[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/39022888 บทนำ
https://pantip.com/topic/39028501 บทที่1
https://pantip.com/topic/39036780 บทที่2
https://pantip.com/topic/39042887 บทที่3
https://pantip.com/topic/39051172 บทที่4
https://pantip.com/topic/39059955 บทที่5
https://pantip.com/topic/39074462 บทที่6
https://pantip.com/topic/39091708 บทที่7
https://pantip.com/topic/39105675 บทที่8
https://pantip.com/topic/39139909 บทที่9
โหลดบทก่อนทั้งหมด ที่จัดทำเป็น ebook ได้ทางลิ้งก์นะครับ
https://www.mebmarket.com/ebook-99146-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%AA&page_no=1
คุณหมอภาคภูมิเข้ามาตรวจอาการคนเจ็บ พูดคุยสอบถามอาการจนเป็นที่พอใจ กระสุนที่ฝั่งในไม่เกิดอาการแทรกซ้อนอันใดจึงไม่จำเป็นต้องผ่าออก หมอใยไหมเข้ามาพูดคุยด้วยศัพท์ทางการแพทย์ ทุกคนในห้องจึงหยุดพูดคุยรอฟังผลสรุป ที่แม้คุณหมอยังไม่บอกก็พอเดาออกว่าอาการของผู้หมวดเจนแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น
“อาการดีขึ้น ให้พักฟื้นต่อรอดูอาการต่ออีกสามวัน หากไม่มีอาการแทรกซ้อน หมอให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ครับ” คุณหมอพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาหวานเชื่อมยังหันไปมองหมอใยไหม เธอเบนสายตาหลบ ด้วยใจไม่อยากติดต่อสัมพันธ์มากไปกว่าเรื่องงาน
จ่าสิงห์หายใจออกอย่างโล่งอก สีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาก เดินเข้ามาข้างเตียงแล้วยกมือไหว้คุณหมอด้วยแววตาซาบซึ้งใจยิ่งนัก หมอหนุ่มคนนี้ท่าทางใจดี เหมาะมากจะหันมาเล่นการเมือง ตนเองยินดีจะกากากบาทลงคะแนนเสียงให้
ความรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ความเครียดของแต่ละคนที่ต้องเฝ้าดูอาการของผู้หมวดเจนเป็นอันยุติลงแล้ว มันเป็นโชคดีในโชคร้ายภายหลังถูกลอบยิง ในตอนนั้นแต่ละคนแทบจะหมดหวังแล้ว ผู้หมวดหยุดหายใจ ร่างกายแน่นิ่ง แต่เหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาดลให้รอดพ้นวิกฤติมาได้ นับตั้งแต่ได้คนที่จิตใจนิ่งอย่างผู้กองมินตรา ที่สู้ยื้อชีวิตไว้ด้วยการช่วยปั๊มหัวใจ ผายปอดอย่างถูกวิธี จนหัวใจกลับมาเต้นได้อีกครั้ง
โชคดีที่สอง แม้เลือดที่เข้ากันได้จะไม่มีในคลังเลือด ยังได้เลือดจากจอห์น ที่ผู้กองมินตราอีกนั่นแหละที่มีไหวพริบไปตามตัวมา ทำให้ไม่สูญเวลาไปกับการรอคอย และโชคดีข้อที่สามคือ ได้หมอที่มีประสบการณ์ วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ หากเป็นหมอรายอื่นอาจฝืนผ่าเอากระสุนออก ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
นายมนตรีหัวเราะแฮะ ๆ สีหน้าเหมือนแป๊ะยิ้ม รู้ว่าฝ่ายตนมีส่วนชีวิตของลูกชายคนรองของเสี่ยวิชัย ต้องการพูดตอกย้ำเพื่อเอาหน้า เพราะหมอภาคภูมิเป็นคนของฝ่ายตน ชายวัยกลางคนเข้ามาโอบไหล่หมอภาคภูมิอย่างถือสนิท แนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก หมอคนนี้กำลังหันเหชีวิตมาเล่นการเมือง โดยทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานของพรรคการเมืองที่ตนเองสังกัด เป็นคนหนุ่มอนาคตไกล ที่กำลังต้องการสนับสนุน เสี่ยวิชัยรู้ใจมนตรีต้องการสิ่งใดจากตนเอง รีบเข้ามายกมือไหว้ขอบคุณหมอภาคภูมิ
“ถ้าไม่ได้คุณหมอช่วยไว้ ลูกชายของผมคงแย่ คุณเป็นหมอฝีมือระดับประเทศ หากมาเล่น การเมือง ผมยินดีสนับสนุนครับ บังเอิญจริง ๆ ตัวผมเป็นสมาชิกพรรคเดียวกับคุณหมอ รู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนในพรรค ผมยินดีจะช่วยพูดสนับสนุนคุณหมอให้ก้าวหน้าทางการเมืองครับ”
“โอ้ย อย่าอวยเยอะครับ ผมตัวจะลอยอยู่แล้ว เคสแบบนี้หมอโรงพยาบาลนี้ก็วินิจฉัยได้ครับ ส่วนเรื่องการเมือง ผมตามอุดมการณ์เพื่อบ้านเมืองครับ” หมอพูดไปหัวเราะไปอย่างคนฉลาด ที่ไม่เผยท่าทีต่ออีกฝ่ายมากนัก
“อย่าถ่อมตนเลยครับคุณหมอ เสี่ยวิชัยระดับนายทุนใหญ่คนหนึ่งของพรรคเลยนะ ถ้าเชียร์ใครแล้วรับรองรุ่ง” นายมนตรีประสานเสียงเข้ามาอีก ส่วนจอห์นไม่รอท่า แนะนำตนเองเป็นสมาชิกพรรคเหมือนกัน เลือกตั้งคราวหน้าได้ลงแน่ เป็นการลงสมัคร ส.ส.ในแบบแบ่งเขต สี่คนคุยกันกลายเป็นวงสนทนาสมาชิกการเมืองย่อย ๆ ผู้หมวดเจนนอนหายใจแผ่ว แผ่ว ตามองเพดานด้วยความรู้สึกเบื่อ
“พวกคุณทั้งสี่คน ได้โปรดออกไปคุยกันข้างนอกนะคะ คนไข้ต้องการพักผ่อน” หมอใยไหมพูดขัดขึ้นด้วยหางเสียงขุ่น
“เออ...ต้องขอโทษคุณใยไหมด้วยครับ” หมอภาคภูมิยิ้มเขิน ลืมไปเลยตัวเองก็เป็นหมอ
“เราออกไปคุยข้างนอกกันต่อดีกว่าครับ ผมเล็งที่ม้าหินอ่อนของร้านกาแฟ กำลังหิวกาแฟพอดี”
เสี่ยวิชัยพูดตบท้าย จอห์นเปิดประตูนำไปก่อน ทับทิมตามไปด้วย บอกจะไปร้านค้าสวัสดิการหาซื้อผ้าอ้อม ครั้งนี้มีป้าวิไลช่วยดูแลลูกน้อยให้ ทับทิมรู้สึกถูกชะตากับป้าเป็นพิเศษ ตั้งแต่มาพักที่รีสอร์ต ของสามี หมอภาคภูมิยืนรีรอรั้งท้าย หันมาทางหมอใยไหมที่กำลังห่มผ้าให้คนไข้ ถือโอกาสควักเอานามบัตรมายื่นให้
“นามบัตรของผม มีเบอร์โทรส่วนตัวกับไลน์ คุณใยไหมติดต่อหาผมได้ทุกเมื่อนะครับ”
“ฉันอาจไม่ว่างติดต่อไปก็ได้นะ” เธอพูดแบบไว้ตัว ไม่สนใจจะรับ
โรส พิบูล โรเจอร์ กำลังปอกผลไม้ เล็บมือเพ้นสีแฟชั่นทำให้หยิบจับอะไรได้ยาก ถอดใจสั่งให้เสือทำให้แทน ซึ่งเจ้าทาสน้อมรับคำสั่ง หล่อนหันมาเห็นใยไหมปรนนิบัติเจนแบบคลุกคลีเกินไป อารมณ์หึงหวงมันฟุ้งขึ้นมา ลุกเดินไปแย่งผ้าห่มไปจากมือแบบดื้อ ๆ
“ฉันจะดูแลเจนเอง เธอไปทำหน้าที่ดูแลคนไข้ห้องอื่นบ้างนะ”
“แต่ฉัน...ยังไม่ได้ให้ยาลดไข้กับเขานะ”
เสือปอกผิวฝรั่งเหลือเนื้อขาวกับหั่นเป็นชิ้นพอคำ มายื่นส่งให้ ผู้หญิงสองคนยืนนิ่ง โรสคว้าจานผลไม้มาใช้สายตาตำหนิ หมออะไรมายุ่งแฟนชาวบ้าน เพียงแต่ไม่ได้เปล่งคำพูดออกมา
“เดี่ยวก่อน เจนยังกินอาหารแข็งไม่ได้นะ”
“ไม่เป็นไร ๆ ผมกำลังหิวพอดี”
ผู้หมวดเจนรู้ถึงรังสีจากความขัดแย้งจากสองสาว อยากให้แยกย้ายไปเสียที พูดจบก็อ้าปาก โรสยิ้มขบขันอย่างผู้มีชัย ใช้ส้อมจิ้มฝรั่งป้อนให้อย่างเอาอกเอาใจ หัวเราะคิกคักเพราะเขาดูเหมือนเด็กขี้อ้อน ใยไหมมองด้วยหางตา ยืนเกร็งกำมือแน่น นึกหงุดหงิดกับนิสัยของผู้ชาย มันไม่ต่างจากไม้เลื้อย อยู่ใกล้ใครก็เลื้อยพันคนนั้น
นามบัตรในมือของหมอภาคภูมิถูกคว้าหมับ ใยไหมกำนามบัตรใส่กระเป๋าเสื้อหันขวับเดินออกไปจากห้อง ไม่ทันที่คนจะเห็นสีหน้าไม่พอใจ หมอภาคภูมิร้องเฮ้… ร้องเรียกให้รอก่อน เร่งฝีเท้าตามออกไป ในเมื่อเธอยอมรับนามบัตร ตนเองก็มีลุ้นคบหา
ผู้หมวดเจนเคี้ยวฝรั่งกรุบ ๆ แทบกลืนไม่ลง ใยไหมจะโกรธไหมนะ ความรู้สึกตอนนี้มันกำลังสับสน วุ่นวายในหัวสมองไปหมด ที่เคยเห็นแสงตอนนี้ไม่เห็นแล้ว มันทำให้อ่านใจคนไม่ได้อีก
หรือว่าดวงตาทิพย์ ความสามารถพิเศษของเขา มันกำลังจะหายไป ...
ร้านกาแฟภายในบริเวณโรงพยาบาล
เสี่ยวิชัยกระดกกาแฟดื่มดังอึกก่อนถอนริมฝีปาก หายใจเอาไออุ่นออกมาอย่างผ่อนคลาย เคียงข้างกันคือภรรยาสาวใหญ่ที่คอยเอาใจใช้ผ้าซับเหงื่อให้ ที่นั่งโต๊ะหันหน้าเข้าหากันคือนายมนตรี พอได้ลิ้มรสสารกระตุ้นให้หัวใจได้สูบฉีดแรงให้ใบหน้ามีสีเลือดขึ้น ผ่านมาหลายคืนที่ต่างอดตาหลับขับตานอน เฝ้าลูกชายคนรองจนฟื้นคืนมาได้
“เสียดายในเขตโรงพยาบาลดื่มเหล้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นผมจะสั่งให้เอาวิสกี้มาดื่มฉลองไปในตัว” มนตรีกล่าวอย่างอารมณ์ดี นึกในใจความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับเสี่ยวิชัยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ยึดถือ เป็นนายเป็นพี่มาโดยตลอด มันอาจเปลี่ยนแปลงมาดองเป็นญาติในเร็ววันนี้
“ผมไม่ได้ตั้งแง่อะไรกับหนูโรสของพี่มนตรีเลยนะ แต่ลูกชายผมคนนี้นิสัยค่อนข้างเอาแต่ใจ ถ้าจะจับแต่งงานเลย ต่อไปวันหน้าชีวิตครอบครัวอาจมีปัญหาได้ ผมจึงอยากให้เด็กคู่นี้ดูใจกันไปก่อนอีกระยะ คิดว่าไม่น่ามีปัญหา หนูโรสสวยออกขนาดนั้น เจ้าลูกชายของผมมันคงไม่โง่ ปล่อยผ่านไปได้หรอก”
“ได้สิครับพี่ ผมไม่ได้เร่งรัดอะไรอยู่แล้ว” มนตรีวางสีหน้านิ่ง สายตามองหาหมอภาคภูมิ ไม่รู้ไปทางไหนแล้ว ทำไมไม่มานั่งพูดคุยกันทางนี้ ตนเองอุตส่าห์สั่งกาแฟไว้รอ จนจะเย็นอยู่แล้ว
คนที่มองหาอยู่กำลังสาวเท้าเดินอย่างรีบเร่งไปที่ห้องฉุกเฉิน มีคนเจ็บรายใหม่เข้ามา แม้ไม่ใช่นายแพทย์ประจำโรงพยาบาลแห่งนี้ สัญชาตญาณที่ถูกฝึกมาทำให้ต้องรีบไปช่วย ด้านผู้กองมินตราสวนทางมาจากหน้าห้องฉุกเฉิน เพื่อกลับมาตามจ่าดับ ส่งสัญญาณให้รีบไปหาด่วน จ่ายืนซดกาแฟคุยกับจ่าสิงห์อยู่ เห็นรีบทิ้งแก้วรีบตามหลังหมอภาคภูมิไปอีกคน
“เกิดอะไรขึ้นครับผู้กอง! ? ”
“จ่าต้องไม่เชื่อแน่ เราเจอหมู่สันติแล้ว”
มินตราร้องตอบมากระหืดกระหอบ สีหน้าจะว่าดีใจก็ไม่ใช่ ตกใจก็ไม่เชิง จ่าสิงห์ไม่รู้ว่าหมู่สันติเป็นใครแต่ก็ตามมาด้วย ต่างไปหยุดกึกอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน มันถูกปิดให้หมอกับพยาบาลดูแลคนเจ็บที่พึ่งถูกนำเข้ามา
“ผู้กองแน่ใจนะครับ ไม่ได้จำคนผิด”
“แน่ใจชัวร์ ในที่สุดเราพบหมู่สันติจนได้”
เธอหายใจหอบแรง มาจากอารมณ์ความตื่นเต้น
“อาการของเขาเป็นยังไงบ้างครับ”
จ่าดับถามเสียงสั่น หมู่สันติตำรวจรุ่นน้องที่สนิทกันมาก
“หนักอยู่ แต่ฉันแน่ใจว่าเขาจะต้องปลอดภัย”
(มีต่อนะครับ)
[บทที10]....วิวาห์ลวง (เรดโรส)