[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/39022888 บทนำ
https://pantip.com/topic/39028501 บทที่1
https://pantip.com/topic/39036780 บทที่2
https://pantip.com/topic/39042887 บทที่3
https://pantip.com/topic/39051172 บทที่4
https://pantip.com/topic/39059955 บทที่5
https://pantip.com/topic/39074462 บทที่6
โหลดบทก่อนทั้งหมด ที่จัดทำเป็น ebook ได้ทางลิ้งก์นะครับ
https://www.mebmarket.com/ebook-99146-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%AA&page_no=1
...............ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลประจำอำเภอ ลุงจ่าสิงห์นำร่างของผู้หมวดเจนรบมาถึง พวกหมอกับพยาบาลกำลังเร่งระดมกำลังช่วยชีวิต จากภาพเอกซเรย์ กระสุนทะลุปอดขวาไปหยุดก่อนจะชนเส้นเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจ และอีกนิดเดียวจะชนกระดูกสันหลัง
“ขอเชิญญาติคนเจ็บทางนี้ค่ะ”
“ผมเองครับ อาการของคุณเจนเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรให้ผมช่วยได้บ้างครับคุณหมอ” ลุงจ่ารีบไปขานตอบ มือดึงผ้าขาวม้าเคียนเอวเปื้อนเลือดมาซับเหงื่อบนหน้าผากไปด้วย
“ต้องพาคนเจ็บไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดค่ะ ทางแพทย์เราไม่ชำนาญพอ เกรงผ่าไปจะเกิดอันตราย ที่สำคัญต้องได้เลือดกรุปโอ ตอนนี้คนเจ็บเสียเลือดมาก ทางเราไม่มีเลือดกรุปนี้ จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายคนเจ็บโดยด่วน ไปที่โรงพยาบาลจังหวัดมีทีมแพทย์ที่ชำนาญกับคลังเลือด”
“เอาเลือดของผม ไปให้ได้ไหมครับ”
“คุณลุงกรุปเลือดอะไรคะ”
“ผมเลือดกรุป AB”
“ไม่ได้ค่ะ คนไข้กรุปเลือด O รับไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้น ย้ายคุณเจนรบไปที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดเลยครับ”
“ช้าก่อน! นั่นจะย้ายเขาไปที่ไหน” ผู้กองมินตราเดินจ้ำพรวดๆ ใช้เวลาขับรถไล่หลังตามมาสิบนาทีเห็นจะได้ มาถึงพร้อมกับจอห์น แม้คนเจ็บมาถึงมือหมอแล้ว ต่างยังมีสีหน้าเคร่งเครียดปริวิตก ลุงจ่ารายงานสถานการณ์ล่าสุดเร็วปรื๋อ สองมือสองแขนยังสั่นริก ต้องบิดคันเร่งรถเอ็นดูโร่แข่งเวลากับความตาย เส้นทางวิบากแกเกือบทำรถล้มหลายหนแต่ก็รอดมาได้หวุดหวิด
“ที่นี่รับไม่ได้แล้วครับ คนเจ็บเสียเลือดมาก ต้องการเลือดกรุ๊ปโอแต่โรงพยาบาลที่นี่ไม่มี”
“ฉันพาจอห์นมาแล้ว พี่น้องกันเลือดเข้ากันได้”
“แต่คุณหมอไม่ชำนาญผ่าเอาหัวกระสุนออก หมอที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดชำนาญกว่า”
“ถ้าเช่นนั้นรอช้าอะไรอยู่ ไปกันหมดนี่เลย น้องชายผมต้องรอด”
ร่างของผู้หมวดเจนถูกนำขึ้นรถแอมบูแลนซ์ พี่ชายตามประคองไม่ห่างแม้จะเงอะงะจนเจ้าหน้าที่ต้องออกปากให้อยู่เฉย พอปิดรถสตาร์ทเครื่องยนต์เปิดไฟหวอ ผู้กองมินตรารู้ว่าสายใยพี่กับน้องมีมากแค่ไหน แต่เวลานี้เป็นหน้าที่ของหมอ เธอเข้ามาดึงแขนจอห์นให้ถอยออกมา
“เดี๋ยวเราขับรถตามเลยนะ”
เอี๊ยดดด!!!
รถแอมบูแลนซ์ไปได้ไม่พ้นทางออกก็พลันมีรถเบนซ์คนหนึ่งขับมาจอดขวางไว้ ทำให้ไปต่อไม่ได้ คนสวมแว่นบุคลิกดีสวมแว่นตาออกมาโบกให้คนขับรถลดกระจกลง เหมือนจะสั่งความอะไรด้วย จอห์นขับรถตามมาบังเกิดความร้อนใจ ทุกนาทีที่ผ่านไปหมายถึงความเป็นความตายของน้องชาย
“ขับรถประสาอะไรวะ! จอดขวางอยู่ได้”
“ขอโทษทีครับ ผมเป็นหมอ จะรีบมาช่วยชีวิตคนไข้ที่ถูกยิงอาการสาหัส” หมอภาคภูมิรีบเดินมายกมือไหว้ขอโทษ ผู้กองมินตรารีบเปิดประตูรถลงมา
“คุณหมอหมายถึงคนเจ็บในรถฉุกเฉินหรือเปล่า เขาพึ่งถูกยิงที่หน้าอกมาอาการสาหัส”
“ใช่ๆ ครับ ผมมาที่นี่เพื่อจะช่วยเขา”
“แน่นะ คุณผ่าตัดได้แน่นะ” จอห์นไม่อยากจะเชื่อผู้ชายหน้าจืด แต่มานึกดูอีกทีหน้าตาท่าทางแบบนี้มันเหมือนพวกหมอ
“ขอโอกาสผมได้ช่วยชีวิตคนเจ็บด้วยครับ”
“คุณหมอภาคภูมิเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงนะคะ เก่งกว่าหมอที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดอีก โชคดีจริงๆ เราไม่ต้องย้ายคนเจ็บไปไกลแล้ว เลือดกรุปโอก็มีจากคุณ” พยาบาลที่ติดไปกับรถฉุกเฉินพูดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นจะรออะไรอยู่ ย้ายกลับเข้าห้องผ่าตัดได้แล้ว” ผู้กองมินตราพูด
ทางด้านห้องสำนักงานภายในโรงพยาบาล หมอเกียรติกับหมอใยไหมเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้ามีกังวล เสร็จธุระกับผู้บังคับบัญชาแล้ว พูดจากันพึมพำถึงเรื่องที่ขอย้ายชั่วคราว มาอยู่โรงพยาบาลอำเภอตามคำแนะนำของหมอเกียรติ แม้เธอพึ่งจะย้ายมาโรงพยาบาลประจำตำบลได้ไม่นาน
“ใยไหมเธอตัดสินใจถูกแล้ว ที่ย้ายมาทำงานที่นี่ ถ้ายังขืนทำงานอยู่ที่เดิม พวกผู้กองภูผาคงตามมาราวีไม่เลิกแน่ ฉันเองปกป้องเธอไม่ได้นะ”
“ฉันไม่ได้ตัดสินใจเองนะ พี่หมอเกียรติเองต่างหากที่ตัดสินใจแทนฉัน” น้ำเสียงค่อนข้างกระด้างของใยไหม ใจจริงไม่อยากย้าย เธออยากทำงานอยู่ใกล้แม่ ใกล้คนแก่ที่เคยมีพระคุณ
“อย่าห้าวหน่อยเลย เกิดวันไหนพลาดโดนพวกมันฉุดไปจะแย่ พี่หมอช่วยเราไมได้หรอกนะ วันนี้โชคดีได้ฮีโร่ผู้หมวดเจนรบมาช่วยไว้ ถ้าไม่อย่างนั้นละเอ๊ย นึกสภาพเธอไม่ออก ตอนโดนพวกมันอุ้ม”
“ฉันไม่กลัวคนพาลพวกนี้หรอก”
“เอาสิแม่คุณ” หมอเกียรติครางซี้ด เอามือกุมปากที่เริ่มระบมจากการถูกต่อย
“ขอโทษพี่หมอด้วยค่ะที่ทำให้เดือดร้อนไปด้วย ฉันพูดด้วยอารมณ์ไปเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะขัดคำสั่งของพี่หมอ”
หมอเกียรติพยักหน้าเข้าใจ พาร่างอวบกับผิวบางค่อยหย่อนก้นลงนั่งกับเก้าอี้ รู้สึกแผลในปากจะเป็นเอามาก ใยไหมเอาผ้าก๊อซมานวดให้ ปากก็ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้ต้องเจ็บตัว
ทางด้านห้องฉุกเฉินมีคนเจ็บเข้ามา ญาติยืนเดินกันอยู่หน้าห้องพูดคุยกันเสียงดัง หนึ่งในนั้นมีรูปร่างหน้าตาละม้ายผู้หมวดเจนรบ แม้หมอเกียรติยังเผลอมือลูบปากนึกว่าผู้หมวดหนุ่มคนเดิม ใยไหมมองตามแล้วสั่นหน้าบอกไม่ใช่คนเดียวกันเพราะทรงผมกับการแต่งตัวผิดกัน
“เอ๊ะนั่นจอห์น พี่ชายของผู้หมวดเจนรบนี่นา ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้” เธอไม่ได้พบหน้าคนนี้มาตั้งนานเหมือนกัน เขาดูดีมากมีบุคลิกท่าทางการแต่งตัวเหมือนนักธุรกิจเลย
“ใยไหม เธอรู้จักหนุ่มหล่อคนนี้เหรอ”
“เขาเป็นพี่ชายของผู้หมวดเจนรบนี่นา”
“ท่าทางจะพาคนเจ็บป่วยมาห้องฉุกเฉินด้วย ฉันว่าเราไปดูกันเถอะเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง”
“คนเจ็บใครกัน” หมอสาวริมฝีปากสั่นริกเหมือนแลเห็นคนเจ็บที่นอนบนรถเข็น “ทำไมคนเจ็บคล้ายผู้หมวดเจนรบเหลือเกิน ไม่นะต้องไม่ใช่เขา”
“อย่ามัวเดาอยู่เลย เราไปดูกันดีกว่า”
สองคนรีบสาวเท้าเดินไปสู่อีกตึกหนึ่ง สวนทางกับผู้คนที่มาใช้บริการทางการแพทย์ หมอเกียรติพอเห็นคนร่างสูงโปร่งบุคลิกดูดี รู้ได้ทันทีว่าเป็นหมอภาคภูมิ ที่ช่วงหลังได้ยินข่าวว่าหันไปเอาดีทางการเมือง
หมอใยไหมพอไปถึงรถเข็นคนเจ็บต้องอุทานออกมา ปากสั่นอึ้งไปหลายวินาที สังหรณ์ของเธอไม่ผิด คนเจ็บคือผู้หมวดเจนจริงๆ ด้วย เธอหันไปน้อมไหว้หมอภาคภูมิ ที่กำลังยืนสั่งการพยาบาลให้เตรียมห้องผ่าตัด ตัวเขาจะเป็นศัลยแพทย์ผ่าตัดคนเจ็บรายนี้เอง
“สวัสดีค่ะอาจารย์หมอภาคภูมิ” หมอสาวตรงเข้ามายกมือไหว้ “ฉันชื่อแพทย์หญิงใยไหมค่ะ แล้วนี่พี่หมอเกียรติเราเป็นแพทย์ประจำตำบล จะขอเข้าร่วมการผ่าตัดครั้งนี้ด้วยนะคะ คนเจ็บเป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง ตอนเย็นนี้เขากับฉันพึ่งจะถูกอันธพาลกลุ่มหนึ่งเข้ามาหาเรื่อง เขาไล่พวกนั้นไปได้ แต่ก็ถูกพูดอาฆาตไว้ ฉันเตือนเขาแล้วอาจจะถูกพวกมันตามปองร้าย เขาไม่เชื่อแล้วก็โดนยิงเข้าจริงๆ เรื่องในครั้งนี้ฉันเองเป็นสาเหตุ ขอโอกาสฉันได้ช่วยเหลือเขาด้วยนะคะ”
“ได้ครับ ผมเองกำลังต้องการผู้ช่วยอยู่ด้วย”
ร่างที่ไร้สติบนเตียงรถเข็นไม่ต่างจากท่อนไม้ของผู้หมวดเจน ถูกนำเข้าห้องผ่าตัด พี่ชายอย่างจอห์นกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมา จับมือน้องชายไว้แน่น ปากพูดละล่ำละลัก
“เจน! ได้ยินไหม แกต้องไม่เป็นอะไร พี่อยู่ทั้งคนจะคุ้มครองเอง แกจะต้องรอดผ่านคืนนี้ไปได้แน่” ร่างของน้องชายถูกนำขึ้นเตียงผ่าตัด พี่ชายยืนนิ่งกำหมัดแน่น “ตอนแม่ท้องแก เคยเล่าให้ฟังว่ามีพญานาคมาคายลูกแก้วให้ แม่เชื่อลูกคนนี้มีเทพคุ้มครอง ต่อไปในอนาคตจะต้องแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง”
สายตานิ่งของเขา หากแต่ความคิดนึกย้อนไปในอดีต นึกอิจฉาน้องที่แม่รักมากกว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยอยากสมัครเข้าตำรวจ หากแต่ถูกพ่อห้ามไว้อีก เพราะต้องให้อยู่ช่วยสืบต่อกิจการของพ่อ คนเป็นพี่จะต้องแบกรับภาระทุกอย่าง ไม่เหมือนน้องชายที่ใช้ชีวิตได้ตามต้องการ
[บทที7]....วิวาห์ลวง (เรดโรส)
“ขอเชิญญาติคนเจ็บทางนี้ค่ะ”
“ผมเองครับ อาการของคุณเจนเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรให้ผมช่วยได้บ้างครับคุณหมอ” ลุงจ่ารีบไปขานตอบ มือดึงผ้าขาวม้าเคียนเอวเปื้อนเลือดมาซับเหงื่อบนหน้าผากไปด้วย
“ต้องพาคนเจ็บไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดค่ะ ทางแพทย์เราไม่ชำนาญพอ เกรงผ่าไปจะเกิดอันตราย ที่สำคัญต้องได้เลือดกรุปโอ ตอนนี้คนเจ็บเสียเลือดมาก ทางเราไม่มีเลือดกรุปนี้ จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายคนเจ็บโดยด่วน ไปที่โรงพยาบาลจังหวัดมีทีมแพทย์ที่ชำนาญกับคลังเลือด”
“เอาเลือดของผม ไปให้ได้ไหมครับ”
“คุณลุงกรุปเลือดอะไรคะ”
“ผมเลือดกรุป AB”
“ไม่ได้ค่ะ คนไข้กรุปเลือด O รับไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้น ย้ายคุณเจนรบไปที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดเลยครับ”
“ช้าก่อน! นั่นจะย้ายเขาไปที่ไหน” ผู้กองมินตราเดินจ้ำพรวดๆ ใช้เวลาขับรถไล่หลังตามมาสิบนาทีเห็นจะได้ มาถึงพร้อมกับจอห์น แม้คนเจ็บมาถึงมือหมอแล้ว ต่างยังมีสีหน้าเคร่งเครียดปริวิตก ลุงจ่ารายงานสถานการณ์ล่าสุดเร็วปรื๋อ สองมือสองแขนยังสั่นริก ต้องบิดคันเร่งรถเอ็นดูโร่แข่งเวลากับความตาย เส้นทางวิบากแกเกือบทำรถล้มหลายหนแต่ก็รอดมาได้หวุดหวิด
“ที่นี่รับไม่ได้แล้วครับ คนเจ็บเสียเลือดมาก ต้องการเลือดกรุ๊ปโอแต่โรงพยาบาลที่นี่ไม่มี”
“ฉันพาจอห์นมาแล้ว พี่น้องกันเลือดเข้ากันได้”
“แต่คุณหมอไม่ชำนาญผ่าเอาหัวกระสุนออก หมอที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดชำนาญกว่า”
“ถ้าเช่นนั้นรอช้าอะไรอยู่ ไปกันหมดนี่เลย น้องชายผมต้องรอด”
ร่างของผู้หมวดเจนถูกนำขึ้นรถแอมบูแลนซ์ พี่ชายตามประคองไม่ห่างแม้จะเงอะงะจนเจ้าหน้าที่ต้องออกปากให้อยู่เฉย พอปิดรถสตาร์ทเครื่องยนต์เปิดไฟหวอ ผู้กองมินตรารู้ว่าสายใยพี่กับน้องมีมากแค่ไหน แต่เวลานี้เป็นหน้าที่ของหมอ เธอเข้ามาดึงแขนจอห์นให้ถอยออกมา
“เดี๋ยวเราขับรถตามเลยนะ”
เอี๊ยดดด!!!
รถแอมบูแลนซ์ไปได้ไม่พ้นทางออกก็พลันมีรถเบนซ์คนหนึ่งขับมาจอดขวางไว้ ทำให้ไปต่อไม่ได้ คนสวมแว่นบุคลิกดีสวมแว่นตาออกมาโบกให้คนขับรถลดกระจกลง เหมือนจะสั่งความอะไรด้วย จอห์นขับรถตามมาบังเกิดความร้อนใจ ทุกนาทีที่ผ่านไปหมายถึงความเป็นความตายของน้องชาย
“ขับรถประสาอะไรวะ! จอดขวางอยู่ได้”
“ขอโทษทีครับ ผมเป็นหมอ จะรีบมาช่วยชีวิตคนไข้ที่ถูกยิงอาการสาหัส” หมอภาคภูมิรีบเดินมายกมือไหว้ขอโทษ ผู้กองมินตรารีบเปิดประตูรถลงมา
“คุณหมอหมายถึงคนเจ็บในรถฉุกเฉินหรือเปล่า เขาพึ่งถูกยิงที่หน้าอกมาอาการสาหัส”
“ใช่ๆ ครับ ผมมาที่นี่เพื่อจะช่วยเขา”
“แน่นะ คุณผ่าตัดได้แน่นะ” จอห์นไม่อยากจะเชื่อผู้ชายหน้าจืด แต่มานึกดูอีกทีหน้าตาท่าทางแบบนี้มันเหมือนพวกหมอ
“ขอโอกาสผมได้ช่วยชีวิตคนเจ็บด้วยครับ”
“คุณหมอภาคภูมิเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงนะคะ เก่งกว่าหมอที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดอีก โชคดีจริงๆ เราไม่ต้องย้ายคนเจ็บไปไกลแล้ว เลือดกรุปโอก็มีจากคุณ” พยาบาลที่ติดไปกับรถฉุกเฉินพูดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นจะรออะไรอยู่ ย้ายกลับเข้าห้องผ่าตัดได้แล้ว” ผู้กองมินตราพูด
ทางด้านห้องสำนักงานภายในโรงพยาบาล หมอเกียรติกับหมอใยไหมเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้ามีกังวล เสร็จธุระกับผู้บังคับบัญชาแล้ว พูดจากันพึมพำถึงเรื่องที่ขอย้ายชั่วคราว มาอยู่โรงพยาบาลอำเภอตามคำแนะนำของหมอเกียรติ แม้เธอพึ่งจะย้ายมาโรงพยาบาลประจำตำบลได้ไม่นาน
“ใยไหมเธอตัดสินใจถูกแล้ว ที่ย้ายมาทำงานที่นี่ ถ้ายังขืนทำงานอยู่ที่เดิม พวกผู้กองภูผาคงตามมาราวีไม่เลิกแน่ ฉันเองปกป้องเธอไม่ได้นะ”
“ฉันไม่ได้ตัดสินใจเองนะ พี่หมอเกียรติเองต่างหากที่ตัดสินใจแทนฉัน” น้ำเสียงค่อนข้างกระด้างของใยไหม ใจจริงไม่อยากย้าย เธออยากทำงานอยู่ใกล้แม่ ใกล้คนแก่ที่เคยมีพระคุณ
“อย่าห้าวหน่อยเลย เกิดวันไหนพลาดโดนพวกมันฉุดไปจะแย่ พี่หมอช่วยเราไมได้หรอกนะ วันนี้โชคดีได้ฮีโร่ผู้หมวดเจนรบมาช่วยไว้ ถ้าไม่อย่างนั้นละเอ๊ย นึกสภาพเธอไม่ออก ตอนโดนพวกมันอุ้ม”
“ฉันไม่กลัวคนพาลพวกนี้หรอก”
“เอาสิแม่คุณ” หมอเกียรติครางซี้ด เอามือกุมปากที่เริ่มระบมจากการถูกต่อย
“ขอโทษพี่หมอด้วยค่ะที่ทำให้เดือดร้อนไปด้วย ฉันพูดด้วยอารมณ์ไปเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะขัดคำสั่งของพี่หมอ”
หมอเกียรติพยักหน้าเข้าใจ พาร่างอวบกับผิวบางค่อยหย่อนก้นลงนั่งกับเก้าอี้ รู้สึกแผลในปากจะเป็นเอามาก ใยไหมเอาผ้าก๊อซมานวดให้ ปากก็ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้ต้องเจ็บตัว
ทางด้านห้องฉุกเฉินมีคนเจ็บเข้ามา ญาติยืนเดินกันอยู่หน้าห้องพูดคุยกันเสียงดัง หนึ่งในนั้นมีรูปร่างหน้าตาละม้ายผู้หมวดเจนรบ แม้หมอเกียรติยังเผลอมือลูบปากนึกว่าผู้หมวดหนุ่มคนเดิม ใยไหมมองตามแล้วสั่นหน้าบอกไม่ใช่คนเดียวกันเพราะทรงผมกับการแต่งตัวผิดกัน
“เอ๊ะนั่นจอห์น พี่ชายของผู้หมวดเจนรบนี่นา ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้” เธอไม่ได้พบหน้าคนนี้มาตั้งนานเหมือนกัน เขาดูดีมากมีบุคลิกท่าทางการแต่งตัวเหมือนนักธุรกิจเลย
“ใยไหม เธอรู้จักหนุ่มหล่อคนนี้เหรอ”
“เขาเป็นพี่ชายของผู้หมวดเจนรบนี่นา”
“ท่าทางจะพาคนเจ็บป่วยมาห้องฉุกเฉินด้วย ฉันว่าเราไปดูกันเถอะเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง”
“คนเจ็บใครกัน” หมอสาวริมฝีปากสั่นริกเหมือนแลเห็นคนเจ็บที่นอนบนรถเข็น “ทำไมคนเจ็บคล้ายผู้หมวดเจนรบเหลือเกิน ไม่นะต้องไม่ใช่เขา”
“อย่ามัวเดาอยู่เลย เราไปดูกันดีกว่า”
สองคนรีบสาวเท้าเดินไปสู่อีกตึกหนึ่ง สวนทางกับผู้คนที่มาใช้บริการทางการแพทย์ หมอเกียรติพอเห็นคนร่างสูงโปร่งบุคลิกดูดี รู้ได้ทันทีว่าเป็นหมอภาคภูมิ ที่ช่วงหลังได้ยินข่าวว่าหันไปเอาดีทางการเมือง
หมอใยไหมพอไปถึงรถเข็นคนเจ็บต้องอุทานออกมา ปากสั่นอึ้งไปหลายวินาที สังหรณ์ของเธอไม่ผิด คนเจ็บคือผู้หมวดเจนจริงๆ ด้วย เธอหันไปน้อมไหว้หมอภาคภูมิ ที่กำลังยืนสั่งการพยาบาลให้เตรียมห้องผ่าตัด ตัวเขาจะเป็นศัลยแพทย์ผ่าตัดคนเจ็บรายนี้เอง
“สวัสดีค่ะอาจารย์หมอภาคภูมิ” หมอสาวตรงเข้ามายกมือไหว้ “ฉันชื่อแพทย์หญิงใยไหมค่ะ แล้วนี่พี่หมอเกียรติเราเป็นแพทย์ประจำตำบล จะขอเข้าร่วมการผ่าตัดครั้งนี้ด้วยนะคะ คนเจ็บเป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง ตอนเย็นนี้เขากับฉันพึ่งจะถูกอันธพาลกลุ่มหนึ่งเข้ามาหาเรื่อง เขาไล่พวกนั้นไปได้ แต่ก็ถูกพูดอาฆาตไว้ ฉันเตือนเขาแล้วอาจจะถูกพวกมันตามปองร้าย เขาไม่เชื่อแล้วก็โดนยิงเข้าจริงๆ เรื่องในครั้งนี้ฉันเองเป็นสาเหตุ ขอโอกาสฉันได้ช่วยเหลือเขาด้วยนะคะ”
“ได้ครับ ผมเองกำลังต้องการผู้ช่วยอยู่ด้วย”
ร่างที่ไร้สติบนเตียงรถเข็นไม่ต่างจากท่อนไม้ของผู้หมวดเจน ถูกนำเข้าห้องผ่าตัด พี่ชายอย่างจอห์นกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมา จับมือน้องชายไว้แน่น ปากพูดละล่ำละลัก
“เจน! ได้ยินไหม แกต้องไม่เป็นอะไร พี่อยู่ทั้งคนจะคุ้มครองเอง แกจะต้องรอดผ่านคืนนี้ไปได้แน่” ร่างของน้องชายถูกนำขึ้นเตียงผ่าตัด พี่ชายยืนนิ่งกำหมัดแน่น “ตอนแม่ท้องแก เคยเล่าให้ฟังว่ามีพญานาคมาคายลูกแก้วให้ แม่เชื่อลูกคนนี้มีเทพคุ้มครอง ต่อไปในอนาคตจะต้องแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง”
สายตานิ่งของเขา หากแต่ความคิดนึกย้อนไปในอดีต นึกอิจฉาน้องที่แม่รักมากกว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยอยากสมัครเข้าตำรวจ หากแต่ถูกพ่อห้ามไว้อีก เพราะต้องให้อยู่ช่วยสืบต่อกิจการของพ่อ คนเป็นพี่จะต้องแบกรับภาระทุกอย่าง ไม่เหมือนน้องชายที่ใช้ชีวิตได้ตามต้องการ