มา update ชีวิต จากคนที่ตั้งกระทู้เรื่องความทุกข์จากการไปเรียนตปท (ซึมเศร้า)

มา update ชีวิต จากคนที่ตั้งกระทู้เรื่องความทุกข์จากการไปเรียนตปท

ที่มาตั้งเพราะอยากให้คนที่กำลังลำบากตอนนี้มาอ่าน ถ้าใครกำลังเครียดด้วยปัญหาเดียวกับเรา เราอยากเล่าเรื่องของเราให้ฟัง มันอาจจะทำให้คุณหาทางออกของคุณเองเจอ หรืออย่างน้อยคุณก็ไม่รู้สึกว่า ไม่มีใครเข้าใจคุณ

ปีก่อนเราลาออกจากงานประจำที่ไทยแล้วไปเรียนที่ยุโรป สาขาแนว engineering science

เราเครียดมากเพราะตอนนั้นตัดสินใจแบบมาตายเอาดาบหน้าเลย เราเลยคิดว่าจะต้องสำเร็จเท่านั้น พอมาถึงตอนแรกก็ยังปรับตัวไม่ค่อยได้ สมาธิไม่ดี ไม่คุ้นสำเนียงของอาจารย์ประเทศนั้น บรรยากาศมหาลัยและเมืองที่อยู่ก็กดดันเครียด ไม่ใช่แนวที่ตัวเองอยู่แล้วสบายใจ ตอนนั้นร้องไห้วันละหลายรอบ ขี่จักรยานไปเรียนก็ร้องไห้ ก่อนนอนก็ร้องไห้ทำกับข้าวก็ร้อง วันๆเราไม่ทำอะไรเลยนอกจาก กิน นอน อ่านหนังสือ เราเคยคิดอยากตายแต่เรากลัวไม่มีคนดูแลครอบครัว ทางออกเดียวของเราตอนนั้นคือต้องเรียนให้จบ ต้องหางานทำในตปทให้ได้

เราไม่อยากบอกที่บ้านว่าเรารู้สึกแย่ขนาดไหน (ที่บ้านรู้แค่ว่าเครียด ไม่สบายใจ) ครั้งหนึ่งแม่เคยขอว่ากลับมาเถอะแต่เราไม่ยอมเด็ดขาด

ตอนนั้นเราไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยมาตั้งกระทู้ ถามว่า หมดความมั่นใจในตัวเอง เรียนไม่รู้เรื่อง คุยกับนักจิตวิทวาแล้วก็ไม่ช่วย ฯลฯ ตอนนั้นก็มีคนมาช่วยตอบ ซึ่งบางอย่างก็เอามาใช้ช่วยได้นิดหน่อย

นี่คือเรื่องต่อจากนั้น....

หลังจากนั้นเราไป Workshop ในอีกประเทศนึง เราเลยวางแผนเพื่อไปเที่ยวก่อนสามวัน พอเข้าเวิคชอปเจอรุ่นพี่ ก็เลยรู้ว่า สาขาที่เราเรียน มันมีทางเลือกอื่นๆอีก แล้วสิ่งที่เราไม่ชอบเรียนในตอนปี1 พอเลือกสายอาชีพเฉพาะแล้ว เราก็ไม่ต้องใช้มันอีก เราก็รู้สึกดีขึ้นบ้าง พอกลับจากเวิคชอป เราได้คิวพบจิตแพทย์ เขาบอกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า จากนั้นเราก็เริ่มกินยา

กินแล้วก็ดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังมีเครียด นอนไม่หลับ สมาธิไม่ดี ผัดวันประกันพรุ่ง (อาการทั้งหมดยังมีเหมือนเดิม แต่ความรุนแรงลดลง และไม่ถี่เท่าเดิม) แต่มีผลข้างเคียงจากยาคือทำให้เราอยากอาหาร เราเป็นคนที่เครียดแล้วกินอยู่แล้วด้วย ก็เลยอ้วนขึ้นไป 20 กิโล ใน 6 เดือน

ตอนนั้นไม่ได้สนใจน้ำหนักหรอก คือแค่มีชีวิตผ่านไปวันๆก็ลำบากมากแล้ว ไม่อยากเจอ ไม่อยากคุยกับใคร แต่ก็ต้องทำงาน ต้องไปพรีเซนต์งาน พยายามทำเหมือนตัวเองปกติ ตอนนั้นเป็นเหมือนคนไม่มีวิญญาณ

ในที่สุดเราก็ทน และพยายามใช้ชีวิตต่อมาเรื่อยๆจนจบปี1 

เราได้คะแนนอยู่ในระดับ top ของทั้งชั้นปี เราได้เข้าฝึกงานกับบริษัทที่มีชื่อเสียงมากในด้านที่เราเรียน เราได้ความรู้และประสบการณ์จากการฝึกงานเอามาทำ thesis ตอนปีสอง

ตอนนี้เรามาทำ thesis จบในอีกประเทศนึง ซึ่งเรามาแล้วมันถูกโฉลกกับเรามาก วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ ผู้คน ฯลฯเรารู้สึกสบายใจกับประเทศนี้ยิ่งกว่าตอนอยู่ไทยด้วยซ้ำ (แต่ตอนนี้เราก็ยังมีอาการและยังค้องกินยา พบจิตแพทย์อยู่เรื่อยๆนะ) เอาเป็นว่าตอนนี้มันดีขึ้นเยอะกว่าปีที่แล้วมาก

เราไม่รู้ว่าเราจะทนใช้ชีวิตต่อไปบนโลกได้นานจนเราหายหรือเปล่า เราเลยพยายามทำอะไรที่เราเคยคิดอยากทำ(ทำได้ไปสองอย่างแล้ว) นี่ก็เป็นอีกอย่างนึง

เราเคยคิดว่ามันแย่มากเลยที่เรารู้สึกแย่ แต่มันอธิบายออกมาให้คนอื่นเข้าใจไม่ได้ ไปพูดกับหมอ หมอก็ดูไม่ได้เข้าใจว่ามันแย่ขนาดไหน (คนไม่เคยเป็นอาจจะจินตนาการไม่ออกก็ได้) ถ้าคุณเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ เราอยากบอกคุณว่า เราก็เป็นเหมือนกัน (เราไม่กล้าบอกว่าเราเข้าใจ เพราะความรู้สึกของแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน) เราผ่านช่วงที่แย่ที่สุดมาได้ครั้งนึงแล้ว ถ้าทนผ่านมาได้ มันจะดีขึ้น (ไม่รู้จะมีอีกหรือเปล่า และไม่รู้ว่าจะทนผ่านไปได้อีกไหม)

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันก็ทำให้เราเรียนรู้และเข้าใจตัวเองมากขึ้น
หวังว่าสักวันเราจะหาย

คุณก็เหมือนกัน
เป็นกำลังใจให้นะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่