกิดภาวะอาหารขาดแคลนขึ้นของโลกในอนาคต
เลวีย์ได้ออกแบบดีไซน์ผลไม้แนวคิดใหม่ที่ทำขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติ ซึ่งผลไม้รุ่นใหม่หรือ Neo_fruit นี้จะมีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุเพื่อสุขภาพ

แรงบันดาลใจในการออกแบบผลไม้แนวคิดใหม่เกิดจากความต้องการหาวิธีการใหม่ ๆ ที่เป็นไปได้ในการผลิตอาหารเพื่อเลี้ยงประชากรโลก
วัตถุประสงค์ประการต่อมา คือ เพื่อสร้างภาคการผลิตอาหารในระบบนิเวศน์ขึ้นใหม่และเพื่อปรับปรุงคุณค่าทางโภชนาการ  ในการเริ่มโครงการทดลองเขาได้ร่วมงานกับนักโภชนาการหลายคนเพื่อพัฒนาวิตามินและแร่ธาตุสำหรับผลไม้แต่ละชนิด

การผสมผสานที่เกิดขึ้นนั้นมีจุดประสงค์เพื่อตอบสนองความต้องการด้านโภชนาการที่หลากหลายของร่างกายมนุษย์อย่างเต็มที่ โดยให้มีลักษณะและรสชาติใกล้เคียงกับผลไม้ที่มีอยู่เดิม
ขั้นตอนต่อมาคือ การสร้างผลไม้ขึ้นเอง Levy สร้างเปลือกนอกของผลไม้จากเซลลูโลสโปร่งแสง ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ให้โครงสร้างของพืชทั้งหมด   ผิวของเซลลูโลสจะถูกพิมพ์ในรูปแบบที่แบนและถูกบีบอัดและจะปรากฏในลักษณะที่คล้ายผลไม้ครั้งสุดท้ายเมื่อเติมของเหลวเข้าไป

เลวีอธิบายถึงกระบวนการสุดท้ายจะเป็นการพิมพ์ 4D ที่ต่างจากการพิมพ์ 3 มิติแบบดั้งเดิม   รูปแบบของผลไม้ในขั้นตอนสุดท้ายจะเปลี่ยนไปหลังจากออกมาจากเครื่องพิมพ์   ก่อนการใช้ขั้นตอนการพิมพ์ 4 มิติ ผลไม้จะแห้งแบนมีน้ำหนักเบา ซึ่งจะทำให้เก็บรักษาได้นานและสะดวกต่อการขนส่ง




และเมื่อมีการเพิ่มของเหลวเข้าไปจะทำให้ผลไม้ดูมีชีวิตชีวาสามารถรับประทานได้ ซึ่งของเหลวที่ว่านี้รวมถึงแร่ธาตุและวิตามินต่างๆในปริมาณที่เหมาะสมตามหลักโภชนาการ เพื่อให้เป็นอาหารคุณค่าสูงที่สามารถทดแทนผลไม้ที่มีอยู่เดิมในธรรมชาติ
ปัจจุบัน Neo_fruit ประกอบด้วยผลไม้ห้าชนิดที่แตกต่างกัน ผลไม้แต่ละชนิดมีรสชาติที่แตกต่างกัน   และเพื่อสร้างรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ Levy ได้ทำงานร่วมกับนักโภขนาการหลายคนเพื่อสร้างสีพื้นผิวของผลไม้และรสชาติให้เป็นที่ถูกปาก

Ref.  bit.ly/379BeEq
         bit.ly/2QkyxZV
เรียบเรียงโดย สาระอัปเดต
Cr.https://www.blockdit.com/posts/5e02d1daa32fc80cdce69cad



 “ผักแผ่น” จากญี่ปุ่น 



นี่คือ VEGHEET เกิดจากการนำผักไปบดแปรรูป แล้วอบแห้ง ทำให้กลายเป็นแผ่นๆ อย่างที่เห็น มันถูกคิดค้นโดยบริษัท Isle Corporation ตั้งอยู่ในเมืองฮิราโดะ จังหวัดนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น
ผักแผ่นนี้มีส่วนผสมของวุ้น (AGAR) มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ไม่ละลายในน้ำเย็น และมีความยืดหยุ่น ฉะนั้นคุณจึงสามารถนำมันไปแช่ในน้ำเพื่อให้อ่อนตัวแล้วนำไปห่ออาหาร  โดยจะมีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ กรอบๆ (หากไม่ได้แช่น้ำ) และเมื่อเคี้ยวก็จะเกิดรสหวานที่มาจากผักที่แผ่ซ่านไปทั่วปาก

แต่หากคุณนำเอาผักแผ่นไปแช่น้ำ มันก็จะนุ่มและยืดหยุ่นได้ สามารถนำเอามันไปห่อข้าว หรือเอาไปทำก๋วยเตี๋ยวหลอดได้ และแม้จะเป็นเด็กก็สามารถกินเจ้าผักแผ่นนี้ได้ง่ายๆ และยังเหมาะกับการนำไปจัดปาร์ตี้ต่างๆ ด้วย
ที่มา : http://www.catdumb.com
ข้อมูลโดย :นวัตกรรมใหม่แห่งอาหาร, ผักแผ่น, VEGHEET, ญี่ปุ่น
Cr.https://www.jatschool.com/index.php?route=module/pageview&path=2513&catagory=5



“อาหารจากโลกอนาคต” เม็ดเดียวอิ่มได้ทั้งวัน



Kasper คือชายที่อ้างว่าตนเองมาจากอนาคตในปี ค.ศ. 2075 นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับมาเพื่อการศึกษาประวัติศาสตร์ รวมถึงนำเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้มาเล่าสู่กันฟัง   โดยมีคลิปก่อนหน้านี้ที่   Kasper เคยนำรูปมาโชว์ให้ทุกคนได้เห็นว่า เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา และในหลายๆ พื้นที่จะจมลงไปอยู่ใต้น้ำในปี 2063 อันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน

รวมไปถึงการที่บอกกับทุกคนว่าในปี 2028 “เอเลี่ยนจะปรากฏตัวและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับมนุษย์” ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ นั่นมันก็อีกแค่ 8 ปีหลังจากปี 2020 นี้เท่านั้นเอง…
และคลิปล่าสุดกับการให้สัมภาษณ์ผ่านแชนแนลยูทูบที่ชื่อว่า ApexTV เขาก็ได้นำเอาอีกหลักฐานสำคัญมาโชว์ให้ทุกคนดู สิ่งนั้นมันก็คือ “อาหารแห่งโลกอนาคต”     อาหารดังกล่าวมีลักษณะคล้ายเม็ดโฟมเล็กๆ บรรจุอยู่ในขวดโหล ซึ่ง Kasper แกบอกว่าเพียงแค่เม็ดเดียวก็มีสารอาหารมากมาย ทำให้คุณอิ่มได้ไปทั้งวัน และในขวดนี้ก็สามารถประทังชีวิตไปได้หลายเดือนเลย

โดยอาหารที่เห็นนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาซื้อมาแต่อย่างใด ทว่าในอนาคตรัฐบาลทั่วโลกจะสนับสนุนแจกจ่ายอาหารเหล่านี้ให้กับประชาชนทุกคน ทำให้ไม่มีใครต้องทนหิวโหยอีกต่อไปแล้ว
เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู
Cr.https://www.catdumb.tv/food-from-the-future-339/



นมแมลงสาบ อาหารแห่งอนาคต


อาหารแห่งอนาคต “ประเภทนม” ที่นักวิจัยจากสถาบันชีววิทยาเซลล์ต้นกำเนิดและเวชศาสตร์ฟื้นฟูในอินเดีย ค้นพบว่า มีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่านมวัว ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ถึง 3 เท่า นั่นก็คือ “นมแมลงสาบ”

ปัจจุบันมีบริษัทแห่งหนึ่งในแอฟริกาใต้กำลังทำฟาร์มแมลงสาบและผลิตน้ำนมชื่อว่า “Entomilk” ซึ่งได้มาจากผลึกในลำไส้แมลงสาบพันธุ์ออสเตรเลียแปซิฟิกชื่อ “แมลงสาบเต่าทองแปซิฟิก” หรือชื่อวิทยาศาสตร์ คือ “Diploptera Punctata” ซึ่งผลึกนี้อุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นและโปรตีน เป็นแหล่งอาหารอันสมบูรณ์ของตัวอ่อนในท้องแมลงสาบ ยิ่งไปกว่านั้นรสชาติก็ไม่แตกต่างจากนมวัว ด้วยเหตุนี้นักวิจัยหลาย ๆ ท่าน จึงพากันพูดเป็นเสียเดียวกันว่า “นมแมลงสาบ” นี้จะต้องกลายเป็นอาหารยอดนิยมในอนาคตอย่างแน่นอน

โดยจากการวิจัยนั้น พบว่า “นมแมลงสาบ” นี้มีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกายมนุษย์ ทั้งมีปริมาณโปรตีนที่สูง รวมถึงแร่ธาตุ อย่าง เหล็ก สังกะสี และแคลเซียม ก็สูงมากด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การรีดนมจากแมลงสาบดูเหมือนจะเป็นเรื่องเป็นไปได้ยาก ทีมวิจัยจึงเลือกที่จะใช้ระบบยีสต์ในการผลิตผลึกโปรตีนนมที่ว่านี้ให้ได้จำนวนมากจากในห้องปฏิบัติการ เพื่อใช้เป็นแหล่งโปรตีนในอนาคต แต่ก็ยังพบปัญหาว่าแมลงสาบ 1 ตัวมีปริมาณนมที่น้อยมาก การจะได้ “นมแมลงสาบ” มาเพียง 100 กรัม จึงต้องใช้แมลงสาบถึง 1,000 ตัวเลยทีเดียว





ซึ่งสาเหตุที่ทำให้นักวิจัย สนใจทำเรื่องของ “นมแมลงสาบ” นั่นก็คือ ต้องการหาทางรับมือกับประชากรโลก ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยหากคำนวนจากปริมาณการเลี้ยงวัวในฟาร์ม ก็จะพบว่า “การเลี้ยงแมลงสาบ” จะให้ปริมาณอาหารที่คุ้มค่ากว่าการเลี้ยงวัวนั่นเอง

ปัจจุบันจึงมีหลาย ๆ ประเทศ สนใจที่จะเพิ่มจำนวนแมลงสาบมากขึ้น เช่น ประเทศจีน ที่มีฟาร์มแมลงสาบอยู่มากมาย และเจ้าของฟาร์มก็ได้รับรายได้มากกว่าปีละ 10 ล้านบาท จากการทำฟาร์มแมลงสาบอีกด้วย หรือจะเป็นประเทศเยอรมัน และบราซิลที่ผลิต “ขนมปังจากแมลงสาบ” เพราะให้สารอาหารกับร่างกายมนุษย์ มากกว่าขนมปังจากแป้ง ข้าว หรือข้าวโพด ทั่ว ๆ ไป
ที่มา : flagfrog

Cr.https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/1168473



(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่