ภูมิธรรม'จี้ปชป.-ภท.ตอบให้ชัดอยู่กับฝ่ายปชต. ย้ำร้องศาลรธน.ปมปาร์ตี้ลิสต์แน่
https://www.matichon.co.th/politics/news_1489485
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นาย
ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรคเคารพในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่า มาตรา 128 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าศาลจะรับรองการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามวิธีคำนวณของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และแม้ว่าขณะนี้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะเหลือเสียงรวมกันประมาณ 245 เสียง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะตั้งรัฐบาลไม่ได้
นาย
ภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าจากการผลการเลือกตั้งนั้น พรรคพท.ยังคงเป็นเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เองเมื่อรวมกับพรรคเล็กก็มีเสียงอยู่แค่ 138 เสียง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) และพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) เองก็ยังไม่เลือกฝั่ง ดังนั้นที่พรรค พปชร.ประกาศว่าพร้อมจัดตั้งรัฐบาลนั้น ยังไม่เห็นว่าจะมีพรรคไหนมานั่งแถลงข่าวร่วมกับคุณเลย
“อยากถามพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ที่บอกจะอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เห็นด้วยกับ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. และไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มาสืบทอดอำนาจนั้น ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะต้องแสดงท่าทีให้ชัด” นาย
ภูมิธรรม กล่าว
นาย
ภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อของ กกต.นั้น พรรคพท.ยืนยันว่า กกต.จงใจกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดขั้นตอนการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อไว้อย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร กกต.ไม่สามารถคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อให้กับพรรคเล็กได้ ดังนั้นทางพรรคพท.จะใช้ทุกช่องทางที่มีตามกฎหมาย เพื่อเอาผิดกกต.ต่อไป โดยการยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะดำเนินการ จะไม่ปล่อยผ่าน กกต.จะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
คณบดีนิด้า ชี้ สภาไทย เปราะบาง-เสี่ยงแตกสลาย ส.ส.ภาพลักษณ์ตกต่ำ ส.ว.ความชอบธรรมน้อย
https://www.matichon.co.th/politics/news_1488963
เมื่อวันที่ 10 พ.ค. รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) และประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก เรื่อง ความเปราะบางของรัฐสภา ระบุว่า
รัฐสภาไทยชุดนี้มีความเปราะบางอย่างยิ่ง ด้วยสาเหตุสำคัญสามประการ
ประการแรก ปัญหาเกี่ยวกับความชอบธรรมของวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และการจัดสรร ส.ส.แก่พรรคการเมือง ที่อาจขัดแย้งกับพ.รป.เลือกตั้ง ส.ส. และรัฐธรรมนูญ และความสมเหตุสมผลเชิงรัฐศาสตร์แบบประชาธิปไตย
วิธีการคำนวณและจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นวิธีที่ทำลายเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำของผู้ที่สมควรได้รับเลือกเป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ เกิดภาวะการลื่นไหลของคะแนนจนทำให้พรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงเพียงสามหมื่นกว่าคะแนนทั่วไปประเทศยังได้รับการจัดสรร ส.ส. และกลายเป็นว่าพรรคการเมืองหลายพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนจำนวนมาก ถูกลงโทษโดยการไปลดจำนวน ส.ส.ที่พึงได้ลงไป ขณะที่พรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงน้อย กลับได้รับรางวัลโดยการไปเพิ่มจำนวน ส.ส.ให้สูงกว่า ส.ส.ที่พึงได้ วิธีการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบนี้จะทำให้ความชอบธรรมของสภาผู้แทนราษฎรลดลง
ประการที่สอง เป็นผลสืบเนื่องจากประการแรก นั่นคือ การมีจำนวนพรรคการเมืองจำนวนมากมายมหาศาลถึง ๒๘ พรรคในรัฐสภา สิ่งที่ตามมาคือ ความเป็นไปได้สูงที่เกิดสภาพความไร้ระเบียบขึ้นมา เพราะการต่อรอง การแย่งชิง ความขัดแย้ง จะเกิดขึ้นอย่างมากมายเป็นทวีคูณ และจะส่งผลให้ภาพลักษณ์ของรัฐสภาตกต่ำลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ประการที่สาม การสรรหาสมาชิกวุฒิสภาที่ดำเนินไปท่ามกลางความเงียบ การปกปิด และความเร้นลับ สังคมไม่ทราบแม้แต่รายชื่อของคณะกรรมการสรรหา หลักเกณฑ์และกระบวนการสรรหา เสี่ยงเหล่านี้ขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับหลักธรรมาภิบาล และทำให้กระบวนการสรรหาถูกครอบงำด้วยระบบพวกพ้อง และเครือญาติ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ส.ว. จำนวนมากมีแนวโน้มสนับสนุนและตอบสนองผู้ที่คัดเลือกและกลุ่มพวกของตนเอง มากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนโดยรวม กระบวนการคัดเลือกและแนวโน้มการทำหน้าที่ของ ส.ว.ในอนาคตจะทำให้ความชอบธรรมของวุฒิสภาลดลง และสร้างความเปราะบางแก่รัฐสภาเพิ่มขึ้น
เมื่อรัฐสภามีความเปราะบาง ก็ย่อมเสี่ยงต่อการแตกสลาย ดังนั้นหากสมาชิกรัฐสภายังไม่ตระถึงความเปราะบางของสถาบันตนเอง และยังดำเนินแบบแผนพฤติกรรมแบบเดิมๆ โอกาสที่รัฐสภาจะแตกสลายก็มีสูง
แต่หากสมาชิกรัฐสภาตระหนักว่ารัฐสภามีความเปราะบาง อันเป็นผลมาจากวิธีและกระบวนการได้มามีปัญหา และพร้อมใจกันปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแบบแผนพฤติกรรมของตนเอง เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์ให้เป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อถือจากสาธารณะ ก็ย่อมส่งผลให้ความชอบธรรมของรัฐสภาเพิ่มขึ้น เพราะว่าความชอบธรรมนั้นมีฐานจาก ๒ แหล่ง คือที่มาของบุคคลที่ดำรงตำแหน่ง และการทำหน้าที่ภายหลังดำรงตำแหน่งแล้ว
ดังนั้นแม้ว่า “ที่มาของตำแหน่ง” อาจมีปัญหาความชอบธรรม แต่หาก “ทำหน้าที่ระหว่างดำรงตำแหน่ง” เป็นไปตามที่สังคมคาดหวัง ก็อาจทำให้ความชอบธรรมฟื้นกลับคืนมาได้ และเป็นการลดความเปราะบางลด และสามารถพัฒนารัฐสภาให้แข็งแกร่งขึ้นได้ในอนาคต
https://www.facebook.com/PhichainaBhuket/posts/2620273101380530?__xts__%5B0%5D=68.ARCnonYKY5GmHq2dyuCbwnI5g0Ttl5M3igq-ni85qZpGWAsZT7p86qk8SoPuaqXlTFtaWmd9QiJmP6DBuxroa86sby_krZu27QH4iya-RP62j5-IFZCag44dzzhducFRY4-faOjjqSBpGNaZviY59fBGBkzbf_cT7znd83wSDjxoQvcp-U3ZBSSMIUf4aWDejNsnsUmJhxvGcI0VSnXZKkWrJN9IGFxEs-VGA0qc6ksBxqmd5qkD3z17RumTWgcebcTDRY-pZLaI4kvapFWDHmh7l9asG4QeNB-pCx0K_OF3geV2Nuz9gHaCEBHKcVU8digGrylioVmPRwU2xqmA8w&__tn__=-R
JJNY : 4in1 ภูมิธรรมจี้ปชป.-ภท./คณบดีนิด้าชี้สภาไทยเปราะบาง/ชี้ปชป.-ภท.-ชทพ.ขี่คอพปชร./แล้งหนักสะเทือนสินค้าเกษตร
https://www.matichon.co.th/politics/news_1489485
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรคเคารพในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่า มาตรา 128 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าศาลจะรับรองการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามวิธีคำนวณของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และแม้ว่าขณะนี้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะเหลือเสียงรวมกันประมาณ 245 เสียง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะตั้งรัฐบาลไม่ได้
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าจากการผลการเลือกตั้งนั้น พรรคพท.ยังคงเป็นเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เองเมื่อรวมกับพรรคเล็กก็มีเสียงอยู่แค่ 138 เสียง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) และพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) เองก็ยังไม่เลือกฝั่ง ดังนั้นที่พรรค พปชร.ประกาศว่าพร้อมจัดตั้งรัฐบาลนั้น ยังไม่เห็นว่าจะมีพรรคไหนมานั่งแถลงข่าวร่วมกับคุณเลย
“อยากถามพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ที่บอกจะอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เห็นด้วยกับ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. และไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มาสืบทอดอำนาจนั้น ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะต้องแสดงท่าทีให้ชัด” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อของ กกต.นั้น พรรคพท.ยืนยันว่า กกต.จงใจกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดขั้นตอนการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อไว้อย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร กกต.ไม่สามารถคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อให้กับพรรคเล็กได้ ดังนั้นทางพรรคพท.จะใช้ทุกช่องทางที่มีตามกฎหมาย เพื่อเอาผิดกกต.ต่อไป โดยการยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะดำเนินการ จะไม่ปล่อยผ่าน กกต.จะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
คณบดีนิด้า ชี้ สภาไทย เปราะบาง-เสี่ยงแตกสลาย ส.ส.ภาพลักษณ์ตกต่ำ ส.ว.ความชอบธรรมน้อย
https://www.matichon.co.th/politics/news_1488963
เมื่อวันที่ 10 พ.ค. รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) และประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก เรื่อง ความเปราะบางของรัฐสภา ระบุว่า
รัฐสภาไทยชุดนี้มีความเปราะบางอย่างยิ่ง ด้วยสาเหตุสำคัญสามประการ
ประการแรก ปัญหาเกี่ยวกับความชอบธรรมของวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และการจัดสรร ส.ส.แก่พรรคการเมือง ที่อาจขัดแย้งกับพ.รป.เลือกตั้ง ส.ส. และรัฐธรรมนูญ และความสมเหตุสมผลเชิงรัฐศาสตร์แบบประชาธิปไตย
วิธีการคำนวณและจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นวิธีที่ทำลายเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำของผู้ที่สมควรได้รับเลือกเป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ เกิดภาวะการลื่นไหลของคะแนนจนทำให้พรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงเพียงสามหมื่นกว่าคะแนนทั่วไปประเทศยังได้รับการจัดสรร ส.ส. และกลายเป็นว่าพรรคการเมืองหลายพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนจำนวนมาก ถูกลงโทษโดยการไปลดจำนวน ส.ส.ที่พึงได้ลงไป ขณะที่พรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงน้อย กลับได้รับรางวัลโดยการไปเพิ่มจำนวน ส.ส.ให้สูงกว่า ส.ส.ที่พึงได้ วิธีการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบนี้จะทำให้ความชอบธรรมของสภาผู้แทนราษฎรลดลง
ประการที่สอง เป็นผลสืบเนื่องจากประการแรก นั่นคือ การมีจำนวนพรรคการเมืองจำนวนมากมายมหาศาลถึง ๒๘ พรรคในรัฐสภา สิ่งที่ตามมาคือ ความเป็นไปได้สูงที่เกิดสภาพความไร้ระเบียบขึ้นมา เพราะการต่อรอง การแย่งชิง ความขัดแย้ง จะเกิดขึ้นอย่างมากมายเป็นทวีคูณ และจะส่งผลให้ภาพลักษณ์ของรัฐสภาตกต่ำลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ประการที่สาม การสรรหาสมาชิกวุฒิสภาที่ดำเนินไปท่ามกลางความเงียบ การปกปิด และความเร้นลับ สังคมไม่ทราบแม้แต่รายชื่อของคณะกรรมการสรรหา หลักเกณฑ์และกระบวนการสรรหา เสี่ยงเหล่านี้ขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับหลักธรรมาภิบาล และทำให้กระบวนการสรรหาถูกครอบงำด้วยระบบพวกพ้อง และเครือญาติ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ส.ว. จำนวนมากมีแนวโน้มสนับสนุนและตอบสนองผู้ที่คัดเลือกและกลุ่มพวกของตนเอง มากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนโดยรวม กระบวนการคัดเลือกและแนวโน้มการทำหน้าที่ของ ส.ว.ในอนาคตจะทำให้ความชอบธรรมของวุฒิสภาลดลง และสร้างความเปราะบางแก่รัฐสภาเพิ่มขึ้น
เมื่อรัฐสภามีความเปราะบาง ก็ย่อมเสี่ยงต่อการแตกสลาย ดังนั้นหากสมาชิกรัฐสภายังไม่ตระถึงความเปราะบางของสถาบันตนเอง และยังดำเนินแบบแผนพฤติกรรมแบบเดิมๆ โอกาสที่รัฐสภาจะแตกสลายก็มีสูง
แต่หากสมาชิกรัฐสภาตระหนักว่ารัฐสภามีความเปราะบาง อันเป็นผลมาจากวิธีและกระบวนการได้มามีปัญหา และพร้อมใจกันปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแบบแผนพฤติกรรมของตนเอง เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์ให้เป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อถือจากสาธารณะ ก็ย่อมส่งผลให้ความชอบธรรมของรัฐสภาเพิ่มขึ้น เพราะว่าความชอบธรรมนั้นมีฐานจาก ๒ แหล่ง คือที่มาของบุคคลที่ดำรงตำแหน่ง และการทำหน้าที่ภายหลังดำรงตำแหน่งแล้ว
ดังนั้นแม้ว่า “ที่มาของตำแหน่ง” อาจมีปัญหาความชอบธรรม แต่หาก “ทำหน้าที่ระหว่างดำรงตำแหน่ง” เป็นไปตามที่สังคมคาดหวัง ก็อาจทำให้ความชอบธรรมฟื้นกลับคืนมาได้ และเป็นการลดความเปราะบางลด และสามารถพัฒนารัฐสภาให้แข็งแกร่งขึ้นได้ในอนาคต
https://www.facebook.com/PhichainaBhuket/posts/2620273101380530?__xts__%5B0%5D=68.ARCnonYKY5GmHq2dyuCbwnI5g0Ttl5M3igq-ni85qZpGWAsZT7p86qk8SoPuaqXlTFtaWmd9QiJmP6DBuxroa86sby_krZu27QH4iya-RP62j5-IFZCag44dzzhducFRY4-faOjjqSBpGNaZviY59fBGBkzbf_cT7znd83wSDjxoQvcp-U3ZBSSMIUf4aWDejNsnsUmJhxvGcI0VSnXZKkWrJN9IGFxEs-VGA0qc6ksBxqmd5qkD3z17RumTWgcebcTDRY-pZLaI4kvapFWDHmh7l9asG4QeNB-pCx0K_OF3geV2Nuz9gHaCEBHKcVU8digGrylioVmPRwU2xqmA8w&__tn__=-R