[CR] ☔ที่นี่...ภูสอยดาว มนต์เสน่ห์ของไอหมอก ราชินีหงอนนาคแห่งลานสน

“ช่วงนี้ดอกหงอนนาคกำลังบาน ไปถ่ายรูปกัน” นี่คือคำชวนในกลุ่มเพื่อนที่ทำงาน

เราไม่เคยมาที่นี่ เราไม่มีความคิดว่าจะเดินป่า และเราไม่ใช่คนออกกำลังกาย

         และนี่ก็เป็นการเดินป่าครั้งแรกของเราก็จัดหนักๆๆ กันไปเล้ยยย ยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย จะได้รู้กันไปว่าชอบหรือเกลียด🤣🤣ทริปนี้มีเราและเพื่อนร่วมชะตากรรมอีก 5 คน ฤดูกาลท่องเที่ยวภูสอยดาวจะมีด้วยกัน 2 ฤดู คือ ช่วงฤดูฝนจะมีไฮไลท์เด็ด คือ ดอกหงอนนาคที่จะบานเต็มทุ่งให้มาสัมผัสความงาม ควรมาช่วง ส.ค. - ก.ย. เพราะเป็นช่วงที่ดอกหงอนนาคบานเยอะ และอีกช่วง คือ ช่วงฤดูหนาว เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความท้าทาย เพราะสามารถขึ้นไปพิชิตยอด 2,102 เมตรได้ (ทริปนี้เอาแค่ 1,633 เมตร ให้รอดก่อนเนอะ) พวกเราเดินทางกันเมื่อวันที่ 13 - 15 ก.ย. 2562


         🚌ทริปพาตัวเองไปลำบากของพวกเราครั้งนี้เป็นการเที่ยวแบบ low cost ไม่มีรถส่วนตัว ออกเดินทางกันวันศุกร์ที่ 13 (ฤกษ์ดีจริงๆ) นั่งรถของ บขส รอบ 22:00 น. ถึงบขส.พิษณุโลกประมาณ 04:00 น. จากนั้นก็โทรหาพี่ที่ติดต่อไว้ให้ไปส่งที่ภูสอยดาว ไปกลับ 6 คน 3,500 บาท พี่เขาแวะจอดให้ซื้อของที่ตลาดสดเทศบาลตำบลป่าแดง เพราะระหว่างทางเดินป่าและข้างบนภูสอยดาวจะไม่มีอะไรขายเลย เสบียงต้องพร้อม 

         หลังจากนั่งรถมายาวนานกว่า 3 ชม. (แอบเมื่อยเบาๆ) พวกเราก็มาถึง “อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว” มาถึงคือ โอโห!! คนเยอะมากกก มีแต่คนหนีความวุ่นวายในเมืองมาวุ่นวายในป่าในเขา และวันที่เรามาก็ฝนตกจ้าา ระหว่างรอฝนหยุดเราก็มาลงทะเบียน เช่าของ จ่ายค่าลูกหาบ ทุกอย่างเบ็ดเสร็จโดนไป 3,115 บาท เงินในกระเป๋านี่สั่นพึ่บพับ นี่แค่เฉพาะขาขึ้นนะ ยังเรียกว่าทริป low cost ได้อยู่มั้ยถ้าจ่ายไปขนาดนี้😱😱

         พอฝนหยุด จัดการทุกอย่างเรียบร้อย พี่ที่อุทยานจะให้เราขึ้นรถกระบะหรือรถอีต็อกมาส่งที่จุดทางขึ้น ป้ายบอกว่าระยะทางไปถึงจุดกางเต็นท์ 6.5 กิโลเมตร แต่ระยะทางจริงที่เราต้องเดินจากจุดเริ่มต้นที่น้ำตกภูสอยดาวไปจนพิชิตลานสนภูสอยดาว มันคือ 8 กิโลเมตร!! (คุณหลอกดาวนี่😅😅) เริ่มจับเวลาเดินขึ้น 9.30 น. Let’s go!!

         🌿เส้นทางเริ่มแรกในการเดินจะเป็นเส้นทางธรรมชาติที่จะต้องเดินผ่านน้ำตกภูสอยดาวชั้นต่างๆ ซึ่งน้ำตกภูสอยดาวจะมีทั้งหมด 5 ชั้น หลังจากเดินผ่านน้ำตกมาแล้วก็จะเริ่มเข้าสู่โซนที่เป็นป่า มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียว

         🌿แล้วก็เป็นปกติค่ะสำหรับพวกเราที่เพิ่งเคยมาก็จะดี๊ด๊าหน่อยๆ เอะอะถ่ายรูป ตั้งแต่ต้นทางที่น้ำตกแล้วก็ไปซักระยะของการเดินทาง แต่พอมาถึงเนินแรก "เนินส่งญาติ" รู้เรื่อง!! เก็บไปเลยกล้องถ่ายรูป!! ตรงนี้ทางอุทยานอำนวยความสะดวกโดยการทำบันไดเหล็กเพื่อให้เดินขึ้นง่ายๆ แต่มันง่ายตรงไหน การปีนบันไดในแนวดิ่งเป็นกิโลๆ เนี่ยยย อย่าเพิ่งคิดถึงเนินมรณะเลย แค่เนินแรกก็จะตายละ ตอนนั้นก็คิดว่าเอาตัวเองมาลำบากทำไมวะ แต่ก็หันหลังกลับไม่ได้ละ ยังไงก็ต้องลุย!! (เหนื่อยจนถ่ายรูปเบลอเชียวช้านนน😅😅)

         🌿เนินต่อไป คือ "เนินปราบเซียน" หลังจากฝ่าด่านบันไดเหล็กมาได้แล้ว เนินนี้มีความปราณีอยู่บ้าง ช่วงขาเราได้พักก็ตรงช่วงนี้ล่ะ เราหยุดพักกินข้าวเที่ยงกันที่นี่ สำหรับเมนูอาหารก็ง่ายๆ ข้าวเหนียวหมูย่าง นั่งพักกันสักแปปก็เดินทางกันต่อ

         🌿หลังจากผ่านมาสองเนิน เนินต่อไปชื่อว่า "เนินป่าก่อ" เป็นเนินที่เดินสบายที่สุดแล้ว เดินไปตามร่มไม้ของต้นก่อหรือต้นโอ๊คที่ขึ้นอยู่จำนวนมาก ตลอดทางจะเจอต้นไม้ดอกไม้สวยๆ ตลอดทาง ถามว่าเดินเหนื่อยมั้ย เหนื่อยมากกกกก และก็คิดว่าชั้นมาทำอะไรที่นี่ แต่เมื่อแลกกับสิ่งที่เราเห็น มันสวยนะ แต่มันก็เหนื่อยอยู่ดี😂😂 
  

         🌿เดินต่อไป "เนินเสือโคร่ง" เนินที่ 4 แล้ววว อีกนิดเดียวเท่านั้น เนินเสือโคร่งตั้งชื่อจากชื่อต้นกำลังเสือโคร่งที่มีอยู่แถวนั้นหลายต้น

         🌿เราเดินกันมาหลายชั่วโมงจนในที่สุดก็มาถึง "เนินมรณะ" เนินท้ายสุดของภูสอยดาวที่ใครก็ว่าโหด เส้นทางเนินมรณะ ถือว่ามรณะสมชื่อ เดินขึ้นมาเรื่อยๆ เอ่อ... อย่าเรียกว่าเดินเลย เรียกปีนดีกว่า ทางโคตรชัน ชันแบบชันมากๆ ทำเอาล้ากันเลยทีเดียว😓😓 ใครจะมาที่นี่ต้องฟิตร่างกายกันหน่อย เพราะเนินนี้โหดมากๆๆๆ
        
         ถึงแล้วค่ะจุดที่ทุกคนรอคอย "ลานสนภูสอยดาว" พวกเราคือผู้พิชิตภูสอยดาววววว ซึ่งพวกเรามาถึงกันประมาณ 15:00 น. ใช้เวลาประมาณ 5 ชม. ในการฝ่าฟันขึ้นมา🤩🤩

         หลังจากที่เราเดินถึงลานสนภูสอยดาวแล้ว เราจะพบป่าสนพร้อมทุ่งดอกหงอนนาคที่รายล้อมรอบตัวเรา มันสวยจริงๆ ใครเห็นต้องประทับใจ ดอกสีม่วงเล็กๆ เกลื่อนตาไปหมด หันไปทางไหนก็ได้ภาพสวยๆ😍😍
 

         แต่ๆๆๆ มันยังไม่จบแค่นี้ เรายังต้องเดินไปอีก 500 เมตร เพื่อไปลานกางเต็นท์ ด้วยความเหนื่อยจึงแยกย้ายกันไปงีบ พักร่างกาย จะได้เดินไปชมวิวพระอาทิตย์ตกในช่วงเย็น

         พอพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน พวกเราก็แบกกล้อง เดินไปที่จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก อยู่ห่างจากลานกางเต็นท์ประมาณ 500 เมตร

         เมื่อชื่นชมความงามของแสงอาทิตย์ยามเย็นเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็กลับมาเตรียมทำข้าวเย็นกินกัน ข้าวเย็นเป็นสุกี้หมูใกล้เน่า ตบท้ายด้วยมาชเมลโล่ย่างกลิ่นตะไคร้หอม ทุลักทุเลไปหน่อย แต่อากาศเย็นๆ นั่งกินอะไรร้อนๆ ได้เม้ามอยกัน ถือเป็นประสบการณ์ที่สนุกดี💖
 

         สภาพอากาศวันที่เราไปต้องบอกว่าโชคดีมาก เพราะฝนตกแค่ตอนที่เรามาถึงอุทยานเท่านั้น ทำให้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ท้องฟ้าในคืนนี้จึงเต็มไปด้วยดาวระยิบระยับ ซึ่งถ้าอยู่ในเมืองคงไม่ได้เห็นแบบนี้แน่ๆ✨

         Day 2 : เราตื่นกันแต่เช้า แล้วพากันออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ณ ผาอีกฝั่งนึงของลานกางเต็นท์ แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะเมฆบังหมด😭😭 พวกเราเดินเล่นถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันสักพักก็เดินกลับไปที่เต็นท์เพื่อเก็บของและเตรียมกินข้าวเช้ากัน เมนูก็ง่ายๆ ต้มมาม่ากับขนมปังทาแยม (คือท้องไม่ร้องก็ไม่กลับเต็นท์อ่ะ🤣🤣)
        
         ก่อนจากภูสอยดาวไป ต้องถ่ายรูปกับดอกหงอนนาคให้คุ้มกับที่มากันซะหน่อย
   

         หลังจากเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปอยู่สักพักใหญ่มากกกก ถึงเวลาต้องโบกมือลาภูสอยดาวแล้ว ค่าลูกหาบขากลับเราจ่ายไป 970 บาท (เพราะโดนค่าลูกหาบขาไปหนักมาก มีเท่าไหร่ต้องกินให้หมดหรือเหลือน้อยที่สุด) พวกเราเริ่มเดินลงจากภูตอน 10:00 น. ซึ่งเป้าหมายแรกของพวกเราคือการมาถ่ายรูปตรงบริเวณหน้าผาของเนินมรณะ (ขาขึ้นไม่มีแรงถ่าย) วิวตรงนี้คือสวยมาก ไม่น่าเชื่อว่าเราจะมากันได้ไกลขนาดนี้
 

         ตลอดการเดินลงมาจากภูสอยดาว พวกเราทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เดินขึ้นมาได้ไงกันวะ” ทั้งสูงทั้งชัน พวกเราลงมาถึงด้านล่างบริเวณน้ำตกภูสอยดาวตอน 13:30 น. สิ่งแรกที่เราทำหลังจากลงมาถึงคือจ่ายเงินซื้อเป็ปซี่ค่ะ ไม่ไหวแล้ววว🤣🤣
       
         การเดินทางครั้งนี้อาจจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ยอดภูแห่งนี้จะอยู่ในความทรงจำพวกเราตลอดไป มีทั้งความสนุกปนความเหนื่อยล้า ถ้ามีโอกาสแนะนำให้มาลองแค่ 2 วัน 1 คืน ก็ทำได้ สนุกแน่นอน💚

📢สิ่งที่ควรรู้เมื่อไปภูสอยดาว
1. ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท มีค่ามัดจำขยะด้วย 200 บาท
2. ค่าจ้างลูกหาบอยู่ที่กิโลกรัมละ 30 บาท ไป-กลับแยกกัน
3. ด้านล่างของอุทยานจะมีเต็นท์ให้เช่า (1 หลังนอนได้ 3 คน) ส่วนทางด้านบนของอุทยานจะมีเตาแก๊ส ถังน้ำ ขันน้ำ ให้เช่า แต่แก๊สกระป๋องต้องซื้อจากร้านสวัสดิการก่อนขึ้นไป
4. ด้านบนของอุทยานมีห้องน้ำอยู่บริเวณลานกางเต็นท์ แต่ในห้องน้ำจะไม่มีน้ำ ต้องตักมาเองจากลำธาร
5. บริเวณลานกางเต็นท์ ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีร้านอะไรเลย
6. สัญญาณมือถือมีเกือบทุกค่าย ยกเว้นค่ายสีฟ้าที่ไม่มีสัญญาณ (ใครใช้ค่ายนี้ก็ทำใจกันหน่อย)
7. ใครจะมาต้องฟิตร่างกายหนักๆ ไม่งั้นปวดขาไป 3 วันแน่
ชื่อสินค้า:   ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่