ตำนานท้าวแสนปม : โรคร้ายที่ไม่ติดต่อ


"ท้าวแสนปม"
เป็นหนึ่งในบทพระราชนิพนธ์บทละครของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นระหว่างที่เสด็จกลับจากทอดพระเนตร “พระเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ที่จังหวัดสุพรรณบุรี โดยทรงเริ่มต้นพระราชนิพนธ์ที่ตำบลบ้านโข้ง สุพรรณบุรี ต่อเนื่องเรื่อยมาระหว่างที่เสด็จพระราชดำเนินกลับ จนกระทั่งพระราชนิพนธ์แล้วเสร็จเมื่อเสด็จกลับมาถึงที่พระราชวังสนามจันทร์ ในปีพุทธศักราช ๒๔๕๖ และได้มีการจัดพิมพ์เผยแพร่ในปีเดียวกัน
โดยมีอยู่หลายเวอร์ชั่น โดยในที่นี้จะขอยกเอาเวอร์ชั่นในวัยเด็กที่คุณพ่อเคยเล่าให้ฟังมาให้อ่านกันนะครับ 
ในตำนานเดิมเรื่องท้าวแสนปม ได้กล่าวถึงต้นวงศ์ของพระเจ้าอู่ทองว่า มีเจ้าเชื้อไทยองค์หนึ่งเชื้อสายมาจากพระเจ้าพรหม ซึ่งตีได้อาณาเขตลานนาไทยจากพวกขอม อพยพลงมาทางใต้เมื่อ พ.ศ. ๑๗๓๑ เพราะมหาราชเมืองสะเทิมยกทัพมาตีพระนคร ได้มาสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่ เมืองแปบ (เป็นเมืองร้างในเขตจังหวัดกำแพงเพชร) เรียกว่า เมืองไตรตรึงส์ แล้วเสวยราชย์สืบวงศ์มา ๓ ชั่ว ถึงรัชกาลพระเจ้าไตรตรึงส์ที่ ๓ มีชายทุคตะเข็ญใจคนหนึ่งรูปร่างวิกลเป็นปมเปาไปทั่วทั้งตัว จนเรียกกันว่า แสนปม ทำไร่เลี้ยงชีพอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่งใต้เมืองไตรตรึงส์ นายแสนปมนั้นมักไปถ่ายปัสสาวะที่โคนต้นมะเขือในไร่ของตนเนือง ๆ ครั้นมะเขือออกผล เผอิญมีผู้นำไปส่งทำเครื่องเสวยที่ในวัง ราชธิดาองค์หนึ่งเสวยมะเขือนั้นทรงครรภ์ขึ้นมาโดยมิได้มีวี่แววว่าเคยคบชู้ สู่ชายแล้วคลอดบุตรเป็นชาย พระเจ้าไตรตรึงส์ใครจะรู้ว่าใครเป็นบิดาของบุตรนั้น พอกุมารเจริญถึงขนาดรู้ความก็ประกาศสั่งให้บรรดาชายในเมืองไตรตรึงส์หาของมา ถวายกุมารราชนัดดา และทรงอธิษฐานว่า ถ้ากุมารเป็นบุตรของผู้ใด ขอให้รับของของผู้นั้น นายแสนปมถูกเรียกเข้าไปด้วย ไม่มีอะไรจะถวาย มีแต่ข้าวสุกก้อนหนึ่งถือไป แต่กุมารเลือกรับเอาข้าวสุกก้อนนั้นเห็นประจักษ์ตาแก่คนทั้งหลาย พระเจ้าไตรตรึงส์ได้รับความอัปยศอดสู
 
จึงเอากุมารหลานชายกับราชธิดาที่เป้นมารดาลงแพปล่อย ลอยน้ำไปเสียด้วยกัน กับนายแสนปม แต่เมื่อแพลอยไปถึงไร่ของนายแสนปม พระอินทร์ได้จำแลงเป็นวานรเอากลองสารพัดนึกลงมาให้นายแสนปมลุกหนึ่ง บอกว่าถ้าปรารถนาสิ่งใดก็ให้ตีกลองนั้นจะ สำเร็จได้ดังปรารถนา นายแสนปมตีกลองครั้งแรกปรารถนาจะให้ปมเปาที่ตัวหายไปก็หายหมด กลับมีรูปร่างโฉมสง่างาม ตีครั้งที่สองปรารถนาจะให้มีบ้านเมืองสำหรับครอบครอง ก็เกิดนครขึ้น (จารึกสุโขทัยหลักที่ ๑ เรียกว่า เมืองคนที ขณะนี้เรียกว่า บ้านโคน ในเขตจังหวัดกำแพงเพชร) ตีครั้งที่สามปรารถนาเปลทองคำสำหรับให้กุมารนอนก็เกิดเปลทองคำขึ้นมาดัง ปรารถนา เพราะกุมรมีบุญได้นอนเปลทองคำของนฤมิตผิดกับคนอื่น จึงได้นามว่า พระเจ้าอู่ทอง ส่วนนายแสนปมได้ตั้งตัวเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า พระเจ้าไชยศิริเชียงแสน ครองเมืองที่เนรมิตนั้น ขนานนามเมืองว่า เทพนคร เมื่อพระเจ้าไชยศิริเชียงแสนสิ้นพระชนม์พระเจ้าอู่ทองรัชทายาทได้ครองราชย์ สืบต่อมา….

“นายแสนปมได้ตั้งตัวเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า พระเจ้าไชยศิริเชียงแสน ครองเมืองที่เนรมิต”
“ราชธิดาผู้มีรูปโฉมงดงามได้เสด็จมาประพาสสวน พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นมะเขือมีผลโตงดงามก็คิดอยากจะเสวย ตาแสนปมจึงเด็ดลูกมะเขือมาถวายให้แก่ราชธิดา”





ทีนี้ก็มาเข้าเรื่องที่ว่า ทำไมถึงอยากถ่ายภาพเท้าแสนปมนักหนา ต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 3ปีก่อน ที่ตอนนั้นผมถ่ายภาพทศกัณฐ์มาเดินบนท้องถนน จนเกิดกระแสทั้งในด้านดีและด้านลบ ผมได้เรียนรู้ว่า กระแสที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี อย่างน้อยมันจะก่อให้เกิดบางอย่าง นั่นก็คือผู้คนก็จะหันมาให้ความสนใจในสิ่งนั้นๆ 

เช่นเดียวกันกับโรคท้าวแสนปม ที่ในตอนแรกผมไม่ได้มีความรู้อะไรเกี่ยวกับโรคนี้เลย ตอนนั้นก็คิดเพียงแค่อยากจะถ่ายภาพ โดยไม่ได้คำนึงถึงผลหรือความอ่อนไหวทางด้านจิตใจของผู้ที่ป่วยหรือมีญาติเป็นโรคนี้ ผมได้ติดต่อเข้าไปในกลุ่มที่ชื่อว่า บ้านท้าวแสนปม ที่มีสมาชิกอยู่ 300 กว่าคน เพื่อถามว่ามีใครสนใจอยากถ่ายภาพไหม จน 1ในผู้ก่อนตั้งกลุ่มติดต่อกลับมาและได้เริ่มพูดคุยกัน 
พี่เหนือ(หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มบ้านท้าวแสนปม) บอกกับผมว่า ถ้าจะถ่ายภาพคนที่เป็นโรคท้าวแสนปม ให้ลองมาศึกษาก่อนไหมว่าคนกลุ่มนี้เขามีความเป็นอยู่อะไรยังไง จะได้เข้าใจมากขึ้น ผมจึงลองไปเป็นจิตอาสาวันท้าวแสนปมที่ทางกลุ่มจัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา 
พอได้ไปพบเจอ พี่ๆน้องๆที่เป็นโรคท้าวแสนปม รวมถึงได้พูดกับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็น ทำให้ทัศนคติของผมเปลี่ยนไปมากพอสมควร และได้รู้ว่า
#โรคท้าวแสนปมเป็นโรคที่เกิดจากพันธุกรรมไม่ใช่โรคติดต่อ #และมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า NF (Neurofibromatosis) 

ในตอนแรกผมก็ขอยอมรับเลยตรงๆว่าก็มีแหยงๆจากภาพจำที่เคยพบเห็นคนที่เป็นท้าวแสนปมที่จะมีปุ่มๆทั่วตัว แต่หลังจากได้ไปร่วมเป็นจิตอาสา สิ่งที่ที่ผมได้รับรู้มาก็คือ กลุ่มคนที่เป็นโรคท้าวแสนปม ยังไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐเท่าที่ควร อาจจะเรียกว่าถูกทอดทิ้งเลยก็ว่าได้ เพราะขาดทั้งในเรื่องสวัสดิการการรักษาที่อาจจะยังไม่เพียงพอ ทั้งยังขาดการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ข้อมูลต่างๆ การดูแล ให้คำปรึกษากับผู้ที่เป็นโรคหรือมีคนในครอบครัวเป็น  รวมถึงสิทธิประโยชน์ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สำคัญ เพราะเอาแค่สภาวะจิตใจของคนที่เป็นโรคก็ว่าแย่แล้ว การที่ไม่มีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือยิ่งทำให้พวกเขาโดดเดี่ยว 
ในวันนี้ผมได้เห็นถึงความตั้งใจของ พี่กวางและพี่เหนือผู้ก่อตั้งเพจ “บ้านท้าวแสนปม” ที่อยากจะช่วยให้ผู้ที่เป็นโรคท้าวแสนปมได้มีเพื่อนที่คอยให้กำลังใจมีปัญหาอะไรหรืออยากได้รับความช่วยเหลืออะไรก็มาคุยกันในกลุ่ม ผมว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ เพราะจะไม่มีใครโดดเดี่ยวอีกต่อไป....

ภาพเซ็ทสุดท้าย ผมขอสื่อในเชิงสัญลักษณ์ว่า การไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคท้าวแสนปมว่าไม่ใช่โรคติดต่อนั่นถือว่าไม่ผิด ก็เปรียบได้ดั่งสีขาว แต่การที่เรารู้สึกรังเกียจไปก่อนแล้วมันก็คือการไปทำให้เขาต้องแปดเปื้อนเลอะะเทอะด้วยความไม่รู้ของเรานั่นเองครับ  สายตา คำนินทา การแสดงออก เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้คนที่เป็นโรคนี้อยู่ในสังคมได้ยาก และมันไม่ควรจะเกิดขึ้นครับ


*** ขอขอบคุณ คุณตาสุดใจ ละคำลือ และครอบครัวที่ยินยอมให้ผมถ่ายภาพในครั้งนี้ครับ ท่านใดสนใจอยากจะบริจาคเงินช่วยเหลือคุณตาและครอบครัว ก็เชิญบริจาคได้โดยตรงตามบัญชีนี้เลยครับ ชื่อบัญชี นายสุดใจ ละคำลือ โดยนาย เศษถา ละคำลือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร บัญชีออมทรัพย์ 020122267883 สาขาบ้านกลาง

*** ขอขอบคุณ พี่กวางและพี่เหนือ ผู้ก่อตั้งเพจ บ้านท้าวแสนปม ที่คอยให้คำปรึกษาและให้ข้อมูลทำให้ผมเข้าใจคนกลุ่มนี้มากขึ้นครับผม และท่านใดที่กำลังอ่านบล๊อคนี้อยู่แล้ว มีคนในครอบครัวหรือคนรู้จักเป็นโรคท้าวแสนปมก็ สามารถไปเข้าร่วมเป็นสมาชิกเพจ "บ้านท้าวแสนปม" ได้ที่นี่เลยครับ https://www.facebook.com/barntawsaenpom/ ถึงกลุ่มจะยังไม่ใหญ่แต่กำลังใจมีให้เต็มร้อยครับผม^^

*** ขอขอบคุณเจ้านาย พี่หมู สุพจน์ เจ้าของยิมมวยออกกำลังกาย MTM  ที่ให้ผมลางานและให้ยืมกล้องออฟฟิศไปทำอะไรที่ชอบที่ชอบครับผม 555 

***สุดท้าย หากใครที่ได้อ่านกระทู้นี้แล้วเกิดไม่ชอบในสิ่งใดกระผมขออภัยด้วยนะครับ เพราะทั้งหมดที่ทำไปไม่ได้คิดจะลบหลู่หรือทำร้ายจิตใจใครทั้งนั้น ทำไปด้วยจิตใจที่ประสงค์ดีทั้งสิ้นครับ ที่สุดแล้วถ้าหากชื่นชอบในผลงานก็ ติดตามได้ที่ IG : mirrorman2015 
ขอขอบพระคุณมากครับ^^


#ท้าวแสนปมเป็นโรคทางพันธุกรรมไม่ใช่โรคติดต่อ

 
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่