นิยายเรื่อง Conflict Before The Beginning มันเกิดก่อนเริ่ม [บทนำ] ปรับปรุงใหม่

จากผู้เขียน: เนื่องจากเนื้อเรื่องมีช่องโหว่เยอะ ดังนั้นจึงขอปรับปรุงใหม่นะครับ ต้องขออภัย หากทำให้สับสน
โดยยังคงสตอรี่ไลน์เดิมเอาไว้ แต่เปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางส่วนและบวกเพิ่มเรื่องราวของตัวละครใหม่ ๆ จนวุ่นวายกันมากขึ้น

                คั้นกลาง ๆ ในฤดูคิมหันต์ เหล่าจักจั่นท้องคริสตัลจะพากันร้องขับขานแด่ผู้ฟังทุก ๆ ท่านโดยมิเสียเลยสักแดงเดียว พงพนาเขียวชอุ่มจึงถูกเลือกใช้แทนเวทีหลัก เพื่อจัดแสดงอย่างคับคั่งให้ถึงใจคนดู ครั้นฟองมนตราดวงใส ๆ ถือกำเนิดจากแมกไม้ใบหญ้าด้วยตนเอง แล้วล่องลอยฟุ้งไปทั่วอย่างมีอิสระเสรี
                “งึ่ง ๆ ๆ ๆ ... ๆ”x??? เสียงประกอบฉากจึงดังกังวาน ณ ธารน้ำยามราตรี
                ก้นของฝูงแมลงติดสัดเชื่อมประสานเป็นคู่ ๆ ในตำแหน่งไม่ลับสายตา อาทิเช่น ซุงท่อนเขื่องซึ่งเกยโขดหินอันเขะขะ กิ่งก้านเรียวหนาที่พืชพุ่มต่ำ พร้อมกับมีละอองสีเขียวมรกตโชยเสริมขึ้นด้วยระหว่างขยับเขยื้อน ปานแสงหิ่งห้อยอันตระการตา สองเขาอ่อนตรงหน้าผากได้โค้งเอนมาพบกันด้านหลังมาก ทำให้เกาะเกี่ยวแบบมิยอมเลิกรา
                “อั่ก!/เจ้าบ้านี่! หัวโผล่มาเกือบครึ่งซีกแล้ว หัดพรางกายซะบ้างสิ เป็นแฟรี่ผืนป่าแท้ ๆ เดี๋ยวก็ไปขัดจังหวะความเป็นส่วนตัวของพวกเขาหรอก” ภูตสาวเอ่ยปากทักขึ้นเบา ๆ แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม เพราะเธอใช้ข้อศอกสะกิดเพื่อนชายในวงศ์วานเดียวกันอย่างรุนแรง
                ผลลัพธ์คือโดนสีข้างซ้ายจัง ๆ จนสำลักน้ำลายและสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เขาเกือบร้องโอดครวญแล้ว แต่ก็สามารถระงับเอาไว้ได้ ระหว่างทั้งคู่กำลังซุ่มมองอยู่มุมขวาบน ณ หลังก้อนหินใหญ่รูปลักษณ์พิกล รวมกับพลพรรคตามที่ซ่อนตัวต่าง ๆ อีกเป็นพรวน
                “ถ้างานเกิดกร่อยขึ้นมา อย่าคิดว่าหนนี้ ข้าจะยกโทษให้เจ้าได้ง่าย ๆ นะ” เธอจึงต่อว่าอีกประโยคอย่างหน้าออกสี
                “แฮก ๆ ฟอลลี่ ข้าอินเกินควรน่ะ เจ้าก็รู้ว่านิสัยนี้ยังแก้ไม่หาย งั้นต่อไปจะระมัดระวังเพิ่มขึ้นเอง” อีกฝ่ายเลยโต้ตอบกลับเช่นนี้ ทั้งยังยกมือซ้ายขึ้นถูไถศีรษะซึ่งรีบหลบเข้าที่กำบัง ทว่ากระอักกระอ่วนใจมิใช่น้อย ใบหน้าขาว ๆ จึงแดงเป็นลูกตําลึงสุกและก้มหัวลงเหมือนยอมรับผิด 
                “เพื่อเป็นการไถ่โทษ โทบี้ จงเติมอาคมกระตุ้นเดี๋ยวนี้” จนฟอลลี่ต้องพูดชี้หน้าของผู้พลาดพลั้ง 
                “นั่นมันคือภารกิจของข้าอยู่แล้ว ท่านเจ้าหญิง” อีกฝ่ายจึงรับคำอย่างมิรีรอ เขาได้ทุบหน้าอกของตนเองแน่น ๆ คราหนึ่ง แล้วก็ยื่นมือเล็ก ๆ ทั้งคู่ออกไปสมทบกับหมู่มิตรตนอื่น ๆ เพื่อแผ่กระจายของดีแทบไร้สภาพสู่กลุ่มเป้าหมาย หลังจากพักฟื้นเอาแรงและรับชมอย่างเดียวมาสักพัก 
                “คิ ๆ ไม่ทำให้สะดุ้งโหยงหรือกระไรหรอกเพคะ รับรองได้เลย ทรงทอดพระเนตรดูพวกมันสิ กำลังหมกมุ่นจริง ๆ เพราะใกล้ถึงขั้นตอนสำคัญแล้ว” สหายหญิงที่มีอายุมากกว่าหลายร้อยปีเลยต้องแหงนหน้าแซวเล่น เธอกำลังลอยตัวอยู่ด้านล่างการหยอกล้อของหนุ่มสาวตัวจิ๋ว 
                ชนเหล่านี้คือแฟรี่เผ่าโฟรก้า ผู้มีปีกวิหคอันงดงามมาร่วมโกลาหลกันยกใหญ่ พอจะสถิตพรแก่ถิ่นฐาน โดยแอบให้กำลังใจและเฮโลถ่ายเทพลังเวทย์แด่พ่อพันธุ์ ณ ยามกำลังไร้น้ำยาขันตอบ เนื่องจากออดอ้อนตัวเมียที่ค่อนข้างหัวสูงให้ผสมพันธุ์ด้วยได้นับครั้งมิถ้วน 
                “ดีมาก! ของรางวัลต้องเข้มข้นกว่าทุก ๆ ปีเป็นแน่” หัวหน้าทีมเก็บกู้ยิ้มกริ่มและเปรยขึ้นมาค่อย ๆ 
                ร่างกายอันล่ำบึกในท่วงท่าหมอบต่ำกับพื้นหลังพงหญ้ากอโต ๆ ได้ใช้แขนขวาแหวกดูอย่างมีชั้นเชิง อีกข้างตั้งข้อศอกให้สัญญาณมือแก่ลูกน้อง ด้วยเหตุว่ากำลังจะเก็บรวบรวมซากศพของตัวผู้ซึ่งโบยบินขึ้นฟ้าเปล่งออร่าแห่งชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อไปเป็นเหยื่อสังเวยในพิธีกรรมปรัมปรา แถมยังสะสมผลึกเชื้อราเรืองแสงภายในอวัยวะสำคัญ เพราะสามารถใช้ประโยชน์ตั้งหลาย ๆ ทาง
                “... ... ...” แต่อยู่ ๆ ทุกสรรพสิ่งกลับเงียบงันลงเฉย ๆ
                “ทำไมถึงหยุดกระทำหมดซะล่ะ? หน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์เลยนะ” คนสอดแนมเลยเริ่มสนทนากันไปเรื่อย
                “งั้นลองปลุกเร้าต่อสิ อาจจะบิ้วขึ้นอีกยกก็ได้? แสงตรงก้นยังไม่ดับสิ้นด้วย”
                “เอ๊ะ! ดวงตาดูดุร้ายขึ้นดื้อ ๆ สะ สีก็เปลี่ยนเป็นแดงฉาน โทบี้ เจ้าเห็นเป็นเช่นนั้นไหม?”
                “ทะ ท่าทางจะไม่ดีแล้ว สัญชาตญาณของข้าฟ้องร้องไม่หยุดเลย” 
                “งึ่ง ๆ ๆ ๆ ... ๆ”x??? ในพริบตานั้นเอง สุ้มเสียงก็กระหึ่มกลับมาอีกครั้ง หากเต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหาร
                “ฟิ้ว!/กรี๊ดดด...!!!” หนึ่งแมลงร้ายเร่งบินควงสว่าน เพื่อพุ่งผ่าก้อนหินออกเป็นสองเสี่ยงตามแนวปีก ตรงหัวมีพลังงานล้อมรอบโจมตีเป็นหอกทะลวงด้วย ส่วนตัวอื่น ๆ ก็มีความพฤติกรรมคล้ายคลึงกันต่างที่เป้าหมาย
                “อ๊ากกก...!!! ช่างคมกริบเหลือเกิน แบบนี้สู้จำนวนไม่ไหวหรอก ล่าถอยเถิด! จงพาเจ้าหญิงไปที่ปลอดภัยก่อน เดี๋ยวพวกข้าจะเป็นโล่คุ้มกันเอง” นายกองซึ่งบินพรวดขึ้นมาผลักฟอลลี่ให้พ้นห่างจากศิลาก้อนข้าง ๆ เลยรับบาดแผลฉกรรจ์ตรงช่วงบ่าแทน ครั้นดีดกายหลบมิเพียงพอ เกราะไหล่ก็มิอาจต้านทานอยู่
                “งึ่ง ๆ ๆ ๆ ... ๆ”x??? จากนั้นศัตรูก็พุ่งย้อนกลับมาเกาะกลุ่มกันทั้งฝูง เพื่อก่อพายุงวงช้างหมุนขึ้นฟ้า ณ กึ่งกลางของธารน้ำแห่งนี้ แล้วจึงบินม้วนลงเป็นกระแสอันคดเคี้ยวใส่เหล่าแฟรี่ด้วยความเชี่ยวกราก
                “มากันเป็นพยุหลูกศรแบบนี้ ชิ! หน่วยอารักขารีบกางบาเรียพิทักษ์เร็ว” ทำให้เขาต้องกำกับการรับมือเฉพาะหน้า ภูตนักรบสิบกว่าตนจึงขับเคลื่อนลอยมาเรียงรูปขบวนกัน แต่ละรายได้เสกทวนวิเศษคู่กายขึ้นชี้สู่เบื้องหน้า ออร่าสีเขียวจึงเปล่งให้เจิดจ้า แล้วสนามพลังลายรังผึ้งก็ร่วมก่อทรงเป็นแผง ๆ ในชั่วอึดใจ
                “พึ่บ ๆ ๆ ๆ ... ๆ” ระหว่างที่เสียงกระพือปีกหนีสุดชีวิตปรากฏขึ้นเต็มไปหมด
                “เพล้ง!/อ๊ากกก...!!!”x??? ฝูงสัตว์เวทย์อันคลุ้มคลั่งกลับฝ่าเข้าจู่โจมกองเชียร์อย่างไร้ไมตรี ด้วยอำนาจเหนือกว่า จึงสามารถกวาดทั้งแนว กระทั่งเรื่องความว่องไว จนไล่ได้ทันในที่สุด
                ปีกบางกางออกกว้างใช้เชือดเฉือนเหยื่อ ด้วยความฉวัดเฉวียนต่างดาบเลเซอร์ซึ่งฟาดฟันทุกอย่าง จนชิ้นส่วนต่าง ๆ ต้องขาดสะบั้นและร่างหล่นดังตุบ พอร่อนจับกดได้สนิทดีแล้ว จึงบังคับปากเรียว ๆ เป็นหลอดดูดชีพให้กลายเป็นมัมมี่ในบัดดล แล้วก็หาอาหารรายใหม่ หลังจากนั้นยังแห่บุกกวาดล้างที่พักอาศัยทั้งเผ่าพันธุ์ต่อด้วย ก่อนจะหายเข้ากลีบเมฆ
                “ไม่นะ!” ภายหลังภูตผู้รอดชีวิตเพียงตนเดียวพร่ำเพ้อขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ยังมิได้สติ ขณะนี้กำลังนอนพะงาบ ๆ บนเตียงห้องฉุกเฉินอันมีอุปกรณ์ช่วยยังชีพครบครัน ณ วิหารศูนย์กลางแห่งนิกายออโรร่า ผู้คนจึงตื่นตูมกันยกใหญ่เชียวล่ะ เพราะคิดเอาเองไปต่าง ๆ นานา
                “โอ้! พระเจ้า ได้โปรดช่วยคุ้มครองพวกเราด้วยเถิด” หญิงสาวผู้งดงามกำลังคุกเข่าอธิฐานกลางบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ สองมือกุมที่หน้าอก เพื่ออ้อนวอนขอความเมตตาจากเบื้องบน ด้วยเสียงกระจ่างดั่งเคาะคริสตัล เธอสวมเครื่องทรงสีขาวไร้ราคี เนื่องจากเพิ่งเปียกชุ่มโชก ทำให้กึ่งเผยเรือนกายอรชรอ้อนแอ้นอย่างน่าดูชม
                [ป่าหงอยใบเหงา! รอให้เฉายังไงก็มิได้ฟินแน่] 
                พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของฟอเรสนิวส์ ณ วันที่ 11 เดือนสาม รอบวงปี 1754 จึงปรากฏแด่สายตาของชาวประชา เพื่อตัดหน้าเจ้าอื่น ๆ เนื่องจากอยากทิ้งท้ายให้ห่างไว ๆ ก่อนจะถูกรุมประณามจากเหล่าผู้ทรงคุณวุฒิอย่างกว้างขวาง ยอดขายเลยลดลงฮวบฮาบทีเดียว 
                ประกอบกับฝูงแมลงประเภทอื่น ๆ อย่างด้วงเกราะปีกนิ่ม ผีเสื้อจำแลงและผึ้งต่อแตน ครั้นตงิด ๆ ว่าน่าจะมีเอี่ยวด้วยทั้งหมด? กระทั่งสัตว์ตัวกระจ้อยร่อยบางชนิดเอง เช่น จิ้งจอกหูยาวจอมเจ้าเล่ห์ ซึ่งนักวิจัยต๊อกต๋อยเข้ามาจับพลัดจับผลูได้กลิ่นไม่สู้ดี เขาจึงยื่นเรื่องให้ถึงต้นสังกัดโดยเร็วที่สุด 
                “หืม! ... เป็นไปไม่ได้?” ผู้ชายมาดเซอร์ถึงกับตื่นตะลึง ขณะรับทราบเรื่องราว
                แก้วโปร่งใสที่บรรจุเหล้ากลั่นเพียว ๆ อยู่ครึ่งค่อนหลุดมือให้ตกแตกลงพื้น ท่ามกลางแสงต่างสีสันจากไฟดิสโก้บนเพดาน กะทำนองเพลงดังระคายหู ชายร่างโย่งซึ่งสวมเสื้อมีฮู้ดยาวคลุมศีรษะและหญิงสาวร่างเล็กในชุดหนังทันสมัย ณ โต๊ะเคียงข้างกันจึงต้องหันมองอย่างน่าฉงนใจ
                “ตกใจเรื่องอันใดกันเล่า? ผู้ช่วยของข้า” ทั้งผู้เฒ่ามนุษย์แพะซึ่งเพิ่งจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ก็สงสัยใคร่รู้กับเขาด้วย โดยคลายไทด์ผูกคอออกให้หลวม ๆ พอกลับมาถึงที่นั่งเดิมของตนแล้ว
                “ไม่มีอะไรหรอก ท่านศาสตราจารย์ไอตาน คงจะเป็นเพราะเหน็ดเหนื่อยมากจากงานวิจัยของข้าเอง” ทำให้ชายหนุ่มต้องปรับอารมณ์ใหม่และปั้นสีหน้าคืนกลับ แล้วจึงตอบกลบเกลื่อนไปตามน้ำ
                “...”
                (เริ่มกันแล้วรึ?) เนื่องจากเขาต้องครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด
                ส่วนเรื่องรายละเอียดหรือ? ก็บอกว่าพวกมันกำลังทยอยเอาตามอย่างบ้าง แม้จะมิร้ายกาจเทียบเท่า จากคำให้การของพยานปากเอก? ซึ่งบังเอิญอวดอ้างวีรกรรมกลางบาร์เหล้า เมื่อเมาปลิ้นมาตั้งแต่แรก ส่วนที่เหลือยังเริ่มทำตัวแปลก ๆ ถึงขั้นก้าวร้าวไม่เลิก หากเผลอไผลอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง 
                “ในอดีตข้าเคยต่ำต้อยด้อยค่า เป็นดั่งมดงานตัวจ้อย แต่ตอนนี้กลับยิ่งใหญ่แทบจะถีบหัวราชินีส่งเชียวล่ะ ดูสิ! มันก็คือหลักฐานอันมิอาจโต้แย้งได้ นี่ไง! บาดแผลเป็นใหญ่ ๆ บนแผงอก แหกเปลือกตามาดูให้ดีซะ” นายพรานอาวุโส? กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า มือทั้งสองคว้าปกเสื้อแหวกออกกว้าง ๆ เพื่อโชว์หราระหว่างกำลังสุดซวนเซ ทว่าก็มิล้มทิ่มให้หน้ากระแทกพื้น 
                “หึ ๆ เกียรติยศนี้ มฤตยูแห่งดึกดําบรรพ์ได้ทำเอาไว้ แน่นอน ทางมันเองต้องถูกแก้ลำหนัก ๆ ไปด้วยเหมือนกัน ถ้ากล้ามาดูแคลนข้านะ ก็ต้องโดนดีแน่ นี่ขอบอกเอาไว้ แล้วจะหาว่าไม่ตักเตือน ฮา ๆ ๆ ๆ” จากนั้นก็เปล่งเสียงลั่นออกมา
                พร้อมกับคว้าแส้อ่อนขึ้นจากข้างเอว แล้วเหวี่ยงพันเสาอะโกโก้ข้าง ๆ ซึ่งห่างอยู่สักระยะและกระโดดสูงจากแท่นยืน เพื่อโหนเป็นวงถึงสามรอบอย่างชำนาญ ขณะร่างลดระดับลงตามแรงโน้มถ่วง แขนอีกด้านเฉียงออกข้างกับเอนตัวตลอดทั้งช่วง ราวกับเต้นลีลาศกลางอากาศ เขาหัวเราะแสนสำราญ ทั้งยังพานเฉี่ยวชนผู้คนในละแวกนั้นด้วย
                “ยิ่งในช่วงนี้ยังเริ่มพิลึกพิลั่นกันแล้ว เอิ้กกก...!!! ข้าผู้มีประสบการณ์จะเล่าให้พวกเจ้าฟังเอง ถือเป็นบุญหูนะ ฮา ๆ เรื่องมันมีอยู่ว่า โอ๊ย!/เพล้ง!” แต่เขาก็ต้องหยุดลงตรงพิกัดเดิม เพราะวิงเวียนหัวชะมัด ก่อนจะถูกบังคับให้หุบปาก เพราะขวดเหล้าเขวี้ยงโดนศีรษะเต็มเหนี่ยว
                “ว้าเว้ย! เท้าถีบกบาลของข้าเลยนะเนี่ย ถ้าไม่เห็นว่าแก่แล้วล่ะก็ เข้าไปนอนนิ่งในโลงแน่” 
                “นี่พาปู่ซ่าคนนี้ลงมาจากเปียโนซะ พวกน้องหนูเลยขึ้นไปเต้นโชว์ไม่ได้กันพอดี” ทำให้บรรดาลูกค้าต้องโวยวายมิยั้งปาก
                “รีบจับตัวของคุณลูกค้าคนนั้นด่วน เอาให้อยู่ด้วยนะ เดี๋ยวท่านก็เลื้อยไปทั่วอีกหรอก อา! เดี๊ยนปวดหัวมาก แล้วเอาไปกองไว้ข้างถังขยะนอกร้านเถอะ” ผู้จัดการสาวประเภทสองเลยต้องกุมขมับ สีหน้าคล้ายจะเป็นลม เธอเร่งเรียกเด็กรับแขกให้มาเข้าตะครุบตัวของชายชราเป็นทิวแถว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่