สวัสดีค่ะ สมาชิกพันทิปทุกท่าน
รบกวนขอคนมีความรู้ด้านการบริหารคนแนะนำหน่อยนะคะ
1. กรณีเช่นนี้ควรจัดการอย่างไรดีคะ คนที่ "ไม่ฟัง" "ไม่ทำ (งาน)" "ไม่เชื่อ" ในคำสั่งหัวหน้างาน
2. ลูกน้องคนนี้ควรจะให้ผ่านทดลองงาน หรือ ไม่ผ่านทดลองงานดีคะ
เนื่องจากเรื่องราวมันยาวมากๆ ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์เป็นเรื่องๆ ไปนะคะ ถ้าอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมจะพิมพ์ต่อให้ค่ะ
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 1
ลูกน้องทำการเปลี่ยนแปลงเอกสารที่จะต้องนำไปยื่นกับส่วนงานราชการ ซึ่งแสดงข้อมูลความลับของบริษัทฯ บนเอกสารดังกล่าว โดยไม่มีการแจ้งหัวหน้า พอหัวหน้าบอกให้เปลี่ยนกลับไปใช้ของบริษัทที่เคยทำมาอยู่ก่อน เพราะแบบฟอร์มนั้นยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติจากผู้บริหาร ลูกน้องก็เกิดอาการไม่พอใจ พูดว่า "ไม่ทำ ถ้าอยากทำก็ทำเองเลย" และก็บอกว่าเรื่องนี้จะไปคุยกับผู้บริหารด้วยตัวเอง ซึ่งทางผู้บริหารชาวต่างชาติก็บอกว่าให้ไปคุยกับหัวหน้างาน ทางหัวหน้างานก็ได้คุยกับผู้บริหาร มีความเห็นตรงกันว่าควรใช้แบบฟอร์มเดิม ลูกน้องก็ยังคงดื้อรั้น และพูดด้วยน้ำเสียงก้าวร้าวว่า "ถ้าไม่เซ็นต์ก็เขียนเหตุผลมาว่าทำไม" หัวหน้าไม่ได้ตอบโต้อะไร ได้แต่นิ่งเงียบ และพยายามอธิบาย แต่ก็ไม่ฟัง บอกแต่ว่าห้วหน้าไม่ฟังตัวเอง พอหัวหน้าอธิบายอีก ก็ไม่ฟังอีก และยังคงบอกหัวหน้าว่าตัวเองจะทำแบบของตัวเองเท่านั้น
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 2
หลังจากนั้นด้วยความเครียดแค้น ลูกน้องก็ได้หาทางจับผิดหัวหน้า โดยในแผนกมีการตกลงกันว่าถ้าใครทำผิดกฎ เราจะเก็บเงินกัน 5-20 บาท และในทุกๆ สิ้นเดือน เราก็จะจับฉลาก คนไหนได้ก็เอาเงินไปซื้อขนม ซึ่งเงินส่วนนั้นไม่เคยถึง 200 บาทซักครั้ง
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 3
ลูกน้องในแผนกทำการเริ่มงานพร้อมกัน 2 คน คนนึงผ่านทดลองงานจะได้ปรับเงินเดือน อีกคนผ่านทดลองงานจะไม่มีการปรับเงินเดือน พอหัวหน้าแจกสลิปเงินเดือน ก็เลยแปลกใจ เพราะเข้าใจว่าผ่านทดลองงานแล้วจะต้องได้ปรับเงินเดือนทั้ง 2 คน จึงบอกว่าขอดูสลิปเงินเดือนหน่อย ซึ่งลูกน้องได้แกะสลิปเงินเดือนและจากกนั้นก็ยื่นส่งให้หัวหน้างานดู
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 4
ในทุกเช้าของวันทำงาน จะมีการประชุมหน้าแถวจากทุกแผนก เพื่อแจ้งข่าวสาร โดยในวันนี้ผู้บริหารชาวต่างชาติได้ทำการประกาศแจ้งว่าจะสลับวันหยุดงานให้เพิ่มเติมอีกหนึ่งวัน หลังจากนั้นลูกน้องก็เดินไปหน้าแถวพูดต่อจากผู้บริหารและกับเพื่อนร่วมงานทุกคนว่า "อย่าเพิ่งไปนะคะ มีคำถาม 2 ข้อ ที่อยากจะถามฝ่ายบุคคล ดีเลยผู้บริหารก็อยู่ด้วย งั้นถามพร้อมกันเลยว่า ข้อ 1 หัวหน้างานสามารถรีดไถเงินจากลูกน้องได้หรือไม่ ข้อ 2 หัวหน้างานสามารถแอบดูสลิปเงินเดือนของลุกน้องได้หรือไม่"
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 5
ลูกน้องทำการจองรถไว้เพื่อจะออกไปปฏิบัติงานข้างนอก แต่ห้วหน้าเรียกดูเอกสารที่จะไปยื่นส่วนงานราชการ จึงงดและห้ามไป เพราะยังคงขัดคำสั่งใช้แบบฟอร์มแบบเดิมๆ อยู่ หลังจากนั้นลูกน้องไม่พอใจ เดินไปฟ้องผู้บริหารชาวต่างชาติ ซึ่งหัวหน้างานถูกเรียกตามไปทีหลัง พร้อมอธิบายให้ฟ้งว่าทำไมถึงไม่ให้ไป เนื่องจากเอกสารยังไม่ได้ถูกแก้ไขให้เป็นในรูปแบบของบริษัทตามที่ขอความร่วมมือไปแล้ว และหัวหน้างานได้รายงานเพิ่มเติมว่า เอกสารบางอย่างก็ไม่ได้ถูกส่งให้หัวหน้างานตรวจ โดยผู้บริหารตัดสินใจว่าให้หัวหน้างานตรวจก่อน ถึงจะให้ผู้บริหารเซ็นต์ ซึ่งในส่วนตัวของหัวหน้างานเองก็ได้เคยบอกแล้วเช่นกัน แต่ลูกน้องก็ไม่เชื่อ
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 6
หลังจากที่ไม่ได้ออกไปข้างนอก ลูกน้องก็ยังคงโจมตีหัวหน้างานไม่หยุด บอกผู้บริหารว่างานมีปัญหาต่างๆ นาๆ ไม่สมควรให้หัวหน้างานคนนี้ทำงานอยู่ในบริษัท โดยที่หัวหน้างานเองก็ได้เคยบอกลูกน้องไปแล้วว่า งานที่มีปัญหาอยู่ มีอะไรบ้าง และงานที่เกิดปัญหาไปแล้วต้องแก้ไข ให้รีบจัดการ เนื่องจากเจ้าหน้าที่คนเก่าทำงานที่ไม่เรียบร้อยทิ้งเอาไว้ และหัวหน้างานเพิ่งจะได้เข้ามารับผิดชอบ และแก้ไขปัญหาทีละจุด โดยทางผู้บริหารเองก็ได้ตำหนิว่า ถ้าจะบอกว่าใครผิดถูก มันก็คงต้องเล่าเรื่องกันอีกยาว เพราะหัวหน้างานคนนี้ก็ไม่ได้เป็นคนทำทิ้งไว้ ดังนั้นการที่รับลูกน้องคนนี้เข้ามา ก็เพื่อมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ได้ให้มารายงานว่ามีปัญหาอะไร เพราะฉะนั้นขอความร่วมมือให้ทุกคนช่วยกัน
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 7
ลูกน้องพูดกับผู้บริหารขอแยกแผนกออกจากสังกัดที่ตนเองอยู่คือแผนกจัดซื้อ ขอแยกในส่วนของนำเข้า ส่งออก และสิทธิประโยชน์ ออกจากแผนกจัดซื้อ ซึ่งทางผู้บริหารเองก็ได้อธิบายไปว่าการจะแก้ไขแผนผังองค์กรของบริษัท ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บริหารสูงสุด ไม่ใช่คิดจะทำ จะแก้ก็ทำได้เลย ขอได้โปรดเข้าใจ
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 8
ลูกน้องกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน พร้อมบอกกับเพื่อนร่วมงานว่าฝากบอกหัวหน้างานด้วยว่า จะโทรหาคนทุกคนที่เคยทำงานแผนกนี้มาก่อน เบอร์โทรศัพท์หาไม่ยากหรอกนะ
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 9
ลูกน้องขอทำงานล่วงเวลา แต่หัวหน้างานไม่อนุมัติ พร้อมกับแจ้งผู้บริหารให้รับทราบว่างานดังกล่าวสามารถทำในเวลาปัจจุบันได้ จากนั้นก็แสดงตัวเลขค่าใช้จ่ายที่ต้องสูญเสียไปแบบไม่จำเป็น ซึ่งลูกน้องเองก็ยังคงไม่พอใจและบอกว่าจะเอาเอกสารไปให้ผู้บริหารเซ็นต์อนุมัติด้วยตนเอง แต่ผู้บริหารก็ได้เรียกหัวหน้างานขึ้นไป พร้อมยืนยันว่าแล้วแต่หัวหน้างาน หัวหน้างานก็เลยบอกผู้บริหารว่า การทำงานล่วงเวลาหมายถึงงานนั้นจะต้องเสร็จก่อนวันรุ่งขึ้น หรือเสร็จให้เร็วที่สุด แต่ก็จะต้องทำงานให้เต็มที่กับช่วงเวลาปกติซะก่อน อีกสาเหตุที่ไม่ให้ทำงานล่วงเวลาเพราะว่า ลูกน้องเองก็ไม่ได้ใช้เวลาให้กับงานอย่างเต็มที่ ตั้งแต่เดินออกจากห้องผู้บริหาร (ประมาณสิบนาทีที่แล้ว) ตอนนี้ก็ยังคงนั่งคุยอยู่กับพนักงานแผนกอื่นอยู่เลย จากนั้นก็ชี้ให้ผู้บริหารดู ซึ่งผู้บริหารก็พอจะเข้าใจ และยังคงบอกว่าแล้วแต่ความเหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้างาน พอหัวหน้างานกลับมาที่โต๊ะ ลูกน้องก็พูดว่า "จะเอายังไงคะ จะให้ทำโอที (งานล่วงเวลารึเปล่า) เสียเวลาจริงๆ" หัวหน้างานก็ยืนยันว่าไม่ให้ทำค่ะ เพราะงานดังกล่าวไม่ต้องเสร็จในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ อีกอย่างพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดต่อเนื่องสี่วัน ส่วนเอกสารก็มีอายุเต็มที่ 1 ปี ลูกน้องก็พูดว่า "โง่จริงๆ เอกสารมีอายุแค่ 6 เดือนเท่านั้น" หัวหน้างานไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงด้วย เพราะต้องเร่งทำรายงานส่งผู้บริหาร และรู้สึกเหนื่อยที่พูดไปก็ไม่จบ เพราะลูกน้องต้องการเอาชนะ จึงเงียบ.....อย่างเดียว ต่อจากนั้นลูกน้องก็บ่นไป ด่าหัวหน้างานไป โวยวายงานเยอะ คนไม่พอ หัวหน้าช่วยหาคนให้ด้วย ส่งเสียงดังอยู่คนเดียว หัวหน้าจึงบอกให้ลดเสียงลง แผนกอื่นเค้าต้องการสมาธิในการทำงาน จากนั้นลูกน้องก็พูดต่อว่าต่างๆ นาๆ จนหัวหน้างานทนไม่ไหว พูดว่า "น้องคะ เลิกพูดคำด่าคำได้แล้ว" ลูกน้องก็ตอบว่าไม่ได้ด่าค่ะ หัวหน้าก็บอกว่า "ไม่ได้ด่า แล้วคำว่าโง่เรียกว่าด่ามั้ยคะ" ลูกน้องก็บอกว่าคำว่าโง่ไม่ใช่คำด่าค่ะ อืม>>>>> หัวหน้างานก็ไม่ได้โต้ตอบ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเอกสารมีอายุหนึ่งปี และก็ไม่คิดจะอธิบายให้ลูกน้องฟัง เพราะลูกน้องไม่ฟังอะไร ใดๆ ทั้งสิ้น จนเพื่อนร่วมงานในแผนกต้องยกมือขึ้นบอกให้ลูกน้องหยุดเถอะ ส่วนหัวหน้างานก็นั่งปั่นรายงานส่งผู้บริหารต่อไป และลูกน้องก็ยังไม่ยอมแพ้จึงบอกว่า "ไม่ให้ทำก็ไม่เป็นไร งั้นจะไปขอข้าวฟรีที่ฝ่ายบคคลทาน" โดยอีกสักพักลูกน้องก็ลงมาบอกว่า "ไม่ทำโอทีแล้วนะคะ ไม่มีข้าวให้กิน" แล้วก็พูดว่า "คุณเป็นหัวหน้า ลูกน้องคุณออกไปตั้งสามสี่คน หัดพิจารณาตัวเองได้แล้วนะ" "คุณมันไม่เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้างาน" ประสบการณ์คุณก็ไม่มี อืม>>>ถึงตอนนี้หัวหน้างานก็เบื่อสุดๆ ล่ะ ทนสุดๆ ล่ะ ซักพักลูกน้องก็เหนื่อยและหยุดไปเอง แต่ก่อนจะกลับบ้าน ลูกน้องก็พูดเชิงกระแทกๆ ว่าสวัสดีค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่วันนี้หนูด่าพี่ หัวหน้างานก็เงยหน้าขึ้นมาตอบว่า "ขอบคุณค่ะ"
จริงๆ มีรุนแรงกว่านี้นะคะ นี่แค่น้ำๆ ค่ะ แต่ทำไงได้ล่ะค่ะ เป็นหัวหน้างานต้องอดทน อดกลั้น โดยเฉพาะเรื่องวุฒิภาวะทางด้านอารมณ์ค่อนข้างสำคัญ ตอนนี้หัวหน้างานเป็นผู้หญิงระดับผู้จัดการค่ะ ทำงานที่บริษัทตั้งแต่เริ่มบุกเบิกผ่านมาเกือบสามปีล่ะ ลูกน้องเป็นกระเทยระดับซูปเปอร์ไวเซอร์ค่ะ เพิ่งเริ่มงานได้เดือนกว่าๆ ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ เครียดจริงๆ น้ำตาตกในมากๆ เพื่อนผู้จัดการด้วยกันบอกให้ร้องไห้ค่ะ ผู้บริหารจะได้เห็นใจ แต่ก็คิดว่ามมันไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ใครมีคำแนะนำดีๆ แชร์มาหน่อยนะคะ ยินดีรับข้อคิดเห็น และคำตำหนิทุกอย่างค่ะ
หมายเหตุ : ลูกน้องมีการข่มขู่ว่าหากพิจารณาไม่ให้ผ่านทดลองงาน เธอจะไปเรียกร้องกับกรมแรงงานค่ะ
ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านมากๆ นะคะ
ลูกน้องทำงานได้ 1 เดือน กับอีก 4 วัน...ด่าหัวหน้าว่า "โง่จริงๆ" และสารพัดอีกมากมายเพียงเพราะโดนหัวหน้างานขัดใจ
รบกวนขอคนมีความรู้ด้านการบริหารคนแนะนำหน่อยนะคะ
1. กรณีเช่นนี้ควรจัดการอย่างไรดีคะ คนที่ "ไม่ฟัง" "ไม่ทำ (งาน)" "ไม่เชื่อ" ในคำสั่งหัวหน้างาน
2. ลูกน้องคนนี้ควรจะให้ผ่านทดลองงาน หรือ ไม่ผ่านทดลองงานดีคะ
เนื่องจากเรื่องราวมันยาวมากๆ ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์เป็นเรื่องๆ ไปนะคะ ถ้าอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมจะพิมพ์ต่อให้ค่ะ
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 1
ลูกน้องทำการเปลี่ยนแปลงเอกสารที่จะต้องนำไปยื่นกับส่วนงานราชการ ซึ่งแสดงข้อมูลความลับของบริษัทฯ บนเอกสารดังกล่าว โดยไม่มีการแจ้งหัวหน้า พอหัวหน้าบอกให้เปลี่ยนกลับไปใช้ของบริษัทที่เคยทำมาอยู่ก่อน เพราะแบบฟอร์มนั้นยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติจากผู้บริหาร ลูกน้องก็เกิดอาการไม่พอใจ พูดว่า "ไม่ทำ ถ้าอยากทำก็ทำเองเลย" และก็บอกว่าเรื่องนี้จะไปคุยกับผู้บริหารด้วยตัวเอง ซึ่งทางผู้บริหารชาวต่างชาติก็บอกว่าให้ไปคุยกับหัวหน้างาน ทางหัวหน้างานก็ได้คุยกับผู้บริหาร มีความเห็นตรงกันว่าควรใช้แบบฟอร์มเดิม ลูกน้องก็ยังคงดื้อรั้น และพูดด้วยน้ำเสียงก้าวร้าวว่า "ถ้าไม่เซ็นต์ก็เขียนเหตุผลมาว่าทำไม" หัวหน้าไม่ได้ตอบโต้อะไร ได้แต่นิ่งเงียบ และพยายามอธิบาย แต่ก็ไม่ฟัง บอกแต่ว่าห้วหน้าไม่ฟังตัวเอง พอหัวหน้าอธิบายอีก ก็ไม่ฟังอีก และยังคงบอกหัวหน้าว่าตัวเองจะทำแบบของตัวเองเท่านั้น
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 2
หลังจากนั้นด้วยความเครียดแค้น ลูกน้องก็ได้หาทางจับผิดหัวหน้า โดยในแผนกมีการตกลงกันว่าถ้าใครทำผิดกฎ เราจะเก็บเงินกัน 5-20 บาท และในทุกๆ สิ้นเดือน เราก็จะจับฉลาก คนไหนได้ก็เอาเงินไปซื้อขนม ซึ่งเงินส่วนนั้นไม่เคยถึง 200 บาทซักครั้ง
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 3
ลูกน้องในแผนกทำการเริ่มงานพร้อมกัน 2 คน คนนึงผ่านทดลองงานจะได้ปรับเงินเดือน อีกคนผ่านทดลองงานจะไม่มีการปรับเงินเดือน พอหัวหน้าแจกสลิปเงินเดือน ก็เลยแปลกใจ เพราะเข้าใจว่าผ่านทดลองงานแล้วจะต้องได้ปรับเงินเดือนทั้ง 2 คน จึงบอกว่าขอดูสลิปเงินเดือนหน่อย ซึ่งลูกน้องได้แกะสลิปเงินเดือนและจากกนั้นก็ยื่นส่งให้หัวหน้างานดู
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 4
ในทุกเช้าของวันทำงาน จะมีการประชุมหน้าแถวจากทุกแผนก เพื่อแจ้งข่าวสาร โดยในวันนี้ผู้บริหารชาวต่างชาติได้ทำการประกาศแจ้งว่าจะสลับวันหยุดงานให้เพิ่มเติมอีกหนึ่งวัน หลังจากนั้นลูกน้องก็เดินไปหน้าแถวพูดต่อจากผู้บริหารและกับเพื่อนร่วมงานทุกคนว่า "อย่าเพิ่งไปนะคะ มีคำถาม 2 ข้อ ที่อยากจะถามฝ่ายบุคคล ดีเลยผู้บริหารก็อยู่ด้วย งั้นถามพร้อมกันเลยว่า ข้อ 1 หัวหน้างานสามารถรีดไถเงินจากลูกน้องได้หรือไม่ ข้อ 2 หัวหน้างานสามารถแอบดูสลิปเงินเดือนของลุกน้องได้หรือไม่"
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 5
ลูกน้องทำการจองรถไว้เพื่อจะออกไปปฏิบัติงานข้างนอก แต่ห้วหน้าเรียกดูเอกสารที่จะไปยื่นส่วนงานราชการ จึงงดและห้ามไป เพราะยังคงขัดคำสั่งใช้แบบฟอร์มแบบเดิมๆ อยู่ หลังจากนั้นลูกน้องไม่พอใจ เดินไปฟ้องผู้บริหารชาวต่างชาติ ซึ่งหัวหน้างานถูกเรียกตามไปทีหลัง พร้อมอธิบายให้ฟ้งว่าทำไมถึงไม่ให้ไป เนื่องจากเอกสารยังไม่ได้ถูกแก้ไขให้เป็นในรูปแบบของบริษัทตามที่ขอความร่วมมือไปแล้ว และหัวหน้างานได้รายงานเพิ่มเติมว่า เอกสารบางอย่างก็ไม่ได้ถูกส่งให้หัวหน้างานตรวจ โดยผู้บริหารตัดสินใจว่าให้หัวหน้างานตรวจก่อน ถึงจะให้ผู้บริหารเซ็นต์ ซึ่งในส่วนตัวของหัวหน้างานเองก็ได้เคยบอกแล้วเช่นกัน แต่ลูกน้องก็ไม่เชื่อ
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 6
หลังจากที่ไม่ได้ออกไปข้างนอก ลูกน้องก็ยังคงโจมตีหัวหน้างานไม่หยุด บอกผู้บริหารว่างานมีปัญหาต่างๆ นาๆ ไม่สมควรให้หัวหน้างานคนนี้ทำงานอยู่ในบริษัท โดยที่หัวหน้างานเองก็ได้เคยบอกลูกน้องไปแล้วว่า งานที่มีปัญหาอยู่ มีอะไรบ้าง และงานที่เกิดปัญหาไปแล้วต้องแก้ไข ให้รีบจัดการ เนื่องจากเจ้าหน้าที่คนเก่าทำงานที่ไม่เรียบร้อยทิ้งเอาไว้ และหัวหน้างานเพิ่งจะได้เข้ามารับผิดชอบ และแก้ไขปัญหาทีละจุด โดยทางผู้บริหารเองก็ได้ตำหนิว่า ถ้าจะบอกว่าใครผิดถูก มันก็คงต้องเล่าเรื่องกันอีกยาว เพราะหัวหน้างานคนนี้ก็ไม่ได้เป็นคนทำทิ้งไว้ ดังนั้นการที่รับลูกน้องคนนี้เข้ามา ก็เพื่อมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ได้ให้มารายงานว่ามีปัญหาอะไร เพราะฉะนั้นขอความร่วมมือให้ทุกคนช่วยกัน
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 7
ลูกน้องพูดกับผู้บริหารขอแยกแผนกออกจากสังกัดที่ตนเองอยู่คือแผนกจัดซื้อ ขอแยกในส่วนของนำเข้า ส่งออก และสิทธิประโยชน์ ออกจากแผนกจัดซื้อ ซึ่งทางผู้บริหารเองก็ได้อธิบายไปว่าการจะแก้ไขแผนผังองค์กรของบริษัท ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บริหารสูงสุด ไม่ใช่คิดจะทำ จะแก้ก็ทำได้เลย ขอได้โปรดเข้าใจ
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 8
ลูกน้องกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน พร้อมบอกกับเพื่อนร่วมงานว่าฝากบอกหัวหน้างานด้วยว่า จะโทรหาคนทุกคนที่เคยทำงานแผนกนี้มาก่อน เบอร์โทรศัพท์หาไม่ยากหรอกนะ
เหตุการณ์ตัวอย่างที่ 9
ลูกน้องขอทำงานล่วงเวลา แต่หัวหน้างานไม่อนุมัติ พร้อมกับแจ้งผู้บริหารให้รับทราบว่างานดังกล่าวสามารถทำในเวลาปัจจุบันได้ จากนั้นก็แสดงตัวเลขค่าใช้จ่ายที่ต้องสูญเสียไปแบบไม่จำเป็น ซึ่งลูกน้องเองก็ยังคงไม่พอใจและบอกว่าจะเอาเอกสารไปให้ผู้บริหารเซ็นต์อนุมัติด้วยตนเอง แต่ผู้บริหารก็ได้เรียกหัวหน้างานขึ้นไป พร้อมยืนยันว่าแล้วแต่หัวหน้างาน หัวหน้างานก็เลยบอกผู้บริหารว่า การทำงานล่วงเวลาหมายถึงงานนั้นจะต้องเสร็จก่อนวันรุ่งขึ้น หรือเสร็จให้เร็วที่สุด แต่ก็จะต้องทำงานให้เต็มที่กับช่วงเวลาปกติซะก่อน อีกสาเหตุที่ไม่ให้ทำงานล่วงเวลาเพราะว่า ลูกน้องเองก็ไม่ได้ใช้เวลาให้กับงานอย่างเต็มที่ ตั้งแต่เดินออกจากห้องผู้บริหาร (ประมาณสิบนาทีที่แล้ว) ตอนนี้ก็ยังคงนั่งคุยอยู่กับพนักงานแผนกอื่นอยู่เลย จากนั้นก็ชี้ให้ผู้บริหารดู ซึ่งผู้บริหารก็พอจะเข้าใจ และยังคงบอกว่าแล้วแต่ความเหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้างาน พอหัวหน้างานกลับมาที่โต๊ะ ลูกน้องก็พูดว่า "จะเอายังไงคะ จะให้ทำโอที (งานล่วงเวลารึเปล่า) เสียเวลาจริงๆ" หัวหน้างานก็ยืนยันว่าไม่ให้ทำค่ะ เพราะงานดังกล่าวไม่ต้องเสร็จในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ อีกอย่างพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดต่อเนื่องสี่วัน ส่วนเอกสารก็มีอายุเต็มที่ 1 ปี ลูกน้องก็พูดว่า "โง่จริงๆ เอกสารมีอายุแค่ 6 เดือนเท่านั้น" หัวหน้างานไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงด้วย เพราะต้องเร่งทำรายงานส่งผู้บริหาร และรู้สึกเหนื่อยที่พูดไปก็ไม่จบ เพราะลูกน้องต้องการเอาชนะ จึงเงียบ.....อย่างเดียว ต่อจากนั้นลูกน้องก็บ่นไป ด่าหัวหน้างานไป โวยวายงานเยอะ คนไม่พอ หัวหน้าช่วยหาคนให้ด้วย ส่งเสียงดังอยู่คนเดียว หัวหน้าจึงบอกให้ลดเสียงลง แผนกอื่นเค้าต้องการสมาธิในการทำงาน จากนั้นลูกน้องก็พูดต่อว่าต่างๆ นาๆ จนหัวหน้างานทนไม่ไหว พูดว่า "น้องคะ เลิกพูดคำด่าคำได้แล้ว" ลูกน้องก็ตอบว่าไม่ได้ด่าค่ะ หัวหน้าก็บอกว่า "ไม่ได้ด่า แล้วคำว่าโง่เรียกว่าด่ามั้ยคะ" ลูกน้องก็บอกว่าคำว่าโง่ไม่ใช่คำด่าค่ะ อืม>>>>> หัวหน้างานก็ไม่ได้โต้ตอบ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเอกสารมีอายุหนึ่งปี และก็ไม่คิดจะอธิบายให้ลูกน้องฟัง เพราะลูกน้องไม่ฟังอะไร ใดๆ ทั้งสิ้น จนเพื่อนร่วมงานในแผนกต้องยกมือขึ้นบอกให้ลูกน้องหยุดเถอะ ส่วนหัวหน้างานก็นั่งปั่นรายงานส่งผู้บริหารต่อไป และลูกน้องก็ยังไม่ยอมแพ้จึงบอกว่า "ไม่ให้ทำก็ไม่เป็นไร งั้นจะไปขอข้าวฟรีที่ฝ่ายบคคลทาน" โดยอีกสักพักลูกน้องก็ลงมาบอกว่า "ไม่ทำโอทีแล้วนะคะ ไม่มีข้าวให้กิน" แล้วก็พูดว่า "คุณเป็นหัวหน้า ลูกน้องคุณออกไปตั้งสามสี่คน หัดพิจารณาตัวเองได้แล้วนะ" "คุณมันไม่เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้างาน" ประสบการณ์คุณก็ไม่มี อืม>>>ถึงตอนนี้หัวหน้างานก็เบื่อสุดๆ ล่ะ ทนสุดๆ ล่ะ ซักพักลูกน้องก็เหนื่อยและหยุดไปเอง แต่ก่อนจะกลับบ้าน ลูกน้องก็พูดเชิงกระแทกๆ ว่าสวัสดีค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่วันนี้หนูด่าพี่ หัวหน้างานก็เงยหน้าขึ้นมาตอบว่า "ขอบคุณค่ะ"
จริงๆ มีรุนแรงกว่านี้นะคะ นี่แค่น้ำๆ ค่ะ แต่ทำไงได้ล่ะค่ะ เป็นหัวหน้างานต้องอดทน อดกลั้น โดยเฉพาะเรื่องวุฒิภาวะทางด้านอารมณ์ค่อนข้างสำคัญ ตอนนี้หัวหน้างานเป็นผู้หญิงระดับผู้จัดการค่ะ ทำงานที่บริษัทตั้งแต่เริ่มบุกเบิกผ่านมาเกือบสามปีล่ะ ลูกน้องเป็นกระเทยระดับซูปเปอร์ไวเซอร์ค่ะ เพิ่งเริ่มงานได้เดือนกว่าๆ ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ เครียดจริงๆ น้ำตาตกในมากๆ เพื่อนผู้จัดการด้วยกันบอกให้ร้องไห้ค่ะ ผู้บริหารจะได้เห็นใจ แต่ก็คิดว่ามมันไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ใครมีคำแนะนำดีๆ แชร์มาหน่อยนะคะ ยินดีรับข้อคิดเห็น และคำตำหนิทุกอย่างค่ะ
หมายเหตุ : ลูกน้องมีการข่มขู่ว่าหากพิจารณาไม่ให้ผ่านทดลองงาน เธอจะไปเรียกร้องกับกรมแรงงานค่ะ
ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านมากๆ นะคะ