ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา มีโอกาสพาคุณแฟน หนีออกจากเมือง กทม. อันวุ่นวาย ไปยัง "นครโยเดีย" เมืองเก่าแก่สุดโรแมนติก
และด้วยความที่เราทั้งสองคน เป็นมนุษย์สายคาเฟอีนอยู่แล้ว เป้าหมายในการใช้เวลาวันหยุดนี้ คือการไปหาที่นั่งแช่ ชิว ๆ กาแฟอร่อย ๆ
ในเมืองเล็ก ๆ น่ารัก ที่ขับจากคอนโดกลางกทม.ไปแค่ 50 นาที ก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศของความเป็นต่างจังหวัดที่อบอุ่นแล้ว
พวกเราออกเดินทางกันช่วงสาย ๆ สิบโมงกว่า ๆ แบบไม่รีบร้อน เพราะไหน ๆ วันนี้ก็หยุดแล้ว ขอตื่นสายซักวันเถิดหนาคนดี 555
คุณแฟนมีที่ ๆ อยากจะไปมากมาย ทั้งวัดวาอาราม ร้านกุ้งแม่น้ำ(อันนี้คือขาดไม่ได้ถ้ามาอยุธยา อิอิ) และคาเฟ่อีกสองสามที่
แต่ด้วยเวลาที่จำกัด เพราะตอนเย็นต้องกลับไปทานข้าวกับครอบครัว เลยตัดสินใจว่า งั้นเราขอเลือกคาเฟ่ 1 ที่ ที่ยังไม่เคยไปละกัน
(เพราะที่อื่น เคยไปหลายรอบแล้ว)
เราตามรีวิวของเหล่าพี่ ๆ Cafe Hopper ที่ชื่นชอบมา จนได้เจอกับคาเฟ่สุดเก๋ ที่เพิ่งเปิดใหม่ล่าสุด อยู่ใกล้ ๆ กับ วัดมหาธาตุ
ซึ่งก็คือใกล้ ๆ ที่เราจะไปอยู่แล้ว
เลยปักหมุด Google Map จากคอนโด แล้วมุ่งหน้าตรงไปเป็นที่แรกเลย
หลังจาก 50 กว่านาที บนถนนที่โล่ง ขับสบาย ๆ ฟังเพลง Lofi มาตลอดทาง ก็มาถึงหน้าร้าน Kore Lab Experimental Cafe
(มีที่จอดรถหลังร้านด้วย สบายเราล่ะ)
ด้านหน้าคาเฟ่ ตอนแรกที่เห็นในรูป แล้วพอมาเห็นของจริง บอกตรง ๆ ว่า ส่วนตัว ผม"ว้าว" มากกกก ถูกจริตมาก (ของจริงสวยกว่าในรูป)
ด้านข้างร้าน ถือว่าเป็นจุดเด่นคือมีต้นไม้ใหญ่มาก ๆ ใหญ่ที่สุด บนถนน ป่ามะพร้าว สังเกตง่ายมาก แล้วสไตล์การออกแบบของร้าน เป็นแบบ Minimal เหมือนออกมาจากนิตยาสารบ้านญี่ปุ่น
ด้านหน้าเป็นสวนหิน คล้าย ๆ สวนเซ็น ที่โรยด้วยหินสีขาว และมีหินสีดำ เรียงเป็นรูปโลโก้ร้าน (ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นรูปนาฬิกาทราย แต่คุยกับผจก.ร้านได้ความว่า มันเป็นรูป ที่ดริปกาแฟ...Deep ไปอีก!)
สรุปสั้น ๆ เรื่องของสไตล์การออกแบบ ผมคิดว่า หลายคนที่ชอบบ้านแนว Minimal จะรักการออกแบบแนวนี้ แต่ที่ประทับใจคือ มันมีความ Contrast ที่ลงตัว ของการมี กล่องดำ ๆ ขาว ๆ แบบนี้ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเล็ก ๆ น่ารักที่บรรยากาศเป็นใจ
เดินเข้าไป นึกว่ามาเที่ยวแถบต่างจังหวัดของญี่ปุ่น ยังไงอย่างงั้นเลยทีเดียว

เมนูที่เข้ามาสั่ง ของผมเป็นลาเต้ร้อนแก้วนึงและ คาปูเย็น แก้วนึง (ลืมถ่ายเมนูร้อน ซดหมดก่อน 55)
กาแฟ House Blend ของที่นี่ ใช้ปางขอน เชียงราย ซึ่งผมเคยชิมของอีกร้านนึงที่ใช้ปางขอนเหมือนกัน บอกตรง ๆ ว่า ภาพจำตอนนั้นแอบคิดว่า ปางขอน ไม่ค่อยว้าว
แต่....คิดผิด!!!! ปางขอนร้านนี้ โคตรรร อร่อย! Taste note คือ แฮซเซลนัท ดาร์คช็อคโกแลต หอมขึ้นจมูก เข้ม แต่ไม่ขม ไม่ฝาด แล้ว after taste วนเวียนในปากคือเหมือนช็อคโกแล็ตเข้ม ๆ
ผมเลยถือโอกาส สอบถามกับบาริสต้า ว่าทำไม เราเคยชิมปางขอนอีกร้านหนึ่ง รสไม่เหมือนแบบนี้เลย
ได้ความว่า กาแฟ จากที่เดียวกัน ไม่ได้รสเหมือนกันทุกที่ เพราะรสกาแฟ ขึ้นอยู่กับหลายขั้นตอน เช่น การคั่ว (อันนี้สำคัญมาก) คั่วอ่อน คั่วกลาง คั่วเข้ม รสต่างกันคนละแบบ และความร้อน เวลา กับแรงดันที่ผ่านเครื่องกาแฟ ถ้าต่างกันแค่ 5-6 วินาที ก็ทำให้รสออกมาต่างกันมาก ....
บอกตรง ๆ ว่า ณ จุดนี้ โคตรประทับใจ (ถึงมาตั้งกระทู้รีวิวนี่แหละ

) น้องบาริสต้า เก่งมาก อธิบายเข้าใจง่าย เห็นภาพ และมีใจบริการ ปกติผมชอบกินกาแฟ แต่ก็ไม่ได้มืออาชีพอะไรเลย สายผู้บริโภคล้วน ๆ วันนี้เลยได้ความรู้ใหม่กลับบ้านไป เพียบ!
อีกแก้วนึง ตอนแรกคุณแฟนก็ลังเลว่าจะสั่งอะไรดี เพราะปกติ เรามักจะแชร์กาแฟแก้วเดียวกัน เพราะกินกาแฟวันละหลายรอบ จะได้ไม่ ”ดีด” จนเกินไป หลาย ๆ คนที่ชอบชิมกาแฟกับคู่แฟน น่าจะเข้าใจ 555
สรุปน้องบาริสต้าเลยแนะนำ เมนู Limited ช่วงนี้ ชื่อว่า Wizard Beer ก็คือคล้าย ๆ Butter Beer แบบใน Harry Potter แต่เป็นสูตรพิเศษของทางร้าน ที่มีฟองนม ทีตีละเอียด กับกลิ่นของอะไรสักอย่างที่ผมบอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร มันหอม ๆ หวานมันเค็ม
คุณนายถูกใจมาก ได้ฟีลเหมือนไปโซน Harry Potter ที่ Universal Studio โอซาก้า นางบอกว่า ความทรงจำดี ๆ แล่นกลับมา 555

มุมถ่ายจากในร้าน ในร้านจะมีโต๊ะเหล็ก ที่ทำเป็นรูปโลโก้ร้าน มีเค้าเตอร์บาร์ เอาไว้นั่งจิบกาแฟ และสนทนากับบาริสต้าได้ และด้านนอก ก็มีโต๊ะ สำหรับคนที่ชอบกลางแจ้งไว้บริการ
การตกแต่งทั้งหมด ไปทิศทางเดียวกันและแฝงความเป็น Logo ไว้ในแต่ละที่แบบลงตัวมาก

น้องบาริสต้าผู้จัดการบอกว่า เจ้าของออกแบบเอง นี่เลยแอบเดาเอาเองว่าเจ้าของน่าจะจบ Design มา
งานออกแบบพวกนี้ ทำให้มันเล่าเรื่องเดียวกันแบบนี้ บอกเลยว่า ต้องฝีมือจัด

ภาพจากลานสวนหินด้านนอก โชคดีที่มาช่วงใกล้สิ้นปี อากาศกำลังเย็น ๆ ยี่สิบต้น ๆ นั่งข้างนอกได้สบาย ๆ
จริง ๆ อีกเรื่องที่ประทับใจมาก คือ ที่ร้านใช้แก้ว Pla กับหลอดกระดาษ ก็คือวัสดุย่อยสลายได้ หมดเลย ขยะของร้านนี้คือ Biodegradable เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทำให้เห็นกระบวนการคิด หลาย ๆ อย่างของทางร้านว่า คิดมาเยอะมาก คิดมาดีมาก คิดเรื่อง Customer Experience คิดเรื่อง Environment คิด Ci คิดเรื่อง presentation และ storytelling มาแบบมืออาชีพมาก ทำให้ประสบการณ์ของคนที่เข้ามากินแบบเรา มันครบ มันกลม มันอิ่ม
พนักงานมีใจบริการที่ดีมาก ยิ้มแย้มและพูดคุยแบบเป็นกันเอง
เบเกอรี่ก็มี แต่ไม่ได้ถ่ายมา ด้วยความหิว เสิร์ฟปุ๊ป เข้าปากปั๊ป 555
มี บราวนี่ สโคน กับ ฟลอเรนทีน เราสั่ง ฟลอเรนทีนมา ด้วยความที่ไม่รู้จักว่ามันคืออะไร มันคือ Biscuit แบบอิตาเลียน หน้าตาเหมือนคุกกี้คาราเมล หวาน ๆ มัน ๆ
อร่อยมาก เมนูลับแล ที่แบบ Rare มาก ไม่เคยกิน แต่อร่อยจริง ๆ ใครไปอย่าลืมสั่ง อันนี้แนะนำ
โดยรวมสำหรับผมนะที่นี่ผมให้ 9.8/10
คุ้มค่ากับการขับรถจาก กทม. เพื่อไปตำมากๆ
อีก 0.2 คะแนน คืออย่างเดียวเลย....ทำไมไม่ไปตั้งที่ กทม. ว้าา จะได้แวะมากินได้บ่อย ๆ ตั้งสะไกลที่ทำงานเลย ต้องรอวันหยุดถึงจะได้กลับมาใหม่ 5555
[CR] รีวิว Kore Lab Experimental Cafe ร้านกาแฟใจกลางอยุธยา
และด้วยความที่เราทั้งสองคน เป็นมนุษย์สายคาเฟอีนอยู่แล้ว เป้าหมายในการใช้เวลาวันหยุดนี้ คือการไปหาที่นั่งแช่ ชิว ๆ กาแฟอร่อย ๆ
ในเมืองเล็ก ๆ น่ารัก ที่ขับจากคอนโดกลางกทม.ไปแค่ 50 นาที ก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศของความเป็นต่างจังหวัดที่อบอุ่นแล้ว
พวกเราออกเดินทางกันช่วงสาย ๆ สิบโมงกว่า ๆ แบบไม่รีบร้อน เพราะไหน ๆ วันนี้ก็หยุดแล้ว ขอตื่นสายซักวันเถิดหนาคนดี 555
คุณแฟนมีที่ ๆ อยากจะไปมากมาย ทั้งวัดวาอาราม ร้านกุ้งแม่น้ำ(อันนี้คือขาดไม่ได้ถ้ามาอยุธยา อิอิ) และคาเฟ่อีกสองสามที่
แต่ด้วยเวลาที่จำกัด เพราะตอนเย็นต้องกลับไปทานข้าวกับครอบครัว เลยตัดสินใจว่า งั้นเราขอเลือกคาเฟ่ 1 ที่ ที่ยังไม่เคยไปละกัน
(เพราะที่อื่น เคยไปหลายรอบแล้ว)
เราตามรีวิวของเหล่าพี่ ๆ Cafe Hopper ที่ชื่นชอบมา จนได้เจอกับคาเฟ่สุดเก๋ ที่เพิ่งเปิดใหม่ล่าสุด อยู่ใกล้ ๆ กับ วัดมหาธาตุ
ซึ่งก็คือใกล้ ๆ ที่เราจะไปอยู่แล้ว
เลยปักหมุด Google Map จากคอนโด แล้วมุ่งหน้าตรงไปเป็นที่แรกเลย
หลังจาก 50 กว่านาที บนถนนที่โล่ง ขับสบาย ๆ ฟังเพลง Lofi มาตลอดทาง ก็มาถึงหน้าร้าน Kore Lab Experimental Cafe
(มีที่จอดรถหลังร้านด้วย สบายเราล่ะ)
ด้านหน้าคาเฟ่ ตอนแรกที่เห็นในรูป แล้วพอมาเห็นของจริง บอกตรง ๆ ว่า ส่วนตัว ผม"ว้าว" มากกกก ถูกจริตมาก (ของจริงสวยกว่าในรูป)
ด้านข้างร้าน ถือว่าเป็นจุดเด่นคือมีต้นไม้ใหญ่มาก ๆ ใหญ่ที่สุด บนถนน ป่ามะพร้าว สังเกตง่ายมาก แล้วสไตล์การออกแบบของร้าน เป็นแบบ Minimal เหมือนออกมาจากนิตยาสารบ้านญี่ปุ่น
ด้านหน้าเป็นสวนหิน คล้าย ๆ สวนเซ็น ที่โรยด้วยหินสีขาว และมีหินสีดำ เรียงเป็นรูปโลโก้ร้าน (ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นรูปนาฬิกาทราย แต่คุยกับผจก.ร้านได้ความว่า มันเป็นรูป ที่ดริปกาแฟ...Deep ไปอีก!)
สรุปสั้น ๆ เรื่องของสไตล์การออกแบบ ผมคิดว่า หลายคนที่ชอบบ้านแนว Minimal จะรักการออกแบบแนวนี้ แต่ที่ประทับใจคือ มันมีความ Contrast ที่ลงตัว ของการมี กล่องดำ ๆ ขาว ๆ แบบนี้ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเล็ก ๆ น่ารักที่บรรยากาศเป็นใจ
เดินเข้าไป นึกว่ามาเที่ยวแถบต่างจังหวัดของญี่ปุ่น ยังไงอย่างงั้นเลยทีเดียว
เมนูที่เข้ามาสั่ง ของผมเป็นลาเต้ร้อนแก้วนึงและ คาปูเย็น แก้วนึง (ลืมถ่ายเมนูร้อน ซดหมดก่อน 55)
กาแฟ House Blend ของที่นี่ ใช้ปางขอน เชียงราย ซึ่งผมเคยชิมของอีกร้านนึงที่ใช้ปางขอนเหมือนกัน บอกตรง ๆ ว่า ภาพจำตอนนั้นแอบคิดว่า ปางขอน ไม่ค่อยว้าว
แต่....คิดผิด!!!! ปางขอนร้านนี้ โคตรรร อร่อย! Taste note คือ แฮซเซลนัท ดาร์คช็อคโกแลต หอมขึ้นจมูก เข้ม แต่ไม่ขม ไม่ฝาด แล้ว after taste วนเวียนในปากคือเหมือนช็อคโกแล็ตเข้ม ๆ
ผมเลยถือโอกาส สอบถามกับบาริสต้า ว่าทำไม เราเคยชิมปางขอนอีกร้านหนึ่ง รสไม่เหมือนแบบนี้เลย
ได้ความว่า กาแฟ จากที่เดียวกัน ไม่ได้รสเหมือนกันทุกที่ เพราะรสกาแฟ ขึ้นอยู่กับหลายขั้นตอน เช่น การคั่ว (อันนี้สำคัญมาก) คั่วอ่อน คั่วกลาง คั่วเข้ม รสต่างกันคนละแบบ และความร้อน เวลา กับแรงดันที่ผ่านเครื่องกาแฟ ถ้าต่างกันแค่ 5-6 วินาที ก็ทำให้รสออกมาต่างกันมาก ....
บอกตรง ๆ ว่า ณ จุดนี้ โคตรประทับใจ (ถึงมาตั้งกระทู้รีวิวนี่แหละ
อีกแก้วนึง ตอนแรกคุณแฟนก็ลังเลว่าจะสั่งอะไรดี เพราะปกติ เรามักจะแชร์กาแฟแก้วเดียวกัน เพราะกินกาแฟวันละหลายรอบ จะได้ไม่ ”ดีด” จนเกินไป หลาย ๆ คนที่ชอบชิมกาแฟกับคู่แฟน น่าจะเข้าใจ 555
สรุปน้องบาริสต้าเลยแนะนำ เมนู Limited ช่วงนี้ ชื่อว่า Wizard Beer ก็คือคล้าย ๆ Butter Beer แบบใน Harry Potter แต่เป็นสูตรพิเศษของทางร้าน ที่มีฟองนม ทีตีละเอียด กับกลิ่นของอะไรสักอย่างที่ผมบอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร มันหอม ๆ หวานมันเค็ม
คุณนายถูกใจมาก ได้ฟีลเหมือนไปโซน Harry Potter ที่ Universal Studio โอซาก้า นางบอกว่า ความทรงจำดี ๆ แล่นกลับมา 555
มุมถ่ายจากในร้าน ในร้านจะมีโต๊ะเหล็ก ที่ทำเป็นรูปโลโก้ร้าน มีเค้าเตอร์บาร์ เอาไว้นั่งจิบกาแฟ และสนทนากับบาริสต้าได้ และด้านนอก ก็มีโต๊ะ สำหรับคนที่ชอบกลางแจ้งไว้บริการ
การตกแต่งทั้งหมด ไปทิศทางเดียวกันและแฝงความเป็น Logo ไว้ในแต่ละที่แบบลงตัวมาก
น้องบาริสต้าผู้จัดการบอกว่า เจ้าของออกแบบเอง นี่เลยแอบเดาเอาเองว่าเจ้าของน่าจะจบ Design มา
งานออกแบบพวกนี้ ทำให้มันเล่าเรื่องเดียวกันแบบนี้ บอกเลยว่า ต้องฝีมือจัด
ภาพจากลานสวนหินด้านนอก โชคดีที่มาช่วงใกล้สิ้นปี อากาศกำลังเย็น ๆ ยี่สิบต้น ๆ นั่งข้างนอกได้สบาย ๆ
จริง ๆ อีกเรื่องที่ประทับใจมาก คือ ที่ร้านใช้แก้ว Pla กับหลอดกระดาษ ก็คือวัสดุย่อยสลายได้ หมดเลย ขยะของร้านนี้คือ Biodegradable เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทำให้เห็นกระบวนการคิด หลาย ๆ อย่างของทางร้านว่า คิดมาเยอะมาก คิดมาดีมาก คิดเรื่อง Customer Experience คิดเรื่อง Environment คิด Ci คิดเรื่อง presentation และ storytelling มาแบบมืออาชีพมาก ทำให้ประสบการณ์ของคนที่เข้ามากินแบบเรา มันครบ มันกลม มันอิ่ม
พนักงานมีใจบริการที่ดีมาก ยิ้มแย้มและพูดคุยแบบเป็นกันเอง
เบเกอรี่ก็มี แต่ไม่ได้ถ่ายมา ด้วยความหิว เสิร์ฟปุ๊ป เข้าปากปั๊ป 555
มี บราวนี่ สโคน กับ ฟลอเรนทีน เราสั่ง ฟลอเรนทีนมา ด้วยความที่ไม่รู้จักว่ามันคืออะไร มันคือ Biscuit แบบอิตาเลียน หน้าตาเหมือนคุกกี้คาราเมล หวาน ๆ มัน ๆ
อร่อยมาก เมนูลับแล ที่แบบ Rare มาก ไม่เคยกิน แต่อร่อยจริง ๆ ใครไปอย่าลืมสั่ง อันนี้แนะนำ
โดยรวมสำหรับผมนะที่นี่ผมให้ 9.8/10
คุ้มค่ากับการขับรถจาก กทม. เพื่อไปตำมากๆ
อีก 0.2 คะแนน คืออย่างเดียวเลย....ทำไมไม่ไปตั้งที่ กทม. ว้าา จะได้แวะมากินได้บ่อย ๆ ตั้งสะไกลที่ทำงานเลย ต้องรอวันหยุดถึงจะได้กลับมาใหม่ 5555
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น