หลังจากคุณหญิงราตรีกับลูกสาวกลับไป ภูติไม่เคยนอนหลับสนิทได้สักคืน คิดหาทางออกจะทำอย่างไรถึงจะไม่ต้องแต่งงานผูกมัดกับปานชีวา ถ้าเกิดหมั้นและแต่งงานอยู่ด้วยกัน คงยากที่เขาจะกลับมาอิสระเหมือนเดิมด้วยหน้าตาฐานะทางสังคมของคนบ้านนั้นแล้วด้วย ปานชีวาคงไม่ยอมหย่าให้เขาง่ายๆเป็นแน่
ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มใจ ทำไมเขาไม่เกิดมาในครอบครัวธรรมดา นามสกุลไม่มีใครรู้จัก ถ้าเป็นอย่างที่คิดเส้นทางชีวิตรักแบบฝืนธรรมชาติคงเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เช่นหลายๆคู่ที่เขารู้จัก บางคู่แต่งงานกันออกนอกหน้าประกาศให้คนรู้กันทั่ว กลับกันกับชีวิตเขาที่อย่าแม้แต่จะคิด
ภายในห้องทำงานระดับผู้บริหาร ภูตินั่งเคาะปากกาเล่นบนโต๊ะทำงาน ตรงหน้ามีแฟ้มเอกสารมากมายที่ต้องจัดการ แต่เขาหารีบทำไม่ ใจลอยคิดไปถึงการมีครอบครัวของตัวเอง แค่แต่งงานกันไปคงไม่จบแค่นั้นแม่ของตนและคุณหญิงราตรีต้องอยากมีหลาน ยิ่งคิดก็ยิ่งทำใจไม่ได้ เขาไม่อยากเข้าใกล้ผู้หญิง นี่ก็เป็นอีกปัญหาปานชีวาต้องรู้ความจริงในความเป็นตัวตนของเขาแน่นอน หากแต่งงานกันไปภายภาคหน้า เอาเถอะยังไงก็ยังมีเวลาตั้งหนึ่งปี วันนี้คิดหาทางออกไม่ได้ ก็ยังมีพรุ่งนี้ให้คิดต่อ พอนึกได้เขาก็ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องทำงานไป
“คุณภูจะไปไหนคะ”
ชุรีเลขาสาวถามผู้เป็นเจ้านายเมื่อเห็นภูติเดินออกมาจากห้อง ถือกระเป๋าทำงานออกมาด้วย ไม่ใช่แค่ถามในฐานะเจ้านายลูกน้องเท่านั้น หากแต่เธอแอบชอบเจ้านายคนนี้ตั้งแต่อกหักจากปรีติผู้เป็นพี่ชายที่แต่งงานกับผู้หญิงมีฐานะเท่าเทียมกัน จากนั้นเธอก็ตัดใจหันมาปลื้มผู้น้องแทน ส่วนน้องคนเล็กอย่างกิตติไม่ใช่สเปกของชุรีแม้แต่น้อย แต่เธอก็ยังเจียมตัว แค่ปลื้มก็เพียงพอต่อใจเธอแล้ว
“ผมมีธุระครับคุณชุ ฝากงานด้วยนะครับ”
“ถ้ามีคนถามว่าคุณภูไปไหน จะให้ชุตอบว่ายังไงคะ”
ชุรีพูดกับเจ้านายแบบเขินอาย บิดตัวไปมาหากเป็นเจ้านายคนอื่นเธอคงโดนเอ็ดที่ทำท่าทีแบบนี้ แต่กับภูติเขาให้เธอแสดงออกมาชัดเจน ถึงกระนั้นเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะชอบเธอแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังถือเป็นเรื่องตลกไป
“นี่ๆคุณชุ ไม่ต้องบิดขนาดนั้นผมไม่ใช่แฟนคุณชุนะครับ ฮ่าๆ”
“แหมก็ชุปลื้มในความหล่อ เอ้ย ความเก่งของคุณภูนิคะ แล้วจะให้ชุตอบว่ายังไงคะ คุณภูยังไม่ตอบชุมาเลย”
“ก็บอกว่าผมมีธุระนั่นแหละ ไปแล้วนะบ๊าย”
ภูติโบกมือให้เลขาสาวสวยแต่ไม่ใช่สเปกของเขา จากนั้นก็เดินลงลิฟต์ไป เขายังไม่รู้จะไปไหน แค่ไม่อยากอยู่ในห้องทำงาน ภูติตัดสินใจขับรถมาบ้านพี่ชาย บางทีเล่นกับหลานๆให้หายเครียดอาจจะคิดอะไรดีๆออกก็ได้
เมื่อเขาขับรถมาถึงบ้านพี่ชายกับพี่สะใภ้ ยังไม่ทันเลี้ยวเข้าบ้าน ความคิดภายใจกลับบอกว่าไม่ต้องดีกว่า ไปที่อื่นที่สบายใจกว่านี้ ไม่ต้องเอาปัญหาไปให้พี่ชายเครียดด้วย และเข้าก็บึ่งรถเลยบ้านพี่ชายไป ขับไปตามเส้นทางเรื่อยๆไม่มีเป้าหมาย ไม่มีจุดหมายปลายทาง ขึ้นมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าไปทางภาคตะวันออก ขับมาเรื่อยๆ เห็นป้ายบอกทางไปทะเล เขาตัดสินใจเลี้ยวไปตามป้าย สุดท้ายก็มาโผล่ทะเลอีกจังหวัด หายทรายสวย เงียบสงบ มีเพียงเสียงคลื่นและเสียงลม เขาคิดว่าจะใช้เวลาอยู่ที่นี่สักสองสามวัน โทรบอกคุณหญิงแม่เรียบร้อย
“ทำไมลูกไม่ชวนหนูปานไปด้วย” คุณหญิงช่อดุลูกชายผ่านมือถือ ที่รู้ว่าไปเที่ยวทะเลไม่ชวนว่าที่คู่หมั้นไปด้วย
“อ้อ ผมก็ไม่คิดว่าจะมาครับ มาธุระก็เลยอยู่เที่ยวต่อสะเลย”
....
ปานชีวาคิดมากเรื่องงานหมั้นไม่ต่างไปกับภูติเช่นกัน คุณหญิงแม่จะคลุมถุงชนเธอทั้งทีให้แต่งกับผู้ชายแมนๆก็ไม่ได้ แต่นี่ให้แต่งกับเกย์ คิดแล้วก็ก็ทำท่าขนลุกขนพอง ขณะที่เธอนั่งทานข้าวกับเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่เมืองไทย ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“เป็นอะไรยายปาน” เมย์ถามขณะที่สังเกตเห็นปานชีวาทำท่าแปลกๆ
“เอ่อเมย์ แกคิดว่าเกย์มันจะกลับใจได้มั้ย” เธอถามด้วยความอยากรู้
“อย่าบอกนะว่าแกชอบเกย์ ยายปานผู้ชายมีตั้งมากมาย ทำไมไม่ชอบ ดันไปชอบเกย์สะงั้น แล้วใครอ่ะ” เมธาวีถามด้วยความอยากรู้ ว่าเกย์คนนั้นเป็นใคร
“ป่าวฉันไม่ได้ชอบเกย์ ฉันแค่ถาม”
“ก็ไม่รู้ดิ ก็! อืมก็ไม่นะเขาชอบแบบนี้แล้วอ่ะ เปลี่ยนใจคงยาก อาจจะสร้างภาพได้ แต่ภายใต้จิตใจแล้วคงไม่อ่ะ ก็เหมือนทอมชอบผู้หญิงนั่นแหละ “
“อย่างงั้นเหรอ”
“อือ นี่อย่าบอกนะว่าคุณหญิงแม่ของเธอจับเธอแต่งงานกับเกย์”
“เฮ้ย! บ้า ไม่ใช่ฉันแค่ถามเฉยๆ แค่สงสัยหน่า”
ปานชีวาคิดตามคำพูดของเพื่อน จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าวที่สั่งมามากมายตรงหน้า ทั้งที่ทานเพียงสองคน ที่นัดมาวันนี้เธอกะว่าจะปรึกษาเรื่องภูติ คิดๆดูแล้วไม่ปรึกษาดีกว่า กลัวความลับของภูติรั่วไหล ยังไงเธอก็สงสารคุณหญิงป้าและผู้เป็นพี่ชายคนนี้หากทุกคนรู้ความจริง
ที่จริงเธอมีข้อเสนอให้กับภูติไว้แล้ว ปานชีวารับไม่ได้ที่ต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน ยิ่งคิดไปถึงการร่วมเตียงยิ่งสะอิดสะเอียน แต่ถ้าจะพูดคุยกันตรงๆภูติคงตกใจที่เธอรู้เรื่องรสนิยมความชอบของเขาได้ยังไง
หลายปีก่อนเธอกลับมาจากเรียนเมืองนอกช่วงซัมเมอร์ ทางบ้านของภูติไม่มีใครรู้ว่าเธอกลับมา บังเอิญมากเธอรู้ว่าภูติเช่าซื้อคอนโดย่านชาญเมืองแห่งนี้ เพราะเจ้าของโครงการเป็นพ่อของเพื่อนที่ชื่อเมธาวีของเธอคนที่มานั่งทานข้าวกับเธอวันนี้นี่เอง
โชคดีที่เมย์ไม่รู้จักกับภูติ ทำให้ความลับของเขายังปิดมาได้ทุกวันนี้ แต่วันนั้นบังเอิญจริงๆ เธออยากไปดูคอนโดเปิดใหม่ของเพื่อน กะว่าจะขอจองสักห้อง บังเอิญเห็นภูติมากับผู้ชายคนหนึ่ง ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะใช่เพื่อนธรรมดาแน่นอน บวกกับพฤติกรรมอะไรหลายๆอย่างตั้งแต่เด็กจนโตของเขา ปานชีวาจับมาประติดประต่อทำให้รู้ความจริงว่าภูติชอบผู้ชายด้วยกัน
ถึงอย่างไรคงต้องจับเข่าคุยกับภูติให้รู้เรื่อง เธอก็รู้สึกรับไม่ได้เช่นเดียวกัน และภูติเองก็คงคิดหนัก ดีกว่าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ ความลับของเขาก็ยังจะเป็นความลับ ถ้าตกลงกันได้ อีกอย่างสาวสวยนักเรียนนอกแบบเธอต้องเจอผู้ชายแมนร้อยเปอร์เซ็นต์ถึงจะสมน้ำสมเนื้อ
“กลับก่อนนะเมย์” เธอกล่าวลาเพื่อนสนิทจากที่ทานข้าวเสร็จ นั่งเม้าส์เรื่องนั้นเรื่องนี้ช่วงที่เธอไม่อยู่เป็นอย่างไรบ้าง จนหนำใจแล้วเธอจึงขอกลับ
“โอเค ขับรถดีๆล่ะ มีอะไรก็โทรมาคุย เพื่อนรับฟังเสมอ” เมธาวีโบกมือลา
เมธาวีอยากรู้ว่าทำไมปานถึงถามเรื่องเกย์ มันต้องมีอะไรแน่นอน อดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่ปานชีวากำลังจะหมั้นด้วยเป็นเกย์ที่พูดถึงหรือป่าว มันก็น่าคิด ผู้ชายร้อยทั้งร้อยถ้าไม่ขี้เหร่จนเกินเยียวยามีหรือจะยอมถูกคลุมถุงชน มีหรือจะหาเมียไม่ได้ นี่มันสมัยไหนกันแล้ว เธอคิดและต้องหาความจริงให้ได้
ภูติ ภูติพัฒน์ เมธาวีลองค้นหาในกูเกิ้ลว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตา มีแต่ฟังปานชีวาเล่าให้ฟัง เมื่อเธอค้นเจอรายละเอียดของเขาคือ หนุ่มนักธุรกิจไฟแรง โสด ลูงชายคนกลางของตระกูลภูติพัฒน์ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้นๆของประเทศ ทำให้เธอยิ่งสงสัยเพิ่มขึ้นอีก หล่อ รวย เพียบพร้อมขนาดนี้หาภรรยาเองไม่ได้หรือ แถมยังโสดมาตลอดและจู่ๆเพื่อนของเธอยังถามเรื่องเกย์อีก เธอครุ่นคิดอยู่คนเดียวบนโต๊ะทานอาหารในร้านอาหารที่ชวนปานชีวามา แต่บัดนี้เหลือเพียงเธอที่นั่งคนเดียว เพราะปานขอตัวกลับก่อน ไม่นานเธอก็เรียกพนักงานคิดเงินและออกจากร้านไปเมื่อค้นข้อมูลของภูติเสร็จ
....
ณ ริมทะเล
เวลาห้าโมงเย็นพระอาทิตย์กำลังจะลาท้องฟ้า ค่อยๆเคลื่อนลงไปใต้ท้องทะเล แสงสีส้มทอประกายตามผิวน้ำให้ความสวยงามเหมาะแกการถ่ายรูปเก็บไว้มาก เสียงคลื่นกระทบฟั่งดังซ่าทุกครั้งที่กระทบกับหิน ยิ่งเพิ่มบรรยากาศให้น่านั่งจิบเบียร์กับคนที่เรารู้สึกดีด้วย
ชัชพงษ์จะเป็นอย่างไรนะถ้าเขาแต่งงานกับปานชีวา เขาคิดในหัวตอนนี้คือ หมั้นๆไปสะ แต่งงานกันไปก่อน และหลังจากนั้นก็หย่ากัน แต่! คนอย่างปานชีวาคงไม่ยอมหย่าให้เขาง่ายๆ หรือ ถ้าเกิดเธอรู้ว่าตนเองรักผู้ชายด้วยกันคงมิวายต้องโดนประจาน และความลับส่วนตัวที่เก็บมาตลอดบัดนั้นคงถูกเปิดเผยจนหมดสิ้น แม่ของเขาล่ะ โดยเฉพาะแม่จะรับในความเป็นตัวตนของเขาได้หรือไม่ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว
ขณะคิดมือก็ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นมากระดก นั่งบนหินที่ถูกจัดไว้ให้นักท่องเที่ยวนั่งชมน้ำทะเลและพระอาทิตย์ตกโดยเฉพาะ คืนนี้เขาคิดจะข้างที่นี่โดยหาโรงแรมแถมนี้ ถึงจะอยู่ลับหูลับตาคนที่รู้จักเขาก็ยังระวัดระวังตัวเอง
ภูติมีลักษณะท่าทางเหมือนผู้ชายปกติทุกอย่าง รูปร่าง การแต่งตัว กิริยาท่าทางดูเป็นชายชาติทหาร ไม่ทำอะไรที่ดูผิดหูผิดตาไปจากการเป็นชาย คนภายนอกถึงดูไม่ออก เขาเจอชัชพงษ์ที่ต่างประเทศในการไปเที่ยวส่วนตัวครั้งนั้น แค่มองตาก็รู้ไปถึงภายในจิตใจของกันและกัน จากนั้นก็แลกเบอร์ติดต่อ และกลายมาเป็นคนรู้ใจจนถึงทุกวันนี้ บัดนี้มันกำลังเปลี่ยนไป คุณหญิงแม่ของเขากำลังจะหาภรรยาที่ถูกต้องให้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้น้ำตาเม็ดเล็กๆใสๆมันก็ซึมออกมา โดยที่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย ภูติยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาเช็ดออกให้เร็วก่อนจะมีคนมาเห็น
ในระหว่างที่เขากำลังเหม่อลอย มองออกไปข้างหน้าไกลๆนั้น ภูติมองเห็นหญิงสาวกำลังเดินมุ่งหน้าลงทะเลไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดิน ระดับน้ำทะเลก็เริ่มท่วมสูงขึ้นๆเรื่อยๆ เขาจ้องมองด้วยความแปลกใจ ทำไมเธอถึงได้เดินลงทะเลเช่นนี้ หรือว่า.. เธอคนนั้นคิดจะฆ่าตัวตาย พอสิ้นความคิดเธอคนนั้นก็โดนคลื่นซัดให้ล้มลงไปหายไปกับคลื่นทะเล ภูติเห็นดังนั้นรีบวิ่งตามลงไปช่วย และช่วยเธอขึ้นมาได้ แต่ตอนนี้เธอหมดสติไปแล้ว
“คุณๆ คุณครับ” ภูติลากหญิงสาวขึ้นมานอนบนทรายหาด พร้อมไทยมุงที่เห็นเหตุการณ์ในบริเวณนี้ พร้อมทำการปฐมพยาบาล เธอไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย ขณะเดียวกันภูติก็ทำการปฐมพยาบาลไม่หยุด
“ว่าแล้วที่นี่เจ้าที่แรง”
“ตัวตายตัวแทน”
“พ่อหนุ่มปล่อยเขาไปเถอะ ไม่รอดหรอกที่นี่เจ้าที่แรง เขาเอาบ่อย”
เสียงไทยมุงที่มายืนดูเหตุการณ์พูดขึ้น ขณะที่ภูติก็พยายามช่วยชีวิตจนสุดแรง เขาวางเธอลงเหมือนคนผิดหวังที่ช่วยเธอไว้ไม่ทัน ทั้งที่เป็นคนเห็นเหตุการณ์แต่แรก น้ำตากำลังจะไหลเพราะความเสียใจ จู่ๆเธอก็ได้สำลักน้ำออกมา รู้สึกตัวตื่น เสียงไทยมุงเฮดีใจที่เธอรอดชีวิต ที่ภูติช่วยไว้ทัน จากนั้นผู้คนก็ค่อยๆสลายตัวกันออกไป เหลือแค่เขาสองคน ภูติพยุงเธอให้มานั่งบนโขดหินที่เดิมที่เขานั่งก่อนหน้านี้
“คุณช่วยฉันทำไม” เธอพูดพร้อมน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาพร้อมความผิดหวังที่ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ
“ทำไมคุณถึงคิดสั้นฆ่าตัวตาย”
ไม่มีคำตอบจากหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า มีเพียงน้ำตาและเสียงสะอื้นเป็นคำตอบ เธอผู้นี้คงจะเสียใจมาก ไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไร แต่มันคงร้ายแรงถึงขั้นทำให้เธอกล้าคิดฆ่าตัวตายได้
“ไม่เป็นไรนะครับ ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร คุณพักที่ไหนผมจะไปส่ง”
“ฉันไม่มีทีพักหรอกค่ะ ฉันอยู่กรุงเทพนั่งรถมาเพื่อ... เพื่อให้ตัวเองหายไปจากโลกใบนี้”
เขาคิดอยู่นานจะทำยังไงดี ถ้าเกิดปล่อยเธอไว้คนเดียวเธออาจจะคิดฆ่าตัวตายอีกก็ได้ ห้องของเขาดีที่สุด ภูติไม่คิดอะไร
“คุณครับฆ่าตัวตายมันบาปนะครับ งั้นไปห้องผมก่อน ผมพักคนเดียว”
ชลันมองหน้าภูติเธอไม่กล้าไป ถึงเธอจะอยากพาตัวเองหายไปจากปัญหาที่เผชิญอยู่ แต่เธอก็ไม่กล้าอยู่กับผู้ชายสองต่อสองแบบนี้แน่นอน อีกอย่างเขาเป็นใครก็ไม่รู้ อยู่ๆจะชวนเธอขึ้นห้อง ข่าวคราวออกตามทีวีมีมากมาย
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมาเองเดี๋ยวหาทางกลับเอง”
“แต่ตัวคุณเปียกขนาดนี้จะกลับยังไง เอางี้ไม่ต้องกลัว ผมรอคุณนอกห้อง ให้คุณเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วผมจะไปส่งขึ้นรถ”
เมื่อตกลงกันแบบนี้ทั้งสองก็พากันเดินหาซื้อชุดที่ชลันพอจะใส่ได้ ใส่ไปก่อนตามร้านแผงขายตามชายหาด ชลันได้ชุดกางเกงขายาว และเสื้อยืดมาหนึ่งชุด จากนั้นภูติก็พาเธอไปโรงแรมที่เขาพักอยู่ ภูติให้เธอเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้อง โดยที่เขายืนรออยู่ข้างนอกตามที่พูดจริง ชลันรู้สึกอุ่นใจขึ้นมานิดหน่อยแต่ยังไม่ชะล่าใจ เมื่อเธอเปลี่ยนชุดเรียบร้อยเดินออกมาหน้าห้องเดินมาหาภูติที่ยืนอยู่ระเบียงที่เดิม
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ไปส่งฉันเถอะ” ชลันขอบคุณเขาอย่างจริงใจ
“สบายใจหรือยัง อย่าคิดทำแบบนี้อีกนะ คุณมีครอบครัวมั้ย พ่อแม่คุณอยู่ไหน ป่านนี้พวกเขาคงรอคุณแย่” ภูติพยายามพูดดึงสติให้ชลันคิดได้ ไม่ว่าเรื่องที่อยากทำให้เธอฆ่าตัวตายเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่เธอยังมีพ่อแม่ครอบครัวรออยู่
เจ้าสาวจำเป็น บทที่ 2
ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มใจ ทำไมเขาไม่เกิดมาในครอบครัวธรรมดา นามสกุลไม่มีใครรู้จัก ถ้าเป็นอย่างที่คิดเส้นทางชีวิตรักแบบฝืนธรรมชาติคงเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เช่นหลายๆคู่ที่เขารู้จัก บางคู่แต่งงานกันออกนอกหน้าประกาศให้คนรู้กันทั่ว กลับกันกับชีวิตเขาที่อย่าแม้แต่จะคิด
ภายในห้องทำงานระดับผู้บริหาร ภูตินั่งเคาะปากกาเล่นบนโต๊ะทำงาน ตรงหน้ามีแฟ้มเอกสารมากมายที่ต้องจัดการ แต่เขาหารีบทำไม่ ใจลอยคิดไปถึงการมีครอบครัวของตัวเอง แค่แต่งงานกันไปคงไม่จบแค่นั้นแม่ของตนและคุณหญิงราตรีต้องอยากมีหลาน ยิ่งคิดก็ยิ่งทำใจไม่ได้ เขาไม่อยากเข้าใกล้ผู้หญิง นี่ก็เป็นอีกปัญหาปานชีวาต้องรู้ความจริงในความเป็นตัวตนของเขาแน่นอน หากแต่งงานกันไปภายภาคหน้า เอาเถอะยังไงก็ยังมีเวลาตั้งหนึ่งปี วันนี้คิดหาทางออกไม่ได้ ก็ยังมีพรุ่งนี้ให้คิดต่อ พอนึกได้เขาก็ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องทำงานไป
“คุณภูจะไปไหนคะ”
ชุรีเลขาสาวถามผู้เป็นเจ้านายเมื่อเห็นภูติเดินออกมาจากห้อง ถือกระเป๋าทำงานออกมาด้วย ไม่ใช่แค่ถามในฐานะเจ้านายลูกน้องเท่านั้น หากแต่เธอแอบชอบเจ้านายคนนี้ตั้งแต่อกหักจากปรีติผู้เป็นพี่ชายที่แต่งงานกับผู้หญิงมีฐานะเท่าเทียมกัน จากนั้นเธอก็ตัดใจหันมาปลื้มผู้น้องแทน ส่วนน้องคนเล็กอย่างกิตติไม่ใช่สเปกของชุรีแม้แต่น้อย แต่เธอก็ยังเจียมตัว แค่ปลื้มก็เพียงพอต่อใจเธอแล้ว
“ผมมีธุระครับคุณชุ ฝากงานด้วยนะครับ”
“ถ้ามีคนถามว่าคุณภูไปไหน จะให้ชุตอบว่ายังไงคะ”
ชุรีพูดกับเจ้านายแบบเขินอาย บิดตัวไปมาหากเป็นเจ้านายคนอื่นเธอคงโดนเอ็ดที่ทำท่าทีแบบนี้ แต่กับภูติเขาให้เธอแสดงออกมาชัดเจน ถึงกระนั้นเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะชอบเธอแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังถือเป็นเรื่องตลกไป
“นี่ๆคุณชุ ไม่ต้องบิดขนาดนั้นผมไม่ใช่แฟนคุณชุนะครับ ฮ่าๆ”
“แหมก็ชุปลื้มในความหล่อ เอ้ย ความเก่งของคุณภูนิคะ แล้วจะให้ชุตอบว่ายังไงคะ คุณภูยังไม่ตอบชุมาเลย”
“ก็บอกว่าผมมีธุระนั่นแหละ ไปแล้วนะบ๊าย”
ภูติโบกมือให้เลขาสาวสวยแต่ไม่ใช่สเปกของเขา จากนั้นก็เดินลงลิฟต์ไป เขายังไม่รู้จะไปไหน แค่ไม่อยากอยู่ในห้องทำงาน ภูติตัดสินใจขับรถมาบ้านพี่ชาย บางทีเล่นกับหลานๆให้หายเครียดอาจจะคิดอะไรดีๆออกก็ได้
เมื่อเขาขับรถมาถึงบ้านพี่ชายกับพี่สะใภ้ ยังไม่ทันเลี้ยวเข้าบ้าน ความคิดภายใจกลับบอกว่าไม่ต้องดีกว่า ไปที่อื่นที่สบายใจกว่านี้ ไม่ต้องเอาปัญหาไปให้พี่ชายเครียดด้วย และเข้าก็บึ่งรถเลยบ้านพี่ชายไป ขับไปตามเส้นทางเรื่อยๆไม่มีเป้าหมาย ไม่มีจุดหมายปลายทาง ขึ้นมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าไปทางภาคตะวันออก ขับมาเรื่อยๆ เห็นป้ายบอกทางไปทะเล เขาตัดสินใจเลี้ยวไปตามป้าย สุดท้ายก็มาโผล่ทะเลอีกจังหวัด หายทรายสวย เงียบสงบ มีเพียงเสียงคลื่นและเสียงลม เขาคิดว่าจะใช้เวลาอยู่ที่นี่สักสองสามวัน โทรบอกคุณหญิงแม่เรียบร้อย
“ทำไมลูกไม่ชวนหนูปานไปด้วย” คุณหญิงช่อดุลูกชายผ่านมือถือ ที่รู้ว่าไปเที่ยวทะเลไม่ชวนว่าที่คู่หมั้นไปด้วย
“อ้อ ผมก็ไม่คิดว่าจะมาครับ มาธุระก็เลยอยู่เที่ยวต่อสะเลย”
....
ปานชีวาคิดมากเรื่องงานหมั้นไม่ต่างไปกับภูติเช่นกัน คุณหญิงแม่จะคลุมถุงชนเธอทั้งทีให้แต่งกับผู้ชายแมนๆก็ไม่ได้ แต่นี่ให้แต่งกับเกย์ คิดแล้วก็ก็ทำท่าขนลุกขนพอง ขณะที่เธอนั่งทานข้าวกับเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่เมืองไทย ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“เป็นอะไรยายปาน” เมย์ถามขณะที่สังเกตเห็นปานชีวาทำท่าแปลกๆ
“เอ่อเมย์ แกคิดว่าเกย์มันจะกลับใจได้มั้ย” เธอถามด้วยความอยากรู้
“อย่าบอกนะว่าแกชอบเกย์ ยายปานผู้ชายมีตั้งมากมาย ทำไมไม่ชอบ ดันไปชอบเกย์สะงั้น แล้วใครอ่ะ” เมธาวีถามด้วยความอยากรู้ ว่าเกย์คนนั้นเป็นใคร
“ป่าวฉันไม่ได้ชอบเกย์ ฉันแค่ถาม”
“ก็ไม่รู้ดิ ก็! อืมก็ไม่นะเขาชอบแบบนี้แล้วอ่ะ เปลี่ยนใจคงยาก อาจจะสร้างภาพได้ แต่ภายใต้จิตใจแล้วคงไม่อ่ะ ก็เหมือนทอมชอบผู้หญิงนั่นแหละ “
“อย่างงั้นเหรอ”
“อือ นี่อย่าบอกนะว่าคุณหญิงแม่ของเธอจับเธอแต่งงานกับเกย์”
“เฮ้ย! บ้า ไม่ใช่ฉันแค่ถามเฉยๆ แค่สงสัยหน่า”
ปานชีวาคิดตามคำพูดของเพื่อน จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าวที่สั่งมามากมายตรงหน้า ทั้งที่ทานเพียงสองคน ที่นัดมาวันนี้เธอกะว่าจะปรึกษาเรื่องภูติ คิดๆดูแล้วไม่ปรึกษาดีกว่า กลัวความลับของภูติรั่วไหล ยังไงเธอก็สงสารคุณหญิงป้าและผู้เป็นพี่ชายคนนี้หากทุกคนรู้ความจริง
ที่จริงเธอมีข้อเสนอให้กับภูติไว้แล้ว ปานชีวารับไม่ได้ที่ต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน ยิ่งคิดไปถึงการร่วมเตียงยิ่งสะอิดสะเอียน แต่ถ้าจะพูดคุยกันตรงๆภูติคงตกใจที่เธอรู้เรื่องรสนิยมความชอบของเขาได้ยังไง
หลายปีก่อนเธอกลับมาจากเรียนเมืองนอกช่วงซัมเมอร์ ทางบ้านของภูติไม่มีใครรู้ว่าเธอกลับมา บังเอิญมากเธอรู้ว่าภูติเช่าซื้อคอนโดย่านชาญเมืองแห่งนี้ เพราะเจ้าของโครงการเป็นพ่อของเพื่อนที่ชื่อเมธาวีของเธอคนที่มานั่งทานข้าวกับเธอวันนี้นี่เอง
โชคดีที่เมย์ไม่รู้จักกับภูติ ทำให้ความลับของเขายังปิดมาได้ทุกวันนี้ แต่วันนั้นบังเอิญจริงๆ เธออยากไปดูคอนโดเปิดใหม่ของเพื่อน กะว่าจะขอจองสักห้อง บังเอิญเห็นภูติมากับผู้ชายคนหนึ่ง ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะใช่เพื่อนธรรมดาแน่นอน บวกกับพฤติกรรมอะไรหลายๆอย่างตั้งแต่เด็กจนโตของเขา ปานชีวาจับมาประติดประต่อทำให้รู้ความจริงว่าภูติชอบผู้ชายด้วยกัน
ถึงอย่างไรคงต้องจับเข่าคุยกับภูติให้รู้เรื่อง เธอก็รู้สึกรับไม่ได้เช่นเดียวกัน และภูติเองก็คงคิดหนัก ดีกว่าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ ความลับของเขาก็ยังจะเป็นความลับ ถ้าตกลงกันได้ อีกอย่างสาวสวยนักเรียนนอกแบบเธอต้องเจอผู้ชายแมนร้อยเปอร์เซ็นต์ถึงจะสมน้ำสมเนื้อ
“กลับก่อนนะเมย์” เธอกล่าวลาเพื่อนสนิทจากที่ทานข้าวเสร็จ นั่งเม้าส์เรื่องนั้นเรื่องนี้ช่วงที่เธอไม่อยู่เป็นอย่างไรบ้าง จนหนำใจแล้วเธอจึงขอกลับ
“โอเค ขับรถดีๆล่ะ มีอะไรก็โทรมาคุย เพื่อนรับฟังเสมอ” เมธาวีโบกมือลา
เมธาวีอยากรู้ว่าทำไมปานถึงถามเรื่องเกย์ มันต้องมีอะไรแน่นอน อดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่ปานชีวากำลังจะหมั้นด้วยเป็นเกย์ที่พูดถึงหรือป่าว มันก็น่าคิด ผู้ชายร้อยทั้งร้อยถ้าไม่ขี้เหร่จนเกินเยียวยามีหรือจะยอมถูกคลุมถุงชน มีหรือจะหาเมียไม่ได้ นี่มันสมัยไหนกันแล้ว เธอคิดและต้องหาความจริงให้ได้
ภูติ ภูติพัฒน์ เมธาวีลองค้นหาในกูเกิ้ลว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตา มีแต่ฟังปานชีวาเล่าให้ฟัง เมื่อเธอค้นเจอรายละเอียดของเขาคือ หนุ่มนักธุรกิจไฟแรง โสด ลูงชายคนกลางของตระกูลภูติพัฒน์ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้นๆของประเทศ ทำให้เธอยิ่งสงสัยเพิ่มขึ้นอีก หล่อ รวย เพียบพร้อมขนาดนี้หาภรรยาเองไม่ได้หรือ แถมยังโสดมาตลอดและจู่ๆเพื่อนของเธอยังถามเรื่องเกย์อีก เธอครุ่นคิดอยู่คนเดียวบนโต๊ะทานอาหารในร้านอาหารที่ชวนปานชีวามา แต่บัดนี้เหลือเพียงเธอที่นั่งคนเดียว เพราะปานขอตัวกลับก่อน ไม่นานเธอก็เรียกพนักงานคิดเงินและออกจากร้านไปเมื่อค้นข้อมูลของภูติเสร็จ
....
ณ ริมทะเล
เวลาห้าโมงเย็นพระอาทิตย์กำลังจะลาท้องฟ้า ค่อยๆเคลื่อนลงไปใต้ท้องทะเล แสงสีส้มทอประกายตามผิวน้ำให้ความสวยงามเหมาะแกการถ่ายรูปเก็บไว้มาก เสียงคลื่นกระทบฟั่งดังซ่าทุกครั้งที่กระทบกับหิน ยิ่งเพิ่มบรรยากาศให้น่านั่งจิบเบียร์กับคนที่เรารู้สึกดีด้วย
ชัชพงษ์จะเป็นอย่างไรนะถ้าเขาแต่งงานกับปานชีวา เขาคิดในหัวตอนนี้คือ หมั้นๆไปสะ แต่งงานกันไปก่อน และหลังจากนั้นก็หย่ากัน แต่! คนอย่างปานชีวาคงไม่ยอมหย่าให้เขาง่ายๆ หรือ ถ้าเกิดเธอรู้ว่าตนเองรักผู้ชายด้วยกันคงมิวายต้องโดนประจาน และความลับส่วนตัวที่เก็บมาตลอดบัดนั้นคงถูกเปิดเผยจนหมดสิ้น แม่ของเขาล่ะ โดยเฉพาะแม่จะรับในความเป็นตัวตนของเขาได้หรือไม่ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว
ขณะคิดมือก็ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นมากระดก นั่งบนหินที่ถูกจัดไว้ให้นักท่องเที่ยวนั่งชมน้ำทะเลและพระอาทิตย์ตกโดยเฉพาะ คืนนี้เขาคิดจะข้างที่นี่โดยหาโรงแรมแถมนี้ ถึงจะอยู่ลับหูลับตาคนที่รู้จักเขาก็ยังระวัดระวังตัวเอง
ภูติมีลักษณะท่าทางเหมือนผู้ชายปกติทุกอย่าง รูปร่าง การแต่งตัว กิริยาท่าทางดูเป็นชายชาติทหาร ไม่ทำอะไรที่ดูผิดหูผิดตาไปจากการเป็นชาย คนภายนอกถึงดูไม่ออก เขาเจอชัชพงษ์ที่ต่างประเทศในการไปเที่ยวส่วนตัวครั้งนั้น แค่มองตาก็รู้ไปถึงภายในจิตใจของกันและกัน จากนั้นก็แลกเบอร์ติดต่อ และกลายมาเป็นคนรู้ใจจนถึงทุกวันนี้ บัดนี้มันกำลังเปลี่ยนไป คุณหญิงแม่ของเขากำลังจะหาภรรยาที่ถูกต้องให้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้น้ำตาเม็ดเล็กๆใสๆมันก็ซึมออกมา โดยที่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย ภูติยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาเช็ดออกให้เร็วก่อนจะมีคนมาเห็น
ในระหว่างที่เขากำลังเหม่อลอย มองออกไปข้างหน้าไกลๆนั้น ภูติมองเห็นหญิงสาวกำลังเดินมุ่งหน้าลงทะเลไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดิน ระดับน้ำทะเลก็เริ่มท่วมสูงขึ้นๆเรื่อยๆ เขาจ้องมองด้วยความแปลกใจ ทำไมเธอถึงได้เดินลงทะเลเช่นนี้ หรือว่า.. เธอคนนั้นคิดจะฆ่าตัวตาย พอสิ้นความคิดเธอคนนั้นก็โดนคลื่นซัดให้ล้มลงไปหายไปกับคลื่นทะเล ภูติเห็นดังนั้นรีบวิ่งตามลงไปช่วย และช่วยเธอขึ้นมาได้ แต่ตอนนี้เธอหมดสติไปแล้ว
“คุณๆ คุณครับ” ภูติลากหญิงสาวขึ้นมานอนบนทรายหาด พร้อมไทยมุงที่เห็นเหตุการณ์ในบริเวณนี้ พร้อมทำการปฐมพยาบาล เธอไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย ขณะเดียวกันภูติก็ทำการปฐมพยาบาลไม่หยุด
“ว่าแล้วที่นี่เจ้าที่แรง”
“ตัวตายตัวแทน”
“พ่อหนุ่มปล่อยเขาไปเถอะ ไม่รอดหรอกที่นี่เจ้าที่แรง เขาเอาบ่อย”
เสียงไทยมุงที่มายืนดูเหตุการณ์พูดขึ้น ขณะที่ภูติก็พยายามช่วยชีวิตจนสุดแรง เขาวางเธอลงเหมือนคนผิดหวังที่ช่วยเธอไว้ไม่ทัน ทั้งที่เป็นคนเห็นเหตุการณ์แต่แรก น้ำตากำลังจะไหลเพราะความเสียใจ จู่ๆเธอก็ได้สำลักน้ำออกมา รู้สึกตัวตื่น เสียงไทยมุงเฮดีใจที่เธอรอดชีวิต ที่ภูติช่วยไว้ทัน จากนั้นผู้คนก็ค่อยๆสลายตัวกันออกไป เหลือแค่เขาสองคน ภูติพยุงเธอให้มานั่งบนโขดหินที่เดิมที่เขานั่งก่อนหน้านี้
“คุณช่วยฉันทำไม” เธอพูดพร้อมน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาพร้อมความผิดหวังที่ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ
“ทำไมคุณถึงคิดสั้นฆ่าตัวตาย”
ไม่มีคำตอบจากหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า มีเพียงน้ำตาและเสียงสะอื้นเป็นคำตอบ เธอผู้นี้คงจะเสียใจมาก ไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไร แต่มันคงร้ายแรงถึงขั้นทำให้เธอกล้าคิดฆ่าตัวตายได้
“ไม่เป็นไรนะครับ ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร คุณพักที่ไหนผมจะไปส่ง”
“ฉันไม่มีทีพักหรอกค่ะ ฉันอยู่กรุงเทพนั่งรถมาเพื่อ... เพื่อให้ตัวเองหายไปจากโลกใบนี้”
เขาคิดอยู่นานจะทำยังไงดี ถ้าเกิดปล่อยเธอไว้คนเดียวเธออาจจะคิดฆ่าตัวตายอีกก็ได้ ห้องของเขาดีที่สุด ภูติไม่คิดอะไร
“คุณครับฆ่าตัวตายมันบาปนะครับ งั้นไปห้องผมก่อน ผมพักคนเดียว”
ชลันมองหน้าภูติเธอไม่กล้าไป ถึงเธอจะอยากพาตัวเองหายไปจากปัญหาที่เผชิญอยู่ แต่เธอก็ไม่กล้าอยู่กับผู้ชายสองต่อสองแบบนี้แน่นอน อีกอย่างเขาเป็นใครก็ไม่รู้ อยู่ๆจะชวนเธอขึ้นห้อง ข่าวคราวออกตามทีวีมีมากมาย
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมาเองเดี๋ยวหาทางกลับเอง”
“แต่ตัวคุณเปียกขนาดนี้จะกลับยังไง เอางี้ไม่ต้องกลัว ผมรอคุณนอกห้อง ให้คุณเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วผมจะไปส่งขึ้นรถ”
เมื่อตกลงกันแบบนี้ทั้งสองก็พากันเดินหาซื้อชุดที่ชลันพอจะใส่ได้ ใส่ไปก่อนตามร้านแผงขายตามชายหาด ชลันได้ชุดกางเกงขายาว และเสื้อยืดมาหนึ่งชุด จากนั้นภูติก็พาเธอไปโรงแรมที่เขาพักอยู่ ภูติให้เธอเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้อง โดยที่เขายืนรออยู่ข้างนอกตามที่พูดจริง ชลันรู้สึกอุ่นใจขึ้นมานิดหน่อยแต่ยังไม่ชะล่าใจ เมื่อเธอเปลี่ยนชุดเรียบร้อยเดินออกมาหน้าห้องเดินมาหาภูติที่ยืนอยู่ระเบียงที่เดิม
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ไปส่งฉันเถอะ” ชลันขอบคุณเขาอย่างจริงใจ
“สบายใจหรือยัง อย่าคิดทำแบบนี้อีกนะ คุณมีครอบครัวมั้ย พ่อแม่คุณอยู่ไหน ป่านนี้พวกเขาคงรอคุณแย่” ภูติพยายามพูดดึงสติให้ชลันคิดได้ ไม่ว่าเรื่องที่อยากทำให้เธอฆ่าตัวตายเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่เธอยังมีพ่อแม่ครอบครัวรออยู่