สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยากมาแชร์ประสบการณ์การใช้บริการร้านเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ ร้านค่อนข้างมีชื่อเสียงร้านนึงย่านพรานนก กทม ค่ะ
เนื่องมาจากช่วงประมาณกลางเดือนมีนาคม 2562 ช่วงเช้าก่อนไปทำงานเราพบว่ารถของเราสตาร์ทไม่ติดค่ะ กดกุญแจรีโมท ก้อไม่มีสัญญาณปลดล็อครถ เลยคิดว่าอาจจะมาจากที่แบตเตอรี่รถหมด เราใช้แบตยี่ห้อ panasonic จำรุ่นไม่ได้ค่ะ ซึ่งเราเองก้อเปลี่ยนแบตนี้กลับร้านนี้ไปเมื่อปีก่อนค่ะ ราคาประมาณ 1800บาท ช่างมาเปลี่ยนให้ถึงที่ แบตรับประกัน 1 ปีค่ะ (เดิมใช้แบต AYUSA เปลี่ยนที่ศูนย์บริการสีเหลืองค่ะ ราคาประมาณ 2000กว่าบาท ใช้ได้ประมาณเกือบ 3ปีค่ะ ไม่เคยมีปัญหา)
หลังจากที่พบว่ารถน่าจะแบตหมด จึงติดต่อร้านเปลี่ยนแบตร้านเดิม เพิ่อให้มาเช็ค เนื่องจากว่าคราวก่อนให้บริการรวดเร็วดี ราคาไม่แพง ประทับใจใน service ค่ะ พอน้องพนักงานมาเช็คแบตที่รถก้อได้แจ้งว่า แบต panasonic รุ่นนี้ยังอยู่ในประกัน สามารถส่งเคลมได้ และยังแจ้งว่า แบตน่าจะมีปัญหาเนื่องจากว่า เชคแล้วในแบตไม่มีไฟเหลืออยู่เลย และระหหว่างที่ส่งเคลมจะนำแบตสำรองจากทางร้านมาใส่ให้ก่อน >>> เราเลยโอเค ตกลงไป พอถามถึงค่าใช้จ่าย น้องพนักงานได้บอกว่า ไม่มีค่าใข้จ่าย เนื่องจากแบตยังอยู่ในประกันค่ะ หลังจากนั้นมีการเซ็นเอกสารเคลมอะไรเรียบร้อย เป็นอันจบค่ะ
หลังจากนั้นผ่านไปเกือบ 2 เดือน ช่วงต้น พค เรารู้สึกว่า ทำไมการส่งเคลมแบตถึงนานจัง ระหว่างนั้นไม่มีการประสานงานใดๆว่าเหตุการณ์ไปถึงไหนแล้ว เรียกว่าเงียบหายไปเลย เราเลยตัดสินใจโทรไปที่ร้านค่ะ ตอนนี้โทรไปวันอาทิตย์ พนักงานผู้ชายเป็นคนรับสาย แจ้งว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่อยู่ ให้เราฝากเรื่องไว้แล้วให้โทรกลับค่ะ สรุป วันถัดไปวันจันทร์ ก้อไม่มีใครโทรมา เราจึงโทรกลับไปที่ร้านอีกทีวันอังคารค่ะ
ที่นี้น่าจะได้เจอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว เราเลยแจ้งไปว่า เราต่อการติดต่อนานมากเรื่องเคลมแต่เรื่องเงียบหายไปเลยนานมาก เกือบ 2 เดือน แล้วเราโทรมาตามเรื่องบอกจะโทรกลับก็ไม่มีคนโทรมา ตอนนั้นเราเริ่มรู้สึกไม่พอใจกับการทำงานของร้านแล้ว รู้สึกว่าไม่มีความรับผิดชอบและการประสานงานไม่ดีค่ะ เจ้าหน้าที่ท่านนั้นได้ยืนยันว่าจะประสานงานเรื่องการเคลมให้แล้วจะโทรมาแจ้งเราค่ะ
วันถัดมาก้อได้รับการโทรแจ้งตามที่บอกไว้ หล้งจากที่เราคงบ่นไปเยอะค่ะ เจ้าหน้าที่ท่านเดิมแจ้งว่า “แบตไม่มีปัญหา ตอนนี้อัดไฟกลับเข้าไปให้ลูกเก่าแล้ว สามารถนัดวันเพื่อเปลี่ยแบตกลับได้เลย ไม่มีค่าใข้จ่ายเนื่องจากยังอยู่ในประกัน” เราก็ได้ตกลงนัดกันวัน แต่ก็มีการเลื่อนประมาณ 1-2 ครั้ง จากตารางที่ไม่สะดวกของเราเองค่ะ
จนถึงวันที่ได้นัดเปลี่ยนแบตได้ เราตกลงกันที่ร้านว่า เราขอให้พนักงานช่วยมาตามนัดให้ตรงเวลา เนื่องจากว่าเรามีมีธุระต้องไปที่อื่นต่อค่ะ สรุปพอถึงเวลานัด ซึ่งมีการตกลงเวลาแน่นอนแล้ว พอถึงเวลานัดเราก็รอสายก็ไม่มีใครติดต่อมา เราจึงติดต่อไปที่ร้าน ก็แจ้งว่า เดี๋ยวให้พนักงานออกไปเลยค่ะ สรุปมาถึงช้ากว่านัด 15 นาที ทั้งที่ตกลงเวลากันแน่นอนแล้ว และเราย้ำแล้วว่าขอตรงเวลา เนื่องจากเราต้องไปธุระอีกไกลค่ะ
ขณะเปลี่ยนแบต น้องพนักงานที่มาเปลี่ยนก็แจ้งว่า “พีไ่ด้แบตลูกใหม่นะครับ ลูกนี้ไม่มีสลัก sticker ของทื่ร้าน” เราก็เอะใจนิดนึงค่ะ ไหนตอนแรกบอกอัดไฟเข้าลูกเดิม แต่พอถามย้ำ น้องพนักงานก็ยังยืนยันว่าเป้นลูกใหม่ค่ะ
หลังกจากนั้น น้องได้แจ้งว่า “มีค่าบริการ 400 บาทนะครับ” เราก็งงเนื่องจากว่าไม่ได้รับการแจ้งข้อมูลนี้มาก่อน จึงได้โทรติดต่อกับทางร้าน ทางร้านได้แจ้งว่าหากแบตที่เคลมไม่ได้มีความผิดปกติ ต้องเสียค่าดำเนินการ 400บาท ซึ่งเราก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเนื่องจากว่าตลอดระยะเวลาที่ติดต่อกันมาไม่มีแจ้งข้อมูลนี้มาก่อน พอถามหาเอกสารของทางร้านก็ไม่มีให้ อยู่ดีๆมาแจ้งปากเปล่าว่าต้องเสียเงินเพิ่ม แล้วไหนจะพูดข้อมูลเรื่องแบตไม่ตรงกันอีก ว่าสรุปลูกใหม่ ลูกเก่ายังไง รายงานการส่งเคลมก็ไม่เห็น ไม่มีอะไรให้เลย แต่ทางร้านก็ยืนยันว่าต้องเสียเงิน 400บาท เป็นค่าดำเนินการค่ะ ซึ่งเรารู้สึกไม่พอใจมาก ว่าไม่มีแจ้งก่อน ไม่เคลียร์ แต่ด้วยความที่เรารีบไปธุระ เราจึงตัดปัญหาโดยการจ่ายเงินไปค่ะ (ถ้าไม่ติดธุระต่อ เราคงจะเคลียร์ให้ถึงที่สุดจริงๆค่ะ) หลังจากนั้นก็ได้ติดต่อกับทางเจ้าของร้าน ก็ยังรู้สึกว่ายังคุยกันไม่ค่อยเข้าใจ แต่เราก็พยายามใจเย็น และไม่อยากมีปัญหาต่อค่ะ เนื่องจากทางร้านเองยังคงยืนยันว่าเงิน 400บาทเป็นส่วนที่ต้องเสีย เป็นค่าแรงพนักงาน ซึ่งตัวเเราไม่ได้มีปัญหาที่จะต้องจ่ายเงินส่วนนี้ แต่เราไม่พอใจที่ไม่มีการแจ้งก่อน รวมถึงการประสานงานที่แย่มากของเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่ต้นจนจบค่ะ ที่จ่ายเงินไปก็ไม่มีใบเสร็จอะไรให้เลย ต้องไปทวงตามเองค่ะ
สรุป ที่เราต้องการมาแชร์ เพราะว่า เราเองก็ผู้หญิงขับรถคนเดียวที่อาจไม่ได้มีความรู้เรื่องการบำรุงรักษารถมากค่ะ เวลารถมีปัญหาเลยเลือกที่จะใช้ความถูกและความสะดวกสบายเป็นหลัก ซึ่งก็ต้องยอมรับกับผลลัพธ์ที่ตามมาว่าอาจจะไม่ได้ดี 100% ค่ะ และเราเองก็ผิดที่ไม่ได้เรียกร้องเอกสารที่น่าจะเป็นประโยชน์ตั้งแต่แรก (นี่เป็นการเคลมครั้งแรกของเราค่ะ) ส่วนตัวคิดว่าจะใช้บริการที่นี่เป็นครั้งสุดท้าย และจะไม่แนะนำให้ใครมาใช้บริการอีกค่ะ จริงๆ เราเองอยากแก้ปัญหาที่ได้มากกว่านี้ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องเลย แต่ก็ตัดปัญหาให้จบโดยเร็ว แต่อยากมาแบ่งปันประสบการณ์ให้กับคนอื่นๆด้วยค่ะ
ถ้ามีคำแนะนำอะไรที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติมสามารถแจ้งได้เลยนะคะ ขอบคุณค่ะ
ประสบการณ์การใช้บริการร้านเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ร้านดังย่าน พรานนก กทม.
เนื่องมาจากช่วงประมาณกลางเดือนมีนาคม 2562 ช่วงเช้าก่อนไปทำงานเราพบว่ารถของเราสตาร์ทไม่ติดค่ะ กดกุญแจรีโมท ก้อไม่มีสัญญาณปลดล็อครถ เลยคิดว่าอาจจะมาจากที่แบตเตอรี่รถหมด เราใช้แบตยี่ห้อ panasonic จำรุ่นไม่ได้ค่ะ ซึ่งเราเองก้อเปลี่ยนแบตนี้กลับร้านนี้ไปเมื่อปีก่อนค่ะ ราคาประมาณ 1800บาท ช่างมาเปลี่ยนให้ถึงที่ แบตรับประกัน 1 ปีค่ะ (เดิมใช้แบต AYUSA เปลี่ยนที่ศูนย์บริการสีเหลืองค่ะ ราคาประมาณ 2000กว่าบาท ใช้ได้ประมาณเกือบ 3ปีค่ะ ไม่เคยมีปัญหา)
หลังจากที่พบว่ารถน่าจะแบตหมด จึงติดต่อร้านเปลี่ยนแบตร้านเดิม เพิ่อให้มาเช็ค เนื่องจากว่าคราวก่อนให้บริการรวดเร็วดี ราคาไม่แพง ประทับใจใน service ค่ะ พอน้องพนักงานมาเช็คแบตที่รถก้อได้แจ้งว่า แบต panasonic รุ่นนี้ยังอยู่ในประกัน สามารถส่งเคลมได้ และยังแจ้งว่า แบตน่าจะมีปัญหาเนื่องจากว่า เชคแล้วในแบตไม่มีไฟเหลืออยู่เลย และระหหว่างที่ส่งเคลมจะนำแบตสำรองจากทางร้านมาใส่ให้ก่อน >>> เราเลยโอเค ตกลงไป พอถามถึงค่าใช้จ่าย น้องพนักงานได้บอกว่า ไม่มีค่าใข้จ่าย เนื่องจากแบตยังอยู่ในประกันค่ะ หลังจากนั้นมีการเซ็นเอกสารเคลมอะไรเรียบร้อย เป็นอันจบค่ะ
หลังจากนั้นผ่านไปเกือบ 2 เดือน ช่วงต้น พค เรารู้สึกว่า ทำไมการส่งเคลมแบตถึงนานจัง ระหว่างนั้นไม่มีการประสานงานใดๆว่าเหตุการณ์ไปถึงไหนแล้ว เรียกว่าเงียบหายไปเลย เราเลยตัดสินใจโทรไปที่ร้านค่ะ ตอนนี้โทรไปวันอาทิตย์ พนักงานผู้ชายเป็นคนรับสาย แจ้งว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่อยู่ ให้เราฝากเรื่องไว้แล้วให้โทรกลับค่ะ สรุป วันถัดไปวันจันทร์ ก้อไม่มีใครโทรมา เราจึงโทรกลับไปที่ร้านอีกทีวันอังคารค่ะ
ที่นี้น่าจะได้เจอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว เราเลยแจ้งไปว่า เราต่อการติดต่อนานมากเรื่องเคลมแต่เรื่องเงียบหายไปเลยนานมาก เกือบ 2 เดือน แล้วเราโทรมาตามเรื่องบอกจะโทรกลับก็ไม่มีคนโทรมา ตอนนั้นเราเริ่มรู้สึกไม่พอใจกับการทำงานของร้านแล้ว รู้สึกว่าไม่มีความรับผิดชอบและการประสานงานไม่ดีค่ะ เจ้าหน้าที่ท่านนั้นได้ยืนยันว่าจะประสานงานเรื่องการเคลมให้แล้วจะโทรมาแจ้งเราค่ะ
วันถัดมาก้อได้รับการโทรแจ้งตามที่บอกไว้ หล้งจากที่เราคงบ่นไปเยอะค่ะ เจ้าหน้าที่ท่านเดิมแจ้งว่า “แบตไม่มีปัญหา ตอนนี้อัดไฟกลับเข้าไปให้ลูกเก่าแล้ว สามารถนัดวันเพื่อเปลี่ยแบตกลับได้เลย ไม่มีค่าใข้จ่ายเนื่องจากยังอยู่ในประกัน” เราก็ได้ตกลงนัดกันวัน แต่ก็มีการเลื่อนประมาณ 1-2 ครั้ง จากตารางที่ไม่สะดวกของเราเองค่ะ
จนถึงวันที่ได้นัดเปลี่ยนแบตได้ เราตกลงกันที่ร้านว่า เราขอให้พนักงานช่วยมาตามนัดให้ตรงเวลา เนื่องจากว่าเรามีมีธุระต้องไปที่อื่นต่อค่ะ สรุปพอถึงเวลานัด ซึ่งมีการตกลงเวลาแน่นอนแล้ว พอถึงเวลานัดเราก็รอสายก็ไม่มีใครติดต่อมา เราจึงติดต่อไปที่ร้าน ก็แจ้งว่า เดี๋ยวให้พนักงานออกไปเลยค่ะ สรุปมาถึงช้ากว่านัด 15 นาที ทั้งที่ตกลงเวลากันแน่นอนแล้ว และเราย้ำแล้วว่าขอตรงเวลา เนื่องจากเราต้องไปธุระอีกไกลค่ะ
ขณะเปลี่ยนแบต น้องพนักงานที่มาเปลี่ยนก็แจ้งว่า “พีไ่ด้แบตลูกใหม่นะครับ ลูกนี้ไม่มีสลัก sticker ของทื่ร้าน” เราก็เอะใจนิดนึงค่ะ ไหนตอนแรกบอกอัดไฟเข้าลูกเดิม แต่พอถามย้ำ น้องพนักงานก็ยังยืนยันว่าเป้นลูกใหม่ค่ะ
หลังกจากนั้น น้องได้แจ้งว่า “มีค่าบริการ 400 บาทนะครับ” เราก็งงเนื่องจากว่าไม่ได้รับการแจ้งข้อมูลนี้มาก่อน จึงได้โทรติดต่อกับทางร้าน ทางร้านได้แจ้งว่าหากแบตที่เคลมไม่ได้มีความผิดปกติ ต้องเสียค่าดำเนินการ 400บาท ซึ่งเราก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเนื่องจากว่าตลอดระยะเวลาที่ติดต่อกันมาไม่มีแจ้งข้อมูลนี้มาก่อน พอถามหาเอกสารของทางร้านก็ไม่มีให้ อยู่ดีๆมาแจ้งปากเปล่าว่าต้องเสียเงินเพิ่ม แล้วไหนจะพูดข้อมูลเรื่องแบตไม่ตรงกันอีก ว่าสรุปลูกใหม่ ลูกเก่ายังไง รายงานการส่งเคลมก็ไม่เห็น ไม่มีอะไรให้เลย แต่ทางร้านก็ยืนยันว่าต้องเสียเงิน 400บาท เป็นค่าดำเนินการค่ะ ซึ่งเรารู้สึกไม่พอใจมาก ว่าไม่มีแจ้งก่อน ไม่เคลียร์ แต่ด้วยความที่เรารีบไปธุระ เราจึงตัดปัญหาโดยการจ่ายเงินไปค่ะ (ถ้าไม่ติดธุระต่อ เราคงจะเคลียร์ให้ถึงที่สุดจริงๆค่ะ) หลังจากนั้นก็ได้ติดต่อกับทางเจ้าของร้าน ก็ยังรู้สึกว่ายังคุยกันไม่ค่อยเข้าใจ แต่เราก็พยายามใจเย็น และไม่อยากมีปัญหาต่อค่ะ เนื่องจากทางร้านเองยังคงยืนยันว่าเงิน 400บาทเป็นส่วนที่ต้องเสีย เป็นค่าแรงพนักงาน ซึ่งตัวเเราไม่ได้มีปัญหาที่จะต้องจ่ายเงินส่วนนี้ แต่เราไม่พอใจที่ไม่มีการแจ้งก่อน รวมถึงการประสานงานที่แย่มากของเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่ต้นจนจบค่ะ ที่จ่ายเงินไปก็ไม่มีใบเสร็จอะไรให้เลย ต้องไปทวงตามเองค่ะ
สรุป ที่เราต้องการมาแชร์ เพราะว่า เราเองก็ผู้หญิงขับรถคนเดียวที่อาจไม่ได้มีความรู้เรื่องการบำรุงรักษารถมากค่ะ เวลารถมีปัญหาเลยเลือกที่จะใช้ความถูกและความสะดวกสบายเป็นหลัก ซึ่งก็ต้องยอมรับกับผลลัพธ์ที่ตามมาว่าอาจจะไม่ได้ดี 100% ค่ะ และเราเองก็ผิดที่ไม่ได้เรียกร้องเอกสารที่น่าจะเป็นประโยชน์ตั้งแต่แรก (นี่เป็นการเคลมครั้งแรกของเราค่ะ) ส่วนตัวคิดว่าจะใช้บริการที่นี่เป็นครั้งสุดท้าย และจะไม่แนะนำให้ใครมาใช้บริการอีกค่ะ จริงๆ เราเองอยากแก้ปัญหาที่ได้มากกว่านี้ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องเลย แต่ก็ตัดปัญหาให้จบโดยเร็ว แต่อยากมาแบ่งปันประสบการณ์ให้กับคนอื่นๆด้วยค่ะ
ถ้ามีคำแนะนำอะไรที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติมสามารถแจ้งได้เลยนะคะ ขอบคุณค่ะ