คราวๆก็ตามชื่อหัวเรื่องเลยครับ
ขอแนะนำตัวก่อนเลยนะครับเรื่องที่จะเล่ามันยาวมากกกกก
สวัสดีครับ ผมขอใช้ชื่อแทนตัวเองว่า A นะครับ ผมอายุ16 เรียนอยู่สายอาชีพเป็นช่างเทคนิคคอมครับ
ปัจุบันอาศัยอยู่หอกับแม่แล้วก็ยายครับ (จ-ศ.)เพราะอยู่ใกล้กับโรงเรียน (ส.-อ.) จะกลับบ้านตาครับ(แม่ไม่ได้กลับด้วยเพราะทำงาน)
ส่วนพ่อ(หย่ากับแม่ผมแล้ว)ทำงานอยู่ต่างจว. ครับ
เริ่มเรื่องเลยคือ ตั้งแต่สอบขึ้นมัธยมต้นที่เป็น รร. ระดับจังหวัดได้(แต่อยู่ในโปรแกรมปกติ) ก็กลายเป็นความคาดหวังของครอบครัววันนั้นแม่ก็พาไปกินข้าวข้างนอกแล้วก็เริ่มพูดเอาไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่นว่าเขาสอบได้โปรแกรมพิเศษ สอบได้รร. ดังๆ ที่ต่างจังหวัด ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไร
หลังจากนั้นมาแม่ก็เริ่มเอาผมไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กอนุบาลจนถึงคนแก่หรือคนดังๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม และทุกๆครั้งที่ผมไปคุยเรื่องเพื่อนเรื่องโรงเรียนและปรึกษาเรื่องชีวิตของผม แม่มักจะบอกว่าผมโง่หรือไม่ก็ด่าและตะคอกใส่ผมแบบไม่มีเหตุผลหรือผมทำอะไรผิดเขาก็จะโยนสิ่งของที่อยู่ใกล้มือที่สุดใส่ผมโดนไม่สนใจว่าของชิ้นนั้นจะเป็นอะไรเลย
(แต่มันมีครั้งหนึงตอนผมเด็กมากผมเคยเปิดประตูรถไปชนกับเสาข้างๆเบาๆแล้วแม่ก็จับหัวผมโขกกับประตูรถจนหัวแตกเลยล่ะ555 แต่ตอนนั้นยังเด็กเลยไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าอาจจะเครียดเรื่องงาน)
แต่มันมีครั้งหนึ่งที่แม่ผมโยนโทรศัพท์ของผมอัดกำแพงจนเละ555 มันอาจจะไม่ค่อยรุนแรงอะไรสำหรับคนอื่นแต่ตอนนั้นมันบาดใจผมมาก55 เพราะตอนนั้นมันคือสมบัติชิ้นเดียวของผมเลยก็ว่าได้แถมงานและแบบข้อสอบแทบบทั้งหมดที่เรียนมาอยู่ในทรศ.
แล้วก็โดนกดดันเรื่องงเรียน(เกรดตอนนั้น 2.57 มันก็แย่จริง)แล้วก็ออกไปไหนเหมือนเพื่อนๆไม่ได้เลย(แต่ตอนเลิกเรียนผมก็แอบไปโลตัสกับเพื่อนเหมือนกันแต่จะไปแค่ครึ่งชม.แล้วกลับเพราะไม่ค่อยชอบเที่ยว ปล. หอ รร. โลตัส อยู่ใกล้กันไม่กี่ร้อยเมตร) ชีวิตตอน ม.1-ม.2 ก็จะวนลูปแบบนี้ตลอด
จนกระทั้งขึ้นม.3 ตอนนั้นเริ่มกลายเป็นคนที่มีวุฒิภาวะ ความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาบ้าง เวลาโดนแม่เอาไปเปรียบเทียบกับใครหรือโดนตะคอกใส่ก็จะนั่งฝังเฉยๆ ไม่ได้พูดสวนกลับแบบเมื่อก่อน แล้วก็กลายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด ซึ่งแม่ผมไม่ชอบนิสัยแบบนี้มากๆเลย จนหาว่าผมมีสภาพจิตที่ไม่ปกติ แต่แม่ผมเขาจะไปชอบอะไรในตัวผมหละ เหมือนว่าเขาต้องหาอะไรมาทำให้ผมรู้สึกแย่ขึ้นตลอดโดนเปลี่ยนจากเอาไปเปรียบเทียบเป็นการดูถูกแทน (ผมเป็นคนที่เกลียดการดูถูกมากที่สุดเลยไม่ว่าจะใครดูถูกใครก็เถอะ) ตอนนั้นเป็นช่วงที่นอนร้องไห้แล้วมองว่าตัวเองห่วยตลอด แต่มันมีเพื่อนคนนึงที่ทำให้ผมรู้สึกตลกจนหายเครียดเรื่องพวกนี้ล่ะ5555
(ปกติเวลาอยู่บ้านผมจะพูดกับครอบครัวปกติเหมือนที่ทุกบ้านคุยกัน แต่เวลาแม่กลับบ้านทั้งบ้านจะเงียบและไม่พูดกันเพราะแม่ชอบเข้ามาบ่น แต่สุดท้ายแม่ก็ต้งหาเรื่องมาบ่นให้ได้ จนยายของผมไม่ชอบนิสัยแม่ผม)
*ต่อ*แม่ผมชอบบ่น-ด่า ว่าผมพูดไม่เพราะ มันก็อาจใช้แต่บางครั้งก็ลงท้างด้วยครับตลอดแต่ผมไม่เคยขึ้นเสียงใส่ท่านเลยแต่ก็โดนหาว่าตะคอก
(ลักษณะการพูดผมได้พ่อมาเต็มๆแม่เลยไม่ชอบ)
(เวลาที่ผมรีบจะพูดเร็ว เวลาที่ผมเหนือยผมจะพูดแบบไม่ค่อยมีแรง)
เลิกเรียนมาผมก็เจอแบบนี้จนชินทุกวันแล้วล่ะจนเรียนจบม.ต้น (จริงๆมันมีเหตุการณ์ที่รุนแรงมากอยู่แต่มันเยอะมากจนไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาดี)
พอขึ้น*ปวช.1* ตอนนั้นชีวิตผมพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็ว่าได้ครับเจอกับสังคมแบบใหม่ ตอนแรกๆมันก็แย่อยู่อะครับ แต่ปัจจุบันก็ดีขึ้นเยอะ ได้เรียนในสายที่ชอบ เรื่องเพื่อนที่นี้เนี้ย เอิ่ม... ข้ามๆมันไปเถอะครับ ส่วนเพื่อนที่รร.เก่าอะเหรอครับเพื่อนดีๆย้ายไปเรียนตจว.กันหมด ที่เหลือก็มีแต่เพื่อนกินทั้งนั้นอะครับ ตอนนี้ไม่มีแม้กระทั่งเพื่อนที่ให้ระบายมี ส่วนที่มันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือก็คือ ผมเรียนสายเทคนิคคอม เพราะผมฝันว่าอยากมีอนาคตเป็น วิศวคอม ครับ แต่แม่ผมไม่อยากให้ผมเป็นเพราะต้องไปเรียนต่อ-ทำงานไกลบ้าน + คิดว่าผมโง่ยังไงก็เป็นไม่ได้ แต่สุดท้ายเข้าก็ห้ามผมไม่ได้หละ555555 แต่สิ่งที่แย่กว่านั้นคือ ผมยังถูกมองเป็นเด็กอยู่เลย เพราะวันๆผมเอาแต่นั่งอยู่หน้าคอมมีแต่เล่นเกมอาจจะมีหาความรู้บ้างเล็กน้อย
(รายได้เสริมของผมมาจากการเทรดไอเท็มในเกมนะครับถึงมันจะไม่มากแต่มันก็ทำให้พอมีเงินเก็บอยู่บางส่วน)
ผมอธิบายยังไงเขาก็ไม่ยอมรับฟังแถมยังด่ากลับมาอีก แต่ผมก็เข้าใจ
มาถึงตรงนี้แล้วทุกคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องปกติของเด็ก-วัยรุ่นทุกคนใช้มั้ยล่ะครับ (จริงๆมันมีเยอะกว่านี้แต่เล่าไม่ไหวแล้ว)
ผมก็เคยคิดงั้นแต่มันไม่เลยครับ หลายคนอาจจะมาคอมเม้นด่าผมว่าเป็นลูกที่ไม่ดี เป็นคนที่แย่ เลว หรือบอกให้ผมกลับไปตั้งใจเรียนแล้วรีบทำงาน มันก็จริงครับ แต่ถ้ามาอยู่จุดๆเดียวกับผมจะเข้าใจเอง
ไม่ใช่แม่ผมไม่ดีนะครับ ท่านก็มีส่วนดีอยู่แต่.. ส่วนที่แย่มันมากกว่าอะครับ
"เอาล่ะตอนนี้ผมกำลังจะเล่าถึงไทม์ไลน์ปัจจุบันและปัญหาที่กำลังเจออยู่นะครับ"
คือผมก็เก็บกดทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันแล้วมาเจอ 2 เหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่ทำให้ความคิดผมเริ่มเปลี่ยน
1. ยายผมขับรถล้ม ขอเล่าสั้นๆนะครับ ยายผมเป็นเบาหวานแล้วแก่มากแล้ว พอรถล้ม(ล้มแปะนะครับ) ผมและแม่ว่งลงจากหอมาดูผมเป็นคนช่วยยายดีที่ยายไม่เป็นอะไรมากแต่แม่ผม เริ่มบ่นยาย และ ดูสภาพรถแล้วก็พูดขึ้นว่า"รถพึ่งซื้อจะพังละ" โดยที่ไม่ถามสักคำว่ายายเป็นอะไรไหม
2.ผมได้เงินค่าอุปกรณ์การเรียน1130บาท แต่ผมไม่ได้ให้แม่ ผมกะจะเอาไปซ้อมรถของผมที่ยายทำล้ม+ที่ผมทำล้มไว้นานแล้ว แต่ยายมาขอยืมก่อนผมเลยให้ยายไปเพราะยายไม่มีเงินใช้ แต่ผมกะจะให้เลย หลังจากที่ผมให้เงินยายไปไม่กี่วันแม่ก็รู้เรื่องเงินค่าอุปกรณ์การเรียน แล้วก็รีบตรงมาบ้านถามผมทันที ขอเปลี่ยนเป็นรูปแบบสนทนานะครับ
แม่: ได้เงินอุปกรณ์การเรียนรึยัง
A: *สตั้น2วิ* ได้แล้วครับ
แม่: แล้วอยู่ไหน
A: ให้ยายไปแล้วครับ
แม่: *จากนั้นแม่ก็เริ่มบ่น* ชั้นเป็นคนหาเลี้ยงแก ค่าเทอมชั้นเป็นคนจ่าย นั้นมันเงินชั้น แล้วแกจะเอามันไปใช้ได้ไง เอาไปให้ยายทำไม!! *แล้วเริ่มใช้คำว่ากูกับผมแล้วก็เริ่มด่าเหมือนผมไม่ใช่ลูก*
หลังจากวันนั้นแม่ก็เหมือนเกลียดผม แต่มันก็จริงที่ผมจะเอาเงินนั้นมาใช้ ผมก็เข้าใจว่าผิด แต่ค่าเทอมนั้นพ่อเป็นคนโอนเงินมาให้แม่จ่าย ผมเข้าใจว่าแม่จะเอาไปใช้จ่ายซื้อกับข้าว(มั้งครับ) ผมกะจะหามาคืนอยู่แต่ผมก็จำเป็นที่จะต้องใช้ แต่ทำไมเขาถึงต้องด่าผมเหมือนเงิน1130 มันมีค่ามากกว่าลูกตัวเอง..
หลังจากที่แม่กลับหอไป
ยายผมก็เดินมาคุยกับผมบอกจะเอาเงินที่ผมให้คืนแม่ แล้วตาผมที่ได้ยินมาชวนให้ผมกลับมาอยู่บ้านกับตาและยาย*
ผมต้องการความคิดเห็นจากพี่ๆ เพื่อนๆชาวพันทิปว่าผมควรทำยังไงต่อไปดีครับ
ตอนนี้ผมมีความคิดว่าาจะแยกตัวออกมาอะครับผมควรแยกตัวออกไปดีมั้ย
1.อดทนอยู่ต่อไป
2.กลับไปอยูบ้านกับตายาย
3.ย้ายไปอยู่ตจว.กับพ่อ
หรือผมควรทำยังไงดีครับ..
แล้วผมก็ต้องหารายได้เสริมเพิ่มอีกเนื่องจากไม่อยากเป็นภาระอีกต่อไปแล้วครับ พอจะมีงานอะไรที่จะทำได้บ้างมั้ยครับ มีความถนัดด้านคอมทุกรูปแบบตั้งแต่ซ่อม-ประกอบคอม พิมพ์งานทั่วไป จนถึงโปรแกรมระดับสูง(บางโปรแกรม)
ผมคิดมาตั้งแต่ม.3ละครับว่าผมจะแยกออกมาจากแม่เพราะรู้สึกว่ายังไงเราก็เข้ากันไม่ได้ครับ แต่ไม่ใช่ว่าผมจะทิ้งท่านไปนะครับ ผมก็ยังจะดูแลท่านต่อในอนาคต แต่ถ้าผมอยู่แบบนี้ต่อไปอนาคตผมคงไม่รอดแน่ๆแถมมีหวังผมอาจโดดตึกตายเลยก็ได้5555 มันเครียดมากจริงๆ
(ไว้แค่นี้ก่อนนะครับอาจจะกลับมาเพิ่มเนื้อหาหรือแก้ไข)
ขออภัยถ้าใช้คำผิดพลาดหรืออ่านไม่รู้เรื่อง เพราะตั้งใจมาระบายและปรึกษาทุกๆท่านขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
ผมเข้ากับแม่ไม่ได้ ผมควรแยกตัวออกมามั้ยครับ?
ขอแนะนำตัวก่อนเลยนะครับเรื่องที่จะเล่ามันยาวมากกกกก
สวัสดีครับ ผมขอใช้ชื่อแทนตัวเองว่า A นะครับ ผมอายุ16 เรียนอยู่สายอาชีพเป็นช่างเทคนิคคอมครับ
ปัจุบันอาศัยอยู่หอกับแม่แล้วก็ยายครับ (จ-ศ.)เพราะอยู่ใกล้กับโรงเรียน (ส.-อ.) จะกลับบ้านตาครับ(แม่ไม่ได้กลับด้วยเพราะทำงาน)
ส่วนพ่อ(หย่ากับแม่ผมแล้ว)ทำงานอยู่ต่างจว. ครับ
เริ่มเรื่องเลยคือ ตั้งแต่สอบขึ้นมัธยมต้นที่เป็น รร. ระดับจังหวัดได้(แต่อยู่ในโปรแกรมปกติ) ก็กลายเป็นความคาดหวังของครอบครัววันนั้นแม่ก็พาไปกินข้าวข้างนอกแล้วก็เริ่มพูดเอาไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่นว่าเขาสอบได้โปรแกรมพิเศษ สอบได้รร. ดังๆ ที่ต่างจังหวัด ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไร
หลังจากนั้นมาแม่ก็เริ่มเอาผมไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กอนุบาลจนถึงคนแก่หรือคนดังๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม และทุกๆครั้งที่ผมไปคุยเรื่องเพื่อนเรื่องโรงเรียนและปรึกษาเรื่องชีวิตของผม แม่มักจะบอกว่าผมโง่หรือไม่ก็ด่าและตะคอกใส่ผมแบบไม่มีเหตุผลหรือผมทำอะไรผิดเขาก็จะโยนสิ่งของที่อยู่ใกล้มือที่สุดใส่ผมโดนไม่สนใจว่าของชิ้นนั้นจะเป็นอะไรเลย
(แต่มันมีครั้งหนึงตอนผมเด็กมากผมเคยเปิดประตูรถไปชนกับเสาข้างๆเบาๆแล้วแม่ก็จับหัวผมโขกกับประตูรถจนหัวแตกเลยล่ะ555 แต่ตอนนั้นยังเด็กเลยไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าอาจจะเครียดเรื่องงาน)
แต่มันมีครั้งหนึ่งที่แม่ผมโยนโทรศัพท์ของผมอัดกำแพงจนเละ555 มันอาจจะไม่ค่อยรุนแรงอะไรสำหรับคนอื่นแต่ตอนนั้นมันบาดใจผมมาก55 เพราะตอนนั้นมันคือสมบัติชิ้นเดียวของผมเลยก็ว่าได้แถมงานและแบบข้อสอบแทบบทั้งหมดที่เรียนมาอยู่ในทรศ.
แล้วก็โดนกดดันเรื่องงเรียน(เกรดตอนนั้น 2.57 มันก็แย่จริง)แล้วก็ออกไปไหนเหมือนเพื่อนๆไม่ได้เลย(แต่ตอนเลิกเรียนผมก็แอบไปโลตัสกับเพื่อนเหมือนกันแต่จะไปแค่ครึ่งชม.แล้วกลับเพราะไม่ค่อยชอบเที่ยว ปล. หอ รร. โลตัส อยู่ใกล้กันไม่กี่ร้อยเมตร) ชีวิตตอน ม.1-ม.2 ก็จะวนลูปแบบนี้ตลอด
จนกระทั้งขึ้นม.3 ตอนนั้นเริ่มกลายเป็นคนที่มีวุฒิภาวะ ความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาบ้าง เวลาโดนแม่เอาไปเปรียบเทียบกับใครหรือโดนตะคอกใส่ก็จะนั่งฝังเฉยๆ ไม่ได้พูดสวนกลับแบบเมื่อก่อน แล้วก็กลายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด ซึ่งแม่ผมไม่ชอบนิสัยแบบนี้มากๆเลย จนหาว่าผมมีสภาพจิตที่ไม่ปกติ แต่แม่ผมเขาจะไปชอบอะไรในตัวผมหละ เหมือนว่าเขาต้องหาอะไรมาทำให้ผมรู้สึกแย่ขึ้นตลอดโดนเปลี่ยนจากเอาไปเปรียบเทียบเป็นการดูถูกแทน (ผมเป็นคนที่เกลียดการดูถูกมากที่สุดเลยไม่ว่าจะใครดูถูกใครก็เถอะ) ตอนนั้นเป็นช่วงที่นอนร้องไห้แล้วมองว่าตัวเองห่วยตลอด แต่มันมีเพื่อนคนนึงที่ทำให้ผมรู้สึกตลกจนหายเครียดเรื่องพวกนี้ล่ะ5555
(ปกติเวลาอยู่บ้านผมจะพูดกับครอบครัวปกติเหมือนที่ทุกบ้านคุยกัน แต่เวลาแม่กลับบ้านทั้งบ้านจะเงียบและไม่พูดกันเพราะแม่ชอบเข้ามาบ่น แต่สุดท้ายแม่ก็ต้งหาเรื่องมาบ่นให้ได้ จนยายของผมไม่ชอบนิสัยแม่ผม)
*ต่อ*แม่ผมชอบบ่น-ด่า ว่าผมพูดไม่เพราะ มันก็อาจใช้แต่บางครั้งก็ลงท้างด้วยครับตลอดแต่ผมไม่เคยขึ้นเสียงใส่ท่านเลยแต่ก็โดนหาว่าตะคอก
(ลักษณะการพูดผมได้พ่อมาเต็มๆแม่เลยไม่ชอบ)
(เวลาที่ผมรีบจะพูดเร็ว เวลาที่ผมเหนือยผมจะพูดแบบไม่ค่อยมีแรง)
เลิกเรียนมาผมก็เจอแบบนี้จนชินทุกวันแล้วล่ะจนเรียนจบม.ต้น (จริงๆมันมีเหตุการณ์ที่รุนแรงมากอยู่แต่มันเยอะมากจนไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาดี)
พอขึ้น*ปวช.1* ตอนนั้นชีวิตผมพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็ว่าได้ครับเจอกับสังคมแบบใหม่ ตอนแรกๆมันก็แย่อยู่อะครับ แต่ปัจจุบันก็ดีขึ้นเยอะ ได้เรียนในสายที่ชอบ เรื่องเพื่อนที่นี้เนี้ย เอิ่ม... ข้ามๆมันไปเถอะครับ ส่วนเพื่อนที่รร.เก่าอะเหรอครับเพื่อนดีๆย้ายไปเรียนตจว.กันหมด ที่เหลือก็มีแต่เพื่อนกินทั้งนั้นอะครับ ตอนนี้ไม่มีแม้กระทั่งเพื่อนที่ให้ระบายมี ส่วนที่มันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือก็คือ ผมเรียนสายเทคนิคคอม เพราะผมฝันว่าอยากมีอนาคตเป็น วิศวคอม ครับ แต่แม่ผมไม่อยากให้ผมเป็นเพราะต้องไปเรียนต่อ-ทำงานไกลบ้าน + คิดว่าผมโง่ยังไงก็เป็นไม่ได้ แต่สุดท้ายเข้าก็ห้ามผมไม่ได้หละ555555 แต่สิ่งที่แย่กว่านั้นคือ ผมยังถูกมองเป็นเด็กอยู่เลย เพราะวันๆผมเอาแต่นั่งอยู่หน้าคอมมีแต่เล่นเกมอาจจะมีหาความรู้บ้างเล็กน้อย
(รายได้เสริมของผมมาจากการเทรดไอเท็มในเกมนะครับถึงมันจะไม่มากแต่มันก็ทำให้พอมีเงินเก็บอยู่บางส่วน)
ผมอธิบายยังไงเขาก็ไม่ยอมรับฟังแถมยังด่ากลับมาอีก แต่ผมก็เข้าใจ
มาถึงตรงนี้แล้วทุกคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องปกติของเด็ก-วัยรุ่นทุกคนใช้มั้ยล่ะครับ (จริงๆมันมีเยอะกว่านี้แต่เล่าไม่ไหวแล้ว)
ผมก็เคยคิดงั้นแต่มันไม่เลยครับ หลายคนอาจจะมาคอมเม้นด่าผมว่าเป็นลูกที่ไม่ดี เป็นคนที่แย่ เลว หรือบอกให้ผมกลับไปตั้งใจเรียนแล้วรีบทำงาน มันก็จริงครับ แต่ถ้ามาอยู่จุดๆเดียวกับผมจะเข้าใจเอง
ไม่ใช่แม่ผมไม่ดีนะครับ ท่านก็มีส่วนดีอยู่แต่.. ส่วนที่แย่มันมากกว่าอะครับ
"เอาล่ะตอนนี้ผมกำลังจะเล่าถึงไทม์ไลน์ปัจจุบันและปัญหาที่กำลังเจออยู่นะครับ"
คือผมก็เก็บกดทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันแล้วมาเจอ 2 เหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่ทำให้ความคิดผมเริ่มเปลี่ยน
1. ยายผมขับรถล้ม ขอเล่าสั้นๆนะครับ ยายผมเป็นเบาหวานแล้วแก่มากแล้ว พอรถล้ม(ล้มแปะนะครับ) ผมและแม่ว่งลงจากหอมาดูผมเป็นคนช่วยยายดีที่ยายไม่เป็นอะไรมากแต่แม่ผม เริ่มบ่นยาย และ ดูสภาพรถแล้วก็พูดขึ้นว่า"รถพึ่งซื้อจะพังละ" โดยที่ไม่ถามสักคำว่ายายเป็นอะไรไหม
2.ผมได้เงินค่าอุปกรณ์การเรียน1130บาท แต่ผมไม่ได้ให้แม่ ผมกะจะเอาไปซ้อมรถของผมที่ยายทำล้ม+ที่ผมทำล้มไว้นานแล้ว แต่ยายมาขอยืมก่อนผมเลยให้ยายไปเพราะยายไม่มีเงินใช้ แต่ผมกะจะให้เลย หลังจากที่ผมให้เงินยายไปไม่กี่วันแม่ก็รู้เรื่องเงินค่าอุปกรณ์การเรียน แล้วก็รีบตรงมาบ้านถามผมทันที ขอเปลี่ยนเป็นรูปแบบสนทนานะครับ
แม่: ได้เงินอุปกรณ์การเรียนรึยัง
A: *สตั้น2วิ* ได้แล้วครับ
แม่: แล้วอยู่ไหน
A: ให้ยายไปแล้วครับ
แม่: *จากนั้นแม่ก็เริ่มบ่น* ชั้นเป็นคนหาเลี้ยงแก ค่าเทอมชั้นเป็นคนจ่าย นั้นมันเงินชั้น แล้วแกจะเอามันไปใช้ได้ไง เอาไปให้ยายทำไม!! *แล้วเริ่มใช้คำว่ากูกับผมแล้วก็เริ่มด่าเหมือนผมไม่ใช่ลูก*
หลังจากวันนั้นแม่ก็เหมือนเกลียดผม แต่มันก็จริงที่ผมจะเอาเงินนั้นมาใช้ ผมก็เข้าใจว่าผิด แต่ค่าเทอมนั้นพ่อเป็นคนโอนเงินมาให้แม่จ่าย ผมเข้าใจว่าแม่จะเอาไปใช้จ่ายซื้อกับข้าว(มั้งครับ) ผมกะจะหามาคืนอยู่แต่ผมก็จำเป็นที่จะต้องใช้ แต่ทำไมเขาถึงต้องด่าผมเหมือนเงิน1130 มันมีค่ามากกว่าลูกตัวเอง..
หลังจากที่แม่กลับหอไป
ยายผมก็เดินมาคุยกับผมบอกจะเอาเงินที่ผมให้คืนแม่ แล้วตาผมที่ได้ยินมาชวนให้ผมกลับมาอยู่บ้านกับตาและยาย*
ผมต้องการความคิดเห็นจากพี่ๆ เพื่อนๆชาวพันทิปว่าผมควรทำยังไงต่อไปดีครับ
ตอนนี้ผมมีความคิดว่าาจะแยกตัวออกมาอะครับผมควรแยกตัวออกไปดีมั้ย
1.อดทนอยู่ต่อไป
2.กลับไปอยูบ้านกับตายาย
3.ย้ายไปอยู่ตจว.กับพ่อ
หรือผมควรทำยังไงดีครับ..
แล้วผมก็ต้องหารายได้เสริมเพิ่มอีกเนื่องจากไม่อยากเป็นภาระอีกต่อไปแล้วครับ พอจะมีงานอะไรที่จะทำได้บ้างมั้ยครับ มีความถนัดด้านคอมทุกรูปแบบตั้งแต่ซ่อม-ประกอบคอม พิมพ์งานทั่วไป จนถึงโปรแกรมระดับสูง(บางโปรแกรม)
ผมคิดมาตั้งแต่ม.3ละครับว่าผมจะแยกออกมาจากแม่เพราะรู้สึกว่ายังไงเราก็เข้ากันไม่ได้ครับ แต่ไม่ใช่ว่าผมจะทิ้งท่านไปนะครับ ผมก็ยังจะดูแลท่านต่อในอนาคต แต่ถ้าผมอยู่แบบนี้ต่อไปอนาคตผมคงไม่รอดแน่ๆแถมมีหวังผมอาจโดดตึกตายเลยก็ได้5555 มันเครียดมากจริงๆ
(ไว้แค่นี้ก่อนนะครับอาจจะกลับมาเพิ่มเนื้อหาหรือแก้ไข)
ขออภัยถ้าใช้คำผิดพลาดหรืออ่านไม่รู้เรื่อง เพราะตั้งใจมาระบายและปรึกษาทุกๆท่านขอบคุณที่อ่านจนจบครับ