บทที่ 3
ในตอนเย็นแม่เดินออกมาจากห้องนอน และเข้าไปในครัว แม่เห็นขนมหม้อแกงที่พี่มินเอามาให้
แม่ถามฉัน ว่าไปเอามาจากไหน ฉันจึงบอกว่าคนบ้านโน่นเอามาให้ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่โอมเดินเข้ามาในบ้านพอดี
พี่โอมวิ่งมาหอบเอาถาดขนมไปทันที บอกว่าจะเอาไปให้เพื่อนๆกินด้วย
และฉันยังไม่ทันได้บอกพี่โอมว่าพี่มินถามหา พี่โอมก็เดินออกไปนั่งหน้าบ้านกับเพื่อนๆซะแล้ว
ฉันกับแม่ช่วยกันทำอาหารเย็น ฉันไปหุ้งข้าวและล้างผักให้แม่ วันนี้แม่ทำไข่เจียวชะอม แกงเขียวหวานไก่ และผัดเปรี้ยวหวานหมู
แต่แม่ทำยำวุ้นเส้นก่อนเมนูอื่น เมื่อแม่เห็นว่าพี่โอมพาเพื่อนมาที่บ้าน แล้วแม่ก็บอกให้ฉันยกไปให้พี่ๆกิน
ฉันนำยำวุ้นเส้นมาเสิร์ฟ และได้ยินชื่อนายต่ออยู่ในวงสนทนาของพวกพี่ๆ
ด้วยความอยากรู้ว่าพวกพี่ๆคุยอะไรกัน ฉันจึงแอบฟังอยู่หลังประตู ทุกคนพูดถึงนักร้องนำในวง และต่างลงความเห็นว่า จะชวนนายต่อมาเป็นนักร้องนำ
พี่เบสชมว่านายต่อร้องเพลงเพราะ โทนเสียงนี่คล้ายพี่ตูน ส่วนพี่บอยบอกว่ามีความคล้ายปั๊บโปเตโต้ด้วย
สรุปว่าทุกคนต้องการนายต่อมาเป็นนักร้องนำของวง พากันชมนายต่อไม่หยุดหย่อน ฉันทนฟังไม่ไหวและไม่อยากจะเชื่อว่านายนี่จะร้องเพลงเพราะอะไรหนักหนา
ฉันกลับเข้าครัวช่วยแม่ทำอาหารต่อ แต่ในหัวกลับคิดถึงแต่เรื่องนายต่อ หมอนี่ไปร้องเพลงให้พวกพี่ๆฟังตอนไหน หรือว่าฉันต้องถามพี่โอมดี
ไม่ๆไม่นะ จะไปอยากรู้เรื่องนายนี่ทำไม ฉันสลัดความคิดเรื่องนายต่อออกจากหัว และช่วยแม่ตักอาหารใส่ถ้วยชาม
เสียงโทรศัพท์ที่บ้านดังขึ้น ฉันวิ่งมารับสาย เป็นพ่อที่โทรมา พ่อบอกว่าเย็นนี้จะกลับดึกหน่อยให้พวกเราทานข้าวไปก่อน
ฉันเดินมาบอกแม่ แม่ไม่พูดอะไร ไม่บ่น ไม่ตำหนิพ่อเหมือนที่เคยทำ แม่นิ่งไป ฉันเห็นแววตาที่บ่งบอกว่าแม่กำลังเสียใจฉายชัดออกมา
ฉันไม่รู้ว่าระหว่างแม่กับพ่อมีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า และฉันไม่รู้ว่าระหว่างแม่กับพ่อ ฉันควรถามใครดี
คืนนี้เราจึงนั่งกินข้าวกันสามคน..
ฉันทำหน้าที่ล้างจานหลังทานข้าวเสร็จ ส่วนพี่โอมเดินตัวปลิวขึ้นห้องตัวเองไป
หลังจากจัดการถ้วยชามจนสะอาดเรียบร้อย ฉันจึงเดินมานั่งดูละครกับแม่จนจบ หลังจากนั้นเราสองคนจึงแยกย้ายกันเข้านอน เรื่องราวในคืนนี้ควรจบลงเท่านี้ ถ้าหากฉันหลับยาวไปจนถึงเช้า
แต่ฉันดันปวดฉี่ตอนเที่ยงคืน จึงเดินลงมาชั้นล่างเพื่อเข้าห้องน้ำ ฉันหยุดอยู่กลางบันไดเมื่อเหลียวไปเห็นแม่นั่งอยู่บนโซฟา และพ่อยืนอยู่อีกฟากหนึ่ง แล้วท่านทั้งสองก็เริ่มมีปากเสียงกัน
"กลับมาปานนี้ ไปทำอะไรมา" แม่ขึ้นเสียงใส่พ่อ
"ผมมีเคสผ่าตัดด่วน คุณเป็นอะไรนี่ อยู่ๆดีมาหาเรื่องกันแบบนี้" แล้วพ่อก็ตอบด้วยความหงุดหงิด
"มีคนบอกฉันว่าเห็นคุณไปกินข้าวกับกานดามา คุณจะแก้ตัวว่าไง นี่คิดจะกลับไปหาคนรักเก่าหรือไง"
ฉันรู้สึกตัวชา แม่พูดเรื่องอะไร พ่อนอกใจแม่หรือ ฉันตกใจจนทรุดตัวนั่งลง
"ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว เพราะมันคือเรื่องจริง"
ฉันรู้สึกอยากร้องไห้ พ่อไม่ปฎิเสธแต่พ่อยอมรับ เกิดอะไรขึ้น พ่อจะทิ้งแม่ไปเหรอ
แม่โวยวายใส่พ่อ ส่วนพ่อได้แต่ส่ายหน้า แล้วบอกขอตัวไปอาบน้ำเพราะเหนื่อยมากแล้ว
แต่แม่ฉุดแขนพ่อไว้บอกว่ามาคุยกันให้รู้เรื่อง พ่อบอกจะคุยแน่ ถ้าแม่มีสติมากกว่านี้ แล้วแม่ก็นั่งทรุดลงที่เดิม ซบหน้าลงเข่า ฉันอยากเดินลงไปปลอบแม่
แต่ขาของฉันมันไม่ยอมขยับเลย พ่อกำลังนอกใจแม่ แล้วพ่อจะทิ้งพวกเราไปไหม ฉันแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉันรีบกลับเข้าห้องแล้วนอนคลุมโปงจนถึงเช้า
ตอนสายเกือบจะเที่ยงแล้ว ฉันตื่นมาด้วยอาการวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย เดินลงมาชั้นล่าง เห็นพี่โอมนั่งเล่นกับเจ้าซูโม่
"กับข้าวอยู่ในครัว ไปหากินเอง" พี่โอมหันมาพูดกับฉัน แล้วพูดต่อทันที
"แล้ววันนี้เป็นอะไรตื่นสาย แล้วหน้าตายังกะคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน"
"พ่อกับแม่ล่ะ" ฉันไม่ตอบแต่เลี่ยงยิงคำถามไปแทน เพราะกลัวพ่อจะออกจากบ้านไปแล้ว
"ก็ไปทำงานทั้งคู่นะสิ ถามได้ "
ฉันเดินมานั่งขัดสมาธิบนโซฟา เจ้าซูโม่โดดขึ้นมานั่งข้างๆ ฉันจึงลูบหัวมัน แล้วมันก็เอาหัวมาหนุนตัก
"นี่ถามหน่อย ในสายตาผู้หญิง น้องคิดว่านายต่อมีเสน่ห์มั้ย"
อยู่ๆพี่โอมก็ถามฉันขึ้นมา ทำฉันตาสว่างหายสะลึมสะลือทันที
"พี่ถามทำไม"
"พี่แค่อยากรู้ พี่ว่าจะชวนนายต่อมาเป็นนักร้องนำของวงพี่น่ะ นี่ถ้าหมอนั่นถอดแว่นตาออก หน้าตาใช้ได้ทีเดียวนะ"
"แหวะ..ไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลย" ฉันพูดไปตามจริง หล่อที่ไหนกัน ผอมยังกับไม้เสียบลูกชิ้น
"สงสัยน้องพี่จะชอบระดับหล่อขั้นเทพละมั้ง"
พี่โอมพูดจบก็หัวเราะร่วน
ฉันเบ้ปาก แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย ฉันเล่าเรื่องพ่อกับแม่ทะเลาะกันให้พี่โอมฟัง
"ไม่มีอะไรหรอกนา น้ากานดาเป็นคนรักเก่าของพ่อก็จริง แต่ทั้งคู่คงไปกินข้าวด้วยกันตามประสาเพื่อนเก่า" พี่โอมบอกฉัน
"พี่รู้จักคนที่ชื่อกานดาด้วยเหรอ"
"เคยเจอสองครั้ง น้องอย่าคิดมากเลย เชื่อใจพ่อเราสิ ไปอาบน้ำได้แล้วไป พี่จะพาเจ้าซูโม่ไปเดินเล่นดีกว่า เผื่อเจอสาวข้างบ้าน"
แล้วพี่โอมก็จูงเจ้าซูโม่ออกจากบ้านไป และกลับมาเร็วตอนฉันอาบน้ำเสร็จพอดี
"บ้านนั้นไปไหนกันหมดไม่รู้ ไม่เห็นมีใครอยู่บ้านสักคน นอนดีกว่า" พี่โอมพึมพำ แล้วทิ้งตัวนอนยาวบนโซฟาโดยมีเจ้าซูโม่นอนประกบอยู่ข้างล่าง
"วันนี้ไม่ไปซ้อมดนตรีเหรอ" ฉันถามพี่โอม
"วันนี้พัก"
และนั่นคือคำตอบของพี่โอม ฉันเดินขึ้นห้อง มองออกไปที่หน้าต่างเห็นนายต่อเดินเข้าบ้าน สักพักก็เดินออกมาพร้อมกล่องอุปกรณ์อะไรสักอย่าง ฉันคิดว่าน่าจะเป็นกล่องสำหรับใส่พวกค้อนตะปูละมั้ง เพราะดูแล้วคล้ายกับกล่องตะปูของพ่อมาก
เอาไปทำอะไรนะ อยู่ๆก็นึกอยากรู้เรื่องนายนี่ขึ้นมา ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ จะอยากรู้ไปทำไม จะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของเขาสิ
แต่เหมือนนายต่อจะมีตาทิพย์ นายนั่นดันหันหน้าขึ้นมามองที่หน้าต่าง และเห็นฉันพอดี ทำฉันหลบตัวหนีแทบไม่ทัน บ้าชะมัด..
ฉันเดินหลบออกจากหน้าต่าง แล้วเลิกสนใจเรื่องนายต่อ หยิบหนังสือนิยาย แล้วเดินถือลงมาอ่านชั้นล่าง
เห็นเจ้าซูโม่นอนหลับบนโซฟาแทนพี่โอม ส่วนพี่โอมหายไป แถมยังเปิดประตูบ้านทิ้งไว้อีก ให้มันได้อย่างงี้สิคุณพี่ชาย ไปไหนมาไหนไม่บอกกันเลย
พี่โอมนี่ยังกับผี หายแว่บไปอย่างไร้ร่องรอยตลอดเลย ถ้าเห็นอยู่ตรงนี้ สักพักจะเห็นพี่โอมไปโผล่อีกที่หนึ่ง พิลึกคน
ฉันนั่งอ่านนิยายบนโซฟา จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน กระทั่งเสียงรถยนต์ของแม่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน
ทันทีที่แม่ดับเครื่องยนต์ รถของพ่อก็แล่นตามมาจอดติดๆ
แม่เดินเข้ามาในบ้านและพ่อก็เดินตามมา
"คุณไปกับเธอจริงๆด้วย ทำไมคุณทำแบบนี้ ทำอะไรไม่คิดถึงลูกๆเลย"
แม่ตะโกนใส่พ่อเสียงดัง
"คุณใจเย็นๆแล้วฟังผมอธิบายก่อน" พ่อโต้ตอบกลับมา และในจังหวะนั้นพ่อหันมาเห็นฉันพอดี
"ยัยแอม" พ่อเรียกชื่อฉัน และแม่จึงหันมาดู ฉันนั่งนิ่งเป็นหุ่น มองพ่อกับแม่สลับกันไปมา
"ลูกออกไปเดินเล่น หรือไม่ก็ขึ้นไปบนห้องก่อนได้มั้ย พ่อมีเรื่องต้องคุยกับแม่" พ่อพูดกับฉัน
ฉันเพิ่งออกมาจากห้องนอนจะให้ขึ้นไปอีกได้ไง จึงเลือกเดินออกจากบ้านดีกว่า ซูโม่มันทำท่าจะวิ่งตามมา แต่ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์พามันเดินเล่นหรอกนะ ฉันจึงปิดประตูขังมันไว้ในบ้านซะเลย
ฉันเดินเรื่อยเปื่อยไปตามซอยในหมู่บ้าน ไม่รู้จะไปที่ไหนหรือไปทำอะไร
พ่อกับแม่จะคุยกันแบบไหนจะตกลงแยกทางกันหรืออะไร ฉันรู้สึกจิตใจหดหู่ และสับสนไปหมด ฉันเดินก้มหน้าจนไม่รู้ตัวว่าพ่อนายต่อ และลุงสันต์เพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดินสวนทางมา
"หนูแอมจะไปไหน" แล้วลุงสันต์เอ่ยถาม
ฉันสะดุ้งและเงยหน้าหันไปมองคนที่ถาม
"ไปร้านป้าเจี๊ยบค่ะ" ฉันตอบไปอย่างงั้นละ ก็ไม่รู้จะตอบว่าไงดี ไปร้านป้าเจี๊ยบขายของชำนี่ละเข้าท่าสุด
"หนูที่อยู่บ้านตรงข้ามกับบ้านลุงใช่มั้ย" แล้วพ่อนายต่อก็พูดกับฉัน
"ค่ะ"
"ได้ข่าวว่าอายุเท่าลูกชายลุงเลย ยังไงก็เป็นเพื่อนกันนะ อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง"
"ค่ะ" ฉันตอบอย่างไม่เต็มปาก
พ่อนายต่อพยักหน้าและยิ้ม จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าบ้านลุงสันต์
ฉันเดินไปเรื่อยๆจนเกือบถึงหน้าปากซอย เห็นนายต่อกำลังนั่งตอกตะปูบนแผ่นไม้
ฉันพยายามไม่หันไปมองและไม่ทำให้หมอนั่นรู้ว่าฉันเดินผ่านมา ถ้ามีผ้าคลุมล่องหนอย่างแฮรี่ พอตเตอร์ก็ดีสิ นายต่อจะได้มองไม่เห็นฉัน
ฉันพยายามทำตัวเองให้หดเล็กลง แต่สายไป หมอนั่นปัดไม้ปัดมือแล้วลุกขึ้นยืน เดินตรงดิ่งมาหาฉัน
ทำไงดี หรือต้องวิ่งหนี บ้าน่า จะวิ่งหนีทำไม วิ่งหนีก็กลัวสิ
แล้วนายต่อก็ถามหาเจ้าซูโม่ ฉันว่าจะไม่ตอบคำถามนายโย่งนี้ซะแล้ว แต่แม่นายต่อหันมายิ้มให้ และท่านเพิ่งฝากขนมมาให้
ฉันจึงต้องคุยกับนายต่อ โดยแสร้งบอกว่าซูโม่หลับอยู่ ก่อนจะรีบขอตัวด้วยข้ออ้างง่ายๆ
ฉันรีบเดินไปที่ร้านป้าเจี๊ยบ เห็นพี่โอมกำลังเลือกเครื่องดื่มในตู้แช่
แต่นายต่อดันเดินตามฉันมา จะตื้อขนาดนี้เลยหรือ มากไปแล้วนะ
ฉันกำลังจะหันไปต่อว่าสักหน่อย แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไร
นายต่อเดินเลยฉันไปคุยกับพี่โอม ฉันจึงเดินเข้าไปเลือกขนมในร้าน
แต่หูได้ยินแว่วๆว่า พี่มินถามพี่โอมเรื่องเรียน ทำให้ฉันเข้าใจทันทีว่าที่พี่มินถามหาพี่โอมก็เพราะเรื่องนี้นี่เอง
ฉันเลือกขนมแต่ให้พี่โอมเป็นคนจ่ายเงิน เพราะฉันไม่ได้พกเงินมาสักบาท แล้วเราก็เดินกลับบ้านพร้อมกัน และตลอดทางฉันเล่าเรื่องพ่อกับแม่ให้พี่โอมฟัง
....
แม่เช่าร้านเล็กๆอยู่ตรงข้ามร้านขายของชำ สำหรับเป็นที่วางขายขนม มันเป็นพื้นที่เล็กๆซึ่งสร้างเป็นเพิงไม้ไผ่ แต่สภาพทุกอย่างดูเก่าทรุดโทรมมากแล้ว พ่อจึงต้องรื้อออกหมด แล้วสร้างใหม่
จากที่คิดว่าจะเปิดร้านได้ภายในสามสี่วันนี้คงต้องเลื่อนออกไปเป็นอาทิตย์
ผมกับพ่อช่วยกันสร้างเพิงใหม่ ในตลอดทั้งวัน และผมได้เห็นว่าคนในหมู่บ้านนี้เป็นมิตรทีเดียว หลายคนเดินเข้ามาถามว่าจะขายอะไร และพอแม่บอกทุกคนก็ตั้งใจว่าจะมาช่วยอุดหนุน
ในตอนเที่ยงพ่อใช้ให้ผมมาเอากล่องตะปูที่บ้าน ในระหว่างที่ผมเดินออกมาจากบ้าน ผมเห็นใครบางคนยืนส่องอยู่ที่หน้าต่างบ้านตรงข้าม
ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ห้องตรงข้ามกับผมคือแอมนี่เอง
โชคดีจริงๆ ที่เป็นห้องของเธอ ผมจะได้เปิดหน้าต่างมองออกไปบ่อยๆ เผลอๆอาจได้สบตากันที่หน้าต่าง
วันนี้ฝนตก ไหลลงที่หน้าต่าง
เธอคิดถึงฉันบ้าง ไหมหนอเธอ
เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว สองเรายังได้เจอ
เธอ ส่งยิ้มมา
นั่งอยู่คนเดียวเหลียวมองที่หน้าต่าง
หากมีเธอข้างๆ ก็คงจะสุขใจ
เธอคงไม่รู้ว่าฉันเองยังไม่มีใคร
หากเป็นเธอก็คงเข้าที
ผมเดินฮัมเพลงเบาๆมาตลอดทาง มีคนเคยบอกว่าการมีความรักมักทำให้เรามีความสุขได้โดยไม่รู้สาเหตุ และทำให้เราสามารถทำอะไรแปลกๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ
และผมว่า..ผมตกหลุมรักเธอเข้าให้แล้ว รักแรกพบที่ผมเพิ่งค้นพบ
.
หัวใจซ่อนรัก บทที่ 3
แม่ถามฉัน ว่าไปเอามาจากไหน ฉันจึงบอกว่าคนบ้านโน่นเอามาให้ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่โอมเดินเข้ามาในบ้านพอดี
พี่โอมวิ่งมาหอบเอาถาดขนมไปทันที บอกว่าจะเอาไปให้เพื่อนๆกินด้วย
และฉันยังไม่ทันได้บอกพี่โอมว่าพี่มินถามหา พี่โอมก็เดินออกไปนั่งหน้าบ้านกับเพื่อนๆซะแล้ว
ฉันกับแม่ช่วยกันทำอาหารเย็น ฉันไปหุ้งข้าวและล้างผักให้แม่ วันนี้แม่ทำไข่เจียวชะอม แกงเขียวหวานไก่ และผัดเปรี้ยวหวานหมู
แต่แม่ทำยำวุ้นเส้นก่อนเมนูอื่น เมื่อแม่เห็นว่าพี่โอมพาเพื่อนมาที่บ้าน แล้วแม่ก็บอกให้ฉันยกไปให้พี่ๆกิน
ฉันนำยำวุ้นเส้นมาเสิร์ฟ และได้ยินชื่อนายต่ออยู่ในวงสนทนาของพวกพี่ๆ
ด้วยความอยากรู้ว่าพวกพี่ๆคุยอะไรกัน ฉันจึงแอบฟังอยู่หลังประตู ทุกคนพูดถึงนักร้องนำในวง และต่างลงความเห็นว่า จะชวนนายต่อมาเป็นนักร้องนำ
พี่เบสชมว่านายต่อร้องเพลงเพราะ โทนเสียงนี่คล้ายพี่ตูน ส่วนพี่บอยบอกว่ามีความคล้ายปั๊บโปเตโต้ด้วย
สรุปว่าทุกคนต้องการนายต่อมาเป็นนักร้องนำของวง พากันชมนายต่อไม่หยุดหย่อน ฉันทนฟังไม่ไหวและไม่อยากจะเชื่อว่านายนี่จะร้องเพลงเพราะอะไรหนักหนา
ฉันกลับเข้าครัวช่วยแม่ทำอาหารต่อ แต่ในหัวกลับคิดถึงแต่เรื่องนายต่อ หมอนี่ไปร้องเพลงให้พวกพี่ๆฟังตอนไหน หรือว่าฉันต้องถามพี่โอมดี
ไม่ๆไม่นะ จะไปอยากรู้เรื่องนายนี่ทำไม ฉันสลัดความคิดเรื่องนายต่อออกจากหัว และช่วยแม่ตักอาหารใส่ถ้วยชาม
เสียงโทรศัพท์ที่บ้านดังขึ้น ฉันวิ่งมารับสาย เป็นพ่อที่โทรมา พ่อบอกว่าเย็นนี้จะกลับดึกหน่อยให้พวกเราทานข้าวไปก่อน
ฉันเดินมาบอกแม่ แม่ไม่พูดอะไร ไม่บ่น ไม่ตำหนิพ่อเหมือนที่เคยทำ แม่นิ่งไป ฉันเห็นแววตาที่บ่งบอกว่าแม่กำลังเสียใจฉายชัดออกมา
ฉันไม่รู้ว่าระหว่างแม่กับพ่อมีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า และฉันไม่รู้ว่าระหว่างแม่กับพ่อ ฉันควรถามใครดี
คืนนี้เราจึงนั่งกินข้าวกันสามคน..
ฉันทำหน้าที่ล้างจานหลังทานข้าวเสร็จ ส่วนพี่โอมเดินตัวปลิวขึ้นห้องตัวเองไป
หลังจากจัดการถ้วยชามจนสะอาดเรียบร้อย ฉันจึงเดินมานั่งดูละครกับแม่จนจบ หลังจากนั้นเราสองคนจึงแยกย้ายกันเข้านอน เรื่องราวในคืนนี้ควรจบลงเท่านี้ ถ้าหากฉันหลับยาวไปจนถึงเช้า
แต่ฉันดันปวดฉี่ตอนเที่ยงคืน จึงเดินลงมาชั้นล่างเพื่อเข้าห้องน้ำ ฉันหยุดอยู่กลางบันไดเมื่อเหลียวไปเห็นแม่นั่งอยู่บนโซฟา และพ่อยืนอยู่อีกฟากหนึ่ง แล้วท่านทั้งสองก็เริ่มมีปากเสียงกัน
"กลับมาปานนี้ ไปทำอะไรมา" แม่ขึ้นเสียงใส่พ่อ
"ผมมีเคสผ่าตัดด่วน คุณเป็นอะไรนี่ อยู่ๆดีมาหาเรื่องกันแบบนี้" แล้วพ่อก็ตอบด้วยความหงุดหงิด
"มีคนบอกฉันว่าเห็นคุณไปกินข้าวกับกานดามา คุณจะแก้ตัวว่าไง นี่คิดจะกลับไปหาคนรักเก่าหรือไง"
ฉันรู้สึกตัวชา แม่พูดเรื่องอะไร พ่อนอกใจแม่หรือ ฉันตกใจจนทรุดตัวนั่งลง
"ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว เพราะมันคือเรื่องจริง"
ฉันรู้สึกอยากร้องไห้ พ่อไม่ปฎิเสธแต่พ่อยอมรับ เกิดอะไรขึ้น พ่อจะทิ้งแม่ไปเหรอ
แม่โวยวายใส่พ่อ ส่วนพ่อได้แต่ส่ายหน้า แล้วบอกขอตัวไปอาบน้ำเพราะเหนื่อยมากแล้ว
แต่แม่ฉุดแขนพ่อไว้บอกว่ามาคุยกันให้รู้เรื่อง พ่อบอกจะคุยแน่ ถ้าแม่มีสติมากกว่านี้ แล้วแม่ก็นั่งทรุดลงที่เดิม ซบหน้าลงเข่า ฉันอยากเดินลงไปปลอบแม่
แต่ขาของฉันมันไม่ยอมขยับเลย พ่อกำลังนอกใจแม่ แล้วพ่อจะทิ้งพวกเราไปไหม ฉันแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉันรีบกลับเข้าห้องแล้วนอนคลุมโปงจนถึงเช้า
ตอนสายเกือบจะเที่ยงแล้ว ฉันตื่นมาด้วยอาการวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย เดินลงมาชั้นล่าง เห็นพี่โอมนั่งเล่นกับเจ้าซูโม่
"กับข้าวอยู่ในครัว ไปหากินเอง" พี่โอมหันมาพูดกับฉัน แล้วพูดต่อทันที
"แล้ววันนี้เป็นอะไรตื่นสาย แล้วหน้าตายังกะคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน"
"พ่อกับแม่ล่ะ" ฉันไม่ตอบแต่เลี่ยงยิงคำถามไปแทน เพราะกลัวพ่อจะออกจากบ้านไปแล้ว
"ก็ไปทำงานทั้งคู่นะสิ ถามได้ "
ฉันเดินมานั่งขัดสมาธิบนโซฟา เจ้าซูโม่โดดขึ้นมานั่งข้างๆ ฉันจึงลูบหัวมัน แล้วมันก็เอาหัวมาหนุนตัก
"นี่ถามหน่อย ในสายตาผู้หญิง น้องคิดว่านายต่อมีเสน่ห์มั้ย"
อยู่ๆพี่โอมก็ถามฉันขึ้นมา ทำฉันตาสว่างหายสะลึมสะลือทันที
"พี่ถามทำไม"
"พี่แค่อยากรู้ พี่ว่าจะชวนนายต่อมาเป็นนักร้องนำของวงพี่น่ะ นี่ถ้าหมอนั่นถอดแว่นตาออก หน้าตาใช้ได้ทีเดียวนะ"
"แหวะ..ไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลย" ฉันพูดไปตามจริง หล่อที่ไหนกัน ผอมยังกับไม้เสียบลูกชิ้น
"สงสัยน้องพี่จะชอบระดับหล่อขั้นเทพละมั้ง"
พี่โอมพูดจบก็หัวเราะร่วน
ฉันเบ้ปาก แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย ฉันเล่าเรื่องพ่อกับแม่ทะเลาะกันให้พี่โอมฟัง
"ไม่มีอะไรหรอกนา น้ากานดาเป็นคนรักเก่าของพ่อก็จริง แต่ทั้งคู่คงไปกินข้าวด้วยกันตามประสาเพื่อนเก่า" พี่โอมบอกฉัน
"พี่รู้จักคนที่ชื่อกานดาด้วยเหรอ"
"เคยเจอสองครั้ง น้องอย่าคิดมากเลย เชื่อใจพ่อเราสิ ไปอาบน้ำได้แล้วไป พี่จะพาเจ้าซูโม่ไปเดินเล่นดีกว่า เผื่อเจอสาวข้างบ้าน"
แล้วพี่โอมก็จูงเจ้าซูโม่ออกจากบ้านไป และกลับมาเร็วตอนฉันอาบน้ำเสร็จพอดี
"บ้านนั้นไปไหนกันหมดไม่รู้ ไม่เห็นมีใครอยู่บ้านสักคน นอนดีกว่า" พี่โอมพึมพำ แล้วทิ้งตัวนอนยาวบนโซฟาโดยมีเจ้าซูโม่นอนประกบอยู่ข้างล่าง
"วันนี้ไม่ไปซ้อมดนตรีเหรอ" ฉันถามพี่โอม
"วันนี้พัก"
และนั่นคือคำตอบของพี่โอม ฉันเดินขึ้นห้อง มองออกไปที่หน้าต่างเห็นนายต่อเดินเข้าบ้าน สักพักก็เดินออกมาพร้อมกล่องอุปกรณ์อะไรสักอย่าง ฉันคิดว่าน่าจะเป็นกล่องสำหรับใส่พวกค้อนตะปูละมั้ง เพราะดูแล้วคล้ายกับกล่องตะปูของพ่อมาก
เอาไปทำอะไรนะ อยู่ๆก็นึกอยากรู้เรื่องนายนี่ขึ้นมา ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ จะอยากรู้ไปทำไม จะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของเขาสิ
แต่เหมือนนายต่อจะมีตาทิพย์ นายนั่นดันหันหน้าขึ้นมามองที่หน้าต่าง และเห็นฉันพอดี ทำฉันหลบตัวหนีแทบไม่ทัน บ้าชะมัด..
ฉันเดินหลบออกจากหน้าต่าง แล้วเลิกสนใจเรื่องนายต่อ หยิบหนังสือนิยาย แล้วเดินถือลงมาอ่านชั้นล่าง
เห็นเจ้าซูโม่นอนหลับบนโซฟาแทนพี่โอม ส่วนพี่โอมหายไป แถมยังเปิดประตูบ้านทิ้งไว้อีก ให้มันได้อย่างงี้สิคุณพี่ชาย ไปไหนมาไหนไม่บอกกันเลย
พี่โอมนี่ยังกับผี หายแว่บไปอย่างไร้ร่องรอยตลอดเลย ถ้าเห็นอยู่ตรงนี้ สักพักจะเห็นพี่โอมไปโผล่อีกที่หนึ่ง พิลึกคน
ฉันนั่งอ่านนิยายบนโซฟา จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน กระทั่งเสียงรถยนต์ของแม่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน
ทันทีที่แม่ดับเครื่องยนต์ รถของพ่อก็แล่นตามมาจอดติดๆ
แม่เดินเข้ามาในบ้านและพ่อก็เดินตามมา
"คุณไปกับเธอจริงๆด้วย ทำไมคุณทำแบบนี้ ทำอะไรไม่คิดถึงลูกๆเลย"
แม่ตะโกนใส่พ่อเสียงดัง
"คุณใจเย็นๆแล้วฟังผมอธิบายก่อน" พ่อโต้ตอบกลับมา และในจังหวะนั้นพ่อหันมาเห็นฉันพอดี
"ยัยแอม" พ่อเรียกชื่อฉัน และแม่จึงหันมาดู ฉันนั่งนิ่งเป็นหุ่น มองพ่อกับแม่สลับกันไปมา
"ลูกออกไปเดินเล่น หรือไม่ก็ขึ้นไปบนห้องก่อนได้มั้ย พ่อมีเรื่องต้องคุยกับแม่" พ่อพูดกับฉัน
ฉันเพิ่งออกมาจากห้องนอนจะให้ขึ้นไปอีกได้ไง จึงเลือกเดินออกจากบ้านดีกว่า ซูโม่มันทำท่าจะวิ่งตามมา แต่ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์พามันเดินเล่นหรอกนะ ฉันจึงปิดประตูขังมันไว้ในบ้านซะเลย
ฉันเดินเรื่อยเปื่อยไปตามซอยในหมู่บ้าน ไม่รู้จะไปที่ไหนหรือไปทำอะไร
พ่อกับแม่จะคุยกันแบบไหนจะตกลงแยกทางกันหรืออะไร ฉันรู้สึกจิตใจหดหู่ และสับสนไปหมด ฉันเดินก้มหน้าจนไม่รู้ตัวว่าพ่อนายต่อ และลุงสันต์เพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดินสวนทางมา
"หนูแอมจะไปไหน" แล้วลุงสันต์เอ่ยถาม
ฉันสะดุ้งและเงยหน้าหันไปมองคนที่ถาม
"ไปร้านป้าเจี๊ยบค่ะ" ฉันตอบไปอย่างงั้นละ ก็ไม่รู้จะตอบว่าไงดี ไปร้านป้าเจี๊ยบขายของชำนี่ละเข้าท่าสุด
"หนูที่อยู่บ้านตรงข้ามกับบ้านลุงใช่มั้ย" แล้วพ่อนายต่อก็พูดกับฉัน
"ค่ะ"
"ได้ข่าวว่าอายุเท่าลูกชายลุงเลย ยังไงก็เป็นเพื่อนกันนะ อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง"
"ค่ะ" ฉันตอบอย่างไม่เต็มปาก
พ่อนายต่อพยักหน้าและยิ้ม จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าบ้านลุงสันต์
ฉันเดินไปเรื่อยๆจนเกือบถึงหน้าปากซอย เห็นนายต่อกำลังนั่งตอกตะปูบนแผ่นไม้
ฉันพยายามไม่หันไปมองและไม่ทำให้หมอนั่นรู้ว่าฉันเดินผ่านมา ถ้ามีผ้าคลุมล่องหนอย่างแฮรี่ พอตเตอร์ก็ดีสิ นายต่อจะได้มองไม่เห็นฉัน
ฉันพยายามทำตัวเองให้หดเล็กลง แต่สายไป หมอนั่นปัดไม้ปัดมือแล้วลุกขึ้นยืน เดินตรงดิ่งมาหาฉัน
ทำไงดี หรือต้องวิ่งหนี บ้าน่า จะวิ่งหนีทำไม วิ่งหนีก็กลัวสิ
แล้วนายต่อก็ถามหาเจ้าซูโม่ ฉันว่าจะไม่ตอบคำถามนายโย่งนี้ซะแล้ว แต่แม่นายต่อหันมายิ้มให้ และท่านเพิ่งฝากขนมมาให้
ฉันจึงต้องคุยกับนายต่อ โดยแสร้งบอกว่าซูโม่หลับอยู่ ก่อนจะรีบขอตัวด้วยข้ออ้างง่ายๆ
ฉันรีบเดินไปที่ร้านป้าเจี๊ยบ เห็นพี่โอมกำลังเลือกเครื่องดื่มในตู้แช่
แต่นายต่อดันเดินตามฉันมา จะตื้อขนาดนี้เลยหรือ มากไปแล้วนะ
ฉันกำลังจะหันไปต่อว่าสักหน่อย แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไร
นายต่อเดินเลยฉันไปคุยกับพี่โอม ฉันจึงเดินเข้าไปเลือกขนมในร้าน
แต่หูได้ยินแว่วๆว่า พี่มินถามพี่โอมเรื่องเรียน ทำให้ฉันเข้าใจทันทีว่าที่พี่มินถามหาพี่โอมก็เพราะเรื่องนี้นี่เอง
ฉันเลือกขนมแต่ให้พี่โอมเป็นคนจ่ายเงิน เพราะฉันไม่ได้พกเงินมาสักบาท แล้วเราก็เดินกลับบ้านพร้อมกัน และตลอดทางฉันเล่าเรื่องพ่อกับแม่ให้พี่โอมฟัง
....
แม่เช่าร้านเล็กๆอยู่ตรงข้ามร้านขายของชำ สำหรับเป็นที่วางขายขนม มันเป็นพื้นที่เล็กๆซึ่งสร้างเป็นเพิงไม้ไผ่ แต่สภาพทุกอย่างดูเก่าทรุดโทรมมากแล้ว พ่อจึงต้องรื้อออกหมด แล้วสร้างใหม่
จากที่คิดว่าจะเปิดร้านได้ภายในสามสี่วันนี้คงต้องเลื่อนออกไปเป็นอาทิตย์
ผมกับพ่อช่วยกันสร้างเพิงใหม่ ในตลอดทั้งวัน และผมได้เห็นว่าคนในหมู่บ้านนี้เป็นมิตรทีเดียว หลายคนเดินเข้ามาถามว่าจะขายอะไร และพอแม่บอกทุกคนก็ตั้งใจว่าจะมาช่วยอุดหนุน
ในตอนเที่ยงพ่อใช้ให้ผมมาเอากล่องตะปูที่บ้าน ในระหว่างที่ผมเดินออกมาจากบ้าน ผมเห็นใครบางคนยืนส่องอยู่ที่หน้าต่างบ้านตรงข้าม
ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ห้องตรงข้ามกับผมคือแอมนี่เอง
โชคดีจริงๆ ที่เป็นห้องของเธอ ผมจะได้เปิดหน้าต่างมองออกไปบ่อยๆ เผลอๆอาจได้สบตากันที่หน้าต่าง
วันนี้ฝนตก ไหลลงที่หน้าต่าง
เธอคิดถึงฉันบ้าง ไหมหนอเธอ
เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว สองเรายังได้เจอ
เธอ ส่งยิ้มมา
นั่งอยู่คนเดียวเหลียวมองที่หน้าต่าง
หากมีเธอข้างๆ ก็คงจะสุขใจ
เธอคงไม่รู้ว่าฉันเองยังไม่มีใคร
หากเป็นเธอก็คงเข้าที
ผมเดินฮัมเพลงเบาๆมาตลอดทาง มีคนเคยบอกว่าการมีความรักมักทำให้เรามีความสุขได้โดยไม่รู้สาเหตุ และทำให้เราสามารถทำอะไรแปลกๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ
และผมว่า..ผมตกหลุมรักเธอเข้าให้แล้ว รักแรกพบที่ผมเพิ่งค้นพบ
.