ผู้ถือหุ้นเริ่มจริงจังกับความยั่งยืน
จากบทสัมภาษณ์ ผู้บริหารระดับสูง 70 ท่าน จากสถาบันการเงินและการลงทุน 43 แห่งทั่วโลก พบว่า ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ESG ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่ผู้ถือหุ้นจะเริ่มถามหา ผลการดำเนินงานที่เกี่ยวเนื่องกับ ESG
ส่งผลให้บริษัทต้องตอบสนองด้วยการ
แสดงเจตจำนงค์ขององค์กร
นำรายงานที่ตอบโจทย์ ESG แก่ผู้ลงทุน
ผู้จัดการระดับกลางต้องเข้ามามีส่วนร่วม
ปรับปรุงระบบการเก็บข้อมูลภายในขององค์กร ที่สามารถแสดงถึงผลกระทบด้าน ESG ได้อย่างครบถ้วน
President and CEO of State Street Global Advisor เรามองหาผลกระทบของ climate risk คุณภาพของ Board หรือภัยคุกคามด้านไซเบอร์ ที่มีต่อการเงินขององค์กร และเราจะประเมินปัจจัย ESG ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน
ผลวิจัยจาก Harvard พบว่า บริษัทที่มีการปรับกระบวนการทำงานให้ตอบสนองต่อ ESG พร้อมกับการบริหารจัดการ วัดผล และสื่อสาร ESG ตั้งแต่ปี 1990 คือประมาณเกือบ 30 ปีที่แล้วทำผลงานได้ดีกว่าบริษัทที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้
ผลวิจัยของฝั่ง Nordic ในปี 2017 ก็สนับสนุนผลวิจัยนี้ โดยระหว่างปี 2012-2015 บริษัทที่มีคะแนน ESG สูงมีผลประกอบการที่ดีกว่าบริษัทที่มีคะแนนต่ำ ถึง 40%
ในปี 2018 Bank of America Merrill Lynch ก็พบว่า บริษัทที่มี ESG เป็นกลุ่มหุ้นที่มีคุณภาพสูง
Head of Sustainable Finance of UBS Group ก็ให้ความเห็นว่า ลูกค้าที่มั่งคั่งที่สุดของเค้า อยากรู้ว่าเงินที่เอาไปลงทุน สามารถสร้างความแตกต่าง และทำให้โลกนี้ดีขึ้นรึเปล่า
ในตอนนี้ บริษัทที่ไม่มีการคำนึงถึง ESG จะอยู่ยากยิ่งขึ้นในการดึงดูดนักลงทุน
ทิศทางที่เห็นได้ชัดคือ Larry Fink CEO of BlackRock ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง CEO ทั่วโลก เมื่อต้นปี 2018 ว่า
“… environmental, social, and governance issues will be increasingly material to corporate valuations.”
ทุกท่านทราบหรือไม่คะ ว่า BlackRock มีสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการอยู่ถึง $6.1 ล้านล้านล้าน คือเลข 6 มี 0 ตามอีก 18 ตัว เป็น asset manager ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ Chief Investment Officer (CIO) Tariq Fancy ก็ออกมายอมรับว่า มันคือการเปลี่ยนพฤติกรรมของนักลงทุน ซึ่งต้องใช้เวลาและการทำงานอย่างหนัก เพื่อชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงมุมมองนี้สำคัญอย่างไร
ตรงนี้ ทาง HBR ยังเน้นย้ำว่า background ของ CIO นี้ คือนักลงทุนมืออาชีพ ไม่ใช่ NGO เพื่อสิ่งแวดล้อมหรือสังคม
หากบริษัทต้องการที่จะดึงดูดเงินทุน (1) ต้องเริ่มในการ “สื่อสาร” ให้แก่ผู้ลงทุน ทราบว่าบริษัทมีอยู่เพื่อ “จุดประสงค์ purpose” อะไร?
Larry Fink พูดถึง A Sense of Purpose ว่า To prosper over time, every company must not only deliver financial performance but also how it makes a positive contribution to the society. ซึ่งการกำหนดจุดประสงค์ขององค์กรที่มองไปถึงการพัฒนาสังคม มากกว่าการพูดว่า ทำผลกำไร จะดึงดูดกลุ่ม millennial ที่มีความต้องการจะทำงานเพื่อองค์กรที่มีจุดประสงค์ที่ยิ่งใหญ่กว่าสร้างผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น
Board ต้องมีส่วนร่วมในการกำหนด purpose ขององค์กร
(2) ต้องวิเคราะห์ว่า ESG issues ใดบ้าง ที่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินขององค์กร แล้ววางแผนในการบริหารจัดการ รวมถึงการกำหนดอยู่ในกลยุทธ์ขององค์กร
(3) การมีส่วนร่วมของ middle manager เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ทิศทางและกลยุทธ์ที่กำหนด ก่อเกิดเป็นสินค้าหรือบริการ ซึ่ง Top management ต้องมีการประเมินผลการดำเนินงานของ middle manager ที่ผูกกับ financial performance and ESG performance
(4) ลงทุนในการวางระบบสำหรับการเก็บข้อมูลและการประเมินผลการดำเนินงานด้าน ESG ซึ่งในปัจจุบัน องค์กรส่วนใหญ่ยังทำได้ไม่ดีพอ นั่นรวมไปถึง audit firm ที่ควรจะเข้ามาให้บริการ assurance ด้าน ESG performance ไปพร้อม ๆ กับ Financial preformance
(5) การวัดผลกระทบที่องค์กรก่อให้เกิดแก่สังคม ทั้งทางบวกและทางลบ ซึ่ง framework ที่แนะนำให้ใช้คือ UN SDG 17 เป้าหมาย ที่ประเทศไทยถือว่า มีผลการดำเนินงานด้านนี้เป็นอันดับ 1 ของ Asia และเป็นอันดับที่ 40 ของโลก
จากงานวิจัย “รายงานความยั่งยืน”ของ PwC ของ 470 บริษัทใน 17 ประเทศ พบว่า 62% มีการกล่าวถึง SDG แต่มีเพียง 28% ที่มีการให้ข้อมูลเป้าหมายที่องค์กรอยากไปให้ถึง
กล่าวโดยสรุปคือ การบริหารจัดการความยั่งยืน เป็นสิ่งที่ “จำเป็น” สำหรับองค์กรทุกขนาด ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เพราะมันคือการบริหาร “ความเสี่ยง” ที่ทุกบริษัทต้องคำนึงถึงในการอยู่รอด ไม่ใช่การทำเพื่อโลกสวย โดยไม่ได้มีผลกำไรเกิดขึ้นเลย
วันนี้ คุณวิเคราะห์ความเสี่ยงรอบด้านแล้วรึยังคะ?
Source:
The investor revolution: Shareholders are getting serious about sustainability
Harvard Business Review: May-June 2019
Page:
https://www.facebook.com/SOSSustainability101/
Soundcloud:
https://soundcloud.com/sos-sustainability101/sos-investor-revolution-290719-0753
Spotify:
https://open.spotify.com/show/1Ct1wWIIWjwZyt3NcVlmEE
Sustainability กับการปฏิวัติของนักลงทุน - SOS Sustainability 101
จากบทสัมภาษณ์ ผู้บริหารระดับสูง 70 ท่าน จากสถาบันการเงินและการลงทุน 43 แห่งทั่วโลก พบว่า ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ESG ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่ผู้ถือหุ้นจะเริ่มถามหา ผลการดำเนินงานที่เกี่ยวเนื่องกับ ESG
ส่งผลให้บริษัทต้องตอบสนองด้วยการ
แสดงเจตจำนงค์ขององค์กร
นำรายงานที่ตอบโจทย์ ESG แก่ผู้ลงทุน
ผู้จัดการระดับกลางต้องเข้ามามีส่วนร่วม
ปรับปรุงระบบการเก็บข้อมูลภายในขององค์กร ที่สามารถแสดงถึงผลกระทบด้าน ESG ได้อย่างครบถ้วน
President and CEO of State Street Global Advisor เรามองหาผลกระทบของ climate risk คุณภาพของ Board หรือภัยคุกคามด้านไซเบอร์ ที่มีต่อการเงินขององค์กร และเราจะประเมินปัจจัย ESG ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน
ผลวิจัยจาก Harvard พบว่า บริษัทที่มีการปรับกระบวนการทำงานให้ตอบสนองต่อ ESG พร้อมกับการบริหารจัดการ วัดผล และสื่อสาร ESG ตั้งแต่ปี 1990 คือประมาณเกือบ 30 ปีที่แล้วทำผลงานได้ดีกว่าบริษัทที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้
ผลวิจัยของฝั่ง Nordic ในปี 2017 ก็สนับสนุนผลวิจัยนี้ โดยระหว่างปี 2012-2015 บริษัทที่มีคะแนน ESG สูงมีผลประกอบการที่ดีกว่าบริษัทที่มีคะแนนต่ำ ถึง 40%
ในปี 2018 Bank of America Merrill Lynch ก็พบว่า บริษัทที่มี ESG เป็นกลุ่มหุ้นที่มีคุณภาพสูง
Head of Sustainable Finance of UBS Group ก็ให้ความเห็นว่า ลูกค้าที่มั่งคั่งที่สุดของเค้า อยากรู้ว่าเงินที่เอาไปลงทุน สามารถสร้างความแตกต่าง และทำให้โลกนี้ดีขึ้นรึเปล่า
ในตอนนี้ บริษัทที่ไม่มีการคำนึงถึง ESG จะอยู่ยากยิ่งขึ้นในการดึงดูดนักลงทุน
ทิศทางที่เห็นได้ชัดคือ Larry Fink CEO of BlackRock ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง CEO ทั่วโลก เมื่อต้นปี 2018 ว่า
“… environmental, social, and governance issues will be increasingly material to corporate valuations.”
ทุกท่านทราบหรือไม่คะ ว่า BlackRock มีสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการอยู่ถึง $6.1 ล้านล้านล้าน คือเลข 6 มี 0 ตามอีก 18 ตัว เป็น asset manager ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ Chief Investment Officer (CIO) Tariq Fancy ก็ออกมายอมรับว่า มันคือการเปลี่ยนพฤติกรรมของนักลงทุน ซึ่งต้องใช้เวลาและการทำงานอย่างหนัก เพื่อชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงมุมมองนี้สำคัญอย่างไร
ตรงนี้ ทาง HBR ยังเน้นย้ำว่า background ของ CIO นี้ คือนักลงทุนมืออาชีพ ไม่ใช่ NGO เพื่อสิ่งแวดล้อมหรือสังคม
หากบริษัทต้องการที่จะดึงดูดเงินทุน (1) ต้องเริ่มในการ “สื่อสาร” ให้แก่ผู้ลงทุน ทราบว่าบริษัทมีอยู่เพื่อ “จุดประสงค์ purpose” อะไร?
Larry Fink พูดถึง A Sense of Purpose ว่า To prosper over time, every company must not only deliver financial performance but also how it makes a positive contribution to the society. ซึ่งการกำหนดจุดประสงค์ขององค์กรที่มองไปถึงการพัฒนาสังคม มากกว่าการพูดว่า ทำผลกำไร จะดึงดูดกลุ่ม millennial ที่มีความต้องการจะทำงานเพื่อองค์กรที่มีจุดประสงค์ที่ยิ่งใหญ่กว่าสร้างผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น
Board ต้องมีส่วนร่วมในการกำหนด purpose ขององค์กร
(2) ต้องวิเคราะห์ว่า ESG issues ใดบ้าง ที่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินขององค์กร แล้ววางแผนในการบริหารจัดการ รวมถึงการกำหนดอยู่ในกลยุทธ์ขององค์กร
(3) การมีส่วนร่วมของ middle manager เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ทิศทางและกลยุทธ์ที่กำหนด ก่อเกิดเป็นสินค้าหรือบริการ ซึ่ง Top management ต้องมีการประเมินผลการดำเนินงานของ middle manager ที่ผูกกับ financial performance and ESG performance
(4) ลงทุนในการวางระบบสำหรับการเก็บข้อมูลและการประเมินผลการดำเนินงานด้าน ESG ซึ่งในปัจจุบัน องค์กรส่วนใหญ่ยังทำได้ไม่ดีพอ นั่นรวมไปถึง audit firm ที่ควรจะเข้ามาให้บริการ assurance ด้าน ESG performance ไปพร้อม ๆ กับ Financial preformance
(5) การวัดผลกระทบที่องค์กรก่อให้เกิดแก่สังคม ทั้งทางบวกและทางลบ ซึ่ง framework ที่แนะนำให้ใช้คือ UN SDG 17 เป้าหมาย ที่ประเทศไทยถือว่า มีผลการดำเนินงานด้านนี้เป็นอันดับ 1 ของ Asia และเป็นอันดับที่ 40 ของโลก
จากงานวิจัย “รายงานความยั่งยืน”ของ PwC ของ 470 บริษัทใน 17 ประเทศ พบว่า 62% มีการกล่าวถึง SDG แต่มีเพียง 28% ที่มีการให้ข้อมูลเป้าหมายที่องค์กรอยากไปให้ถึง
กล่าวโดยสรุปคือ การบริหารจัดการความยั่งยืน เป็นสิ่งที่ “จำเป็น” สำหรับองค์กรทุกขนาด ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เพราะมันคือการบริหาร “ความเสี่ยง” ที่ทุกบริษัทต้องคำนึงถึงในการอยู่รอด ไม่ใช่การทำเพื่อโลกสวย โดยไม่ได้มีผลกำไรเกิดขึ้นเลย
วันนี้ คุณวิเคราะห์ความเสี่ยงรอบด้านแล้วรึยังคะ?
Source:
The investor revolution: Shareholders are getting serious about sustainability
Harvard Business Review: May-June 2019
Page:
https://www.facebook.com/SOSSustainability101/
Soundcloud:
https://soundcloud.com/sos-sustainability101/sos-investor-revolution-290719-0753
Spotify:
https://open.spotify.com/show/1Ct1wWIIWjwZyt3NcVlmEE