เจ้าหญิงจำเป็น บทที่ 5

“ลันผมนั่งอยู่ในร้านแล้วนะ ถ้าคุณมาถึงเข้ามาเลย”

ภูตินัดชลันมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขามาก่อนเวลานัด นั่งคิดว่าจะหาทางพูดยังไงให้เธอยอมตกลงทำตามที่เขาวางแผนไว้ เพราะเรื่องที่เขาคิดจะทำมันก้ำกึ่งระหว่างไร้สาระกับเป็นเรื่องใหญ่ถ้าโดนจับได้ แต่เขาไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็คงได้แต่งกับปานชีวาแน่นอน ชลันนี่แหละเหมาะสมที่สุดที่จะทำงานให้เขา ภูติยกมือขึ้นมองนาฬิกาที่ข้อมือ อีกไม่นานเธอก็คงมาถึง

หญิงสาวเดินเข้ามาในร้านอาหารสุดหรูด้วยความเก้ๆกังๆขาดความมั่นใจถึงแม้รู้ดีว่าการมาในครั้งนี้ไม่ได้เสียเงินสักบาท ชลันคิดว่าชาตินี้ร้านอาหารที่นี่คงไม่ได้เงินเธอ พนักงานกินเงินเดือนอย่างเธอเหมาะกับร้านข้าวแกงข้างทาง หรือไม่ก็ร้านส้มตำตามสั่งธรรมดา

ชลันชำเลืองหาภูติก่อนที่จะเดินมายังโต๊ะมุมสุดของร้าน เห็นผู้ชายที่นั่งหันหน้ามาทางตนยกมือให้เล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินไปหา เวลานี้ภูติแต่งตัวธรรมดา เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ถึงจะดูเป็นเสื้อผ้าธรรมดาแต่ราคาแพงมากเมื่อเห็นยี่ห้อที่เขาใส่ เขาช่างดูหล่อเหลา เหมือนผู้ชายธรรมดาไม่เหมือนนักธุรกิจแม้แต่น้อย ผิดกับที่เจออยู่ในบริษัทเมื่อสวมสูท ซึ่งดูเป็นคนละคนเลยทีเดียว

ชลันเดินมาถึงโต๊ะอาหารที่ภูตินั่งอยู่ เธอแต่งตัวธรรมดาๆเช่นกัน ใส่ชุดแซ็กกระโปรงสีขาวลายผลไม้ พายกระเป๋าเหวี่ยงข้างใบเล็กๆ สวมรองเท้าผ้าใบซึ่งเข้ากันมากกับบุคลิกของเธอและสีผิวที่ขาวนวล ภูติจ้องเธอตาไม่กะพริบเธอถึงกับเขินทำตัวไม่ถูกจึงเรียกเขาเพื่อดึงสติให้กลับมา

“สวัสดีค่ะคุณภูติ” ชลันยืนอยู่ตรงหน้าท่านประธาน ถึงจะเป็นนอกเวลางานเขาก็ยังเป็นเจ้านายตนเองอยู่ดี

“สวัสดีครับเชิญนั่งครับ” ภูติลุกขึ้นผายมือเชิญชลันนั่งเมื่อได้สติ “เรียกภูเฉยๆก็ได้ครับ”

“ค่ะ คุณภูจะคุยอะไรกับลันคะ” ชลันไม่อ้อมค้อมอยากรู้ว่าภูติจะให้เธอทำอะไร จากวันที่เขาให้เธอไปพบและบอกมีงานให้ทำ เธอก็นอนไม่หลับสักคืน อยากรู้ว่าคืองานอะไร เธอจะได้ตัดสินใจจะทำหรือไม่ทำ

“สั่งอาหารก่อนครับ ทานข้าวก่อนแล้วผมจะเล่าให้ฟัง” ภูติเรียกพนักงานเสิร์ฟเพื่อสั่งอาหารให้ชลัน ซึ่งเธอก็ทำตามอย่างว่าง่าย ชลันก้มหน้าก้มตาเลือกเมนูอาหารกับพนักงาน เขาแอบมองผู้หญิงคนนี้หน้าตาใช้ได้ เรื่องงานก็เก่ง แต่ไม่น่าพลาดท่าให้กับผู้ชายไม่ดีคนนั้นเลย ภูติแอบมองเธอขณะสั่งอาหาร และคิดในใจ

“คุณภูมองลันทำไมคะ” ชลันรู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้อง จึงเงยหน้าขึ้นมา ปะทะกับสายตาของภูติเข้าพอดี ทำให้ภูติรีบหลบสายตาเธอ

“ป่าวๆครับ” เมื่อชลันเลือกเมนูเสร็จพนักงานก็กลับไป ภูติตัดสินใจจะบอกถึงเรื่องที่เขาอยากให้ทำ

“ลันผมถามคุณตรงๆนะ คุณต้องตอบผมตามจริง เพราะมันเกี่ยวกับเรื่องที่ผมจะให้ทำ”

“ค่ะ ลันจะตอบตามความจริงที่ลันตอบได้”

“ตอนนี้คุณคบใครอยู่หรือป่าว”

ชลันตกใจสงสัยทำไมภูติถามแบบนี้ ทั้งที่เขาเองก็รู้ว่าเธอโดนอะไรมา เธอจะกล้าไปคบใครอีก “ไม่ค่ะ ทำไมคุณภูถามลันเรื่องนี้คะ และเรื่องอะไรที่คุณภูจะให้ลันทำ”

ภูติเงียบก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “ผมอยากให้คุณมาสวมบทเมียจำเป็นของผม คุณทำได้มั้ยลัน”

ชลันตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ภูติคงบ้าไปแล้วที่คิดทำแบบนี้ “ไม่ได้หรอกค่ะ แล้วแฟนคุณภูไม่มีเหรอถึงให้ลันมาแกล้งเป็นเมีย อีกอย่างลันพึ่งมีข่าวอื้อฉาวมานะคะ ทุกคนจะไม่นินทาคุณภูเหรอ” ลันยังมีสีหน้าตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่ และสงสัยในตัวผู้ชายคนนี้ยังไม่มีแฟนงั้นหรือ

ภูตินิ่งเงียบเมื่อถูกถามถึงคู่รัก เขามีแฟนแต่แฟนไม่ได้เป็นผู้หญิงนะสิ “ลันผมมีข้อตกให้คุณนะ ถึงจะเล่นสวมบทเมียให้ผม แต่ผมสัญญาว่าผมจะไม่ล่วงเกินคุณ ผมมีความจำเป็นที่จะต้องทำแบบนี้ และคนที่จะเหมาะสมกับบทนี้คือคุณ” ภูติเลี่ยงไม่ตอบเรื่องแฟน และตีหน้าเศร้าพูดกับชลัน

“คุณหญิงแม่บังคับให้ผมแต่งงานกับคนที่ผมไม่ได้รัก ผมมีแฟนอยู่แล้ว ซึ่งแฟนของผมเปิดเผยไม่ได้ และอีกอย่างคุณไม่อยากกู้ศักดิ์ศรีให้กับตัวเองหรือ ให้เอกพจน์รู้ว่าคุณไม่ได้หมดราคา”

ภูติพูดถึงประโยคนี้เหมือนชลันคิดตาม สะอึกนิดหน่อยเขาสังเกตเห็น ไม่นานพนักงานเสิร์ฟก็ยกอาหารที่สั่งมา ภูติให้เธอทานอาหารก่อนที่จะพูดต่อ

“ลัน ลันขอคิดดูก่อนได้ไหมคะ นี่มันเป็นเรื่องของชีวิตเลยนะคะ ลันต้องแต่งงานกับคุณ อยู่กินกับคุณมันไม่ใช่เล่นขายของนะคะ”

“ลันถ้าคุณยอมตกลงทำตามที่ผมขอ ผมจะบอกเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมผมต้องจ้างคุณมาสวมบทเมีย”

“แต่ผมจะบอกถึงข้อตกลงของเราก่อน ถ้าหากคุณยอมทำตามผมให้เอากลับไปคิดดูนะ ถ้าคุณไม่ยอมทำ ผมคงต้องเชิญคุณออกจากงาน และเอกพจน์ต้องดูถูกคุณไปตลอด รวมทั้งคนอื่นๆด้วย” ภูติพูดไปและแอบลุ้นไป เขาไม่อยากจะพูดเรื่องไล่ออกแต่มันคือไม้ตายสุดท้ายที่ชลันอาจจะยอมทำหรือไม่ทำชิ่งลาออกไปเลยก็ได้

ภูติสังเกตเห็นชลันกำลังจะร้องไห้ ก้มหน้าก้มตาทานอาหารอย่างเดียว “ลันผมไม่ได้ตั้งใจจะไล่คุณออก แต่คณะกรรมการผู้บริหารบริษัทผมเขาเห็นพ้องต้องกัน ผมขัดพวกเขาไม่ได้ คุณก็น่าจะรู้ว่าใครๆก็เห็น เอ่อจะเห็นไม่เห็นก็ช่าง แต่ถ้าคุณยอมทำตามผม พวกเขาจะไล่คุณออกไม่ได้ ผมจะให้คุณมาเป็นเลขาส่วนตัวผม เหมือนภรรยาพี่ติ”

“ลันลาออกก็ได้ค่ะคุณภู” ชลันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ปล่อยให้มันไหลออกมา ภูติเห็นดังนั้นตกใจรีบหยิบกระดาษทิชชู่ซับน้ำตาให้

“ลันผมไม่ต้องการให้คุณลาออก แต่ผมอยากให้คุณมาสวมบทเมียให้ผมนะ ซึ่งผมไม่รู้จะหาผู้หญิงที่ไหนที่ไว้ใจได้นะลัน คุณอย่าพึ่งคิดไปไกล ฟังข้อตกลงของผมก่อน แล้วเก็บไปคิดนะค่อยตัดสินใจ”

“ลันลองอ่านดูก็ได้ค่ะ”

“สัญญาจ้างที่ผมเขียนขึ้นนะ”

1 คุณต้องหมั้นและแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับผมเป็นเวลาสองปี
2 เราจะหย่ากันหลังแต่งงานกันครบสองปี
3 เราจะนอนห้องเดียวกัน แต่ เราจะไม่ล่วงเกินกันและกัน (ถ้าผมล่วงเกินคุณสัญญาฉบับนี้เป็นโมฆะและคุณเอาเงินมัดจำไปได้เลย)
3คุณต้องทำหน้าที่เสมือนเป็นภรรยาจริงๆของผม ไปไหนมาไหนด้วยกัน
4ผมจะจ่ายเงินค่าจ้างให้คุณเป็นเงินสองล้านบาท ก้อนแรกจ่ายมัดจำหนึ่งล้านบาท วันหย่าจ่ายอีกหนึ่งล้านบาท
5 คุณห้ามโกงหรืออยู่ไม่ถึงสองปีตามสัญญาจ้าง
6 “ข้อนี้สำคัญเลย คุณจะทำไม่ทำก็ได้ไม่บังคับ” ถ้ามีลูกให้ผมหนึ่งหรือสองคน โดยไม่ต้องร่วมรักกันโดยการพึ่งหมอและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ผมจะจ่ายให้คุณสองเท่าจากสองล้านเป็นสี่ล้านบาท เมื่อหย่ากันแล้วคุณสามารถมาเจอลูกได้ ทำหน้าที่แม่ได้ปกติ

“ลันโอเคมั้ย คุณกลับไปคิดดู ผมรู้ว่ามันดูไร้สาระ และเป็นเรื่องยากที่จะทำ แต่ผมอยากให้ไปคิดดู และอยากให้คุณช่วยผมหน่อย” ภูติแสดงสีหน้ากังวลและเศร้าอีกครั้ง ชลันสังเกตเห็นได้ชัดเจน

“เราต้องนอนห้องเดียวกันหรือคะ”

“ต้องนอนห้องเดียวกันสิลัน ไม่งั้นทุกคนก็สงสัย แต่ในสัญญาผมบอกแล้วว่าจะไม่ล่วงเกินคุณ ถ้าผมล่วงเกินสัญญาจ้างคือโมฆะ คุณเลิกทำได้เลย”

“แล้วลันจะเก็บไปคิดดูนะคะ”

“ให้คำตอบผมเร็วๆนะลัน อาทิตย์หน้าคุณแม่ผมอยากเจอ และผมจะบอกเหตุผลที่แท้จริงของผมว่าทำไมต้องจ้างคุณ”

หลังจากนั้นชลันขอตัวกลับแยกกันตรงนี้โดยถือสัญญาจ้างฉบับถ่ายเอกสารกลับไปตัดสินใจด้วย ระหว่างนั้นชลันยังไม่อยากกลับ จึงพาตัวเองไปเดินช็อปปิ้งดีกว่า กลับไปตอนนี้ก็อยู่บ้านคนเดียว หลังจากที่เธอเจอเรื่องร้ายๆ พ่อกับแม่ก็ให้กลับมานอนที่บ้าน

ชลันนั่งแท็กซี่ให้มาส่งที่ห้างสรรพสินค้า การไปไหนมาไหนคนเดียวเธอเริ่มชิน หลังจากเกิดเรื่องกับเธอชลันถูกบอกเลิกกับแฟนที่คบอยู่ ก็ต้องไปไหนมาไหนคนเดียว ซันนี่ไม่สามารถมาเป็นเพื่อนเธอได้ตลอด ในช่วงที่มีแฟนชลันไปไหนมาไหนกับแฟนเสมอ คิดแล้วเธอก็เหมือนจะร้องไห้ แต่ไม่ร้อง ทำไมต้องร้องเธอบอกกับตัวเอง ไปไหนมาไหนคนเดียวไม่เห็นจะตาย

ชลันเดินเลือกดูเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวอย่างเพลิดเพลินก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงเพราะเธอเห็นเอกพจน์มากับผู้หญิง ชลันหลบหน้าเอกพจน์อัตโนมัติ ภาวนาอย่าให้เขาเห็นเธอเลย แต่ไร้ผลเมื่อเอกพจน์เดินมาหาเธอ ชลันเกลียดเอกพจน์ไม่อยากเจอ ไม่อยากเห็นหน้า และอายผสมปนเปกันไปหมด

“อ้าวลันมากับใคร จะรีบไปไหนแฟนไปไหนล่ะ” เอกพจน์ทำหน้ายียวน

“มาคนเดียว” ชลันตอบหน้านิ่งแสดงออกถึงความไม่อยากเสวนาด้วย

“นั่นนะสิลันจะมากับใครได้ ใครจะกล้าคบ ถ้าจะมีก็คงเป็นพวกหูหนวกตาบอดล่ะนะ” เอกพูดไปยิ้มไป ทำหน้ายียวนกวนประสาทให้ลันโกรธ เหมือนสะใจที่พูดแทงใจเธอได้

“ทำไมนายต้องทำกับเราแบบนี้” ลันพูดทั้งน้ำตาที่เก็บไว้ไม่ไหว ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงหน้าตาที คบผู้ชายหลายคนสมัยก่อน แต่เธอก็ไม่ใช่คนเข้มแข็งอะไร ยอมหยุดความเจ้าชู้เมื่อเจอคนที่ใช่ แต่เมื่อหาคนที่ใช่เจอก็ต้องเลิกกันไปเพราะเอกพจน์

“ลันจะโทษเราไม่ได้นะ ลันทำกับเราก่อน เราเจ็บลันก็ต้องเจ็บ! ไปก่อนนะจ๊ะที่รัก ขอให้เจอผู้ชายดีๆ ที่เขารับเรื่องอื้อฉาวของผู้หญิงหน้าตาสะสวยแต่มีเรื่องฉาวได้นะ ไปละลัน” และเอกพจน์ก็เดินหายไปปล่อยให้เธอยืนร้องไห้คนเดียว

....

“ให้เธอหายไปจากโลกใบนี้”ใครบางคนที่กำลังคุยกับอีกคน วันนี้เหมาะที่สุดที่จะลงมือ ให้มันเป็นอุบัติเหตุ

ปานชีวากำลังสนุกกับเสียงเพลงและเครื่องดื่มที่อยู่ตรงหน้าพร้อมเพื่อนสนิทสี่ห้าคน เธอเริ่มมีอาการเมานิดหน่อย แต่ยังพอมีสติอยู่บ้าง เธอเหลือบเห็นผู้ชายอีกโต๊ะกำลังมองเธออยู่ พอเธอหันไปสบตาผู้ชายคนนั้นก็ชูแก้วเหล้าให้เธอเพื่อแสดงออกถึงความเป็นมิตร

ชัชพงษ์ยกแก้วเหล้าให้กับปานชีวา ที่กำลังเต้นประกอบเสียงเพลงอย่างกับสัมผัสเนื้อเพลงได้ โยกตามจังหวะอย่างสวยงาม ทั้งหัวเราะยกแก้วเหล้าส่งกลับคืนมาให้เขา แต่ชัชพงษ์ก็ไม่ได้ลุกขึ้นมานั่งร่วมโต๊ะด้วย

เมื่อผับปิดนักท่องราตรีทุกคนทยอยกลับบ้าน บางคนก็ไปต่อ แต่ปานชีวาและเพื่อนตัดสินใจกลับบ้าน

“ปานแกขับรถไหวมั้ย เดี๋ยวนั่งแท็กซี่ไปส่ง”

“ไหวๆ” ปานชีวาแสดงท่าทีว่าตนเองไหว

เมื่อทุกคนแยกย้ายกันกลับ เมธาวีเพื่อนสนิทปานที่สุดนั่งไปด้วย คนขับคือปานชีวา ทั้งสองคนเมาพอๆกันแต่ยังสามารถขับรถได้ ไม่ถึงกับเมาไม่ได้สติ ปานชีวาขับมุ่งหน้าไปยังคอนโดของเมธาวีเรื่อยๆ ต้องตกใจเมื่อถึงทางแยกรถหกล้อวิ่งมาอย่างเร็ว บีบแตรให้พวกตน ก่อนที่ปานชีวาจะหักพวกมาลัยหลบ ชนกับขอบถนนรถคว่ำกลิ้งหลายตลบและรถตกลงคลองไป ส่วนรถหกล้อจอดดูเหตุการณ์ไม่ขับหนี อยู่แสดงความรับผิดชอบ ยังไงก็หนีไม่พ้นอยู่แล้ว และยังได้รับค่าจ้างอย่างมหาศาลสมน้ำสมเนื้อกับที่ต้องติดคุก

รถตำรวจ รถพยาบาลต่างวิ่งกันโกลาหล พร้อมไทยมุงที่เข้ามาดูเหตุการณ์ กู้ภัยรีบนำร่างสองคนขึ้นจากน้ำ และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ส่วนตำรวจสอบปากคำคนขับรถหกล้อต่อไป

“ตาภู! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ตาภูเปิดประตูหน่อย” คุณหญิงช่อผกาเคาะประตูห้องลูกชายออกจะเป็นการทุบมากกว่า

“ครับคุณแม่ มีเรื่องอะไรครับ มันดึกแล้วนะทำไมยังไม่นอน” ภูติงัวเงียลุกขึ้นมาเปิดประตูให้กับผู้เป็นแม่

“หนูปานรถคว่ำ อาการสาหัสที่โรงพยาบาลคุณน้าราตรีพึ่งโทรมาบอกแม่เมื่อกี้”

ภูติตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน รีบเปลี่ยนชุดนอนขับรถพาผู้เป็นแม่ไปที่โรงพยาบาล ก็เห็นคุณหญิงราตรี และสามีเดินวนไปมาที่หน้าห้องไอซียู คุณหญิงราตรีร้องไห้เสียงแทบไม่มี ส่วนสามีเองมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่พูดอะไร

อีกฝั่งคือญาติๆของเมธาวีที่มีสีหน้าเคร่งเครียดและกำลังร้องไห้ไม่แพ้กัน ทั้งสองครอบครัวรอหมอออกจากห้องผ้าตัดด้วยใจจดใจจ่อ

“คุณพี่ฮื้อๆ น้องทำใจไม่ได้น้องทำใจไม่ได้” คุณหญิงราตรีเข้ามาสวมกอดคุณหญิงช่อผกา ร้องไห้น้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด

“ใจเย็นๆนะราตรีหนูปานต้องไม่เป็นอะไร เชื่อพี่นะหนูปานเป็นเด็กดีพระต้องคุ้มครอง” ช่อผการ้องไห้ตาม ปลอบใจเพื่อนผู้น้องอยู่ไม่ห่าง

ไม่นานหมอที่ช่วยชีวิตของเมธาวีก็ออกมา ญาติๆกู่เข้าไปหาถามถึงอาการว่าเป็นยังไง

“คุณเมธาวีปลอดภัยแล้วนะครับ แต่อาการยังน่าเป็นห่วงต้องอยู่ในความดูแลของหมอตลอดเวลา”

ในเวลาไล่เลี่ยกันหมอที่ทำการรักษาปานชีวาเปิดประตูออกมาจากห้องไอซียู ทุกคนกู่เข้าไปหาคุณหมอไม่เว้นแม้แต่ภูติเอง

หมอนิ่งเงียบเหมือนลังเลที่จะพูดออกมา “คุณปานชีวาอาการปลอดภัยแล้วครับ แต่..” หมอหยุดไว้เท่านี้ยิ่งทำให้ทุกคนอยากรู้ โดยเฉพาะคนเป็นพ่อแม่

“สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก อาจจะเป็นเจ้าหญิงนิทราครับ หมอขอตัวนะครับ”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่