สุกขวิปัสสก
ผู้เห็นแจ้งอย่างแห้งแล้ง
คือ ท่านผู้มิได้ฌาน สำเร็จอรหัตด้วยเจริญแต่วิปัสสนาล้วนๆ
the dry-visioned; bare-insight worker
ปุถุชนไม่รู้จริงก็ เขียน ตามกันแบบผิดๆๆ มโนแบบผิดๆๆ แค่คำแปลก็แปลกันผิดๆๆ
สุกข ไม่ใช่แปลว่าไม่มีฌาน ไม่ได้แปลว่าฌานแห้งแล้ง
สุกขวิปัสสก
คือผู้ปฏิบัติวิปัสสนา นำสมถะ เน้นวิปัสสนาไม่ชำนาญ ไม่มีวสีในฌาน แต่ก็ได้ฌาน4
แบบนี้ต้องไปดูของผู้รู้จริง
หลวงปู่เทสก์ สุขวิปัสสโก
สมาธิเป็นกำลังสำคัญมาก
ถ้าไม่มีสมาธิแล้ววิปัสสนาจะเอากำลังมาจากไหน
ปัญญาวิปัสสนามิใช่เป็นของจะพึงแต่งเอาได้เมื่อไร
แต่เกิดจากสมาธิที่หัดได้ ชำนิชำนาญ มั่นคงดีแล้วต่างหาก
ถึงผู้ได้สุกขวิปัสสกก็เถิด
ถ้าไม่มีสมถะแล้วจะเอาวิปัสสนามาจากไหน
เป็นแต่สมถะของท่านไม่คล่องเท่านั้น อย่างนี้พอฟังได้
ผู้ปฏิบัติทั้งหลาย
เมื่อได้ทำ สมาธิให้มั่นคงแน่นหนาดีแล้ว
จนกระทั่งจะเข้าจะออกก็ได้
จะอยู่ให้นานๆและพิจารณากายอันนี้ให้เป็นอสุภะหรือเป็นธาตุก็ได้
พิจารณาคนในโลกนี้ทั้งหมดให้เป็นโครงกระดูกทั้งหมดก็ได้หรือ
พิจารณาให้เห็นในโลกนี้ทั้งหมดว่างเป็น อัชฌัตตากาศ ว่างเปล่าไปหมดก็ได้ ฯลฯ
จิตผู้มีอสุภะเต็มที่แล้ว
ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ย่อมเป็นสมาธิอยู่ตลอดเวลา
แล้วก็มองเห็น กิเลส ของตน ซึ่งเกิดจากจิตของตนได้ชัดเจนว่า
กิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง มัน เกิด จากสิ่งนี้ๆ
และมัน ตั้งอยู่ ได้ด้วยอาการอย่างนี้ๆ แล้วหาอุบาย ละ ด้วยอย่างนี้ๆ
เหมือนกับ นํ้าในสระที่ขุ่นมาเป็นร้อยๆ ปี
เพิ่งมา ใสสะอาดมองเห็น สิ่งสารพัดที่มีอยู่ก้นสระว่า
แต่ก่อนแต่ไร เราไม่นึกไม่คิดเลยว่า
ในก้นสระ มันจะมีของเหล่านี้
นั้นเรียกว่า วิปัสสนา คือ ความรู้ความเห็นตามสภาพจริง
มันเป็นจริงอย่างไร ก็เห็นตามความเป็นจริงอย่างนั้น
ไม่วิปริตผิดแปลก จากความเป็นจริงของมัน
ผู้เห็นแจ้งอย่างแห้งแล้ง ตีความผิดเพี้ยน จนคนเข้าใจผิด