[CR] Review ตะลุยป่า ล่าแสงดาว สไตล์LowCost แบบฉบับคนไม่มีรถ ณ ภูสอยดาว

         ทริปนี้ผมและเพื่อน ๆ ร่วมชะตากรรมอีก 3 คน มีแพลนออกเดินทางผจญภัยหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยป่าสน ดอกไม้และน้ำตกอันสวยงามซึ่งมีนามว่า “ภูสอยดาว”
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีที่ตั้งอยู่บริเวณเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นยอดภูที่มีความสูง 2,102 เมตรจากระดับน้ำทะเล สูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย ฤดูกาลท่องเที่ยวภูสอยดาวจะมีด้วยกัน 2 ฤดูคือ ช่วงฤดูฝนที่จะมีไฮไลท์ คือ เจ้าดอกหงอนนาคที่มักจะบานเต็มทุ่งพร้อมให้นักผจญภัยทั้งหลายได้มาสัมผัสความสวยงามท่ามกลางสายฝน และ อีกช่วงที่สามารถเที่ยวได้คือในช่วงฤดูหนาว ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความท้าทาย เพราะจะสามารถขึ้นไปพิชิตยอด 2,102 เมตรได้ ซึ่งนักผจญภัยท่านใดชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามใจชอบเลยครับ
ผมก็ได้เล่าข้อมูลเกี่ยวกับ “ภูสอยดาว” ไปคร่าว ๆ ละ คราวนี้ผมจะขอเล่าประสบการณ์ของผมและผองเพื่อนกับการพิชิตภูสอยดาว โดยใช้ระยะเวลา 2 วัน 2 คืน (วันลาหมดแล้ว เที่ยวเยอะไม่ได้ครับ 555+)
        การผจญภัยของ 4 สหายชายล้วนของพวกผมครั้งนี้เป็นการเที่ยวแบบ LowCost ไม่มีรถส่วนตัว อาศัยรถสาธารณะและการเหมารถครับ ซึ่งการผจญภัยของพวกเรานั้นเริ่มต้นด้วยการโดยสารรถทัวร์จากหมอชิต - บขส.พิษณุโลก เราทำการจองรอบ 22:00 น. เพื่อที่จะได้ไปถึงที่หมายคือ บขส.พิษณุโลกช่วงเช้ามืดครับ
คนพร้อม ตั๋วพร้อม Let’s go
และนี่คือรถทัวร์ที่พวกเรานั่งกันครับ เป็นรถ ป.1 ใช้เวลา 6 ชั่วโมง ในการเดินทางสู่จังหวัดพิษณุโลก

Day1  พวกเรามาถึงพิษณุโลกเวลาประมาณ ตี 4 ซึ่งพวกเราเลือกลงที่ บขส.พิษณุโลก (เก่า) เพราะเราได้นัดหมายกับเจ้าของรถที่เหมาไว้เพื่อเดินทางไปภูสอยดาวครับ (เจ้าของรถของพวกเราชื่อ จ่าเอ๋ ครับ ตลก เป็นกันเอง ใครสนใจรถรับส่ง สามารถดูรายละเอียดเบอร์ติดต่อด้านล่างหลังจากจบรีวิวครับ)

จริง ๆ แล้วการเดินทางจากพิษณุโลกไปภูสอยดาวสามารถเดินทางได้หลายแบบครับ ไม่ว่าจะเป็นนั่งรถทัวร์อีกต่อไปลงอำเภอชาติตระการแล้วเหมารถ หรือว่า จะเป็นการเหมาจากพิษณุโลกไปเลย ซึ่งพวกเราเลือกแบบหลังเพราะจะทำให้ประหยัดเวลากว่าครับ (แต่ราคาก็จะแพงกว่าหน่อยครับ)
โดยรถที่ทางคนขับรถเราจัดมาให้เป็น Toyota Innova ซึ่งถ้าหากมากันเยอะทางคนขับรถจะเปลี่ยนเป็นรถสองแถวให้ครับ แต่พวกเรา 4 คนมาแบบทริปไฟไหม้ หาคนหารเพิ่มไม่ได้ ก็ต้องไปกันแบบเหงา ๆ 4 คนนี่แหละครับ
นี่ครับรถของพวกเรา ถ่ายรถกันจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย ถ่ายรถยังไงให้ไม่เห็นรถ 555+

ซึ่งจุดหมายที่เราจะไปที่แรกในวันนี้คือ ตลาดสดเทศบาลตำบลป่าแดง อำเภอชาติตระการ เพื่อซื้อขนมขบเคี้ยวและเสบียงสำหรับคืนนี้บนภูครับ

พวกเรานักท่องเที่ยวสไตล์ LowCost อาหารประจำทริปจะเป็นอะไรไปไม่ได้ครับมาม่ากับโจ๊กนั่นเอง (ซื้อแบบนี้มาตลาดสดเพื่อ?)

เมื่อซื้อเสบียงพร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันต่อเพื่อไปที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวครับ ระหว่างทางกว่า 100 กิโลเมตร ที่รถแล่นผ่าน จะเต็มไปด้วยทุ่งนา ภูเขาเขียวที่ตัดกับหมอกขาวตลอด 2 ข้างทาง เป็นการลงสีของธรรมชาติที่ทำให้เกิดเป็นภาพสวยงามแบบนี้ พวกผมนี่ฟินไปเลยครับ
เส้นทางอาจจะยาวไกล แต่วิวตลอด 2 ข้างทางทำให้พวกเราหลับไม่ลงจริง ๆ ครับ

นั่งรถกันมาครึ่งทางแล้ว พวกเราขอแวะพักถ่ายรูปร่วมกับรถคู่ใจและธรรมชาติข้างทางกันสักหน่อยครับ

ได้รูปแล้ว พวกเราก็กลับขึ้นรถมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางของเรากันต่อครับ Let’s go
หลังจากนั่งรถมายาวนานกว่า 3 ชม. (แอบเมื่อยเบา ๆ) พวกเราก็มาถึงละครับ “อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว”  
มาถึงพวกเราก็รีบติดต่ออุทยานเพื่อจ่ายค่าอุทยาน ค่าเช่าเต็นท์ และค่าจ้างลูกหาบ สำหรับอัตราค่าจ้างลูกหาบที่นี่สนนราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 30 บาท ส่วนเต็นท์ราคาหลังละ 225 บาทครับ
เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยพวกเราก็เตรียมพร้อมออกผจญภัยละครับ วันนี้พวกเราจะไปพิชิตภูสอยดาวกัน (เย้ ๆ ๆ ๆ)

หลังจากถ่ายรูปกับป้ายเสร็จแล้วพวกเราก็รีบขึ้นรถกระบะของอุทยานที่เตรียมไว้สำหรับรับนักท่องเที่ยวไปส่งที่บริเวณน้ำตกภูสอยดาว ซึ่งระยะทางที่เราจะต้องนั่งไปแค่ 2 กิโลเมตรเท่านั้นครับ ถามว่าทำไมต้องไปที่น้ำตกภูสอยดาว นั่นก็เพราะว่า ที่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินเท้าขึ้นสู่ลานสนภูสอยดาวไงครับ เมื่อพวกเรามาถึงแล้วก็ขออีกสักรูปก่อนขึ้นล่ะกันนะครับ (เมื่อไหร่จะได้ขึ้นล่ะเนี่ย)

เมื่อเราเริ่มเดินเท้าเข้ามาเราก็จะเห็นป้ายขนาดใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่ตรงหน้าคอยต้อนรับพวกเราครับ ระยะทางเดินเท้าจากตรงนี้สู่ลานสนภูสอยดาวแค่ 6.5 กิโลเมตรเองครับ จิ๊บ ๆ (เสียงสูงงงงง)
เส้นทางเริ่มแรกในการเดินจะเป็นเส้นทางธรรมชาติที่จะต้องเดินผ่านน้ำตกภูสอยดาว ชั้นต่าง ๆ ครับ ซึ่งน้ำตกภูสอยดาวจะมีทั้งหมด 5 ชั้นครับ


หลังจากเดินผ่านน้ำตกมาแล้วก็จะเริ่มเข้าสู่โซนที่เป็นป่าเขียวขจี มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียวครับ
เรามาถึงเนินแรกแล้วครับ เนินส่งญาติ ส่งญาติแล้ว ไปส่งผมด้วยสิไกลจัง

เนินต่อไปคือเนินปราบเซียน ใครคิดว่าเซียน เรียนเชิญมาลุยครับ

เราออกเดินเท้าต่อไปเรื่อย ๆ ครับ พวกเราคิดเสมอครับว่า สวรรค์ของนักผจญภัยอย่างพวกเราคือ การได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว ไม่ใช่เมืองกรุงที่วุ่นวาย มีความสุขมาก ๆ ครับ



ชีวิตคนเราก็ไม่ต่างกับใบไม้พวกนี้หรอกครับ ที่ย่อมแปรผันไปตามกาลเวลา ไม่เที่ยวตอนยังแข็งแรงอยู่ แล้วจะเที่ยวตอนไหนล่ะครับ
ในช่วงแรก ๆ ของการเดิน เส้นทางจะยังไม่ชันมากครับ เดินไปพักไป ( พักบ่อยขนาดนี้เดี๋ยวก็ไม่ทันพระอาทิตย์ตกหรอก ) หลังจากที่ผ่านทั้งเนินส่งญาติ และเนินปราบเซียนมาแล้ว เนินต่อไปก็จะมีชื่อว่า เนินป่าก่อ แชะรูปเป็นที่ระทึกสักหน่อยละกัน
เดินไปต่อไปอีกก็เนินเสือโคร่งครับ หยุดถ่ายมันทุกป้าย เมื่อไหร่จะถึงละเนี่ยยยย
เราเดินกันมาหลายชั่วโมงผ่านทั้งเนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง จนทำให้ในที่สุดพวกเราก็มาถึงเนินมรณะ เนินท้ายสุดของภูสอยดาว มาถึงแล้วก็ขอนั่งพักสักแปปก่อนออกเดินใหม่ครับ ซึ่งการมาท่องเที่ยวผจญภัยแบบพวกเรานี้ทำให้เราได้พบเพื่อนใหม่ และมิตรภาพที่ดีของนักท่องเที่ยวที่มีใจรักธรรมชาติเช่นเดียวกันครับ

เนินมรณะนะหรอ จะมรณะขนาดไหนเชียวว ดูจากมือก็น่าจะเข้าใจนะครับ (ตายยยแน่)


เส้นทางเนินมรณะ ถือว่ามรณะสมชื่อเลยครับ เพราะเส้นทางจะชันมาก ๆ ทำเอาล้ากันเลยทีเดียวครับ ใครจะมาที่นี่ ฟิตร่างกายกันมาหน่อยนะครับ เพราะเนินนี้โหดมาก ๆ ๆ ๆ โดยระยะทางของเนินมรณะจะประมาณ 800 เมตรครับ ให้ภาพมันเล่าเรื่องละกันนะครับ 555+



ซึ่งเมื่อเราก้าวผ่านเนินมรณะแห่งนี้ไปได้  ก็ถึงแล้วล่ะครับจุดที่ทุกคนรอคอย ลานสนภูสอยดาว พวกเราคือ ผู้พิชิตภูสอยดาววววว (ใส่เอคโค่) ซึ่งพวกเราใช้ระยะเวลา 4 ชั่วโมงครึ่งในการฝ่าฟันขึ้นมา ขอพักหอบแปปครับ

หลังจากที่เราเดินถึงลานสนภูสอยดาวแล้ว เราจะพบธรรมชาติป่าสนอันกว้างใหญ่ที่รายล้อมรอบตัวเรา มันสวยจริงๆครับ



แต่ถึงลานสนแล้วก็ยังไม่จบแค่นี้ครับ เรายังต้องเดินไปอีก 500 เมตร เพื่อไปลานกางเต็นท์ครับ (ยังไม่ถึงอีกหรอเนี่ยย แฮ่ก ๆ)
และแล้วพวกเราก็ขึ้นมาถึงละครับ ลานกางเต็นท์ภูสอยดาว ช่วงที่เราไปเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ทำให้นักท่องเที่ยวค่อนข้างจะเยอะ ใครอยากได้พื้นที่จองเต็นท์ดี ๆ ก็ขึ้นมาให้เร็วหน่อยนะครับ
โดยพวกเราได้เช่าเต็นท์ของทางอุทยาน ซึ่งข้อดีก็คือทางอุทยานจะกางให้ เราก็เข้าอยู่ได้เลยครับ มาเร็วก็จะมีตัวเลือกเยอะหน่อย โดยเต็นท์ 1 หลังสามารถนอนได้หลังละ 3 คนครับ แต่พวกเรามา 4 คนก็เลยแยกนอนหลังละ 2 คนครับ
หลังจากเก็บของเข้าเต็นท์กันแล้ว พวกเราก็ได้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเช่าเตาและแก๊สสำหรับทำอาหารครับ ราคาก็จะตามป้ายครับ

เมื่อเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันงีบ พักร่างกาย เพื่อที่จะได้พร้อมสำหรับเดินไปชมวิวพระอาทิตย์ตกในช่วงเย็นวันนี้ครับ
เมื่อร่างกายพร้อม พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน พวกเราก็แบกกล้อง ออกเดินเท้าโดยมีจุดหมายอยู่ที่จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ซึ่งอยู่ห่างจากลานกางเต็นท์ประมาณ 500 เมตรครับ เดินไปสักพักนึง เมื่อลองมองกลับไปที่เต็นท์เราก็ได้พบกับความสวยงามของป่าสนและยอดภูสอยดาวที่กำลังถูกเมฆขาวบดบัง สวยมากกกกกกกกกกก (ก ไก่ล้านตัว)

บนภูสอยดาวแห่งนี้ ไม่ว่าเราจะหันมองไปทางไหนก็จะต้องพบกับต้นสนที่สูงสง่า ใครมาแล้วก็อย่าลืมเก็บภาพดี ๆ กันนะครับ

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินถ่ายรูปกันไปเรื่อยครับ รอจนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน และเราก็ได้เห็นธรรมชาติอันสวยงามบนภูสอยดาวครับ


ชื่อสินค้า:   ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่