สวัสดีครับ ผมคือคนไทยคนหนึ่งที่มีประสบการณ์ในการทำงานต่างประเทศถึง 8 ปี ซึ่งตำแหน่งตอนที่ผมทำอยู่นั้นคือตำแหน่ง Online Corporate Consultant เรียกง่ายๆคือ ที่ปรึกษาความร่วมมือด้านการสื่อสารออนไลน์ จะทำงานอยู่ในสายการตลาดควบกับฝ่าย IT นิดๆ โดยหน้าที่หลักๆๆผมคือ การไปแก้ไขปัญหา ให้คำแนะนำแก่ทีมการตลาดกับ IT ในสาขาต่างๆที่ต่างประเทศ โดยส่วนมาก 80-90% ผมจะเดินทางอยู่ในทวีปเอเชียนี้ละ ไกลสุดที่เคยไปคือยุโรป(บริษัทแม่) แต่ขอไม่บอกว่าบริษัทไหนเพราะบริษัทใหญ่พอสมควรถ้าเอ่ยไปหลายคนที่ทำงานสายเดียวกันรู้จักแน่นอนครับ ไม่อยากมีปัญหาเพราะตำแหน่งผมมันมีไม่กี่คนที่ได้ทำเรียกได้ว่าถ้าเอ่ยไปแล้วคนรู้จักมาอ่านก็รู้จะทันทีว่าคือผมแน่นอน
สาเหตุที่ผมต้องกลับมาทำงานที่ไทยไม่มีอะไรมากครับ พ่อ-แม่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ และที่บ้านเหลือน้องสาว 2 คนไม่มีคนดูแล + ที่บ้านมีเงินพอสมควรที่ผมส่งเสียให้ตลอดทุกเดือน จึงจำใจต้องลาออกกลับดูแลน้องและหางานทำที่ไทย โดยปัจจุบันผมทำงานที่บริษัทในไทยมาแล้วถึง 7 ปี ซึ่งผมย้ายมาแล้วประมาณ 4 บริษัท ตั้งแต่บริษัทระดับ SME ไปยันบริษัทมหาชนระดับประเทศ ปัจจุบันผมทำงานอยู่ในบริษัทไทยที่กล้าพูดว่าติด Top5 ของประเทศ และเช่นเคยไม่อยากมีปัญหาเลยไม่ขอเอ่ยนามครับด้วยปัจจัยหลายอย่าง
มาถึงตรงนี้ใครไม่อยากเชื่อตามสบายนะครับเพราะถือว่าแชร์ประสบการณ์กัน ส่วนนิสัยผมคือคนง่ายๆด้วยความที่เป็นคนไทยระดับกลางๆพอได้ดิบได้ดีพยายามปรับตัวและไปซึมซับวัฒนธรรมการทำงานในต่างประเทศมาเยอะครับ จึงเป้นสาเหตุที่ว่าผมไม่ค่อยเลือกงานเท่าไรคือทำได้หมดตั้งแต่บริษัทเล็กๆยันพนักงาน part-time เพราะถือคติไม่เลือกงานไม่ยากจน เกริ่นมาเยอะละมาเริ่มกันเลย
การทำงานวันแรก
►ต่างประเทศ - ผมจำได้แม่นวันที่ผมมาเริ่มทำงานวันแรกที่ต่างประเทศ จะมี senior คนหนึ่งมาช่วยผมตลอดประกบแจยิ่งกว่าเงา ว่าต้องทำงานยังไง สร้าง account ยังไง ติดต่อใครยังไง ประสานยังไงมีเอกสารอะไรต้องทำหากต้องยื่นไปถึงแผนกนี้ คือแบบประทับใจครับ คือเขาสอนงานผมเรียกได้ว่าเดือนแรกผมแถบจะเป็นง่อย แถบจะไม่ต้องทำอะไรเลย ผมจะวนอยู่แค่ 3 เรื่องคือ การขออุปกรณ์(notebook, ipad, มือถือ) , การติดต่อประสานงานแต่ละแผนก, หน้าที่งานของเรา(ซึ่งเขาทำให้ผมดูหมดเดือนแรก ก่อนจะปล่อยให้ผม in-charge เอง) แถมช่วงทานข้าวยังพาผมไปเลี้ยงข้าวอีกและไปเรียกเพื่อนต่างแผนกเขามานั่งร่วมวงด้วยแนะนำให้รู้จัก บลา บลา ซ฿่งมีทั้งคนที่พูดอังกฤษได้และไม่ได้ ใครพูดได้ก็คุยกันสนุกสนาน ใครพูดไมไ่ด้พี่เขาจะรับหน้าที่เป้นลามแปลให้ฟัง แปลผิดแปลถูกก็ขำขำไปตามประสาคนต่างชาติมาทำงานนั้นละครับ อันนี้สนุกมาก
► ไทย - การทำงานวันแรกในบริษัทใหญ่ของผม พอมานั่งโต๊ะปุบสิ่งที่เจอคือ โต๊ะเปล่า ไม่มีคอม ไม่มีปากกา ไม่มีห่าอะไรเลย ผมไปถามเพื่อนร่วมงานข้างๆ ผมได้รับคำตอบว่า " ลองถามหัวหน้าแผนกดู ผมยุ่งๆอยู่เดียวมาช่วยตอนว่างๆ " อ่ะโอเคไม่เป็นไร ผมไปถามหัวหน้าแผนก หัวหน้าชี้นิ้วให้ผมไปหา HR และไปหา IT พอผมไปหาเจอไล่ให้ไปหาฝ่ายจัดซื้อเพื่อทำเรื่องขอซื้ออุปกรณ์ พอไปจัดซื้อผมถูกไล่กลับให้ไปหา HR เพื่อยื่นเอกสารรับรองการจัดซื้อ มาถึงจุดนี้ผม WTF!!! อะไรวะเฮ้ยตรูมาทำงานนะเว้ยไม่ใช่มาเดินเรื่องเอกสารบ้าบอ สุกดท้ายกว่าผมจะได้คอมมาใช้กินเวลาไป 2 วันเต็มๆ คือแบบเป็น 2 วันที่เสียไปกับเรื่องปัญญาอ่อน คืองงทำไมแผนกเขารู้อยู่แล้วว่ามีพนักงานมาใหม่ทำไมไม่จัดรออุปกรณ์ไว้รอละ ต้องให้พนักงานใหม่ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไำรเลยในออฟฟิศมาเดินเรื่องเอง แล้วเขาจะรู้ขั้นตอนไหมละ นี้ละทำงานแบบไทยๆ
การยื่นเรื่องขออนุมัติ
►ต่างประเทศ - ผมบอกสั้นว่าๆมีแค่ 2 ขั้นตอนคือ ทำหนังสือร้องขอที่แผนกตนเอง จากนั้นนำไปยื่นให้หัวหน้าเซ็น แล้วหัวหน้าผมจะยื่นให้กับฝ่ายประสานงานเดินเรื่องต่อ จากนั้นพอยื่นเอกสารเสร็จแล้วผมจะได้ note มาเล็กๆข้างในมีชื่อของคนที่รับเรื่อง แผนกที่รับเรื่อง เบอร์ติดต่อแผนกนั้น วันเวลากำหนดในการอนุมัติ พร้อมมีอีเมล์ของผู้บริหารระดับสูงแปะข้างหลังและเขียนสั้นๆว่า กรณีที่เรื่องขอล่าช้าให้ส่งอีเมล์แจ้งไปที่ผู้บริหารได้โดยตรง คือทุกแผนก ทุกคนที่จะติดต่อขออนุมัติจะเป็นแบบนี้หมดครับ ภายหลังผมมารู้ว่า note นั้นเรียกกันว่า White Note เป็นเหมือนใบรับคิวเวลาเราไปติดต่อแบงค์นั้นละที่จะยืนยันว่าเราขออนุมัติเรื่องแล้ว และเราต้องรักษา note นั้นยิ่งชีวิตเพราะเวลาเรื่องผ่านเขาจะมาขอ note นั้นเราคืนเพื่อไปยืนยันเรื่องอนุมัติแล้ว โดยที่เจอมาช้าสุดทำการอนุมัติผ่านและได้รับสิ่งที่ขอไปภายใน 5 วัน จบ
►ไทย - ในที่นี้แยกเป็น 2 แบบ
1.บริษัทเล็ก - ไม่มีอะไรมากครับไปคุยปากเปล่าถึงปัญหาสาเหตุว่าทำไมต้องมีสิ่งนั้นสิ่งนี้ และขออนุมัติต่อเจ้าของโดยตรง เจ้าของอนุมัติ ไปทำเอกสารยื่นให้เขาเซ็น มีเอกสาร 2 ฉบับ ฉบับแรกขออนุมัติ ฉบับ 2 สาเหตุที่ขออนุมัติ ใช้เวลาเดินเรื่อง + ขออนุมัติ แค่ 3 วัน จบ
2.บริษัทใหญ่ - โอโห้ข้อนี้บอกเลยโคตรยุ่งยากวุ่นวายผมจำได้ว่าตอนนั้นผมขออนุมัติอุปกรณืสำนักงานไป แต่ผมต้องทำเอกสารถึง 4 ฉบับ
ฉบับแรก - เอกสารถึงหัวหน้า
ฉบับสอง - เอกสารถึงฝ่ายจัดซื้อ
ฉบับสาม - เอกสารถึงผู้บริหาร
ฉบับสี่ - เอกสารรับประกันความเสียหาย
คือแบบ WTF!!! ผมใช้เวลาเดินเรื่องประมาณ 1 วันเสร็จคือครึ่งวันผมต้องทำเอกสารและไปยื่นแต่ละฝ่าย จากนั้นรออนุมัติ 7 วัน แต่สุดท้ายก็ไม่ข้องเพราะต้องรอรอบจัดซื้อไปเบิกเงินซื้อของเข้าสำนักงานอยู่ดีคือเฉลี่ยรอบละ 1 - 3 เดือน แล้วจะให้กรูทำเรืองเพื่อเพราะสุดท้ายตัวที่สำคัญและการันตีว่าได้ของคือใบของอนุมัติจัดซื้อที่จะโปรยมาให้ทุกแผนกว่าจะซื้ออะไรบ้าง
เวลาทำงาน
►ต่างประเทศ - ผมบอกเลยว่าโคตร freedom คือเขามีเวลาเข้า-ออกทำงานนะอยู่ที่ 09.00 - 17.00 น. มาสายได้ทั้งเดือนไม่เกิน 5 ครั้ง แต่ต้องทำบันทึกมาสายแจ้งต่อหัวหน้าพร้อมเหตุผล ถ้ามีหลักฐานรับรองจะไม่นับว่าสาย แต่ที่ทุกคนต้องระลึกไว้คือ คุณจะมาสายก็ได้ แต่ถ้า performance หรือ ผลงานไม่มีเตรียมตัวถูกไล่ออก จริงครับแค่มาสายนี้ละถูกไล่ออกเลยซึ่งแผนกผมทาง CEO เขาอนุมัติเองให้ไม่จับมาสายเพราะสายงานผมทุกคนต้องใช้ Idea ใช้ทักษะการออกแบบ เขาเลยเปิดกว้างให้ไม่จับเวลามาสาย แต่ทุกสิ้นเดือนทุกคนต้องทำ report ที่เรียกกันว่า PRE(Performance Report) รายงานต่อผู้บริหาร จะทำมากี่หน้าก็ได้ไม่ตายตัว ขอแค่ในรายงานมีสิ่งที่คุณทำ มีสาเหตุและเหตุผลที่คุณทำมาก็พอ ที่เหลือผู้บริหารเขาอ่านเอง เขาบอกว่าไม่ต้องทำ present มาสวยหรูทำรายงานโง่ๆมาก็ได้ ที่เหลือเขาอ่านเองวิเคราะห์เอง เขาให้เหตุผลว่า หลายครั้งที่พนักงานทำรายงานมาเยอะมันเหมือนกับดูถูกพวกเขาว่า โง่ อ่านรายงานไม่เป็น ซึ่งผู้บริหารเขาไม่ชอบ รายงานทำเสนอมาดีๆจะทำต่อเมื่อตอนประชุมบอร์ดรวม หรือ ประชุมฝ่ายกับผู้บริหาร(อันนี้เขาเรียกกันว่า Perform Meeting ที่จะรายงานผลการปฎิบัติรวมของแผนกโดยหัวหน้าแผนกต้องเป้นคนรายงานคนเดียว และจะให้พนักงานทุกคนแจ้งว่าต้องการอะไรมีปัญหาอะไร ทำงานโอเคไหม อันนี้ทุกคนต้องเข้าและต้องแจ้งไม่งั้นผู้บริหารจะไม่รู้เลยว่ามีปัญหาอะไร) ส่วนเรื่องการลา เขามีให้แค่ 2 แบบคือ ลาการทำงาน กับ ลาฉุกเฉิน อันนี้จะไปเล่าในอีกข้อละกัน
►ไทย - อันนี้เป็นทุกบริษัท คือเข้างานออกงานต้องตรงเวลาเป๊ะ จะมีแต่บริษัทเล็กที่เวลาออกงานยืดหยุ่นได้ออกก่อนได้ไม่เกิน 10 นาที แต่บริษัทใหญ๋ใครออกเร็วกว่าเวลาปรับนาทีละ 500 บาท จ๊ะ แต่ก็เข้าใจนะเพราะองค์กรใหญ่พนักงานก็เยอะตามมันจึงต้องมีกฎระเบียบมาควบคุมไม่งั้นอยู่กันไม่รอด แต่ความยืดหยุ่นผมบอกเลยไม่ว่าจะองค์กรเล็กหรือใหญ่นั้นไม่มี ส่วนการ report ผมบอกเลยโคตรเยอะ โคตรวุ่นวาย ในบริษัทใหญ่ ทุกวันนี้ผมต้องมี report 7 อันที่ทำแต่ละอาทิตย์ อันแรกคือ Daily report ที่ต้องทำทุกวันส่งก่อนเวลาเลิกงานใครไม่ส่งเจอปรับ 500 บาท(olo) อันที่สอง Weekly Report ที่จะต้องส่งให้หัวหน้าแผนกสรุปเพื่อนำไปทำ รายงานของแผนกใครไม่ส่งเจอปรับ 1,000 บาท อันนี้ทุกคนต้องทำต่อให้จะเป็นระดับฝึกงานหรือระดับ manager ตำแหน่งเดียวที่ไม่ต้องทำคือ แม่บ้าน แต่มารู้ทีหลังว่าฝ่ายแม่บ้านจะมีฟอร์มให้กรอกแจ้งการปฎิบัติงานซึ่งไม่ต่างกัน รายงานสุดท้ายคือ รายงานสรุปงบอันนี้ผมไปเจรจาเองว่าขอทำเป็นแบบ Weekly เพราะว่าผมทำงานเกี่ยวกับสื่อออนไลน์ เวลาทำ AD ไปแล้วเงินมันไม่คงที่ตลอดแค่เวลาทำรายงานต่างกันยอดเงินก็ต่างแล้ว ยิ่งถ้าทำรายวันบอกเลยว่าตัวเลขไม่นอน ต้องกำหนดเวลาที่ทำมาชัดเจนแล้วทำเลย ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเวลานั้นเราติดงานอะไรอยู่สำคัญแค่ไหน สรุปคือได้ทำแบบ Weekly ผมเรียกว่า Budget Weekly Report อันนี้เดียวจะเล่าละเอียดในหัวข้อการทำรายงาน ส่วนเวลาทำงานของสายงานผมนั้นดีหน่อยเขาให้ทำ จัน - ศุก เข้าออก 09.00 - 17.00 น. ห้ามสายเกิน 15 นาที แต่แผนกอื่นน่าสงสารมากยิ่ง บัญชีและHR สุดๆ อันนี้ผมไม่รู้เป็นกันป่าวทุกบริษัทแต่ทุกวันผมเห้นสองแผนกนี้ทำงานกันต่อตลอดคือแบบเวลาเลิกงานยังอยู่กันครบอ่า บ้างวันผมทำงานเลิก 19.00 น. สองแผนกนี้ก็ยังอยู่นะ บริษัททุกคนเป้นเหมือนกันไหมมาแชร์ได้นะ
การลา
►ต่างประเทศ - เนื่องจากสายงานผมมันต้องเดินทางบ่อยๆ จึงทำการลาของผมไม่ค่อยมีอยู่แล้วอีกนัยหนึ่งคือหากต้องเดินทางไปสาขาอื่น ห้ามลานั้นละ แต่ตอนนั่งออฟฟิศ 3 เดือนแรก ผมทราบว่ามันมีการ 2 แบบ
1.ลางานปกติ อันนี้รวมเลยไม่ว่าจะลาป่วย ลากิจ ลาไปงานแต่ง ลาไปสารพัดคือจะลาแล้วไปทำห่าอะไรก็ได้เขาไม่ว่าขอแค่มีเอกสารการลาหัวหน้าอนุมัติจบ หากป่วยอาจจะมีใบรับรองแพทย์แนบมาด้วยโดยให้เวลาทำเอกสารจากการลาไม่เกิน 3 วัน หากไม่ทำจะถือว่าขาดงาน ซึ่งลาแบบนี้ทุกคนลาได้ 5ครั้ง/เดือน ซึ่งเยอะมากๆๆๆๆๆๆ แต่ส่วนมากไม่ค่อยลากันหรอกเพราะบริษัททำงาน จัน - ศุก เวลาว่างเหลือเฟือ
2.ลาฉุกเฉิน ตามชื่อครับ ลาไปงานศพ ลาประสบอุบัติเหตุ ลาไปดูใจญาติ หรือลาป่วยกระทันหันแบบว่าไม่สบายเป้นโรคร้ายแรง รวมไปถึง ลาเป็นเมนส์ด้วย จุดนี้บอกเลยคนลากันเยอะมากโดยเฉพาะผู้หญิง จะลาปวดประจำเดือนเยอะมาก เฉลี่ยเดือนหนึ่งคนละ 2 ครั้ง(ถือว่าเยอะนะเพราะที่นี้ไม่ค่อยหยุดกัน) โดยการลาแบบนี้ไม่มีเงื่อนไข แต่ต้องมีหลักฐานรับรองทุกครั้งเช่น ถ้าไปงานศพต้องมีถ่ายรูปคู่ตัวเองกับงานศพ หรือลาปวดท้องเมนส์ต้องมีใบรับรองการจ่ายยา คือในประเทศนี้เวลาผญ.จะไปซื้อยาพวก พอนสแตมป์ เภสัชตามร้านยาจะมีใบรับรองการจ่ายยาว่าปวดท้องเมนส์จริง เพราะยาชนิดนี้ในประเทศที่ผมอยู่มันมีสารบ้างอย่างไปทำยาเสพติดได้ ซึ่งผมก็งงแต่ก็รู้มาแค่นี้ แถมถ้าปวดท้องเมนส์แล้วไปจ่ายยานำมาเบิกกับบริษัทได้อีก เรียกได้ว่า ซัพพอร์ตสุดๆ ผมไม่รู้ว่าที่อื่นเป็นป่าวแต่บริษัทผมซัพพอร์ตให้
►ไทย - หึมาถึงจุดนี้ได้แต่เบ้ปากมองบน ขอแยกเป้น 2 แบบเช่นเคย
1.องค์กรเล็ก - ลา whatever อะไรก้ตามแต่ ขอแค่แจ้งลาในไลน์หรือโทรแจ้งให้ผู้บริหารรับทราบ ถ้าได้รับอนุญาตจบ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตก็ต้องชี้แจงให้เขาฟัง ถ้าเขาเห้นชอบก็ให้ลา ซึ่ง่สวนมากจากที่เจอมาในไลน์เขาก็ให้ลาทุกคน จะมีบ้างคนที่ลาถี่ๆๆๆเกินไปถึงจะไม่ให้ลา ซึ่งมีน้อยมากจากที่เจอมามีแค่คนเดียวที่ติดนิสัยชอบลาเป้นสันดานแบบว่า ลาวันจันแล้ว วันพฤหัสลาอีก หรือลายาววันหยุดอย่างกรณีนี้คือหยุด เสา - จัน พวกก็ลาวันศุกกับวันอังคาร เขาถึงจะไม่ให้ คือห้ามลาชนวันหยุดจนเป็นวันหยุดยาวนั้นละ
2.องค์กรใหญ่ - ที่นี้ละเงื่อนไขเยอะ ลาจุกลาจิกต้องทำเรื่องตลอด ที่แปลกสุดคือ ลาป่วยแค่ 1 วันวันต่อมาต้องมีใบรับรองแพทย์ถ้าไม่มีจะถูกถือว่าลากิจหรือขาดงานไปเลย บริษัทที่สามที่ผมทำนั้นแปลกสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ห้ามลาป่วยเต็มวัน ให้ลาได้ครึ่งวันเท่านั้น หรืออย่างผู้หญิงลาปวดประจำเดือน ต้องมีใบรับรองแพทย์ WTF!!!!!!!!! คือทุกคนเข้าใจใช่ไหมคือกูป่วยแล้ว แต่กูต้องลากสังขารไปหาหมอต่อคิวยาวเหยียดเพื่อเอาใบรับรองแพทย์ แทนที่จะได้นอนพักอยู่บ้าน ยิ่งถ้าใช้ประกันสังคมรอไปเหอะ เช้ายันเย็น บ่ายยันค่ำ
มีต่อ
วัฒนธรรมในออฟฟิศของไทยกับต่างประเทศ ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด
สาเหตุที่ผมต้องกลับมาทำงานที่ไทยไม่มีอะไรมากครับ พ่อ-แม่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ และที่บ้านเหลือน้องสาว 2 คนไม่มีคนดูแล + ที่บ้านมีเงินพอสมควรที่ผมส่งเสียให้ตลอดทุกเดือน จึงจำใจต้องลาออกกลับดูแลน้องและหางานทำที่ไทย โดยปัจจุบันผมทำงานที่บริษัทในไทยมาแล้วถึง 7 ปี ซึ่งผมย้ายมาแล้วประมาณ 4 บริษัท ตั้งแต่บริษัทระดับ SME ไปยันบริษัทมหาชนระดับประเทศ ปัจจุบันผมทำงานอยู่ในบริษัทไทยที่กล้าพูดว่าติด Top5 ของประเทศ และเช่นเคยไม่อยากมีปัญหาเลยไม่ขอเอ่ยนามครับด้วยปัจจัยหลายอย่าง
มาถึงตรงนี้ใครไม่อยากเชื่อตามสบายนะครับเพราะถือว่าแชร์ประสบการณ์กัน ส่วนนิสัยผมคือคนง่ายๆด้วยความที่เป็นคนไทยระดับกลางๆพอได้ดิบได้ดีพยายามปรับตัวและไปซึมซับวัฒนธรรมการทำงานในต่างประเทศมาเยอะครับ จึงเป้นสาเหตุที่ว่าผมไม่ค่อยเลือกงานเท่าไรคือทำได้หมดตั้งแต่บริษัทเล็กๆยันพนักงาน part-time เพราะถือคติไม่เลือกงานไม่ยากจน เกริ่นมาเยอะละมาเริ่มกันเลย
การทำงานวันแรก
►ต่างประเทศ - ผมจำได้แม่นวันที่ผมมาเริ่มทำงานวันแรกที่ต่างประเทศ จะมี senior คนหนึ่งมาช่วยผมตลอดประกบแจยิ่งกว่าเงา ว่าต้องทำงานยังไง สร้าง account ยังไง ติดต่อใครยังไง ประสานยังไงมีเอกสารอะไรต้องทำหากต้องยื่นไปถึงแผนกนี้ คือแบบประทับใจครับ คือเขาสอนงานผมเรียกได้ว่าเดือนแรกผมแถบจะเป็นง่อย แถบจะไม่ต้องทำอะไรเลย ผมจะวนอยู่แค่ 3 เรื่องคือ การขออุปกรณ์(notebook, ipad, มือถือ) , การติดต่อประสานงานแต่ละแผนก, หน้าที่งานของเรา(ซึ่งเขาทำให้ผมดูหมดเดือนแรก ก่อนจะปล่อยให้ผม in-charge เอง) แถมช่วงทานข้าวยังพาผมไปเลี้ยงข้าวอีกและไปเรียกเพื่อนต่างแผนกเขามานั่งร่วมวงด้วยแนะนำให้รู้จัก บลา บลา ซ฿่งมีทั้งคนที่พูดอังกฤษได้และไม่ได้ ใครพูดได้ก็คุยกันสนุกสนาน ใครพูดไมไ่ด้พี่เขาจะรับหน้าที่เป้นลามแปลให้ฟัง แปลผิดแปลถูกก็ขำขำไปตามประสาคนต่างชาติมาทำงานนั้นละครับ อันนี้สนุกมาก
► ไทย - การทำงานวันแรกในบริษัทใหญ่ของผม พอมานั่งโต๊ะปุบสิ่งที่เจอคือ โต๊ะเปล่า ไม่มีคอม ไม่มีปากกา ไม่มีห่าอะไรเลย ผมไปถามเพื่อนร่วมงานข้างๆ ผมได้รับคำตอบว่า " ลองถามหัวหน้าแผนกดู ผมยุ่งๆอยู่เดียวมาช่วยตอนว่างๆ " อ่ะโอเคไม่เป็นไร ผมไปถามหัวหน้าแผนก หัวหน้าชี้นิ้วให้ผมไปหา HR และไปหา IT พอผมไปหาเจอไล่ให้ไปหาฝ่ายจัดซื้อเพื่อทำเรื่องขอซื้ออุปกรณ์ พอไปจัดซื้อผมถูกไล่กลับให้ไปหา HR เพื่อยื่นเอกสารรับรองการจัดซื้อ มาถึงจุดนี้ผม WTF!!! อะไรวะเฮ้ยตรูมาทำงานนะเว้ยไม่ใช่มาเดินเรื่องเอกสารบ้าบอ สุกดท้ายกว่าผมจะได้คอมมาใช้กินเวลาไป 2 วันเต็มๆ คือแบบเป็น 2 วันที่เสียไปกับเรื่องปัญญาอ่อน คืองงทำไมแผนกเขารู้อยู่แล้วว่ามีพนักงานมาใหม่ทำไมไม่จัดรออุปกรณ์ไว้รอละ ต้องให้พนักงานใหม่ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไำรเลยในออฟฟิศมาเดินเรื่องเอง แล้วเขาจะรู้ขั้นตอนไหมละ นี้ละทำงานแบบไทยๆ
การยื่นเรื่องขออนุมัติ
►ต่างประเทศ - ผมบอกสั้นว่าๆมีแค่ 2 ขั้นตอนคือ ทำหนังสือร้องขอที่แผนกตนเอง จากนั้นนำไปยื่นให้หัวหน้าเซ็น แล้วหัวหน้าผมจะยื่นให้กับฝ่ายประสานงานเดินเรื่องต่อ จากนั้นพอยื่นเอกสารเสร็จแล้วผมจะได้ note มาเล็กๆข้างในมีชื่อของคนที่รับเรื่อง แผนกที่รับเรื่อง เบอร์ติดต่อแผนกนั้น วันเวลากำหนดในการอนุมัติ พร้อมมีอีเมล์ของผู้บริหารระดับสูงแปะข้างหลังและเขียนสั้นๆว่า กรณีที่เรื่องขอล่าช้าให้ส่งอีเมล์แจ้งไปที่ผู้บริหารได้โดยตรง คือทุกแผนก ทุกคนที่จะติดต่อขออนุมัติจะเป็นแบบนี้หมดครับ ภายหลังผมมารู้ว่า note นั้นเรียกกันว่า White Note เป็นเหมือนใบรับคิวเวลาเราไปติดต่อแบงค์นั้นละที่จะยืนยันว่าเราขออนุมัติเรื่องแล้ว และเราต้องรักษา note นั้นยิ่งชีวิตเพราะเวลาเรื่องผ่านเขาจะมาขอ note นั้นเราคืนเพื่อไปยืนยันเรื่องอนุมัติแล้ว โดยที่เจอมาช้าสุดทำการอนุมัติผ่านและได้รับสิ่งที่ขอไปภายใน 5 วัน จบ
►ไทย - ในที่นี้แยกเป็น 2 แบบ
1.บริษัทเล็ก - ไม่มีอะไรมากครับไปคุยปากเปล่าถึงปัญหาสาเหตุว่าทำไมต้องมีสิ่งนั้นสิ่งนี้ และขออนุมัติต่อเจ้าของโดยตรง เจ้าของอนุมัติ ไปทำเอกสารยื่นให้เขาเซ็น มีเอกสาร 2 ฉบับ ฉบับแรกขออนุมัติ ฉบับ 2 สาเหตุที่ขออนุมัติ ใช้เวลาเดินเรื่อง + ขออนุมัติ แค่ 3 วัน จบ
2.บริษัทใหญ่ - โอโห้ข้อนี้บอกเลยโคตรยุ่งยากวุ่นวายผมจำได้ว่าตอนนั้นผมขออนุมัติอุปกรณืสำนักงานไป แต่ผมต้องทำเอกสารถึง 4 ฉบับ
ฉบับแรก - เอกสารถึงหัวหน้า
ฉบับสอง - เอกสารถึงฝ่ายจัดซื้อ
ฉบับสาม - เอกสารถึงผู้บริหาร
ฉบับสี่ - เอกสารรับประกันความเสียหาย
คือแบบ WTF!!! ผมใช้เวลาเดินเรื่องประมาณ 1 วันเสร็จคือครึ่งวันผมต้องทำเอกสารและไปยื่นแต่ละฝ่าย จากนั้นรออนุมัติ 7 วัน แต่สุดท้ายก็ไม่ข้องเพราะต้องรอรอบจัดซื้อไปเบิกเงินซื้อของเข้าสำนักงานอยู่ดีคือเฉลี่ยรอบละ 1 - 3 เดือน แล้วจะให้กรูทำเรืองเพื่อเพราะสุดท้ายตัวที่สำคัญและการันตีว่าได้ของคือใบของอนุมัติจัดซื้อที่จะโปรยมาให้ทุกแผนกว่าจะซื้ออะไรบ้าง
เวลาทำงาน
►ต่างประเทศ - ผมบอกเลยว่าโคตร freedom คือเขามีเวลาเข้า-ออกทำงานนะอยู่ที่ 09.00 - 17.00 น. มาสายได้ทั้งเดือนไม่เกิน 5 ครั้ง แต่ต้องทำบันทึกมาสายแจ้งต่อหัวหน้าพร้อมเหตุผล ถ้ามีหลักฐานรับรองจะไม่นับว่าสาย แต่ที่ทุกคนต้องระลึกไว้คือ คุณจะมาสายก็ได้ แต่ถ้า performance หรือ ผลงานไม่มีเตรียมตัวถูกไล่ออก จริงครับแค่มาสายนี้ละถูกไล่ออกเลยซึ่งแผนกผมทาง CEO เขาอนุมัติเองให้ไม่จับมาสายเพราะสายงานผมทุกคนต้องใช้ Idea ใช้ทักษะการออกแบบ เขาเลยเปิดกว้างให้ไม่จับเวลามาสาย แต่ทุกสิ้นเดือนทุกคนต้องทำ report ที่เรียกกันว่า PRE(Performance Report) รายงานต่อผู้บริหาร จะทำมากี่หน้าก็ได้ไม่ตายตัว ขอแค่ในรายงานมีสิ่งที่คุณทำ มีสาเหตุและเหตุผลที่คุณทำมาก็พอ ที่เหลือผู้บริหารเขาอ่านเอง เขาบอกว่าไม่ต้องทำ present มาสวยหรูทำรายงานโง่ๆมาก็ได้ ที่เหลือเขาอ่านเองวิเคราะห์เอง เขาให้เหตุผลว่า หลายครั้งที่พนักงานทำรายงานมาเยอะมันเหมือนกับดูถูกพวกเขาว่า โง่ อ่านรายงานไม่เป็น ซึ่งผู้บริหารเขาไม่ชอบ รายงานทำเสนอมาดีๆจะทำต่อเมื่อตอนประชุมบอร์ดรวม หรือ ประชุมฝ่ายกับผู้บริหาร(อันนี้เขาเรียกกันว่า Perform Meeting ที่จะรายงานผลการปฎิบัติรวมของแผนกโดยหัวหน้าแผนกต้องเป้นคนรายงานคนเดียว และจะให้พนักงานทุกคนแจ้งว่าต้องการอะไรมีปัญหาอะไร ทำงานโอเคไหม อันนี้ทุกคนต้องเข้าและต้องแจ้งไม่งั้นผู้บริหารจะไม่รู้เลยว่ามีปัญหาอะไร) ส่วนเรื่องการลา เขามีให้แค่ 2 แบบคือ ลาการทำงาน กับ ลาฉุกเฉิน อันนี้จะไปเล่าในอีกข้อละกัน
►ไทย - อันนี้เป็นทุกบริษัท คือเข้างานออกงานต้องตรงเวลาเป๊ะ จะมีแต่บริษัทเล็กที่เวลาออกงานยืดหยุ่นได้ออกก่อนได้ไม่เกิน 10 นาที แต่บริษัทใหญ๋ใครออกเร็วกว่าเวลาปรับนาทีละ 500 บาท จ๊ะ แต่ก็เข้าใจนะเพราะองค์กรใหญ่พนักงานก็เยอะตามมันจึงต้องมีกฎระเบียบมาควบคุมไม่งั้นอยู่กันไม่รอด แต่ความยืดหยุ่นผมบอกเลยไม่ว่าจะองค์กรเล็กหรือใหญ่นั้นไม่มี ส่วนการ report ผมบอกเลยโคตรเยอะ โคตรวุ่นวาย ในบริษัทใหญ่ ทุกวันนี้ผมต้องมี report 7 อันที่ทำแต่ละอาทิตย์ อันแรกคือ Daily report ที่ต้องทำทุกวันส่งก่อนเวลาเลิกงานใครไม่ส่งเจอปรับ 500 บาท(olo) อันที่สอง Weekly Report ที่จะต้องส่งให้หัวหน้าแผนกสรุปเพื่อนำไปทำ รายงานของแผนกใครไม่ส่งเจอปรับ 1,000 บาท อันนี้ทุกคนต้องทำต่อให้จะเป็นระดับฝึกงานหรือระดับ manager ตำแหน่งเดียวที่ไม่ต้องทำคือ แม่บ้าน แต่มารู้ทีหลังว่าฝ่ายแม่บ้านจะมีฟอร์มให้กรอกแจ้งการปฎิบัติงานซึ่งไม่ต่างกัน รายงานสุดท้ายคือ รายงานสรุปงบอันนี้ผมไปเจรจาเองว่าขอทำเป็นแบบ Weekly เพราะว่าผมทำงานเกี่ยวกับสื่อออนไลน์ เวลาทำ AD ไปแล้วเงินมันไม่คงที่ตลอดแค่เวลาทำรายงานต่างกันยอดเงินก็ต่างแล้ว ยิ่งถ้าทำรายวันบอกเลยว่าตัวเลขไม่นอน ต้องกำหนดเวลาที่ทำมาชัดเจนแล้วทำเลย ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเวลานั้นเราติดงานอะไรอยู่สำคัญแค่ไหน สรุปคือได้ทำแบบ Weekly ผมเรียกว่า Budget Weekly Report อันนี้เดียวจะเล่าละเอียดในหัวข้อการทำรายงาน ส่วนเวลาทำงานของสายงานผมนั้นดีหน่อยเขาให้ทำ จัน - ศุก เข้าออก 09.00 - 17.00 น. ห้ามสายเกิน 15 นาที แต่แผนกอื่นน่าสงสารมากยิ่ง บัญชีและHR สุดๆ อันนี้ผมไม่รู้เป็นกันป่าวทุกบริษัทแต่ทุกวันผมเห้นสองแผนกนี้ทำงานกันต่อตลอดคือแบบเวลาเลิกงานยังอยู่กันครบอ่า บ้างวันผมทำงานเลิก 19.00 น. สองแผนกนี้ก็ยังอยู่นะ บริษัททุกคนเป้นเหมือนกันไหมมาแชร์ได้นะ
การลา
►ต่างประเทศ - เนื่องจากสายงานผมมันต้องเดินทางบ่อยๆ จึงทำการลาของผมไม่ค่อยมีอยู่แล้วอีกนัยหนึ่งคือหากต้องเดินทางไปสาขาอื่น ห้ามลานั้นละ แต่ตอนนั่งออฟฟิศ 3 เดือนแรก ผมทราบว่ามันมีการ 2 แบบ
1.ลางานปกติ อันนี้รวมเลยไม่ว่าจะลาป่วย ลากิจ ลาไปงานแต่ง ลาไปสารพัดคือจะลาแล้วไปทำห่าอะไรก็ได้เขาไม่ว่าขอแค่มีเอกสารการลาหัวหน้าอนุมัติจบ หากป่วยอาจจะมีใบรับรองแพทย์แนบมาด้วยโดยให้เวลาทำเอกสารจากการลาไม่เกิน 3 วัน หากไม่ทำจะถือว่าขาดงาน ซึ่งลาแบบนี้ทุกคนลาได้ 5ครั้ง/เดือน ซึ่งเยอะมากๆๆๆๆๆๆ แต่ส่วนมากไม่ค่อยลากันหรอกเพราะบริษัททำงาน จัน - ศุก เวลาว่างเหลือเฟือ
2.ลาฉุกเฉิน ตามชื่อครับ ลาไปงานศพ ลาประสบอุบัติเหตุ ลาไปดูใจญาติ หรือลาป่วยกระทันหันแบบว่าไม่สบายเป้นโรคร้ายแรง รวมไปถึง ลาเป็นเมนส์ด้วย จุดนี้บอกเลยคนลากันเยอะมากโดยเฉพาะผู้หญิง จะลาปวดประจำเดือนเยอะมาก เฉลี่ยเดือนหนึ่งคนละ 2 ครั้ง(ถือว่าเยอะนะเพราะที่นี้ไม่ค่อยหยุดกัน) โดยการลาแบบนี้ไม่มีเงื่อนไข แต่ต้องมีหลักฐานรับรองทุกครั้งเช่น ถ้าไปงานศพต้องมีถ่ายรูปคู่ตัวเองกับงานศพ หรือลาปวดท้องเมนส์ต้องมีใบรับรองการจ่ายยา คือในประเทศนี้เวลาผญ.จะไปซื้อยาพวก พอนสแตมป์ เภสัชตามร้านยาจะมีใบรับรองการจ่ายยาว่าปวดท้องเมนส์จริง เพราะยาชนิดนี้ในประเทศที่ผมอยู่มันมีสารบ้างอย่างไปทำยาเสพติดได้ ซึ่งผมก็งงแต่ก็รู้มาแค่นี้ แถมถ้าปวดท้องเมนส์แล้วไปจ่ายยานำมาเบิกกับบริษัทได้อีก เรียกได้ว่า ซัพพอร์ตสุดๆ ผมไม่รู้ว่าที่อื่นเป็นป่าวแต่บริษัทผมซัพพอร์ตให้
►ไทย - หึมาถึงจุดนี้ได้แต่เบ้ปากมองบน ขอแยกเป้น 2 แบบเช่นเคย
1.องค์กรเล็ก - ลา whatever อะไรก้ตามแต่ ขอแค่แจ้งลาในไลน์หรือโทรแจ้งให้ผู้บริหารรับทราบ ถ้าได้รับอนุญาตจบ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตก็ต้องชี้แจงให้เขาฟัง ถ้าเขาเห้นชอบก็ให้ลา ซึ่ง่สวนมากจากที่เจอมาในไลน์เขาก็ให้ลาทุกคน จะมีบ้างคนที่ลาถี่ๆๆๆเกินไปถึงจะไม่ให้ลา ซึ่งมีน้อยมากจากที่เจอมามีแค่คนเดียวที่ติดนิสัยชอบลาเป้นสันดานแบบว่า ลาวันจันแล้ว วันพฤหัสลาอีก หรือลายาววันหยุดอย่างกรณีนี้คือหยุด เสา - จัน พวกก็ลาวันศุกกับวันอังคาร เขาถึงจะไม่ให้ คือห้ามลาชนวันหยุดจนเป็นวันหยุดยาวนั้นละ
2.องค์กรใหญ่ - ที่นี้ละเงื่อนไขเยอะ ลาจุกลาจิกต้องทำเรื่องตลอด ที่แปลกสุดคือ ลาป่วยแค่ 1 วันวันต่อมาต้องมีใบรับรองแพทย์ถ้าไม่มีจะถูกถือว่าลากิจหรือขาดงานไปเลย บริษัทที่สามที่ผมทำนั้นแปลกสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ห้ามลาป่วยเต็มวัน ให้ลาได้ครึ่งวันเท่านั้น หรืออย่างผู้หญิงลาปวดประจำเดือน ต้องมีใบรับรองแพทย์ WTF!!!!!!!!! คือทุกคนเข้าใจใช่ไหมคือกูป่วยแล้ว แต่กูต้องลากสังขารไปหาหมอต่อคิวยาวเหยียดเพื่อเอาใบรับรองแพทย์ แทนที่จะได้นอนพักอยู่บ้าน ยิ่งถ้าใช้ประกันสังคมรอไปเหอะ เช้ายันเย็น บ่ายยันค่ำ
มีต่อ