คิด วิเคราะห์ แยกแยะ เพื่อหาทางออกให้กับทุกปัญหาในชีวิต แบบ Critical Thinking

หลังจากเปลี่ยนงานมาได้สักระยะ ทำให้มีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น เลยหาเรียนคอร์สออนไลน์ต่างๆ ไปเรื่อยเปื่อย ประกอบกับมีพี่สาวทำงานด้าน Human Resources Development ทำให้ได้เรียนรู้วิธีจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแบบมีขั้นตอน ยิ่งพอได้เรียนคอร์สออนไลน์จบคอร์ส เลยได้รู้ว่า สิ่งที่พี่สอนคือการคิดแบบ Critical Thinking ที่เป็นการคิดวิเคราะห์และแยกแยกปัญหาอย่างลึกซึ้ง
.
เรารู้สึกได้ว่า ทางออกของปัญหาชีวิตที่เราเจอ และวิธีการคิดแบบ Critical Thinking สามารถนำมาปรับใช้ได้กับในทุกๆ เรื่อง ทั้งเรื่องส่วนตัว ชีวิต ความรัก การทำงาน หรือแม้แต่การคิดสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ๆ เลยอยากเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วยตัวเองมาฝากกัน เวลาที่ต้องเจอกับปัญหา และหาทางออกให้ชีวิตไม่ได้ มีหลักการง่ายๆ คือ
.
1. Pain Point หรือปัญหาของเราคืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร เช่น ต้องทำทำงานในบริษัทที่ไม่อยากทำด้วยเหตุผล 108 แต่ไม่รู้ว่าจะหาทางออกไปจากสถานที่เลวร้ายบัดซบนี้ได้ยังไง
.
2. Goal เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของปัญหาคืออะไร เช่น ต้องการลาออกให้เร็วที่สุด
.
3. ทางออกของปัญหานี้มีอะไรบ้าง เช่น เรียนต่อ หางานใหม่ ไปเปิดธุรกิจ ฯลฯ
.
4. เส้นทางของแต่ละทางออกจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง จะได้ผลลัพธ์ของแต่ละทางออกเป็นอะไรบ้าง เช่น เรียนต่อแล้วจะสามารถเปลี่ยนอาชีพไปสู่สายงานใหม่ที่ดีกว่า หรือเพิ่มพูนประสบการณ์ความรู้ให้เราเก่งขึ้น หางานใหม่ในองค์กรที่ใหญ่กว่า หรือเล็กลง หรือยอมลดเงินเดือนเพื่อให้ได้ทำงานที่สบายใจมากขึ้น
.
5. เราให้น้ำหนัก หรือคุณค่า (Value) กับผลลัพธ์ของทางออกทางไหนมากกว่ากัน เช่น บางคนให้คุณค่ากับความรัก ความสัมพันธ์ของครอบครัว ก็อาจให้น้ำหนักกับการยอมลดเงินเดือน เพื่อให้ได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้น ในขณะที่บางคน เลือกเรียนต่อในสาขาที่ชอบ เพื่อให้มีทางเลือกในการหางานใหม่ได้หลากหลายขึ้น
.
6. ทางออกที่เจออาจไม่ใช่ทางแก้ปัญหาแค่ทางเดียว เป็นไปได้มั้ย ที่จะเอา 1 กับ 2 มารวมกัน เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการ เช่น เลือกเรียนคอร์สเสริมอื่นๆ ไปพร้อมกับหางานใหม่ไปด้วย (ซึ่งเราเลือกวิธีนี้)
.
เมื่อทำครบทั้ง 6 ข้อแล้ว คำตอบมันจะออกมาเองว่า เราควรจะเลือกทางไหน หรือเราควรจะเริ่มทำอะไรก่อน 1 2 3 4 เพราะมีหลายคนที่กังวล หมกมุ่น กลุ้มใจอยู่กับปลายทางของของปัญหาที่อาจจะยังไม่เกิดขึ้น โดยลืมไปว่าก่อนจะกังวลถึงขั้นสุดท้าย แต่ขั้นที่ 1 กลับยังไม่ได้ลงมือทำ แล้วมันจะเกิดปัญหาอย่างที่กังวลได้อย่างไร
.
ช่วงที่เราเครียดจากการทำงานและไม่มีทางออกให้กับชีวิต เพราะยังหางานใหม่ไม่ได้ เราเลือกที่จะเรียนทุกอย่างที่อยากเรียน ทำกิจกรรมทุกอย่างที่อยากทำ หาความรู้เพิ่มเติมในวิชาชีพที่เราทำอยู่ เพื่อผ่อนคลายความเครียดจากแรงกดดันที่ได้รับ
.
สิ่งที่ได้กลับมาคือ เราสามารถหางานใหม่ได้อย่างที่ตั้งใจ ที่สำคัญเป็นงานที่เรารักที่จะทำ มีความสุขที่จะทำ ได้ใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ ได้อยู่ในองค์กรที่อยากอยู่ และที่สำคัญ คือมีเวลาให้กับครอบครัวและตัวเองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
.
หวังว่า ทุกคน จะหาทางออกของตัวเองเจอในเร็ววันนะคะ
.
โพสต์นี้อาจจะยาวสักหน่อย แต่ตั้งใจเขียนจากใจจริง ๆ ค่ะ
.
#โรคซึมเศร้า #เราต้องหาย #เพื่อนของฉันชื่อว่าโรคซึมเศร้า

เราได้โพสต์แนวคิดนี้ไว้ในเพจที่เกิดจากกระทู้แนะนำของเรา 2 กระทู้นี้ เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าค่ะ ไปตามอ่านกันได้นะคะ

เมื่อวันที่ฉันต้องอยู๋กับเพื่อนที่ชื่อว่า "โรคซึมเศร้า" https://pantip.com/topic/36846166
เมื่อวันที่ฉันต้องอยู่กับเพื่อนที่ชื่อว่า "โรคซึมเศร้า" Part 2 https://pantip.com/topic/36900595

FB : โรคซึมเศร้าเราต้องหาย https://www.facebook.com/myfriendisdepressed/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่