เสร็จจากงานศพยายผมร่ำลาคุณตา และญาติๆเดินทางกลับกรุงเทพฯ วันนั้นผมยังคงอยู่ในอาการซึ่มเศร้าจากการเสียคุณยายไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
และพยายามค่อยๆทำใจ วันนี้ผมไม่มียายแล้ว ผมพยายามปลอบใจตัวเองผมยังมีลมลายใจผมต้องทำตามที่ผมบอกกับยายไว้ให้ได้ คือเรียนให้จบ หางานที่มั่นคงทำถึงวันนี้จะพาตัวยายมาอยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่ยายจะอยู่ในใจผมตลอดไปทุกก้าวเดินของผมยังคิดถึงยายเสมอ ผมกลับไปสอบจนจบปี 2 และปีต่อมาผมก็เรียนจบม.รามคำแหงสาขารัฐศาสตร์ภายใน 3 ปีพ่อบุญธรรม พ่อแม่แท้ๆน้องๆผม และเพื่อนสนิทมาร่วมยินดีกับผมที่มหาวิทยาลัย ผมจบป.ตรีก่อนเพื่อนๆทุกคนที่มหาวิทยาลัยเพราะผมเรียนมหาวิทยาลัย 2 แห่งในเวลาเดียวกัน ขณะอีกแห่งหนึ่งผมเรียนสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา ตอนอยู่ปี 4 ผมได้ไปฝึกงานที่ฟิตเนสเอกชนแห่งหนึ่ง ได้สอนดาราดังหลายคน ผมตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลสโมสรมุ่งมั่นกับการฝึกทำงานสุดท้ายผมก็จบปริญญาตรีใบที่ 2 ของผม ผมกลับมาฉลองกับพ่อบุญธรรมผม ผมนอนที่บ้านคืนนั้น พอตื่นเช้ามาผมได้พบเจอกับคุณย่า ซึ่งเป็นแม่ของพ่อบุญธรรม ผมตกใจ ยกมือไหว้ท่าน แต่ในใจก็กลัวกลัวจะโดนต่อว่าอะไรอีกไหม เพราะเวลาเจอกันทุกครั้งคุณย่าจะดูไม่ค่อยชอบผมสักเท่าไหร่ที่พ่อบุญธรรมรับผมมาเลี้ยง แต่ผิดคาดกับสิ่งที่ผมคิดไว้ คุณย่าพูดกับผมว่า “สบายดีเหรอลูก ไม่เจอกันนานเลยนะ เรียนจบแล้ว เก่งนะ ย่าผิดเองแหละ ย่าโกรธแม่เรา พาลมาลงกับลูก แต่ย่าแพ้ใจลูก ลูกไม่เกี่ยวอะไรเลย ดีใจด้วยนะลูก” ผมยิ้มอย่างมีความสุข ผมยกมือไหว้ขอบคุณย่า ผมพึ่งรู้กับตัวเองวันนี้เองว่า ถ้าเราตั้งใจทำสิ่งที่ดี ไม่ว่าชีวิตเราจะเจอเรื่องราวร้ายๆมามากมายแค่ไหน แค่เราอดทน ไม่หยุดเดินตามฝัน ต่อให้ใครมองเราไม่ดีอย่างไร เกลียดเรามากมายแค่ไหน สักวันเขาจะต้องเห็นความดีของเรา และยินดีกับความสำเร็จของเรา ก็เหมือนดั่งเพชร ต่อให้เจอพายุพัดกี่ครั้งกี่หน ไปตกอยู่แห่งหนใด เพชรก็ยังคงคุณค่าของมันเหมือนเดิม
หลังจากเรียนจบผมได้ทำงานเป็นเทรนเนอร์ที่ฟิตเนสเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯอยู่1 ปี ผมเริ่มมีความรู้สึกถึงความไม่มั่นคงในชีวิต ผมรู้สึกว่าฟิตเนสคงไม่จ้างผมยันเกษียณแน่นอน ผมอยากทำงานออฟฟิศดูบ้าง ผมจึงไปสมัครทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ทำเกี่ยวกับงานเอกสารดูแลคลังสิ้นค้าเข้าออก ได้เงินเดือน 8 พันบาท ผมทำได้เดือนเดียว ผมก็ลาออกอีก รู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวตนผมต้องการ ผมไปสมัครงานธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง เงินเดือนหมื่นสองพันบาท ผมคิดว่าตอนนั้นเป็นเงินเดือนที่เยอะ และได้หยุดเสาร์อาทิตย์ ผมอยู่หน้าเคาเตอร์ฝากถอน และต้องคอยขายประกัน ขายบัตร และสินค้าต่างๆ ให้ลูกค้า บางวันเลิกดึกก็ไม่มีโอที บางครั้งผมคีย์เลขการฝากถอนผิด เงินขาดไปผมก็ต้องควักเงินตัวเองจ่าย มีครั้งหนึ่งก่อนพักเที่ยงผมคีย์เลขผิดมีลูกค้าฝาก 5 หมื่น แต่ผมคีย์เพิ่มเลข 0 แถมให้ไปหนึ่งตัวเป็น 5 แสน และลูกค้าคนนั้นก็ไม่บริสุทธิ์ใจ ไม่บอกผม และยังโอนเงินไปใส่บัญชีธนาคารอื่นอีก แต่โชคของผมยังดีที่ผู้จัดการโทรไปเคลียร์กับผู้จัดการอีกธนาคารให้โอนเงินกลับมาได้ ไม่งั้นผมซวยแน่ใช้หนี้แบงค์ กินข้าวเที่ยงไม่ลงเลยวันนั้น ผมยังโชคดีที่หัวหน้าใจดี และเจอผู้จัดการที่เข้าใจ แค่เตือนให้ผมระวังหน่อยนะ
ผมกลับมาบ้านเล่าให้พ่อฟัง ผมรู้สึกเครียดและนอนไม่หลับ ผมไม่มีความสุขกับการทำงานที่นี่เลย ผมอยากลาออก แต่ต้องหางานที่อื่นให้ได้ก่อน พ่อไม่ขัดผม พ่อบอกว่า “ถ้าไม่สบายใจก็ออกมาลูก” ช่วงนั้นผมเริ่มเปิดอินเทอร์เน็ตหางานใหม่ที่ตรงกับสิ่งที่ผมถนัดและเรียนมา บังเอิญมีเปิดสอบเป็นพนักงานราชการที่ต่างจังหวัดเกี่ยวกับงานด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ผมจึงลางานเดินทางไปสอบ หัวหน้าผมใจดีมากบอกผมว่า “พี่รู้ว่าเราไม่มีความสุขในงานที่ไม่ถนัด ถ้าไปที่อื่นดีกว่าพี่ก็ยินดีด้วย” ผมนั่งรถทัวร์ไปคนเดียวโดยที่ผมไม่มีญาติเลยที่จังหวัดนั้น แต่ผมมีเพื่อนอยู่หนึ่งคนเป็นทหาร ผมไปพักบ้านเพื่อนและเพื่อนผมก็พาไปสอบ ตำแหน่งนี้รับแค่หนึ่งคน ผมไม่แน่ใจหรอกว่าจะได้ไหม ผมจึงพึ่งไสยศาสตร์บ้างฮ่าๆๆ ผมไปไหว้และบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดนั้น ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาทำงานอยู่จังหวัดนั้น แล้วเดินทางกลับมาทำงานต่อที่ธนาคาร และรอฟังผลสอบอย่างมีความหวัง ไม่กี่วันผลสอบก็ออก พร้อมข่าวดีคือผมติดอันดับแรก ผมบอกพ่อ บอกตัวเล็กแฟนผม ตัวเล็กตอนนั้นทำงานอยู่ไกลกับผม ผมโทรคุยกับเธอทุกวัน และจะเจอกันเฉพาะวันหยุด ผมลาออกจากธนาคาร เพื่อไปรับเงินเดือนที่น้อยกว่า แต่ผมได้ทำงานที่ถนัดและมีความสุขมากกว่าเดิม
พ่อขับรถไปส่งผมที่บ้านเพื่อนในค่ายทหาร ผมทำงานที่หน่วยงานเกี่ยวกับสุขภาพของรัฐแห่งหนึ่ง ผมคอยดูแลสถานที่ออกกำลังกาย จัดโปรแกรมออกกำลังกายให้ประชาชน และเป็นวิทยากรสอนด้วย ผมรู้สึกสนุกกับงานมาก งานผมกำลังไปได้ดี ส่วนเรื่องส่วนตัวเริ่มมีปัญหาเพราะความห่างไกลกัน ผมเดินทางกลับไปหาตัวเล็กในวันหยุดเป็นประจำ ถ้าผมไม่ติดงาน ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงปี วันนั้นผมนั่งรถทัวร์กลับไปคืนวันศุกร์โดยไม่บอกตัวเล็ก เผื่อเธอจะได้ดีใจที่ได้เจอผม ผมเคาะประตูห้อง เธอเปิดประตูออกมาพร้อมกับคนแปลกหน้าที่ผมไม่รู้จัก ผมตกใจมาก ผมถามว่าเขาเป็นใคร ตัวเล็กพูดไม่ออก ผมบอกเธอไม่ต้องพูดอะไรพี่ไปเอง ผมปิดประตูรีบวิ่งลงข้างล่าง ใจผมสั่นๆทำอะไรไม่ถูก ผมยืนร้องไห้อยู่ข้างถนน คิดอะไรไม่ออก หยิบมือถือขึ้นมา แบตมือถือผมก็ดันมาหมดอีก หันไปเจอป้อมยาม จึงเดินเข้าไปขอชาร์ต ผมโทรกลับไปหาเธอเพื่อจะฟังเหตุผล เธอบอกว่าคนนั้นกลับไปแล้ว ให้ขึ้นไปคุยบนห้อง ผมเดินขึ้นไปหยิบของที่เป็นของผมแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะผมยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าโดยไม่เคยคิดว่าตัวเล็กจะเป็นแบบนี้มาก่อน ผมไม่อยากจะมองหน้าเธอ ผมเก็บของเสร็จก็เดินออกมาจากห้อง ผมนั่งรถกลับไปบ้านพ่อ ไว้รออารมณ์ผมเย็นลงกว่านี้นี้ค่อยคุยกันด้วยเหตุผล หลังจากนั้นผมนัดตัวเล็กมากินข้าวเย็นกัน ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ความรู้สึกตอนนั้นระหว่างที่จะไปพบเธอ ผมเสียดายเวลา 6 ปีที่เราคบกันมา ผมรู้จักเธอมาตั้งแต่เรียนปี 1 แต่ทุกอย่างกำลังจะจบลงที่ร้านอาหาร ผมเดินเข้าไปเห็นเธอมานั่งรอผมอยู่ก่อนแล้ว เราสั่งอาหารกินกัน ในใจก็คิดว่านี่คงเป็นมื้อสุดท้ายระหว่างเราสองคน หลังจากเรากินอาหารเสร็จ ผมไม่อยากรู้ว่าเธอรู้จักคนนั้นอย่างไร เพราะผมพอจะเดาได้ ช่วงหลังมาเธอจะติดกลุ่มเพื่อนที่ทำงาน จะไม่ค่อยอยากเจอผม เธอจะบอกผมเสมอว่า เธอไปซื้อของและกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนที่ทำงานบ่อยๆ ซึ่งก็มีคนนี้ไปด้วย ผมจึงเริ่มพูดถามเธอตรงๆว่า ตัวเล็กชอบคนนั้นเหรอ จะเลือกคนนั้นหรือจะเลือกพี่ พี่ขอถามเป็นครั้งสุดท้าย เธอตอบว่า “เค้าเลือกคนนั้น” ผมน้ำตาคลอเบ้าอีกครั้ง ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนที่มันจะไหลออกมา ผมพยายามหายใจลึก และทำความเข้าใจเธอ เธออาจจะทำงานที่เดียวกัน มีเวลาให้กัน เจอกันทุกวัน ส่วนผมอยู่ไกลกัน ไม่มีเวลาให้เธอ คงเป็นความผิดผมเองที่ผมห่างเธอไปทำงานต่างจังหวัด มื้อนี้ผมเลี้ยงเธอเป็นมื้อสุดท้าย และก็บอกเธอว่า “ไม่เป็นไร พี่ขอให้เธอโชคดีนะ” ผมลุกเดินจากเธอมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกจากตาโดยที่ไม่หันกลับไปมองเธออีก เราไม่ได้ติดต่อกันเลยหลังจากวันนั้น ผมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์
ผ่านไป 6 เดือน มีเบอร์แปลกโทรเข้ามาที่มือถือผม ผมรับแล้วพูดว่า “สวัสดีครับ” เสียงผู้หญิงพูดขึ้นมาในสายว่า “พี่เหรอ เราเอง สบายดีไหม เราขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา ยกโทษให้เราได้ไหม ไม่มีใครดีกับเราเท่าพี่อีกแล้ว กลับมาเหมือนเดิมได้ไหม” ผมเงียบฟังเธอพูดจนจบ แล้วถามเธอว่า เธอรู้เบอร์พี่ได้ไง เธอบอกว่าเธอขอเบอร์ผม จากเพื่อนของผม ผมพูดกับเธอว่า “อย่าเลยความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ตอนนี้พี่อยู่ได้แล้ว เรื่องมันก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว พี่ไม่ได้โกรธ ไม่ได้แค้นเธอเลยนะ พี่ยกโทษให้เธอ แต่พี่กลัวที่จะอยู่กับคนที่เคยทำร้ายกัน แก้วที่แตกไปแล้วต่อยังไงมันก็ไม่เหมือนเดิม เธอดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าติดต่อพี่อีกเลยนะ” ผมวางสาย กลัวตัวเองจะใจอ่อนกลัวกลับไปแล้วเธอจะทำให้เสียใจอีกครั้ง เธอพยายามโทรกลับมา แต่ผมไม่รับสายเธออีก และผมก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์อีก เธอพยายามติดต่อผ่านเพื่อนผม แต่ผมก็ห้ามเพื่อนไว้ไม่ให้บอก สักพักเธอก็หยุดตามผม จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผมก็ไม่ได้เจอเธอ ไม่ได้รู้ข่าวเธออีกเลย
ผมกลับมามุ่งมั่นทำงานอย่างมีความหมาย ความหมายของผมคือ ผมอยากเป็นข้าราชการจะได้มีงานที่มั่นคง ตามที่ฝันไว้ ตอนนี้ผมยังไม่ได้บรรจุเป็นข้าราชการ ผมเป็นพนักงานสัญญาจ้างรายปี ผมเริ่มจากชีวิตที่ติดลบ กู้เงินเรียน ครอบครัวแตกแยก ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ของตัวเอง ไม่มีสมบัติอะไรเลย มีแต่วิชาความรู้ที่เรียนมา ที่จะช่วยชีวิตผมให้ก้าวไปข้างหน้าได้ ผมเดินทางไปสอบทุกที่ที่มีเปิดสอบบรรจุข้าราชการ เป็นสิบครั้ง ผมใช้เวลาสอบอยู่สองปี แล้วผมก็สอบติดขึ้นบัญชีไว้สองแห่ง เป็นหน่วยงานราชการแถวบ้านพ่อบุญธรรมของผม และในกรุงเทพมหานคร...
ย้อนไปช่วงที่ผมทำงานเป็นพนักงานจ้างอยู่ต่างจังหวัดได้ 2 ปี ผมเริ่มรู้จักเพื่อนในที่ทำงานคนหนึ่ง บังเอิญมาก เธอเกิดวันเดียวและเดือนเดียวกันกับยายผู้เป็นที่รักสุดหัวใจของผม เธอเป็นคนใจดี มีน้ำใจ ไม่เคยเอาเปรียบใคร คอยช่วยผมทุกเรื่อง อยู่ข้างผม ทั้งเวลาทุกข์ เวลาสุข เราเริ่มสนิทกันมากขึ้นตามกาลเวลาและตกลงคบกันดู ผ่านไป 1 ปี เธอสอบติดและได้เรียกตัวไปบรรจุก่อนผม แล้วย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ส่วนผมก็ยังคงทำงานอยู่ที่เดิม วันหยุดเธอจะกลับมาหาผมเสมอ ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบพ่อแม่พร้อมหน้า และก็ดีต่อผมมาก หลังจากนั้นครึ่งปี ผมก็ได้เรียกตัวบรรจุเข้ารับราชการที่กรุงเทพฯ โชคดีเราจึงไม่ได้อยู่ห่างกันมาก พ่อแม่ให้เราหมั้นหมายกัน หลังจากคบกันได้ 3 ปี และอีก 2 ปี ต่อมาเราจึงแต่งงานกัน เราอยู่ด้วยกันได้ 2 ปีหลังจากแต่งานเธอมีลูกชายที่น่ารักให้ผม 1 คน เรามีครอบครัวที่มีความสุข อบอุ่น มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่มั่นคง ตามที่ผมสัญญากับยายไว้ในตอนที่ยายยังมีชีวิตอยู่ ผมหวังว่ายายผมก็คงจะรับรู้ ไม่แน่ยายอาจจะเกิดมาเป็นลูกชายผมก็ได้นะ ตอนยายตายผมเคยขอให้ยายเกิดมาเป็นลูกผม ลูกชายผมอาจจะเป็นตัวแทนยายผมก็ได้ คิดอีกที เนื้อคู่แท้ไม่ต้องดูกันนานก็ได้ ถ้าใช่ก็แต่งเลยฮ่าๆๆ
สุดท้ายนี้หวังว่าเรื่องราวของผมจะสะท้อนให้ผู้ปกครองเห็น และดูแลหัวใจลูกหลานของท่านให้ดี ให้เขาเติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพ ไม่สร้างปัญหาให้สังคม คุณสร้างอนาคตดีดีให้พวกเขาได้ ก็เหมือนคุณสร้างอนาคตดีดีให้ชาติบ้านเมืองได้ และหวังว่าเรื่องราวของผมจะสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กที่เจอปัญหาคล้ายๆกันกับผม หรืออาจจะหนักกว่า บางครั้งเราอาจจะพลาดหกล้ม เจ็บบ้าง แต่เราก็ยังมีชีวิตอยู่ จะล้มสักกี่ครั้งขอให้เราลุกขึ้นใหม่ เพราะอย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้ว่าอะไรบ้างที่ทำให้เราล้ม เราจะได้ไม่ทำแบบเดิมอีกแล้วอยู่อย่างมีความหมาย ค้นหาตัวตนหาสิ่งที่ทำได้ ทำแล้วมีความสุข อดทน ทำแล้วก็ทำ แล้วก็ทำไปเรื่อยๆ ตามที่คุณฝันไว้ เหนื่อยก็พัก มีแรงกลับมา ก็ทำใหม่ สักวันคุณจะพบแสงสว่างที่คุณตามหา แล้วคุณจะได้ลิ้มรสของความสุขจากการอดทนรอคอย เพราะฝันนั้นมีอยู่จริง ผมเชื่ออย่างนั้น แล้วคุณล่ะเชื่อไหม
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ติดตามอ่าน ทุกกำลังใจที่ส่งให้นะครับ
ใกล้จันทร์
ย้อนอ่านตอนที่ 1- 18 ได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้
https://pantip.com/profile/4843470#topics
รอแสงตะวันส่องมาที่ฉัน EP 19 ตอนจบ "ฝันนั้นมีอยู่จริง"
และพยายามค่อยๆทำใจ วันนี้ผมไม่มียายแล้ว ผมพยายามปลอบใจตัวเองผมยังมีลมลายใจผมต้องทำตามที่ผมบอกกับยายไว้ให้ได้ คือเรียนให้จบ หางานที่มั่นคงทำถึงวันนี้จะพาตัวยายมาอยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่ยายจะอยู่ในใจผมตลอดไปทุกก้าวเดินของผมยังคิดถึงยายเสมอ ผมกลับไปสอบจนจบปี 2 และปีต่อมาผมก็เรียนจบม.รามคำแหงสาขารัฐศาสตร์ภายใน 3 ปีพ่อบุญธรรม พ่อแม่แท้ๆน้องๆผม และเพื่อนสนิทมาร่วมยินดีกับผมที่มหาวิทยาลัย ผมจบป.ตรีก่อนเพื่อนๆทุกคนที่มหาวิทยาลัยเพราะผมเรียนมหาวิทยาลัย 2 แห่งในเวลาเดียวกัน ขณะอีกแห่งหนึ่งผมเรียนสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา ตอนอยู่ปี 4 ผมได้ไปฝึกงานที่ฟิตเนสเอกชนแห่งหนึ่ง ได้สอนดาราดังหลายคน ผมตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลสโมสรมุ่งมั่นกับการฝึกทำงานสุดท้ายผมก็จบปริญญาตรีใบที่ 2 ของผม ผมกลับมาฉลองกับพ่อบุญธรรมผม ผมนอนที่บ้านคืนนั้น พอตื่นเช้ามาผมได้พบเจอกับคุณย่า ซึ่งเป็นแม่ของพ่อบุญธรรม ผมตกใจ ยกมือไหว้ท่าน แต่ในใจก็กลัวกลัวจะโดนต่อว่าอะไรอีกไหม เพราะเวลาเจอกันทุกครั้งคุณย่าจะดูไม่ค่อยชอบผมสักเท่าไหร่ที่พ่อบุญธรรมรับผมมาเลี้ยง แต่ผิดคาดกับสิ่งที่ผมคิดไว้ คุณย่าพูดกับผมว่า “สบายดีเหรอลูก ไม่เจอกันนานเลยนะ เรียนจบแล้ว เก่งนะ ย่าผิดเองแหละ ย่าโกรธแม่เรา พาลมาลงกับลูก แต่ย่าแพ้ใจลูก ลูกไม่เกี่ยวอะไรเลย ดีใจด้วยนะลูก” ผมยิ้มอย่างมีความสุข ผมยกมือไหว้ขอบคุณย่า ผมพึ่งรู้กับตัวเองวันนี้เองว่า ถ้าเราตั้งใจทำสิ่งที่ดี ไม่ว่าชีวิตเราจะเจอเรื่องราวร้ายๆมามากมายแค่ไหน แค่เราอดทน ไม่หยุดเดินตามฝัน ต่อให้ใครมองเราไม่ดีอย่างไร เกลียดเรามากมายแค่ไหน สักวันเขาจะต้องเห็นความดีของเรา และยินดีกับความสำเร็จของเรา ก็เหมือนดั่งเพชร ต่อให้เจอพายุพัดกี่ครั้งกี่หน ไปตกอยู่แห่งหนใด เพชรก็ยังคงคุณค่าของมันเหมือนเดิม
หลังจากเรียนจบผมได้ทำงานเป็นเทรนเนอร์ที่ฟิตเนสเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯอยู่1 ปี ผมเริ่มมีความรู้สึกถึงความไม่มั่นคงในชีวิต ผมรู้สึกว่าฟิตเนสคงไม่จ้างผมยันเกษียณแน่นอน ผมอยากทำงานออฟฟิศดูบ้าง ผมจึงไปสมัครทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ทำเกี่ยวกับงานเอกสารดูแลคลังสิ้นค้าเข้าออก ได้เงินเดือน 8 พันบาท ผมทำได้เดือนเดียว ผมก็ลาออกอีก รู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวตนผมต้องการ ผมไปสมัครงานธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง เงินเดือนหมื่นสองพันบาท ผมคิดว่าตอนนั้นเป็นเงินเดือนที่เยอะ และได้หยุดเสาร์อาทิตย์ ผมอยู่หน้าเคาเตอร์ฝากถอน และต้องคอยขายประกัน ขายบัตร และสินค้าต่างๆ ให้ลูกค้า บางวันเลิกดึกก็ไม่มีโอที บางครั้งผมคีย์เลขการฝากถอนผิด เงินขาดไปผมก็ต้องควักเงินตัวเองจ่าย มีครั้งหนึ่งก่อนพักเที่ยงผมคีย์เลขผิดมีลูกค้าฝาก 5 หมื่น แต่ผมคีย์เพิ่มเลข 0 แถมให้ไปหนึ่งตัวเป็น 5 แสน และลูกค้าคนนั้นก็ไม่บริสุทธิ์ใจ ไม่บอกผม และยังโอนเงินไปใส่บัญชีธนาคารอื่นอีก แต่โชคของผมยังดีที่ผู้จัดการโทรไปเคลียร์กับผู้จัดการอีกธนาคารให้โอนเงินกลับมาได้ ไม่งั้นผมซวยแน่ใช้หนี้แบงค์ กินข้าวเที่ยงไม่ลงเลยวันนั้น ผมยังโชคดีที่หัวหน้าใจดี และเจอผู้จัดการที่เข้าใจ แค่เตือนให้ผมระวังหน่อยนะ
ผมกลับมาบ้านเล่าให้พ่อฟัง ผมรู้สึกเครียดและนอนไม่หลับ ผมไม่มีความสุขกับการทำงานที่นี่เลย ผมอยากลาออก แต่ต้องหางานที่อื่นให้ได้ก่อน พ่อไม่ขัดผม พ่อบอกว่า “ถ้าไม่สบายใจก็ออกมาลูก” ช่วงนั้นผมเริ่มเปิดอินเทอร์เน็ตหางานใหม่ที่ตรงกับสิ่งที่ผมถนัดและเรียนมา บังเอิญมีเปิดสอบเป็นพนักงานราชการที่ต่างจังหวัดเกี่ยวกับงานด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ผมจึงลางานเดินทางไปสอบ หัวหน้าผมใจดีมากบอกผมว่า “พี่รู้ว่าเราไม่มีความสุขในงานที่ไม่ถนัด ถ้าไปที่อื่นดีกว่าพี่ก็ยินดีด้วย” ผมนั่งรถทัวร์ไปคนเดียวโดยที่ผมไม่มีญาติเลยที่จังหวัดนั้น แต่ผมมีเพื่อนอยู่หนึ่งคนเป็นทหาร ผมไปพักบ้านเพื่อนและเพื่อนผมก็พาไปสอบ ตำแหน่งนี้รับแค่หนึ่งคน ผมไม่แน่ใจหรอกว่าจะได้ไหม ผมจึงพึ่งไสยศาสตร์บ้างฮ่าๆๆ ผมไปไหว้และบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดนั้น ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาทำงานอยู่จังหวัดนั้น แล้วเดินทางกลับมาทำงานต่อที่ธนาคาร และรอฟังผลสอบอย่างมีความหวัง ไม่กี่วันผลสอบก็ออก พร้อมข่าวดีคือผมติดอันดับแรก ผมบอกพ่อ บอกตัวเล็กแฟนผม ตัวเล็กตอนนั้นทำงานอยู่ไกลกับผม ผมโทรคุยกับเธอทุกวัน และจะเจอกันเฉพาะวันหยุด ผมลาออกจากธนาคาร เพื่อไปรับเงินเดือนที่น้อยกว่า แต่ผมได้ทำงานที่ถนัดและมีความสุขมากกว่าเดิม
พ่อขับรถไปส่งผมที่บ้านเพื่อนในค่ายทหาร ผมทำงานที่หน่วยงานเกี่ยวกับสุขภาพของรัฐแห่งหนึ่ง ผมคอยดูแลสถานที่ออกกำลังกาย จัดโปรแกรมออกกำลังกายให้ประชาชน และเป็นวิทยากรสอนด้วย ผมรู้สึกสนุกกับงานมาก งานผมกำลังไปได้ดี ส่วนเรื่องส่วนตัวเริ่มมีปัญหาเพราะความห่างไกลกัน ผมเดินทางกลับไปหาตัวเล็กในวันหยุดเป็นประจำ ถ้าผมไม่ติดงาน ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงปี วันนั้นผมนั่งรถทัวร์กลับไปคืนวันศุกร์โดยไม่บอกตัวเล็ก เผื่อเธอจะได้ดีใจที่ได้เจอผม ผมเคาะประตูห้อง เธอเปิดประตูออกมาพร้อมกับคนแปลกหน้าที่ผมไม่รู้จัก ผมตกใจมาก ผมถามว่าเขาเป็นใคร ตัวเล็กพูดไม่ออก ผมบอกเธอไม่ต้องพูดอะไรพี่ไปเอง ผมปิดประตูรีบวิ่งลงข้างล่าง ใจผมสั่นๆทำอะไรไม่ถูก ผมยืนร้องไห้อยู่ข้างถนน คิดอะไรไม่ออก หยิบมือถือขึ้นมา แบตมือถือผมก็ดันมาหมดอีก หันไปเจอป้อมยาม จึงเดินเข้าไปขอชาร์ต ผมโทรกลับไปหาเธอเพื่อจะฟังเหตุผล เธอบอกว่าคนนั้นกลับไปแล้ว ให้ขึ้นไปคุยบนห้อง ผมเดินขึ้นไปหยิบของที่เป็นของผมแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะผมยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าโดยไม่เคยคิดว่าตัวเล็กจะเป็นแบบนี้มาก่อน ผมไม่อยากจะมองหน้าเธอ ผมเก็บของเสร็จก็เดินออกมาจากห้อง ผมนั่งรถกลับไปบ้านพ่อ ไว้รออารมณ์ผมเย็นลงกว่านี้นี้ค่อยคุยกันด้วยเหตุผล หลังจากนั้นผมนัดตัวเล็กมากินข้าวเย็นกัน ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ความรู้สึกตอนนั้นระหว่างที่จะไปพบเธอ ผมเสียดายเวลา 6 ปีที่เราคบกันมา ผมรู้จักเธอมาตั้งแต่เรียนปี 1 แต่ทุกอย่างกำลังจะจบลงที่ร้านอาหาร ผมเดินเข้าไปเห็นเธอมานั่งรอผมอยู่ก่อนแล้ว เราสั่งอาหารกินกัน ในใจก็คิดว่านี่คงเป็นมื้อสุดท้ายระหว่างเราสองคน หลังจากเรากินอาหารเสร็จ ผมไม่อยากรู้ว่าเธอรู้จักคนนั้นอย่างไร เพราะผมพอจะเดาได้ ช่วงหลังมาเธอจะติดกลุ่มเพื่อนที่ทำงาน จะไม่ค่อยอยากเจอผม เธอจะบอกผมเสมอว่า เธอไปซื้อของและกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนที่ทำงานบ่อยๆ ซึ่งก็มีคนนี้ไปด้วย ผมจึงเริ่มพูดถามเธอตรงๆว่า ตัวเล็กชอบคนนั้นเหรอ จะเลือกคนนั้นหรือจะเลือกพี่ พี่ขอถามเป็นครั้งสุดท้าย เธอตอบว่า “เค้าเลือกคนนั้น” ผมน้ำตาคลอเบ้าอีกครั้ง ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนที่มันจะไหลออกมา ผมพยายามหายใจลึก และทำความเข้าใจเธอ เธออาจจะทำงานที่เดียวกัน มีเวลาให้กัน เจอกันทุกวัน ส่วนผมอยู่ไกลกัน ไม่มีเวลาให้เธอ คงเป็นความผิดผมเองที่ผมห่างเธอไปทำงานต่างจังหวัด มื้อนี้ผมเลี้ยงเธอเป็นมื้อสุดท้าย และก็บอกเธอว่า “ไม่เป็นไร พี่ขอให้เธอโชคดีนะ” ผมลุกเดินจากเธอมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกจากตาโดยที่ไม่หันกลับไปมองเธออีก เราไม่ได้ติดต่อกันเลยหลังจากวันนั้น ผมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์
ผ่านไป 6 เดือน มีเบอร์แปลกโทรเข้ามาที่มือถือผม ผมรับแล้วพูดว่า “สวัสดีครับ” เสียงผู้หญิงพูดขึ้นมาในสายว่า “พี่เหรอ เราเอง สบายดีไหม เราขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา ยกโทษให้เราได้ไหม ไม่มีใครดีกับเราเท่าพี่อีกแล้ว กลับมาเหมือนเดิมได้ไหม” ผมเงียบฟังเธอพูดจนจบ แล้วถามเธอว่า เธอรู้เบอร์พี่ได้ไง เธอบอกว่าเธอขอเบอร์ผม จากเพื่อนของผม ผมพูดกับเธอว่า “อย่าเลยความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ตอนนี้พี่อยู่ได้แล้ว เรื่องมันก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว พี่ไม่ได้โกรธ ไม่ได้แค้นเธอเลยนะ พี่ยกโทษให้เธอ แต่พี่กลัวที่จะอยู่กับคนที่เคยทำร้ายกัน แก้วที่แตกไปแล้วต่อยังไงมันก็ไม่เหมือนเดิม เธอดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าติดต่อพี่อีกเลยนะ” ผมวางสาย กลัวตัวเองจะใจอ่อนกลัวกลับไปแล้วเธอจะทำให้เสียใจอีกครั้ง เธอพยายามโทรกลับมา แต่ผมไม่รับสายเธออีก และผมก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์อีก เธอพยายามติดต่อผ่านเพื่อนผม แต่ผมก็ห้ามเพื่อนไว้ไม่ให้บอก สักพักเธอก็หยุดตามผม จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผมก็ไม่ได้เจอเธอ ไม่ได้รู้ข่าวเธออีกเลย
ผมกลับมามุ่งมั่นทำงานอย่างมีความหมาย ความหมายของผมคือ ผมอยากเป็นข้าราชการจะได้มีงานที่มั่นคง ตามที่ฝันไว้ ตอนนี้ผมยังไม่ได้บรรจุเป็นข้าราชการ ผมเป็นพนักงานสัญญาจ้างรายปี ผมเริ่มจากชีวิตที่ติดลบ กู้เงินเรียน ครอบครัวแตกแยก ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ของตัวเอง ไม่มีสมบัติอะไรเลย มีแต่วิชาความรู้ที่เรียนมา ที่จะช่วยชีวิตผมให้ก้าวไปข้างหน้าได้ ผมเดินทางไปสอบทุกที่ที่มีเปิดสอบบรรจุข้าราชการ เป็นสิบครั้ง ผมใช้เวลาสอบอยู่สองปี แล้วผมก็สอบติดขึ้นบัญชีไว้สองแห่ง เป็นหน่วยงานราชการแถวบ้านพ่อบุญธรรมของผม และในกรุงเทพมหานคร...
ย้อนไปช่วงที่ผมทำงานเป็นพนักงานจ้างอยู่ต่างจังหวัดได้ 2 ปี ผมเริ่มรู้จักเพื่อนในที่ทำงานคนหนึ่ง บังเอิญมาก เธอเกิดวันเดียวและเดือนเดียวกันกับยายผู้เป็นที่รักสุดหัวใจของผม เธอเป็นคนใจดี มีน้ำใจ ไม่เคยเอาเปรียบใคร คอยช่วยผมทุกเรื่อง อยู่ข้างผม ทั้งเวลาทุกข์ เวลาสุข เราเริ่มสนิทกันมากขึ้นตามกาลเวลาและตกลงคบกันดู ผ่านไป 1 ปี เธอสอบติดและได้เรียกตัวไปบรรจุก่อนผม แล้วย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ส่วนผมก็ยังคงทำงานอยู่ที่เดิม วันหยุดเธอจะกลับมาหาผมเสมอ ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบพ่อแม่พร้อมหน้า และก็ดีต่อผมมาก หลังจากนั้นครึ่งปี ผมก็ได้เรียกตัวบรรจุเข้ารับราชการที่กรุงเทพฯ โชคดีเราจึงไม่ได้อยู่ห่างกันมาก พ่อแม่ให้เราหมั้นหมายกัน หลังจากคบกันได้ 3 ปี และอีก 2 ปี ต่อมาเราจึงแต่งงานกัน เราอยู่ด้วยกันได้ 2 ปีหลังจากแต่งานเธอมีลูกชายที่น่ารักให้ผม 1 คน เรามีครอบครัวที่มีความสุข อบอุ่น มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่มั่นคง ตามที่ผมสัญญากับยายไว้ในตอนที่ยายยังมีชีวิตอยู่ ผมหวังว่ายายผมก็คงจะรับรู้ ไม่แน่ยายอาจจะเกิดมาเป็นลูกชายผมก็ได้นะ ตอนยายตายผมเคยขอให้ยายเกิดมาเป็นลูกผม ลูกชายผมอาจจะเป็นตัวแทนยายผมก็ได้ คิดอีกที เนื้อคู่แท้ไม่ต้องดูกันนานก็ได้ ถ้าใช่ก็แต่งเลยฮ่าๆๆ
สุดท้ายนี้หวังว่าเรื่องราวของผมจะสะท้อนให้ผู้ปกครองเห็น และดูแลหัวใจลูกหลานของท่านให้ดี ให้เขาเติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพ ไม่สร้างปัญหาให้สังคม คุณสร้างอนาคตดีดีให้พวกเขาได้ ก็เหมือนคุณสร้างอนาคตดีดีให้ชาติบ้านเมืองได้ และหวังว่าเรื่องราวของผมจะสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กที่เจอปัญหาคล้ายๆกันกับผม หรืออาจจะหนักกว่า บางครั้งเราอาจจะพลาดหกล้ม เจ็บบ้าง แต่เราก็ยังมีชีวิตอยู่ จะล้มสักกี่ครั้งขอให้เราลุกขึ้นใหม่ เพราะอย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้ว่าอะไรบ้างที่ทำให้เราล้ม เราจะได้ไม่ทำแบบเดิมอีกแล้วอยู่อย่างมีความหมาย ค้นหาตัวตนหาสิ่งที่ทำได้ ทำแล้วมีความสุข อดทน ทำแล้วก็ทำ แล้วก็ทำไปเรื่อยๆ ตามที่คุณฝันไว้ เหนื่อยก็พัก มีแรงกลับมา ก็ทำใหม่ สักวันคุณจะพบแสงสว่างที่คุณตามหา แล้วคุณจะได้ลิ้มรสของความสุขจากการอดทนรอคอย เพราะฝันนั้นมีอยู่จริง ผมเชื่ออย่างนั้น แล้วคุณล่ะเชื่อไหม
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ติดตามอ่าน ทุกกำลังใจที่ส่งให้นะครับ
ใกล้จันทร์
ย้อนอ่านตอนที่ 1- 18 ได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้
https://pantip.com/profile/4843470#topics