เกริ่นนำก่อน
ตอนผมเกิด ผมเกิดมาในครอบครัวแตกแยก (หย่าร้าง) พ่อกับแม่ขึ้นศาลกันว่าใครจะมีสิทธิ์เลี้ยงดูบุตร ศาลตัดสินให้พ่อของผมเลี้ยงดูเนื่องจากแม่ผมไม่มีอาชีพและไม่มีรายได้ นั่นทำให้ผมได้มาอยู่กับพ่อ
แต่ พ่อของผมก็ไม่ได้เลี้ยงดู คนเลี้ยงดูกลายเป็นย่าและลุงของผม ที่ท่านเลี้ยงดูผมมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งผมอายุได้ 18 ปี ซึ่งผมก็ไม่ค่อยพอใจกับการเลี้ยงดูของลุงเท่าไหร่ เลยตัดสินใจว่า ถ้าได้เรียนมหาลัยเมื่อไหร่ ถือว่าผมไม่มีอะไรติดค้างกับที่นี่ และจะไม่กลับมาที่นี่อีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็เหมือนนึกได้ว่ายังมีย่าที่คอยดูแลผมจ่ายค่าเทอมตอนเรียนให้ผม ทำให้ผมได้กลับบ้านมาหาย่าอยู่บ้าง เพราะว่ากลับมาแล้วเจอลุง ซึ่งไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยอยากกลับบ้าน
เริ่มเข้าเรื่อง
เวลาล่วงเลยมาจนผมเรียนจบมหาลัย ออกมาหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งได้ 3 ปี ทางบ้านฝั่งแม่มีปัญหาเรื่องบ้าน เนื่องจากผู้กู้ซื้อบ้านเสียชีวิต (แฟนใหม่แม่) และประกันไม่ครอบคลุม ประกอบกับน้อง (ลูกของพ่อใหม่และแม่) อายุยังน้อย ไม่สามารถยื่นกู้บ้านได้ แม่ติดบูโล แม่จึงขอร้องให้ผมทำเรื่องกู้บ้านให้หน่อย ผมถามแม่ว่าถ้าไม่ทำเป็นไรไหม แม่ก็บอกต้องหาที่อยู่ใหม่ ตอนนั้นยายผมป่วยอยู่ด้วย และถ้าขอจากผมไม่ได้ ก็จะไปขอจากน้องสาวผม (คนนี้พ่อแม่เดียวกัน) ผมไม่อยากให้ภาระไปอยู่ที่น้องสาว และยายผมที่ป่วย ผมเคยขอร้องให้แกมาหาที่โรงเรียนบ่อย ๆ สมัยเด็ก ๆ เพราะว่าผมกับยายไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน เมื่อสำนึกบุญคุณของยายได้ ผมกลั้นใจตอบตกลงไป ตอนนั้นผมอยู่กับแฟนที่หอพัก ผมลองถามแฟนดู แฟนผมค้านหัวชนฝา ถึงขั้นที่เราทะเลาะกัน ผมยืนยันกับแฟนว่าถ้าแม่ผ่อนไม่ไหว ผมจะขายบ้านซะ ถ้าเป็นที่ดินน่าจะมีกำไรได้อยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย ถึงแบบนั้นแฟนผมก็ไม่ค่อยพอใจอยู่ดี โดยผมกับแม่ตกลงกันว่าชื่อกู้เป็นชื่อผม แต่คนผ่อนคือแม่นะ เพราะว่าผมไม่ได้อยู่ด้วย ซึ่งแม่ก็ตกลงตามนี้
ปัญหาเริ่มเกิด
แม่ผมจ่ายตรงตามงวดมาตลอด 2 ปี จนกระทั่งยายผมเสีย จากนั้นแม่เริ่มไขว้เขว เหมือนมีภาวะซึมเศร้าหน่อย ๆ ผมไม่ได้ไปเยี่ยมแม่เลยหลังจากงานศพยาย มีน้องสาวผมที่พาแม่ไปเที่ยวอยู่ครั้งนึง และผมก็ไปเยี่ยมแม่บ้างในวันที่ผมไปเยี่ยมย่าของผม อยู่ ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่จ่ายค่างวด 3 เดือนติดกัน ตอนแบงค์โทรมาผมก็ตกใจว่าทำไมไม่จ่าย 3 งวดต่อกัน โทรไปหาแม่ ได้ความว่าน้องลาออกจากงานไปสอบทหาร แต่ไม่ติด ตอนนี้กำลังหางานอยู่ ผมเลยบอกว่าทำไม่บอกก่อน เผื่อจะได้วางแผนร่วมกันว่าจะทำยังไงระหว่างที่ไปสอบและไม่มีตังค์จ่าย และที่น่าประหลาดใจกว่านั้นคือ น้องผมมีลูกแฝดให้แม่เลี้ยง ซึ่งทางแม่ตกลงว่าเลี้ยงครอบครัวละคน คือทางแม่ผมเลี้ยงคนนึง ทางฝั่งโน้นก็เลี้ยงคนนึง ซึ่งหลานคนนี้ก็เกิดตอนที่ยายผมยังไม่เสียนั่นแหละ ตอนนี้แม่ผมเลยขายกาแฟที่บ้าน ซึ่งก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนน้องก็หางานใหม่ทำที่ต่างจังหวัด ผมเริ่มเห็นแววจะไปไม่รอด ผมเลยถามแม่ตรง ๆ ว่าไหวไหม ไม่ไหวจะขาย แม่ผมบอกว่าไม่อยากขาย เพราะเป็นบ้านยาย (ยายเคยอยู่) ไม่อยากย้ายไปไหน ผมก็บอกไปว่าถ้าไหว ต้องมีเงินนะคิดให้ดี แต่แม่ก็ยังยืนยันว่าจะผ่อนต่อ แต่พอเดือนถัดมาเป็นเดือนที่ยายเสียครบ 1 ปี แม่ก็เลยเอาเงินไปทำบุญหมดโดยที่ไม่มีเงินผ่อนค่าบ้าน
ปัญหาที่เกิด
แม่บอกให้ผมจ่ายค่างวดบ้านให้หน่อยเดือนนึง ผมเลยไปคุยกับแฟน แฟนผมโกรธมาก บอกว่าไหนว่าผ่อนได้ ผ่อนไหว ทำไมต้องเอามาเกี่ยวกับครอบครัวเรา ผมเลยขอร้องแฟนว่า ช่วยแม่หน่อยนะเดือนเดียว แฟนผมเลยยอมให้ โดยบอกว่าถ้ามีอีกครั้งให้รีบขายไปเลย โดยระหว่างนั้นผมก็เริ่มดูราคาที่ดินแถว ๆ บ้านแล้วว่าขายกันเท่าไหร่ยังไง เรื่องมาพีคคือมีอยู่เดือนนึงมีเงินไม่พอจ่ายค่าบ้าน แล้วมาบอกผม ผมบอกว่าไม่มีช่วยหรอก เค้าเลยทวงบุญคุณมาว่ามีแต่คนเค้าให้เงินพ่อแม่ ไม่มีใครปล่อยให้พ่อแม่ลำบาก ลามไปถึงย่าผมว่า เคยมาดูแลย่าบ้างไหม รู้ไม่ย่าเป็นไงบ้าง รัวเรื่องบุญคุณอยู่อย่างนี้จนผมไม่เถียงอะไร ผมเคยเสนอให้แม่ย้ายมาอยู่กับผม แม่บอกแค่ว่าแม่มาไม่ได้ แม่ทิ้งปัญหาไว้ให้คนอื่นไม่ได้ ผมถามว่าใคร แม่ก็ไม่พูดอะไร
ทำยังไงต่อไปดี
1. ความรู้สึกผมคือ
แม่ไม่ได้เลี้ยงดูผมมา เหตุใดเล่าต้องทดแทนคุณ ถ้าจะบอกทดแทนคุณ ก็เอาชื่อผมไปกู้ซื้อบ้านแล้วไง
2.
คนที่ทำให้แม่ลำบากไม่ใช่ผมซะหน่อย แม่ผมต้องมีภาระเพิ่มจากหลานที่น้องผมทำมา นั่นทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่น้องผมก็ดูจะพยายามหาเงินอยู่นะ ผมเข้าใจในความพยายามแต่ถ้ามันไปไม่รอด ก็ต้องปล่อย
3. คิดว่าผมเนรคุณไหม? ส่วนตัวผมคิดว่าไม่นะ ผมให้เท่าที่มี ไม่มีก็ไม่ให้ มีก็ช่วย ไม่มีก็ไม่ช่วย เพราะทุกวันนี้บอกได้เลยว่าแค่พออยู่ได้เท่านั้น ผมไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น ผมมีแฟนที่ต้องดูแล ทุกวันนี้จะซื้อบ้านก็ซื้อไม่ได้ เพราะติดบ้านหลังที่กู้กับแม่อยู่
ขอคำแนะนำ
ผมมีแผนในใจคืออยากเปลี่ยนชื่อผู้กู้เป็นชื่อน้อง กับประกาศขาย ทีนี้ถ้าเกิดอัตราดอกเบี้ยมันปรับเป็น 15% แล้วจะขายได้ไหม? ผมไม่มีแผนนอกจากนี้แล้ว ตอนนี้ได้แต่นั่งโทษตัวเองที่ไม่เชื่อแฟน เห็นหน้าแฟนทีไรจะร้องไห้ทุกทีกับเรื่องนี้ มีแผนอื่นรับมืออื่นๆไหมครับ?
[กระทู้พลีชีพ]แชร์ประสบการณ์โดนบุพการีทวงบุญคุณ
ตอนผมเกิด ผมเกิดมาในครอบครัวแตกแยก (หย่าร้าง) พ่อกับแม่ขึ้นศาลกันว่าใครจะมีสิทธิ์เลี้ยงดูบุตร ศาลตัดสินให้พ่อของผมเลี้ยงดูเนื่องจากแม่ผมไม่มีอาชีพและไม่มีรายได้ นั่นทำให้ผมได้มาอยู่กับพ่อ แต่ พ่อของผมก็ไม่ได้เลี้ยงดู คนเลี้ยงดูกลายเป็นย่าและลุงของผม ที่ท่านเลี้ยงดูผมมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งผมอายุได้ 18 ปี ซึ่งผมก็ไม่ค่อยพอใจกับการเลี้ยงดูของลุงเท่าไหร่ เลยตัดสินใจว่า ถ้าได้เรียนมหาลัยเมื่อไหร่ ถือว่าผมไม่มีอะไรติดค้างกับที่นี่ และจะไม่กลับมาที่นี่อีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็เหมือนนึกได้ว่ายังมีย่าที่คอยดูแลผมจ่ายค่าเทอมตอนเรียนให้ผม ทำให้ผมได้กลับบ้านมาหาย่าอยู่บ้าง เพราะว่ากลับมาแล้วเจอลุง ซึ่งไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยอยากกลับบ้าน
เริ่มเข้าเรื่อง
เวลาล่วงเลยมาจนผมเรียนจบมหาลัย ออกมาหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งได้ 3 ปี ทางบ้านฝั่งแม่มีปัญหาเรื่องบ้าน เนื่องจากผู้กู้ซื้อบ้านเสียชีวิต (แฟนใหม่แม่) และประกันไม่ครอบคลุม ประกอบกับน้อง (ลูกของพ่อใหม่และแม่) อายุยังน้อย ไม่สามารถยื่นกู้บ้านได้ แม่ติดบูโล แม่จึงขอร้องให้ผมทำเรื่องกู้บ้านให้หน่อย ผมถามแม่ว่าถ้าไม่ทำเป็นไรไหม แม่ก็บอกต้องหาที่อยู่ใหม่ ตอนนั้นยายผมป่วยอยู่ด้วย และถ้าขอจากผมไม่ได้ ก็จะไปขอจากน้องสาวผม (คนนี้พ่อแม่เดียวกัน) ผมไม่อยากให้ภาระไปอยู่ที่น้องสาว และยายผมที่ป่วย ผมเคยขอร้องให้แกมาหาที่โรงเรียนบ่อย ๆ สมัยเด็ก ๆ เพราะว่าผมกับยายไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน เมื่อสำนึกบุญคุณของยายได้ ผมกลั้นใจตอบตกลงไป ตอนนั้นผมอยู่กับแฟนที่หอพัก ผมลองถามแฟนดู แฟนผมค้านหัวชนฝา ถึงขั้นที่เราทะเลาะกัน ผมยืนยันกับแฟนว่าถ้าแม่ผ่อนไม่ไหว ผมจะขายบ้านซะ ถ้าเป็นที่ดินน่าจะมีกำไรได้อยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย ถึงแบบนั้นแฟนผมก็ไม่ค่อยพอใจอยู่ดี โดยผมกับแม่ตกลงกันว่าชื่อกู้เป็นชื่อผม แต่คนผ่อนคือแม่นะ เพราะว่าผมไม่ได้อยู่ด้วย ซึ่งแม่ก็ตกลงตามนี้
ปัญหาเริ่มเกิด
แม่ผมจ่ายตรงตามงวดมาตลอด 2 ปี จนกระทั่งยายผมเสีย จากนั้นแม่เริ่มไขว้เขว เหมือนมีภาวะซึมเศร้าหน่อย ๆ ผมไม่ได้ไปเยี่ยมแม่เลยหลังจากงานศพยาย มีน้องสาวผมที่พาแม่ไปเที่ยวอยู่ครั้งนึง และผมก็ไปเยี่ยมแม่บ้างในวันที่ผมไปเยี่ยมย่าของผม อยู่ ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่จ่ายค่างวด 3 เดือนติดกัน ตอนแบงค์โทรมาผมก็ตกใจว่าทำไมไม่จ่าย 3 งวดต่อกัน โทรไปหาแม่ ได้ความว่าน้องลาออกจากงานไปสอบทหาร แต่ไม่ติด ตอนนี้กำลังหางานอยู่ ผมเลยบอกว่าทำไม่บอกก่อน เผื่อจะได้วางแผนร่วมกันว่าจะทำยังไงระหว่างที่ไปสอบและไม่มีตังค์จ่าย และที่น่าประหลาดใจกว่านั้นคือ น้องผมมีลูกแฝดให้แม่เลี้ยง ซึ่งทางแม่ตกลงว่าเลี้ยงครอบครัวละคน คือทางแม่ผมเลี้ยงคนนึง ทางฝั่งโน้นก็เลี้ยงคนนึง ซึ่งหลานคนนี้ก็เกิดตอนที่ยายผมยังไม่เสียนั่นแหละ ตอนนี้แม่ผมเลยขายกาแฟที่บ้าน ซึ่งก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนน้องก็หางานใหม่ทำที่ต่างจังหวัด ผมเริ่มเห็นแววจะไปไม่รอด ผมเลยถามแม่ตรง ๆ ว่าไหวไหม ไม่ไหวจะขาย แม่ผมบอกว่าไม่อยากขาย เพราะเป็นบ้านยาย (ยายเคยอยู่) ไม่อยากย้ายไปไหน ผมก็บอกไปว่าถ้าไหว ต้องมีเงินนะคิดให้ดี แต่แม่ก็ยังยืนยันว่าจะผ่อนต่อ แต่พอเดือนถัดมาเป็นเดือนที่ยายเสียครบ 1 ปี แม่ก็เลยเอาเงินไปทำบุญหมดโดยที่ไม่มีเงินผ่อนค่าบ้าน
ปัญหาที่เกิด
แม่บอกให้ผมจ่ายค่างวดบ้านให้หน่อยเดือนนึง ผมเลยไปคุยกับแฟน แฟนผมโกรธมาก บอกว่าไหนว่าผ่อนได้ ผ่อนไหว ทำไมต้องเอามาเกี่ยวกับครอบครัวเรา ผมเลยขอร้องแฟนว่า ช่วยแม่หน่อยนะเดือนเดียว แฟนผมเลยยอมให้ โดยบอกว่าถ้ามีอีกครั้งให้รีบขายไปเลย โดยระหว่างนั้นผมก็เริ่มดูราคาที่ดินแถว ๆ บ้านแล้วว่าขายกันเท่าไหร่ยังไง เรื่องมาพีคคือมีอยู่เดือนนึงมีเงินไม่พอจ่ายค่าบ้าน แล้วมาบอกผม ผมบอกว่าไม่มีช่วยหรอก เค้าเลยทวงบุญคุณมาว่ามีแต่คนเค้าให้เงินพ่อแม่ ไม่มีใครปล่อยให้พ่อแม่ลำบาก ลามไปถึงย่าผมว่า เคยมาดูแลย่าบ้างไหม รู้ไม่ย่าเป็นไงบ้าง รัวเรื่องบุญคุณอยู่อย่างนี้จนผมไม่เถียงอะไร ผมเคยเสนอให้แม่ย้ายมาอยู่กับผม แม่บอกแค่ว่าแม่มาไม่ได้ แม่ทิ้งปัญหาไว้ให้คนอื่นไม่ได้ ผมถามว่าใคร แม่ก็ไม่พูดอะไร
ทำยังไงต่อไปดี
1. ความรู้สึกผมคือแม่ไม่ได้เลี้ยงดูผมมา เหตุใดเล่าต้องทดแทนคุณ ถ้าจะบอกทดแทนคุณ ก็เอาชื่อผมไปกู้ซื้อบ้านแล้วไง
2. คนที่ทำให้แม่ลำบากไม่ใช่ผมซะหน่อย แม่ผมต้องมีภาระเพิ่มจากหลานที่น้องผมทำมา นั่นทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่น้องผมก็ดูจะพยายามหาเงินอยู่นะ ผมเข้าใจในความพยายามแต่ถ้ามันไปไม่รอด ก็ต้องปล่อย
3. คิดว่าผมเนรคุณไหม? ส่วนตัวผมคิดว่าไม่นะ ผมให้เท่าที่มี ไม่มีก็ไม่ให้ มีก็ช่วย ไม่มีก็ไม่ช่วย เพราะทุกวันนี้บอกได้เลยว่าแค่พออยู่ได้เท่านั้น ผมไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น ผมมีแฟนที่ต้องดูแล ทุกวันนี้จะซื้อบ้านก็ซื้อไม่ได้ เพราะติดบ้านหลังที่กู้กับแม่อยู่
ขอคำแนะนำ
ผมมีแผนในใจคืออยากเปลี่ยนชื่อผู้กู้เป็นชื่อน้อง กับประกาศขาย ทีนี้ถ้าเกิดอัตราดอกเบี้ยมันปรับเป็น 15% แล้วจะขายได้ไหม? ผมไม่มีแผนนอกจากนี้แล้ว ตอนนี้ได้แต่นั่งโทษตัวเองที่ไม่เชื่อแฟน เห็นหน้าแฟนทีไรจะร้องไห้ทุกทีกับเรื่องนี้ มีแผนอื่นรับมืออื่นๆไหมครับ?